เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 149 ปิดประตูตีหมา

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 149 ปิดประตูตีหมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 149 ปิดประตูตีหมา

หลังจากมื้อเที่ยงผ่านไป เฟิงอู๋โยวก็บิดขี้เกียจอยู่บนเก้าอี้นั่งพิงอย่างเกียจคร้านตามเดิม

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังร้องโหวกเหวกดังมาจากข้างนอก “ท่านชายจุยเฟิง เกิดไฟไหม้ในตำหนักเจ้าค่ะ!”

ไฟไหม้?

ทำไมอยู่ๆ ไฟไม้แบบไม่มีที่มาแบบนี้ได้

เฟิงอู๋โยวลืมตาปรือขึ้นมาก่อนลุกขึ้นพรวดอย่างตกใจ นางกวาดมองรอบๆ พบว่ามีควันโขมงลอยขึ้นไปทั่ว จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “น่าจะเป็นฝีมือของคน วันนี้ไม่มีลม ไม่มีทางที่ไฟจะลามไปทั่วแบบนี้”

จุยเฟิงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นทันที “แม่ทัพเฟิงอย่าเพิ่งไปไหน ข้าขอไปตรวจสอบดูก่อน”

“ไปเถอะ”

เฟิงอู๋โยวยืนอยู่ในลานตำหนักอยู่คนเดียว ในใจคิดว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับจวินฝูแน่นอน เพียงแต่การวางเพลิงในตำหนักเซ่อเจิ้งหวางแบบนี้มีผลดีอะไรกับจวินฝู

นางส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เพราะนางคิดว่าการกระทำของจวินฝูเช่นนี้มีต้นเหตุมาจากนาง

แต่เฟิงอู๋โยวไม่เข้าใจว่าทำไมจวินฝูต้องจ้องเล่นงานนางเพราะความหึงหวงด้วย

จนกระทั้งตอนนี้ จวินมั่วหรันก็ยังคงคิดว่านางเป็นผู้ชายและจวินฝูเองก็ไม่รู้ว่านางเป็นผู้หญิงเช่นกัน

ตามหลักแล้ว จวินฝูไม่ควรหึงหวงนางขนาดนี้

แต่สิ่งที่เฟิงอู๋โยวไม่รู้ก็คือบนโลกนี้มีสิ่งลึกลับที่เรียกว่าสัมผัสที่หกของผู้หญิง

ตั้งแต่ครั้งแรกที่จวินฝูเห็นเฟิงอู๋โยวก็รู้สึกว่าเฟิงอู๋โยวเป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ทันที

“เห้อ สงสัยข้าจะหนีอะไรแบบนี้ไม่พ้นจริงๆ”

ขณะที่เฟิงอู๋โยวกำลังปีนกำแพงออกจากตำหนักเซ่อเจิ้งหวางไป แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีสาวรับใช้หน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาหานาง

“แม่ทัพเฟิงเจ้าคะ ด้านนอกตำหนักเกิดเหตุไฟไหม้ เกรงว่าคงไม่ปลอดภัยหากท่านชายอยู่ในเรือนตามลำพัง ท่านชายจุยเฟิงจึงสั่งให้สาวรับใช้อย่างข้าพาท่านไปหลบภัยที่อื่นก่อน เจ้าค่ะ”

“ก็ดี”

ก่อนหน้านี้ เฟิงอู๋โยวอยากอยู่เงียบๆ และไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับแผนการไร้สาระของจวินฝู

แต่ในเมื่อจวินฝูยังคงจงใจหาเรื่องนางอยู่แบบนี้ เช่นนั้นนางก็จะจัดให้

เฟิงอู๋โยวเดินตามหลังสาวรับใช้พลางถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “นายหญิงของเจ้ากินข้าวแล้วหรือ”

“กินแล้วเจ้าค่ะ” สาวรับใช้ตอบเสียงแผ่ว

ทันทีที่น้ำเสียงสิ้นสุดลง สาวรับใช้ก็แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเอง เพราะนายหญิงจวินฝูของนางสั่งห้ามให้นางพูดอะไรที่สาวไปถึงนาง แต่ทำไมตัวเองถึงโง่จนถึงขั้นยอมรับไปว่าตัวเองเป็นคนของจวินฝูแบบนี้

เฟิงอู๋โยวสังเกตทุกอากัปกิริยาของสาวรับใช้ก่อนพูดขึ้นเสียงเรียบ “อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่มีเจตนาร้ายกับเจ้า”

เมื่อสาวรับใช้ได้ยินเช่นนั้น บางทีอาจเป็นเพราะท่าทางอันงามสง่าของเฟิงอู๋โยว นางจึงไม่อาจทนเห็นเฟิงอู๋โยวถูกเล่นงานไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ได้ ครั้นแล้วจึงเตือนเฟิงอู๋โยวอย่างระมัดระวัง “แม่ทัพเฟิง อันนี้จริงเหตุไฟไหม้ในตำหนักนี้ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมาก หากท่านอยากอยู่ภายในเรือนมั่วหรันต่อก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”

“ขอบใจเจ้ามากที่เตือน”

เฟิงอู๋โยวตอบกลับไป แต่นางไม่คิดจะกลับไปที่เรือนมั่วหรัน

เพราะนางอยากรู้ว่าจวินฝูจะเตรียมเล่นงานนางด้วยวิธีแบบไหน

เมื่อสาวรับใช้พาเฟิงอู๋โยวมาถึงเรือนฟางฮว๋าก็รีบขอตัวจากไป “ขอแม่ทัพเฟิงอยู่หลบภัยที่นี่เป็นการชั่วคราวจนกว่าเหตุไปไหม้จะสงบลง แล้วค่อยกลับไปที่เรือนมั่วหรันนะเจ้าคะ”

“ได้”

เฟิงอู๋โยวตอบกลับเสียงดังฟังชัด สายตาอันเฉียบคมของนางพลางกวาดมองทุกซอกทุกมุมภายในเรือนฟางฮว๋า

ภายในเรือนที่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอม มีแสงแดดส่องลอดหน้าต่างไม้ไผ่เข้ามารรำไร แสงอุไรส่องทาบกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะจนเป็นสีเหลืองทอง

บนโต๊ะมีผ้าเช็ดหน้าสีขาวแก้มเขียวนวลพับวางอยู่อย่างเรียบร้อย ข้างๆ มีแท่นฝนหมึก

เฟิงอู๋โยวหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาดู ด้านบนถูกเขียนด้วยคำว่า ‘มั่วหรัน’ ด้วยตัวบรรจง

นางรู้สึกว่าในสมองของจวินฝูคงมีแต่ขี้เลื่อยเป็นแน่

ทำไมถึงไม่เป็นน้องสาวผู้แสนดีของจวินมั่วหรันดีๆ ไฉนต้องคิดแผนการสกปรกสิ้นคิดเพื่อเอาชนะใจพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองด้วย

ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน หากชาวบ้านรู้ถึงความคิดอันสกปรกของจวินฝูแบบนี้ นางต้องถูกรุมประชาทัณฑ์แน่นอน

เฟิงอู๋โยวทิ้งผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างรังเกียจ จากนั้นก็ใช้มือแหวกม่านลูกปัดไข่มุกที่อยู่ด้านหลังผนังกั้นกันลม

ครั้นม่านลูกปัดไข่มุกถูกแหวกออก กลิ่นหอมเจือจางก็โชยเข้ามาทันที

จมูกของเฟิงอู๋โยวรับรู้กลิ่นได้อย่างแม่นยำ สายตาเฉียบคมดุจคมมีดเหลือบไปเห็นตะเกียงธูปหอมที่อยู่เหนือผนังกั้นกันลม จึงรีบปิดจมูกและถอยออกไปด้านนอกทันที

ภายในตะเกียงถูกหอมมีธูปกำหนัดอยู่ แม้ไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่มันก็มีฤทธิ์กระตุ้นกำหนัดมากพอที่จะทำให้ไม่มีสติ

ดูเหมือนว่าจวินฝูคิดจะใช้วิธีเดียวกับเป่ยถางหลีอินเล่นงานนาง

เฟิงอู๋โยวค่อยๆ ลดมือทั้งสองข้างที่อุดจมูกลงอย่างไม่เกรงกลัวธูปกำหนัด

เดิมทีนางเป็นถึงหัวหน้าทหารรับจ้างผู้โด่งดัง ดังนั้นจึงมีตบะอันกล้าแกร่งและศักยภาพในการข่มใจตนเหนือกว่าผู้คนทั่วไป

ครั้งที่แล้ว หากฤทธิ์ยากำหนัดที่เป่ยถางหลีอินมอมนางไม่อันตรายถึงชีวิตขนาดนั้น นางคงไม่จำเป็นต้องใช้เรือนร่างผู้อื่นคลายฤทธิ์ยากำหนัดในร่างกายแน่นอน

ครั้งนี้แค่ธูปกำหนัดฤทธิ์อ่อนๆ ภายในเรือนฟางฮว๋า เพียงแค่นี้ไม่มีทางทำอะไรนางได้แน่นอน

เวลาผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา อยู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะคิกคักของจวินฝูดังมาจากด้านหลัง

เฟิงอู๋โยวหันกลับไปเห็นจวินฝูยืนพิงบานประตูอยู่ ผมลอยประบ่า ผิวพรรณนวลขาวราวกับเรืองแสง

“เฟิงอู๋โยว นึกไม่ถึงว่าวันนี้ของเจ้าจะมาถึง”

น้ำเสียงของจวินฝูอันแน่นไปด้วยความอำมหิต นางปิดประตูใส่กลอน จากนั้นก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออก

ทุกครั้งที่ปลดกระดุมออกหนึ่งเม็ดก็ก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว

เมื่อนางปลดกระดุมบนชุดกระโปรงสีเหลืองนวลออกจนหมดก็เริ่มนวยนาดกรีดกรายเข้ามาด้านหน้าเฟิงอู๋โยว

เฟิงอู๋โยวยิ้มยิงฟันขึ้นมาอย่างหยอกเย้า “ทำไมท่านหญิงไม่ถอดต่อขอรับ”

จวินฝูมองเฟิงอู๋โยวด้วยสายตารังเกียจพลางเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าคู่ควรอย่างนั้นหรือ เรือนร่างของข้า มีแต่ท่านพี่เท่านั้นที่คู้ควรแก่การสัมผัส”

“แล้วท่านใต้เท้าอยากสัมผัสด้วยหรือ”

เฟิงอู๋โยวรู้สึกตลก แม้อารมณ์ของจวินมั่วหรันไม่ปกติ แต่ก็ไม่มีทางกินไม่เลือกจนถึงขั้นลงมือกับน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง

“นี่แก!”

จวินฝูโมโหจนหน้าแดงก่ำ นางง้างมือขึ้นสูงหมายจะตบเฟิงอู๋โยวให้หนำใจ

เฟิงอู๋โยวรีบจับข้อมือจวินฝูเอาไว้อย่างรวดเร็วก่อนพูดทีละคำ “อะไรกัน อยากจะตบข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าคู่ควรหรือ”

ดวงตาของจวินฝูผุดแววฉงนรำไร ทั้งที่แม่นมหวางเคยบอกนางว่าคนทั่วไปไม่มีทางทนฤทธิ์ธูปกำหนัดได้ นอกจากกินยาถอนพิษ

แต่ดูเหมือนว่าเฟิงอู๋โยวจะไม่ได้รับผลกระทบจากฤทธิ์ธูปกำหนัดนี้แม้แต่น้อย

“เฟิงอู๋โยว ทำไมแกยังไม่สลบอีก”

“ข้าขอเดาว่าท่านหญิงจวินฝูผู้น่ารักน่าสงสารของพวกเราวางแผนจะเล่นงานข้าด้วยวิธีไหนกันนะ”

เฟิงอู๋โยวปล่อยมือของจากข้อมือจวินฝูอย่างรังเกียจ ดวงตามองไปยังหน้าอกกลมกลึงที่เผยออกมาครึ่งหนึ่ง “ไม่นึกว่าท่านหญิงจะใช้วิธีแบบเดียวกับเป่ยถางหลีอินที่เคยใช้กับข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ช่างสิ้นคิด”

“แก…รู้ด้วยหรือ!”

จวินฝูตกใจกลัว มือสองข้างยกขึ้นกุมหน้าอกและถอยหลังกลับอย่างไม่รู้ตัว

“ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าท่านหญิงจะหาเด็กสาวรับใช้น่ารักๆ มาเล่นงานข้าเสียอีก ไม่คิดว่าท่านหญิงจะลดตัวลงมาเล่นงานข้าด้วยตัวเองแบบนี้” มุมปากของเฟิงอู๋โยวรั้งขึ้นเป็นมุมโค้ง

เฟิงอู๋โยวนึกไม่ถึงว่าจวินฝูต้องการจะใส่ร้ายนางโดยการเดิมพันด้วยพรหมจรรย์ของตัวเอง

แต่ว่าจวินฝูก็เหมือนกับเป่ยถางหลีอินอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือ ไม่ว่าจะพยายามเล่นงานนางด้วยวิธีไหนก็ไม่ได้ผล

“เฟิงอู๋โยว แกจงอย่าได้เข้ามาใกล้! ขืนแกทำอะไรท่านหญิงอย่างข้าขึ้นมา ท่านพี่ไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่นอน แกตายแน่!”

เฟิงอู๋โยวพูดเสียงเรียบเย็น “พูดอย่างกับว่าท่านหญิงจะทำอะไรข้าได้”

จวินฝูถอยหลังจนหลังชนประตู นางอยากจะหนีออกไปให้รู้แล้วรู้รอด

แต่ดำเนินการมาถึงขนาดนี้แล้ว นางไม่อาจถอดใจได้โดยง่าย

หากครั้งนี้จัดการเฟิงอู๋โยวไม่ได้ เกรงว่าหลังจากนี้นางคงไม่มีโอกาสอีก

เฟิงอู๋โยวเดินบีบนางทีละก้าวๆ สายตามองนางอย่างดูแคลน “อะไรกัน ไม่หนีอย่างนั้นหรือ หรือท่านคิดจะเสียสละพรหมจรรย์ของตัวเอง ใช้เรือนร่างของตัวเองเพื่อใส่ร้ายข้าและกดดันให้ท่านใต้เท้าหันคมดาบมาใส่ข้า”

“หากท่านพี่รู้ว่าเจ้าทำแบบนี้กับข้า เจ้าถูกฆ่าอย่างไม่มีชิ้นดีแน่นอน!”

“จวินฝู เจ้าคงไม่รู้สินะว่าข้าเกลียดคนที่วางแผนใส่ร้าย หยามเกียรติคนอื่นเข้าไส้”

ดวงตาเฟิงอู๋โยวผุดแววอำมหิตขึ้นรำไร

ถึงแม้แผนการของจวินฝูจะตื้นเขินกว่าของเป่ยถางหลีอินอย่างไกลโข แต่มันก็มากพอที่จะทำให้นางโกรธ

“ขืนแกเข้าใกล้กว่านี้ ข้าจะตะโกนเรียกคนเข้ามาช่วย!”

ใบหน้าของจวินฝูเผยแววหวาดกลัวเพราะกลัวว่าเฟิงอู๋โยวจะหน้ามืดตามัวอาศัยโอกาสนี้ลงมือทำอะไรตัวเอง

เฟิงอู๋โยวมองความหวาดกลัวบนใบหน้าจวินฝูออก แต่กระนั้นก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปกระชากสาบเสื้อด้านหน้าของจวินฝูและจับนางกดลงไปบนโต๊ะอย่างแรง

“ท่านหญิงลืมไปแล้วหรือว่าตัวท่านเป็นคนไล่เหล่าสาวรับใช้ออกจากเรือนฟางฮว๋าไปด้วยตัวเอง ตอนนี้ต่อให้ท่านหญิงตะโกนแหกปากเรียกแค่ไหนก็ไม่มีใครมาช่วยท่านแน่นอน”

“แกรู้ได้เยี่ยงไร”

“ข้าเลิกใช้ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้มาตั้งแต่สิบปก่อนแล้ว”

น้ำเสียงของเฟิงอู๋โยวเย็นเฉียบ มือข้างหนึ่งกดหลังจวินฝู ส่วนอีกข้างเอื้อมไปหยิบกาน้ำชาบนโต๊ะมาราดใส่ใบหน้าซีดเผือดของจวินฝู”

“อ๊าย…เฟิงอู๋โยว แกไม่กลัวว่าข้าจะไปฟ้องท่านพี่หรอกหรือ”

“พูดราวกับว่าหากข้าไม่กลั่นแกล้งท่านหญิงแล้วท่านหญิงจะไม่หาเรื่องไปฟ้องท่านใต้เท้าอย่างนั้นแหละ”

เฟิงอู๋โยวไม่ชินกับการรังแกผู้หญิงด้วยกันเอง แต่จวินฝูช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย

หากจวินฝูเปิดประตูหนีไปตั้งแต่เมื่อครู่ เฟิงอู๋โยวก็กะว่าจะปล่อยนางไปสักหน่อย

แต่น่าเสียดายที่จวินฝูยังดื้อด้านไม่ยอมล้มเลิกความคิดที่จะกำจัดนาง

เพี้ยะ!

เฟิงอู๋โยวตบก้นจวินฝูเข้าหนึ่งทีแต่รู้สึกยังไม่หนำใจ นางจึงเตะเก้านี้นั่งข้างๆ เท้าตัวเอง เพื่อระบายอารมณ์จนแหลกกระจุย

นางหยิบขาโต๊ะขึ้นมาหนึ่งข้างๆ ก่อนใช้มันลูบหลังจวินฝู

“เฟิงอู๋โยว เจ้าบังอาจจะทุบตีข้าอย่างนั้นหรือ”

“ปล่อยเดี๋ยวนี้! หากท่านพี่รู้ว่าเจ้าทารุณข้าแบบนี้ เจ้าตายแน่ๆ!”

“ฮือๆๆ เฟิงอู๋โยว เจ้าไม่ตายดีแน่ๆ!”

เพี้ยะ!

เฟิงอู๋โยวหวดขาโต๊ะลงไปกลางหลังจวินฝูหลายครั้งราวกับเป็นกระสอบทราย “ร้องดังๆ หน่อย!”

“แกมันบ้า!”

จวินฝูถูกตีจนเป็นรอยแดงช้ำทั่วทั้งหลัง นางตะเกียกตะกายอยู่บนโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง สายตาจ้องมองเฟิงอู๋โยวอย่างอาฆาต

เฟิงอู๋โยวเหลือบมองควันไฟด้านนอกที่ค่อยๆ สงบลง ก่อนใช้มือตีก้นจวินฝูไปอีกสองที

“ฮือๆๆ เฟิงอู๋โยว แกอย่าเอามือสกปรกของแกมาแตะเนื้อต้องตัวข้าอีก”

จวินฝูร้องไห้นำตาไหลพรากเป็นสายฝน นางหวาดกลัวเฟิงอู๋โยวจนขาสั่นพั่บๆ

“ตอนนี้รู้สึกกลัวแล้วอย่างนั้นหรือ ข้าไม่เคยคิดร้ายกับท่านหญิง แต่ท่านกลับเอาแต่มุ่งร้ายข้า แล้วข้าจะทำดีกับท่านได้เยี่ยงไร”

“เจ้าปีศาจชั่ว ข้าเกลียดแก!”

เฟิงอู๋โยวแสยะยิ้ม “ท่านหญิง หากท่านไม่มายั่วโมโหปีศาจชั่วอย่างข้า แล้วจะมีปีศาจชั่วที่ไหนทำร้ายท่าน แบบนี้เขาเรียกว่าให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ทำความชั่วมากย่อมพิฆาตตัวเอง”

“สารเลว! แกคิดจะทำอะไรกับข้า”

จวินฝูกลัวเฟิงอู๋โยวจนขวัญหนีดีฝ่อและไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน ในใจได้แต่หวังว่าจวินมั่วหรันจะกลับมาเร็วๆ

เฟิงอู๋โยวจับผมของนางด้วยมือข้างหนึ่งอย่างแรง จากนั้นก็ลากนางมาหน้าโต๊ะตัวหนึ่ง แล้วก็เขียนกลอนลงบนแผ่นหลังแดงช้ำของจวินฝู

“วันนี้ข้าแต่งกลอนให้ท่านโดยเฉพาะ อยากฟังหรือไม่”

จวินมั่วหรันกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ นางกัดฟันกรอดก่อนพูดอย่างเคียดแค้น “เฟิงอู๋โยว ความตายของแกใกล้เข้ามาแล้ว!”

“โลกงดงามขนาดนี้ แต่ท่านกลับชั่วช้าโสมม!”

เฟิงอู๋โยวไม่สนใจจวินฝูแม้แต่น้อย นางอ่านหลอนที่เขียนลงบนแผ่นหลังของจวินฝู “คืนวานฝนพรำลมแรง หลับลึกยังแฝงฤทธิ์สุราอยู่ ถามผู้มาเปิดม่าน กลับตอบว่ารากบัวยังไร้รสคงเดิม รู้หรือไม่ รู้หรือไม่ กินรากบัวไร้รส แม้ฤทธิ์สุรายังไม่สร่างก็มิอาจกระเดือกลง”

“เจ้านั่นแหละอัปลักษณ์! ข้าสวยงามไม่เป็นรองใครในใต้หล้า”

“จริงหรือ”

เฟิงอู๋โยวถามยอกย้อนพลางกรอกตาใส่ พู่กันในมือพลันโบกสะบัดและเขียนคำว่า ‘กินรากบัว’ ลงบนใบหน้าสะสวยของจวินฝู

จากนั้นเฟิงอู๋โยวก็เหลือบตามองด้านล่างอย่างเงียบงัน

ภายในใจคิดว่า รูปร่างของจวินฝูจัดว่าไม่เลวเลยจริงๆ

แต่น่าเสียดายที่นางไม่พิศวาสผู้หญิงด้วยกัน

“เฟิงอู๋โยว หยุดมองเดี๋ยวนี้!”

จวินฝูแผดเสียงพร่าแหบใส่ นางโกรธจนเส้นเลือดที่คอปูดโปนขึ้นมา เลือดขึ้นหน้าจนแดงช้ำ

“ข้าจะวาดลวดลายใหม่ๆ ลงบนกางเกงชั้นในให้ท่านหญิงหน่อยก็แล้วกัน เพื่อให้เข้ากับทรวดทรงโค้งเว้าขอท่าหญิง มันจะได้ขับเสน่ห์น่าหลงใหลให้มันมากกว่านี้!”

ครั้นแล้วเฟิงอู๋โยวก็ตวัดฝีแปรงวาดลวดลายลงบนกางเกงชั้นในจวินฝูทันที

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *