เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 163 รักษาบาดแผลให้เจ้าเส้นเลือดน้อย

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 163 รักษาบาดแผลให้เจ้าเส้นเลือดน้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 163 รักษาบาดแผลให้เจ้าเส้นเลือดน้อย

“อย่ากลัว ไม่ตายหรอก”

ริมฝีปากบางๆ ของจวินมั่วหรันเปล่งเสียงแผ่วเบาราวกับยุง

เลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายของเขาย้อมพื้นและมือทั้งสองข้างที่กำลูกธนูของเฟิงอู๋โยวจนเป็นสีแดง

เฟิงอู๋โยวตั้งสมาธิจดจ่อไปที่ลูกธนูยาวบนหน้าอกของจวินมั่วหรัน และเช็ดเลือดที่ไหลออกมาด้วยชายแขนเสื้อ

นางแตะเบาๆ บริเวณรอบๆ บาดแผลและรับรู้ได้ว่าลูกธนูอยู่ห่างจากหัวใจเพียงครึ่งนิ้วและหัวธนูที่แทงลึกเข้าไปในผิวหนัง ทำเอาคิ้วที่โค้งมนของนางขมวดแน่น

“อดทนไว้ ปัญหาอยู่ที่หัวธนู จำเป็นต้องตัดเนื้อรอบๆ บาดแผลออกถึงจะสามารถดึงลูกธนูออกมาได้”

“ไม่เป็นไร”

ลมหายใจของจวินมั่วหรันเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ และดิ่งลงสู่ภาวะหลับใหลอีกครั้ง สัญญาณชีวิตเริ่มอ่อนแรงไปตาม

เมื่อเฟิงอู๋โยวเห็นเช่นนั้น ก็พลันจับกระบี่สะบั้นมังกรที่อยู่ข้างๆ ตัวจวินมั่วหรันขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา

แสงเย็นแฉลบวูบขึ้น ลูกธนูถูกฟันหักเป็นสองส่วน

นางเคยเห็นชีวิตที่ล้มตายมานักต่อนักแล้ว แต่กลับไม่เคยรู้สึกจิตใจปั่นป่วนเท่านี้มาก่อน

นางพยายามสงบสติอารมณ์ที่ตื่นเต้นลง หายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก ถือด้ามกระบี่ไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกข้างถือกริชยาวหนึ่งนิ้ว จากนั้นก็กรีดเฉือนเนื้อรอบๆ บาดแผลบนหน้าอกของจวินมั่วหรันอย่างแม่นยำ

ต่อมานางวางกระบี่สะบั้นมังกรไว้ข้างๆ และกดหน้าอกของเขาด้วยมือเปล่า ก่อนใช้มืออีกข้างค่อยๆ ถอนลูกธนูที่ทะลุเข้าเนื้อเกินสองนิ้วออกจากร่างกายของเขา

เมื่อก้อนเนื้อสีแดงชิ้นเล็กๆ ติดมากับลูกธนู ดวงตาทรงกลีบดอกท้อของเฟิงอู๋โยวก็ฉายแววเคียดแค้นขึ้น

สักวันหนึ่งเมื่อนางแข็งแกร่งพอ ไป๋หลี่เหอเจ๋อจะต้องลิ้มรสความรู้สึกของการถูกลูกธนูแทงเฉียดขั้วหัวใจและความเจ็บปวดจากการถูกเฉือนเนื้อออกมาแบบนี้

ความเจ็บปวดที่รุมเร้าทำให้จวินมั่วหรันที่หมดสติไปแล้วฟื้นคืนสติอีกครั้ง

เขาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แสงจันทร์จางๆ ทำให้เขามองเห็นใบหน้าที่เคียดแค้นของเฟิงอู๋โยว

ใบหน้าของนางช่างสวยงามเป็นที่สุด แต่รอยแดงบนแก้มของนางนั้นเด่นชัดเป็นพิเศษเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์อันเย็นยะเยือก

หรือว่าเจ้าหมอนี่ถูกใครรังแกมาอีกแล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนี้ จวินมั่วหรันก็โกรธจัดจนกระอักเลือดออกมา

“ท่านใต้เท้า ห้ามตายเชียวนะ”

น้ำเสียงของเฟิงอู๋โยวสั่นเครือ นางอยากจะเช็ดเลือดจากมุมริมฝีปากของเขาด้วยแขนเสื้อ แต่แขนเสื้อทั้งสองข้างกลับเปียกชุ่มไปด้วยเลือดหมดแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น บาดแผลบนหน้าอกของจวินมั่วหรันยังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

หยดเลือดสีแดงหยดไหลลงมาตามบาดแผล มันหยดลงบนพื้นดินอันแห้งผาก หนึ่งหยด สองหยด แต่ละหยดทำเฟิงอู๋โยวรู้สึกจิตใจปั่นป่วนมากขึ้นๆ

จวินมั่วหรันจับมือที่เย็นยะเยือกของนางและพูดด้วยน้ำเสียงที่มีแต่ลม “ข้าไม่ตายหรอก”

ก่อนหน้านี้ เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าเสียงของจวินมั่วหรันเหมือนเสียงปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากขุมนรกไร้ที่สิ้นสุด

แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าเสียงของเขาทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างไร้เงื่อนไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตชานเมืองรกร้างแห่งนี้

“ใบหน้าของเจ้า…”

ดวงตาสีดำวาวประกายของจวินมั่วหรันหรี่มองแก้มที่บวมเล็กน้อยของเฟิงอู๋โยว เขาคิดว่าเฟิงอู๋โยวคงถูกตบหน้ามา ทันใดนั้นไฟโทสะก็พลันปะทุขึ้นในใจ

“หยุดพูดถึงมันได้แล้ว ถูกคนตบหน้ามันน่าอายชะมัด”

เฟิงอู๋โยวพึมพำ แต่สมาธิทั้งหมดยังคงจดจ่ออยู่กับการรักษาบาดแผลบนร่างกายของจวินมั่วหรัน “ลูกธนูเพลิงพวกนี้ แม้ว่ามันจะเผาไหม้ผิวหนังแต่ก็ช่วยลดโอกาสที่บาดแผลจะเน่าเปื่อยลงได้อย่างมาก”

จวินมั่วหรันทำเป็นไม่ได้ยิน สายตาของเขายังคงมองไปที่รอยแดงบนใบหน้าของนางด้วยความโมโห “ใครเป็นคนทำ”

“ฟู่เย่เฉิน แต่ว่าเขามีสภาพไม่ต่างกับกระหม่อมเท่าไหร่ หลังจากกระหม่อมโรยผงยาสลบจนเขาหมดสติ ก็ปล่อยสุนัขล่าเนื้อหลายตัวรุมกัดเขา”

“ฆ่ามันทั้งหมดก็สิ้นเรื่อง”

เฟิงอู๋โยวส่ายหัวพลางพูดอธิบาย “เขาเป็นขุนนางแห่งราชสำนัก ถ้ากระหม่อมฆ่าเขา เกรงว่ากระหม่อมจะสร้างปัญหาใหญ่กว่าเดิม”

“เจ้าโง่ ก็แค่บอกว่าข้าเป็นคนฆ่าก็พอแล้ว”

ยิ่งจวินมั่วหรันนึกถึงเรื่องนี้เมื่อไร เขาก็ยิ่งโกรธเท่านั้น ไม่นึกว่าคนของเขาจะถูกฟู่เย่เฉินตบจริงๆ!

“ได้ เอาไว้ครั้งหน้ากระหม่อมจะทรมานเขาก่อนแล้วค่อยฆ่าทั้ง!”

เฟิงอู๋โยวพยักหน้าอย่างหนักแน่นเมื่อรับรู้ได้ถึงรังสีเย็นเยือกของจวินมั่วหรัน ก่อนพูดขึ้นต่อ “สังหารจนราบพณาสูร”

จวินมั่วหรันจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือของนางพลางพูดด้วยน้ำเสียงละอายใจ “ข้าต่างหากที่ปกป้องเจ้าไม่ดี”

“…”

เฟิง หวู่โย่วปาดเหงื่อบนหน้าผาก หัวใจพลันเต้นเร็วขึ้น

นางคิดว่าจวินมั่วหรันที่ดูเหี้ยมโหดคนนี้ แท้จริงแล้วเขาเป็นคนใส่ใจเหมือนกัน

ณ เขตชานเมืองรกร้าง แสงไฟมืดมิด เขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมีเพียงต้องพึ่งพานาง ทำให้น้ำเสียงของเขานุ่มนวลกว่าปกติมากจนเกือบทำให้นางหัวใจหวั่นไหว

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จวินมั่วหรันเป็นคนรับลูกธนูเจ็ดดอกแทนนาง ดังนั้นบุญคุณครั้งนี้นางจะไม่มีวันลืม

นางส่ายหัวเพื่อพยายามสลัดคำพูดหวานซึ้งของจวินมั่วหรัน และจดจ่อกับการรักษาบาดแผล

เขาโดนลูกธนูทั้งหมดเจ็ดดอก ยกเว้นลูกธนูที่เจ็บที่สุดบริเวณหน้าอก ยังมีอีกดอกที่เกือบจะทำให้ตระกูลจวินไร้ทายาทสืบสกุลไปเสียแล้ว

หลังจากรักษาบาดแผลอื่นๆ เสร็จแล้ว นางก็มองไปที่ลูกธนูที่เป้ากางเกงของเขาด้วยความเขินอาย

“ท่านใต้เท้า กระหม่อมขออภัยด้วย”

“เจ้าจะทำอะไร”

จวินมั่วหรันตัวสั่นเกร็ง เปลือกตากระตุก ภายในใจผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที

ตอนนี้ บาดแผลของเขาถูกรักษาแล้ว ทำให้อาการดีขึ้นเล็กน้อย

เฟิงอู๋โยวชี้ไปที่ลูกธนูบนเป้ากางเกงของเขา แก้มของนางแดงระเรื่อขึ้นมา “แน่นอนว่ากำลังจะรักษาบาดแผลให้ท่านต่อ”

“ไม่ต้อง”

จวินมั่วหรันหันหน้าหนีอย่างเขินอาย ความภาคภูมิใจของเขาไม่อนุญาตให้เขานอนเฉยๆ ต่อหน้านางและปล่อยให้นาง ‘จับตอน’ ได้

“เป็นผู้ชายด้วยกันจะอายทำไม”

“เฟิงอู๋โยว หยุดเดี๋ยวนี้!” จวินมั่วหรันอายมาก แม้ว่าเขาจะมีอารมณ์กับเรือนร่างของนาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทนปล่อยให้นางจ้องมองตรงนั้นของเขาได้โดยที่ตัวเองไม่ทำอะไร

“ไม่ต้องห่วง กระหม่อมไม่ทำร้ายท่านแน่นอน”

เฟิงอู๋โยวกังวลว่าหากมัวแต่ชักช้า ส่วนสำคัญของเขาจะยิ่งมีโอกาสใช้การไม่ได้

ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!

ครั้นแล้วนางจึงฉีกกางเกงออกดัง “แคว่ก!”

ทันใดนั้น แก้มของจวินมั่วหรันที่เดิมที่ซีดราวกับกระดาษก็แดงเรื่อขึ้นมาทันที

ลูกกระเดือกกระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อย น้ำเสียงอันแน่นด้วยความเขินอายอย่างอธิบายไม่ถูก “นี่ เจ้า ทำจริงๆ…”

“แค่กๆ อย่าอายไปเลย มันก็ดูน่าเกลียดแบบนี้แหละ”

“…”

เมื่อเห็นจวินมั่วหรันนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เฟิงอู๋โยวก็ปลอบเขาอย่างจริงจัง “ไม่เป็นไร เป็นผู้ชายเหมือนกัน ล้วนมีเจ้านี่เหมือนกัน”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *