เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 308 ไล่ถาม

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 308 ไล่ถาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 308 ไล่ถาม

ทันทีที่จวินมั่วหรันจากไป ชิงหลวนที่แอบฟังอยู่หลังประตูก็ส่งเสียงร้องไห้ขึ้นมา

ชิงหลวนตกใจจนตัวสั่น นางรีบเข้าไปหาเฟิงอู๋โยว “ท่านหญิงเจ้าคะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไฉนเซ่อเจิ้งหวางถึงโกรธท่าน เขาตีท่านหรือไม่เจ้าคะ”

เฟิงอู๋โยวส่ายหัว ตอนนี้รู้สึกว่าในหัวล้วนว่างเปล่าคล้ายความทรงจำบางท่อนขาดห้วงไป

หลังจากนั้นไม่นาน นางถามชิงหลวนอย่างละเอียด “เมื่อคืนเจ้าเข้านอนเมื่อไหร่ เจ้าสังเกตเห็นอะไรผิดปกติก่อนเข้านอนหรือไม่”

“เมื่อคืนนี้ข้าเผลอหลับทันทีเมื่อฟ้ามืดและหลับสบายทั้งคืน เมื่อตื่นขึ้นมา พระอาทิตย์ก็ขึ้นสูงแล้ว”

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อคืนมีบุรุษอีกหกคนอยู่ในเรือนแพทย์”

“ไม่รู้เจ้าค่ะ”

ชิงหลวนส่ายหัว แต่อยู่ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน นางเช็ดน้ำตาบนใบหน้า “ท่านหญิงหมายถึงบุรุษชุดยุ่งเหยิงทั้งหกคนที่ลานหน้าเรือนกระนั้นหรือ”

เฟิงอู๋โยวพยักหน้าเบาๆ

ชิงหลวนพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “ท่านหญิงเจ้าคะ ชิงหลวนไม่ชอบพวกเขา! พวกเขาปล่อยข่าวลือไปทั่ว ทำนองว่าท่านโอ๋พวกเขาตลอดทั้งคืน! ชิงหลวนโกรธมากจนอยากจะเอาแส้มาเฆี่ยนพวกเขา เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!”

เฟิงอู๋โยวถอนหายใจอย่างจนปัญญาก่อนพูดเสียงแผ่ว “สิ่งที่พวกเขาพูด อาจเป็นเรื่องจริง”

“หะ?”

ชิงหลวนอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาอีกครั้ง “เกิดอะไรขึ้นกับท่านหญิงเมื่อคืนนี้กันแน่ ไฉนชีวิตท่านถึงรันทดเช่นนี้”

เฟิงอู๋โยวไม่ตอบ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ปลดกระดุมเสื้อออกและตรวจร่างกายตัวเองอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ชิงหลวนตกตะลึงกับการกระทำอย่างกะทันหันของเฟิงอู๋โยว นางรีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างทันที “ท่านหญิงนายคิดจะทำอะไรเจ้าคะ”

“ไฉยถึงไม่มีร่องรอยอะไรทิ้งไว้แม้แต่น้อย”

เฟิงอู๋โยวพึมพำเสียงแผ่ว

เป็นไปได้หรือไม่ว่านางไม่ได้ทำเรื่องที่อธิบายไม่ได้กับเหล่าบุรุษเมื่อคืนนี้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็รวบรวมพลังกลับคืนมาได้

หลังจากใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย นางก็รีบตรงไปที่ลานหน้าเรือน

ตอนนี้นายบำเรอรูปงามทั้งหกคนกำลังยืดเส้นยืดสายหลังข้าวเช้ากันอยู่ที่ลานภายในเรือน

ภายใต้แสงแดดสีทองอันแผดเผา ผิวสีเย็นอันชุ่มชื้นของพวกมันเปล่งปลั่งแวววาว ไม่ว่าจะขมวดคิ้วหรือคลี่ยิ้ม ก็ล้วนงดงามราวกับเทพสวรรค์

ฉุนฉุนตาไว เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวเดินเข้ามาก็รีบวิ่งไปถลาไปหานาง “ท่านชาย กอดฉุนฉุนหน่อยขอรับ”

ดวงตาทรงกลีบดอกท้ออันเฉียบคมของเฟิงอู๋โยวเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย นางข่มขู่อย่างเยือกเย็น “หากเจ้ากล้ากระโจนใส่ข้า ข้าจะโยนเจ้าลงไปในหลุมศพร้าง”

ฉุนฉุนหยุดฝีเท้ายืนนิ่งและกัดผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กอย่างน้อยใจ จากนั้นก็พึมพำด้วยเสียงต่ำ “ท่านชาย ฉุนฉุนเกิดมาเป็นคนของท่าน ตายไปก็เป็นผีของท่าน ฉุนฉุนไม่อยากถูกจับโยนลงไปในหลุมศพร้าง”

เฟิงอู๋โยวไม่อยากได้ยินอะไรเกี่ยวกับเมื่อคืนนี้ แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องค้นหาความจริงด้วยตัวเอง

ดังนั้น นางจำต้องทนแบกรับแรงกดดันมหาศาลและแสร้งใช้เสียงนุ่มนวลถามฉุนฉุน “บอกข้ามา เมื่อคืนเจ้าทำอะไรกับข้าบ้าง”

“อุ๊ย น่าอายจัง! เมื่อคืนท่านชายกับฉุนฉุนทำเรื่องที่สามีภรรยาทำกัน”

แม้ฉุนฉุนจะพูดเช่นนี้ แต่เขากลับไม่มีภาพเมื่อคืนอยู่ในหัว เขาจำได้แค่ว่าตัวเองกับเฟิงอู๋โยวมีอะไรกัน

“หุบปาก”

เฟิงอู๋โยวขยะแขยงเป็นที่สุดแต่กระนั้นก็เดินไปหาอีกห้าคนที่เหลือ

นางยืนเอามือไพล่หลังและถามขึ้นด้วยเสียงเย็นและดุดัน “เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น จงบอกข้ามาให้ชัดเจน หากปิดบัง จะฆ่าทิ้งสถานเดียว”

เหล่านายบำเรอมองหน้ากันและถามเฟิงอู๋โยวอย่างตะกุกตะกัก “ท่านชาย จะให้พูดเรื่องบนเตียงออกมาอย่างเปิดเผยแบบนี้ได้เยี่ยงไรขอรับ”

“ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่พูดออกมาอีก พวกเจ้าคอยดูแล้วกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็หวาดกลัวและกอดกันเป็นกลุ่ม

แม้ว่าเฟิงอู๋โยวจะมีรูปร่างเล็ก แต่ในทุกอากัปกิริยาของนางมักจะแผ่รังสีเย่อหยิ่งเรืองอำนาจ ราวกับก้มมองลงมาจากบนสวรรค์

ด้วยรัศมีเรืองอำนาจนี้ ทำให้เหล่าชายบำเรอเหล่านี้ที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที

“เมื่อคืนท่านชายให้พวกเราไปซ้อมเต้นที่สวนหน้าเรือน”

“พวกเราพากันฝึกซ้อม ‘กายบริหาร’ ที่ลานหน้าเรือนกันอย่างเชื่อฟัง”

“หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเรียกจากท่านชาย พวกเราจึงรีบพุ่งเข้าไปในห้องด้วยความดีใจ”

เฟิงอู๋โยวคิ้วกระตุก นางหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนถามต่อ “เจ้าแน่ใจหรือว่าได้ยินเสียงเรียกของข้า แล้วจึงบุกเข้าไปด้านใน”

เจินเจินส่ายหัว “บ่าวจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ จำได้แค่เพียงลางๆ ว่ามีคนด้านในห้องเรียกพวกบ่าวเข้าไป”

อ้ายอ้ายพูดขึ้นเสริม “ทันทีที่พวกเราเข้าไปในในห้องก็พบว่าท่านชายกับราชครูกำลังกอดกันแน่น จากนั้นท่านชายก็เอาใจราชครู”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็แทบจะทรุดตัวลง

นางพยายามยืนให้มั่นคง จากนั้นก็หันกลับและเดินจากไปด้วยความสิ้นหวัง

กู่หนานเฟิงที่มองดูเรื่องทั้งหมดมาตั้งแต่ต้น ภายในใจก็เกิดสงสัยขึ้นมา

หากว่ากันตามเหตุผล เหล่าทหารองครักษ์เงาเฝ้าระวังอยู่รอบๆ เรือนแพทย์พยากรณ์ไว้อย่างแน่นหนา ดังนั้นจึงไม่ควรมีความผิดพลาดใดเกิดขึ้น

หากเฟิงอู๋โยวพาบุรุษรูปงามเหล่านี้กลับมา เหล่าทหารองครักษ์ก็ควรรายงานเรื่องนี้แก่จวินมั่วหรันทันทีถึงจะถูก

นอกจากนี้ เฟิงอู๋โยวดูเหมือนจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หากนางมีสติอยู่จริงๆ ไฉนถึงนึกอะไรไม่ออกเหมือนเมาสุราแบบนี้

ที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อวานตอนมืด นางกำลังศึกษาตำราการแพทย์อยู่ แต่กลับผล็อยหลับไปโดยไม่มีสัญญาเตือนล่วงหน้า หากสายลมราตรีไม่เป่าเทียนดับ ป่านนี้ผมอันดำขลับของนางคงไหม้ไปแล้วทั้งหัว

เมื่อคิดได้เช่นนี้ กู่หนานเฟิงก็ได้ข้อสรุปว่าทั้งหมดจะต้องเป็นแผนการของไป๋หลี่เหอเจ๋อที่ต้องการจะแยกจวินมั่วหรันออกจากเฟิงอู๋โยวแน่นอน

แต่เขาไม่แน่ใจว่าไป๋หลี่เหอเจ๋ออาศัยช่วงที่เฟิงอู๋โยวตกอยู่ในอันตรายลงมือทำอะไรมิดีมิร้ายกับนางหรือไม่

เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวเดินหน้าซีดเข้าไปในห้อง กู่หนานเฟิงก็รู้สึกกังวลใจแทนนาง

แม้ว่าเฟิงอู๋โยวจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่เมื่อเห็นสภาพไร้วิญญาณของนางก็รู้แล้วว่าตอนนี้นางทรมานแค่ไหน!

ภายในห้อง มีไอน้ำหนาแน่นและละอองหมอกฟุ้งไปทั่ว

ชิงหลวนรู้ว่าเฟิงอู๋โยวว้าวุ่นใจ นางจึงสั่งให้คนเอาน้ำร้อนมาเติมลงอ่าง

เฟิงอู๋โยวที่ตกอยู่ในภวังค์อันว้าวุ่นใจ จุ่มตัวลงไปในน้ำอุ่น

“ท่านหญิง อย่าเป็นแบบนี้เลยเจ้าค่ะ ท่านยังมีชิงหลวนอยู่นะ ฮือๆๆ”

ชิงหลวนยืนอยู่ข้างๆ อย่างใจคอไม่ดี นางไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากร้องไห้

“ออกไปก่อน ขอข้าอยู่คนเดียว”

เฟิงอู๋โยวพยายามสงบสติอารมณ์ลงและพูดขึ้นเสียงขรึม

ชิงหลวนคว่ำปากและพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา ก่อนเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

ขณะนี้จุยเฟิงกับเถี่ยโส่วเดินมาพอดี

เมื่อเห็นขอบตาของชิงหลวนแดงเรื่อ จุยเฟิงจึงถามอย่างกังวล “แม่หญิงชิงหลวน เกิดอะไรขึ้น”

ได้ยินเช่นนั้นชิงหลวนก็น้ำตาแตกออกมา “จุยเฟิง ได้โปรด ได้โปรดอธิบายให้ให้เซ่อเจิ้งหวางฟังแทนท่านชายด้วย หัวใจของท่านชายมีแต่เซ่อเจิ้งหวางเท่านั้น ท่านชายไม่มีวันทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนั้นแน่นอน มันจะต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่นอน”

จุยเฟิงพูดปลอบโยนขึ้น “แม่หญิงชิงหลวนโปรดอย่าได้กังวลใจ หากมีอะไรเกิดขึ้น เอาไว้ค่อยว่ากันหลังงานเลี้ยงบัณฑิตดีไหม”

เถี่ยโส่วกัดริมฝีปากล่างของเขาแน่น แสดงท่าทางกังวล

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เถี่ยโส่วก็ถามชิงหลวน “แม่ทัพเฟิงสบายดีหรือไม่”

“ไม่ดีเอามากๆ”

ชิงหลวนส่ายหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยแววเศร้าสร้อย

“เขาเป็นอะไรไป”

เดิมทีจวินมั่วหรันไม่อยากก้าวเข้ามาที่เรือนแพทย์อีก แต่เฟิงอู๋โยวเพิ่งเข้ารับตำแหน่งและยังไม่มีราชรถประจำตำแหน่งเลย

เขาไม่อยากเห็นนางมีภาพลักษณ์ไม่ดีต่อหน้าขุนนางคนอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงระงับความโกรธและเตรียมไปรับนางเพื่อร่วมทางไปงานเลี้ยงในวังหลวงด้วยกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด