เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 215 กลอุบายของจุยเฟิง

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 215 กลอุบายของจุยเฟิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 215 กลอุบายของจุยเฟิง

“ไม่ได้”

ไม่ได้ยินเฟิงอู๋โยวบอกว่าจะอดข้าวลดความอ้วน จวินมั่วหรันก็ปฏิเสธเสียงแข็ง

ประการแรก เขาคิดว่าร่างกายของเฟิงอู๋โยวนั้นสมบูรณ์แบบ

นางดูผอมตอนสวมเสื้อผ้า แต่เมื่อสัมผัสกลับเต็มไม้เต็มมือไม่ติดกระดูก! ส่วนเว้าส่วนโค้งก็ช่างน่าประทับใจ

แม้ว่าจะค่อนข้างแปลกสำหรับรูปร่างผู้ชายทั่วไป แต่จวินมั่วหรันรู้สึกว่าร่างกายของเฟิงอู๋โยวสามารถกระจายมัดกล้ามเนื้อและชั้นไขมันได้อย่างสมดุลและอยู่ในตำแหน่งที่ควรจะอยู่

นอกจากนี้ ด้วยความตั้งใจของเขาที่อยากจะดูแลนาง การทนเห็นนางอดอาหารทนหิว มันคงเป็นภาพที่น่าปวดใจสำหรับเขายิ่งนัก

เฟิงอู๋โยวเม้มริมฝีปากพลางบ่นอุบ “ท่านใต้เท้าไม่อนุญาตให้กระหม่อมลดน้ำหนักเองนะ แล้วอย่ามาว่ากระหม่อมว่าอ้วนทีหลังแล้วกัน! และห้ามแตะต้องในส่วนที่ไขมันเยอะของกระหม่อมด้วย”

“ข้าจะว่าเจ้าได้เยี่ยงไร ในเมื่อข้าหลงรักเจ้าไปแล้ว”

“หะ”

ดวงตาทรงกลีบกอดท้อของนางเจือแววตกใจ นางเกือบคิดว่าตัวเองหูฝาดไป

เขาเป็นถึงเซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงหลินผู้สูงส่งเชียวนะ แล้วจะมาหลงรักคนอย่างนางง่ายดายขนาดนี้เชียวหรือ

หรือเป็นเพราะจวินมั่วหรันอยากลิ้มลองเรือนร่างของนางจนเริ่มพูดจาเอาใจหวานเลี่ยน

จวินมั่วหรันหดหู่ใจเป็นที่สุด เขาอุตส่าห์สารภาพรักไปแล้วถึงสองครั้งแต่กลับไร้ผล

ครั้งแรก นางดันหลับไปต่อหน้าต่อตา

ครั้นนี้ ทั้งที่นางได้ยินเต็มสองหู แต่กลับทำเหมือนไม่ได้ยิน…ช่างน่าปวดหัวเหลือเกิน!

“เฟิงอู๋โยว ข้าโมโหเหลือเกิน”

“อ่อ” เฟิงอู๋โยวชินกับนิสัยประเดี๋ยวโกรธประเดี๋ยวอาละวาดของจวินมั่วหรันแล้ว นางจึงได้แค่เออออคล้อยตามเท่านั้น

“เจ้าไม่ถามหน่อยหรือว่าเป็นเพราะอะไร”

นางแสร้งทำไปถามอย่างมีส่วนร่วม “เป็นเพราะอะไร”

จวินมั่วหรันมองใบหน้าไร้อารมณ์ของเฟิงอู๋โยว คำพูดติดอยู่ที่ปากแล้วแต่กลับพูดไม่ออก

หลังจากนิ่งเงียบไปสักหนึ่ง เขาก็ลุกพรวด ก่อนฟันฝ่ามือสองข้างใส่ต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลเพื่อระบายอารมณ์

เสียงไม้ปริแตก หมู่นกแตกตื่นและพากันกระพือปีกบินหนีอย่างรวดเร็ว

เฟิงอู๋โยวไม่เข้าใจว่าทำไมจวินมั่วหรันต้องแสดงออกแบบนี้ในที่แบบนี้ด้วย

แต่ตอนนี้ นางเป็นผู้ชมเพียงคนเดียว ดังนั้นนางจะต้องให้กำลังใจและปรบมือให้กับการแสดงการตัดต้นไม้ที่ยอดเยี่ยมของเขา

แปะๆๆ

เฟิงอู๋โยวปรบมืออย่างยกยอปอปั้น “ท่านใต้เท้าช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน”

จวินมั่วหรันจนปัญญา เขาเพิ่งระบายความโกรธออกไป ฟางเส้นสุดท้ายของเขาเมื่อครู่คือภาพนกคู่หนึ่งที่พลอดรักกันอยู่บนกิ่งไม้ พวกมันส่งเสียบจิ๊บๆ ราวกับกำลังเย้ยหยันความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฟิงอู๋โยว เป็นเหตุให้เขาตบะแตกและประพฤติตัวแบบเด็กๆ

แต่เมื่อจวินมั่วหรันเห็นเฟิงอู๋โยวกลับมาพูดและหัวเราะได้ ถึงต่อให้แกล้งทำก็เถิด เขาก็พอจะรู้ว่าตอนนี้นางลืมสิ่งที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อทำกับนางไปแล้วชั่วคราว

แบบนี้ก็ดีแล้ว

เขาไม่ต้องการให้นางจมปลักอยู่กับวังวนอันมืดมิดที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อสร้างขึ้น จนไม่อาจใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้

จวินมั่วหรันถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าเขาจะไม่สบอารมณ์กับท่าทีของนางตอนที่เขาสารภาพรักเมื่อครู่ แต่ในเรื่องแย่ๆ ก็ยังมีเรื่องดีหลงเหลืออยู่บ้าง

เพราะตราบใดที่เฟิงอู๋โยวยังปฏิบัติหน้าที่อยู่เคียงข้างเขา เขาก็สามารถรอได้

“ท่านใต้เท้า ไฉนท่านคร่ำครวญและเอาแต่ถอนหายใจตลอดทั้งวันแบบนี้ ดูอย่างองค์ชายเฉินสิ ทั้งที่เคยติดเชื้อดอกหลิว เขายังมองโลกในแง่ดีและยิ้มแย้มอยู่เสมอ ทำให้เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งวัยเยาว์”

“เฟิงอู๋โยว เจ้าได้ประโยชน์อะไรจากอาเฉิน ไฉนเจ้าต้องมาพูดชมเขาต่อหน้าข้าแบบนี้”

จวินมั่วหรันขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

ภายในใจของนาง เขาไม่ดีเท่าเจ้าคนมักมากในกามอย่างจี้มั่วจื่อเฉินอย่างนั้นหรือ

ทว่าเฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดนั้นไม่เกินจริงแต่อย่างใด ดังนั้นจึงตอบกลับไปหน้าตาเฉย “กระหม่อมแค่พูดความจริงเท่านั้น”

“ข้าไม่อนุญาต”

“…”

เฟิงอู๋โยวครุ่นคิดในใจ สงสัยจวินมั่วหรันเสพติดการบังคับจนเป็นสันดานไปแล้ว

ไม่ชอบใจนิดหน่อยก็ใช้อำนาจข่มคนอื่น

ในตอนนี้ จุยเฟิงและเถี่ยโส่วได้ควบม้าเข้ามา

“ท่านใต้เท้า กระหม่อมได้รับรายงานเร่งด่วนมาจากอู๋ฉิง นางขอเชิญท่านใต้เท้าไปหารือถึงแผนการครั้งใหญ่ที่สำนักหนึ่งอนันต์” จุยเฟิงกล่าวรายงานทันที

จวินมั่วหรันไม่อยากไป แต่พอเห็นจุยเฟิงขยิบตาให้ เขาจึงตอบตกลงแบบส่งๆ ไปก่อน

เมื่อเฟิงอู๋โยวได้ยินว่าจวินมั่วหรันวางแผนการใหญ่บางอย่างกับอู๋ฉิง ภายในใจของนางก็พลันเจ็บแปลบๆ ขึ้นมา

ภายใต้แสงไฟสลัวยามราตรีเช่นนี้ หญิงโสด ชายโดดเดี่ยวอย่างจวินมั่วหรันกับอู๋ฉิงจะพูดคุยอะไรกันได้อีก

เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นแผนสร้างคน

ใบหน้าที่บึ้งตึงของเฟิงอู๋โยวจ้องมองจวินมั่วหรันจากไปพร้อมกับจุยเฟิง นางอยากจะหยุดเขา แต่นางไม่รู้ว่าจะอ้างด้วยเหตุผลอะไร

จนถึงตอนนี้ นางยังไม่เข้าใจได้ว่าการที่นางรู้สึกเป็นเจ้าของจวินมั่วหรัน เป็นเพราะนางมีความรักต่อเขาหรือเพราะเขาเป็นผู้ชายคนแรกของนางกันแน่

ทันทีที่จวินมั่วหรันจากไป เถี่ยโส่วก็เดินเข้ามาหาเฟิงอู๋โยว “แม่ทัพเฟิงเก่งจริงๆ ที่ทำเอาท่านราชครูเกือบตาย ข้าได้ยินมาจากแพทย์หลวงซูว่า ท่านราชครูมีอาการข้างเคียงของโรคดอกหลิวที่อันตรายมาก หากไม่ได้รับการรักษาที่ดี มีโอกาสสูงที่จะใช้การสิ่งนั้นไม่ได้อีกตลอดไป”

เฟิงอู๋โยวทำเป็นไม่ได้ยิน นางจ้องเขม็งไปที่แผ่นหลังของจวินมั่วหรันที่ค่อยๆ คล้อยห่างไปเรื่อยๆ พร้อมกับพึมพำเสียงแผ่ว “เขาอยากได้อู๋ฉิงขนาดนั้นเลยหรือ ไม่หันกลับมาแม้แต่นิดเดียว”

เถี่ยโส่วได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า “คงเป็นเช่นนั้น เห็นอู๋ฉิงบอกว่ามีบางสิ่งที่สำคัญมากๆ อยากจะหารือกับท่านใต้เท้า มันคงเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ นั่นแหละ”

ในเวลาเดียวกัน ขณะที่จวินมั่วหรันกำลังจะหันหลังกลับไปมอง แต่จุยเฟิงรีบหยุดเขาไว้ก่อน “ห้ามหันหลังกลับไปนะขอรับ”

จวินมั่วหรันชำเลืองมองจุยเฟิงอย่างไม่พอใจ แต่ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสงสัย “ทำไม”

จุยเฟิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนลดเสียงพูดกับจวินมั่วหรัน “ท่านใต้เท้าขอรับ ท่านสังเกตเห็นหรือไม่ว่าแม่ทัพเฟิงไม่ชอบให้ท่านอยู่กับอู๋ฉิงตามลำพังสองต่อสอง”

จวินมั่วหรันพยักหน้า “ใช่ ว่าแต่มีอะไร”

“ต้องขออภัยที่กระหม่อมพูดตรงไปตรงมา แต่กระหม่อมคิดว่าแม่ทัพเฟิงกำลังหึงหวงท่านอยู่อย่างแน่นอน!”

“หึงหวง? ใครหึงหวง! หรือว่าเขาชอบอู๋ฉิง?” อยู่ๆ จวินมั่วหรันก็ระแวงคนอื่นอย่างไร้เหตุผล ดวงตาของเขาพลันปะทุแววเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที

จุยเฟิงยิ้มและพูดต่อ “แม่ทัพเฟิงต้องหึงท่านใต้เท้าอยู่แน่นอน จากการสังเกตของกระหม่อมในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา แม่ทัพเฟิงจะมีอารมณ์ตอบสนองเป็นพิเศษในเวลาที่ท่านใต้เท้าใกล้ชิดหรือเอ่ยถึงอู๋ฉิง กระหม่อมคิดว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าเขาตกหลุมรักท่านใต้เท้ามานานแล้ว แต่แค่ไม่รู้ตัว”

“หมายความว่าเขาชอบข้ากระนั้นหรือ”

เมื่อจวินมั่วหรันได้ยินข้อสันนิษฐานพวกนี้ ริมฝีปากบางๆ ของเขาก็รั้งขึ้นเป็นมุมโค้งอย่างดีใจ

จุยเฟิงพยักหน้าและพูดด้วยความมั่นใจ “แน่นอน เป็นไปได้อย่างมากว่าแม่ทัพเฟิงจะมีใจให้ท่านมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่เขายังมองไม่เห็นความรู้สึกของตัวเองได้ชัดเจนเท่าไร”

“นี่เจ้าไม่ได้หลอกข้าอยู่ใช่หรือไม่”

จวินมั่วหรันรู้สึกว่าความสุขช่างมากะทันหันเกินไป

เมื่อครู่เขายังจมอยู่ในความเศร้าหลังจากการสารภาพรักล้มเหลวถึงสองครั้งอยู่เลย

จุยเฟิงตบหน้าอกและพูดด้วยความมั่นใจ “กระหม่อมพูดแต่ความจรงเท่านั้น หากท่านใต้เท้าไม่เชื่อ ท่านสามารถถามชิงหลวนได้ ไม่นานมานี้ ชิงหลวนเล่าให้กระหม่อมฟังว่า แม้แม่ทัพเฟิงจะชอบกอดนาง แต่ระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่เคยมีอะไรเกินเลยทั้งนั้น ไม่เพียงแค่นั้น ตั้งแต่ที่ชิงหลวนติดตามรับใช้แม่ทัพเฟิงมา นางก็ไม่เคยเห็นแม่ทัพเฟิงสัมผัสใกล้ชิดกับชายหรือหญิงเลยสักครั้ง ชิงหลวนยังบอกอีกว่าแม่ทัพเฟิงมักจะละเมอเรียกชื่อท่านใต้เท้าตอนกลางคืน”

“ชิงหลวนพูดอะไรอีก”

เดิมทีจวินมั่วหรันเกลียดการร้องไห้ของชิงหลวนเป็นที่สุด มิหนำซ้ำ ยายหนูคนนี้ยังคอยตามเฟิงอู๋โยวอยู่ต้อยๆ

แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่จุยเฟิงพูด อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าสาวน้อยชิงหลวนคนนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน

“ชิงหลวนยังบอกด้วยว่าแม่ทัพเฟิงเกิดมาในชีวิตที่น่าสงสาร พ่อแม่ไม่รัก ซ้ำยังเป็นปรปักษ์กับฮ่องเต้และองค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยหลี นางหวังว่าท่านใต้เท้าปฏิบัติต่อเขาอย่างดี”

“แน่นอน”

จวินมั่วหรันรีบตอบ แต่อยู่ๆ ก็กังวลขึ้นมา “ไม่ได้ ข้ายังกังวลกับการปล่อยให้เถี่ยโส่วอยู่ข้างๆ เขาอยู่”

จุยเฟิงพูดขึ้นอย่างใจเย็น “ท่านใต้เท้าโปรดวางใจ เถี่ยโส่วเพียงแค่ชื่นชมแม่ทัพเฟิงเท่านั้น ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้นทั้งสิ้น”

“ข้าต้องทำอย่างไรถึงจะเอาชนะใจเขาได้”

จวินมั่วหรันทำตามแนวทางของตัวเองมาโดยตลอด และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถามความคิดเห็นจากผู้อื่นอย่างจริงใจ

“กระหม่อมคิดว่าก่อนอื่นต้องยืนยันท่าทีของแม่ทัพเฟิงที่มีต่อท่านให้ได้ก่อน โดยต้องเริ่มจากการกระทำที่แม่ทัพเฟิงไม่ชอบในตัวท่านมากที่สุด เพื่อเป็นการบีบเค้นให้เขาแสดงอารมณ์ที่มีต่อท่านออกมา”

“บีบเค้นเยี่ยงไร”

“ตัวอย่างเช่น เขาไม่ชอบให้ท่านอยู่สองต่อสองกับอู๋ฉิง ท่านใต้เท้าควรทำตรงกันข้ามไปเลย ด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถเข้าใจความรู้สึกของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว อย่างน้อยเขาน่าจะรับรู้ว่าตัวเองหึงหวงท่านตอนที่อยู่กับหญิงสาวคนอื่น”

จวินมั่วหรันรู้สึกโล่งใจในทันใด “ไม่ต้องพูดพล่ามแล้ว รีบกลับไปที่ตำหนัก แล้วเรียกอู๋ฉิงมา มาทำเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นจริงกันเถิด”

“ขอรับ”

จุยเฟิงตอบด้วยความเคารพ ก่อนคิดในใจ ถ้าเฟิงอู๋โยวกลายเป็นคนของเซ่อเจิ้งหวางอย่างเป็นทางการ แม่นางชิงหลวนของเขาก็สามารถอาศัยอยู่ในตำหนักเซ่อเจิ้งหวางได้

เมื่อถึงเวลานั้น เขาไม่จำเป็นต้องแอบไปที่เรือนแพทย์เพื่อหานางอีกต่อไป

ในความเป็นจริง ก่อนพบกับชิงหลวน จุยเฟิงก็มักจะไปเที่ยวที่หอนางโลมอยู่บ่อยครั้ง

แต่หลังจากพบกับ ชิงหลวน เขาเคยไปที่หอนางโลมหรือสถานที่อย่างว่าอีกเลย

เพราะทันทีที่เขาถอดเข็มขัดกางเกงออก จิตใจของเขาเต็มไปด้วยภาพชิงหลวนของที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร เป็นเหตุให้ทุกครั้งที่เขาจะหลับนอนกับใคร ความใคร่อยากของเขาจะถูกทำลายลงทันที

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *