เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 90 โกรธ / 91 กอดขาเซ่อเจิ้งหวางแน่น

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 90 โกรธ / 91 กอดขาเซ่อเจิ้งหวางแน่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 90 โกรธ / ตอนที่ 91 กอดขาเซ่อเจิ้งหวางแน่น

ตอนที่ 90 โกรธ

“เฟิง อู๋ โยว!”

ทันใดนั้น มีเสียงแผดตะโกนดังขึ้นท่ามกลางห่าฝนโหมกระหน่ำ

จวินมั่วหรันยืนตระหง่านท่ามกลางพายุฝน ร่างกายกำยำเปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝน

เมื่อได้ยินเสียงของจวินมั่วหรัน เฟิงอู๋โยวก็ตัวสั่นงันงก ก่อนรีบผละไป๋หลี่เหอเจ๋อออกไป

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อยู่ๆ นางก็รู้สึกเหมือนถูกจับได้ว่าร่วมเตียงนอนกับคนอื่น ในใจพลันนึกละอายขึ้นมา

“เฟิงอู๋โยว มานี่”

จวินมั่วหรันเอ่ยเสียงทุ้มต่ำที่สอดแทรกด้วยความโมโห

เขายังคงเป็นตัวเขาอยู่วันยันค่ำ ทระนงองอาจและงามสง่า ทรงอำนาจอย่างไม่เป็นรองใครในใต้หล้า

และในตอนนี้เอง ฉู่ชีก็กางร่มกระดาษชุ่มน้ำมันเดินกึกๆ กักๆ เข้ามาหาไป๋หลี่เหอเจ๋อ

เฟิงอู๋โยวหันกลับไปมองไป๋หลี่เหอเจ๋อที่ดวงตาดูอิดโรย พลางเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าเต็มใจมอบเสื้อผ้าชุดนี้ให้ข้าใช่หรือไม่”

“เอาไว้ซักแล้วค่อยเอามาคืน” เปลือกตาของไป๋หลี่เหอเจ๋อตกลงมากึ่งกลางตา เขาพยายามฝืนพูดอย่างยากลำบาก

จวินมั่วหรันเห็นเฟิงอู๋โยวพูดคุยกับไป๋หลี่เหอเจ๋ออย่างสนิทชิดใกล้ก็รู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงเข้าที่ใจ

เขาสะบัดชายแขนเสื้อและหันหลังจากไป

“ท่านใต้เท้า แม่ทัพเฟิงไม่รู้ทางขอรับ ท่านไม่อยากพาเขากลับเข้าเมืองแล้วหรือ” ซือมิ่งที่เดินตามหลังจวินมั่วหรันติดๆ ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

จุยเฟิงรีบส่งสายตาให้ซือมิ่ง พลางกระซิบเสียงแผ่วทันที “อย่าเอ่ยชื่อแม่ทัพเฟิง ท่านใต้เท้ากำลังหึงอยู่”

ซือมิ่งได้ยินเช่นนั้นก็รีบพยักหน้าระรัว “ดูข้าสิ ลืมเรื่องนี้ไปได้”

“แต่จะว่าไป ครั้งนี้แม่ทัพเฟิงก็ทำเกินไปจริงๆ! ไม่คิดว่าจะมาคลุกคลีกับพวกบุรุษป่าเถื่อนที่ชายเมืองรกร้างแบบบี้ ทำเอาท่านใต้เท้าต้องตัวเปียกทั้งตัวแบบนี้เพื่อตามหาเขา เสียแรงจริงๆ” จุยเฟิงส่ายหน้า เขารู้สึกปวดใจแทนจวินมั่วหรันอย่างบอกไม่ถูก

จริงด้วย ท่านใต้เท้าไม่เคยกระวนกระวายใจแบบนี้มาก่อน!” ซือมิ่งเห็นด้วยกับจุยเฟิง

“เฮ้อ นึกไม่ถึงเลยว่าแม่ทัพเฟิงจะเป็นพวกหลายใจแบบนี้” จุยเฟิงบ่นพึมพำ

เสียงของเขาเพิ่งจะสิ้นสุดลง จวินมั่วหรันก็หันขวับกลับมาตวาดลั่น “หุบปาก”

จุยเฟิง ซือมิ่งมองตากันปริบๆ ก่อนพูดขึ้นพร้อมกัน “กระหม่อมผิดไปแล้วขอรับ”

จวินมั่วหรันอือออเสียงเรียบ ก่อนเหลือบไปมองเฟิงอู๋โยวที่วิ่งเยาะๆ ตาม หลังเขามา

“ท่านใต้เท้าขอรับ ช้าหน่อยได้หรือไม่”

เฟิงอู๋โยวโคจรกำลังภายในไม่เป็น ซ้ำยังขาสั้นกว่าจวินมั่วหรันเกือบครึ่ง ทำเอานางวิ่งตามจนเหนื่อย

นางสัมผัสถึงความโกรธของจวินมั่วหรันได้ จึงอดบ่นขึ้นในใจไม่ได้

โกรธทุกวันแบบนี้ ไม่กลัวอายุสั้นหรือ

แต่ก็ช่างเถอะ ถึงจะอายุสั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนางสักหน่อย

เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเป็นมิตรกับนางอยู่แล้ว ต่อให้ตายไปต่อหน้าตอนนี้ นางก็ไม่เสียใจสักนิด

ยิ่งไปกว่านั้นนางกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจและสาปส่งเขาอีกด้วย

“โอ้ย…”

ขณะที่ในหัวนางกำลังนึกถึงความตายของจวินมั่วหรันหลากหลายวิธีอยู่นั้นก็ไม่ทันระวังจนเดินสะดุดหินเข้าอย่างจัง ทำเอาล้มกระเด็นหน้าทิ่มโคลนทันที

“ถุ้ยๆๆ…”

นางล้มคลุกโคลมตม จากนั้นก็พยายามใช้มือพยุงร่างที่เปียกชุ่มของตัวเองขึ้น พร้อมกับถุยโคลนที่กระเด็นเข้าปากออก

จวินมั่วหรันที่เห็นเช่นนั้นจึงหยุดชะงักและก้าวเข้ามาหานาง

“สำนึกผิดแล้วหรือยัง”

ดวงตาเยือกเย็นดุจตคมมีดจ้องมองเฟิงอู๋โยวในสภาพสะบักสะบอม เสียงชั่วช้าราวปีศาจของเขาพลันดังขึ้นมาอีกครั้ง

เฟิงอู๋โยวเมินคำพูดของจวินมั่วหรัน มือเปื้อนโคลนทั้งสองข้างของนางพยายามเช็ดถูบนเสื้อผ้าของจวินมั่วหรัน ก่อนพยายามถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเขา

จวินมั่วหรันผละตกใจและถอยหลังกลับอย่างไม่รู้ตัว “หยุดเดี๋ยวนี้”

จิตใต้สำนึกของตัวเขาไม่เหมือนกับไป๋หลี่เหอเจ๋อ เขาไม่มีทางทำเรื่องบัดสีกับใครในที่แจ้งแบบนี้แน่นอน

ยิ่งไปกว่านี้ ฝนก็ตกหนัก ตอนนี้สภาพนางมอมแมมราวกับไก่ตกบ่อน้ำก็ไม่ปาน

หากเฟิงอู๋โยวคิดอยากอุทิศร่างกายให้เขา อย่างน้อยก็ควรชำระล้างร่างกายก่อน

“เฟิงอู๋โยว หยุดเดี๋ยวนี้!” จวินมั่วหรันเห็นนางไม่มีทีท่าจะหยุดจึงตะเบ็งเสียงขึ้นอีกครั้ง

แต่เฟิงอู๋โยวหาได้สนใจคำพูดเขาไม่

นางกำลังจมอยู่ในโลกของตัวเอง นางใจร้อนขึ้นเรื่อยๆ มือที่ปลดกระดุมเสื้อก็ช้าไม่ทันใจ ครั้นแล้วจึงฉีกเสื้อออก

“…”

จวินมั่วหรันจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา ภายในใจคล้ายกำลังคาดหวังจะได้เห็นอะไรบางอยู่ หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

ตอนที่ 91 กอดขาเซ่อเจิ้งหวางแน่น

จุยเฟิงเห็นเฟิงอู๋โยวล้มหมอบลงไปกับพื้นไม่ยอมลุกก็รีบถามขึ้นอย่างร้อนใจ “ท่านใต้เท้าขอรับ เหมือนว่าแม่ทัพเฟิงจะได้รับบาดเจ็บนะขอรับ ต้องการให้กระหม่อมเข้าไปช่วยพยุงกลับไปหรือไม่”

จวินมั่วหรันหันขวับกลับมาพูดเสียงเย็น “อย่าเข้ามา”

“ขอรับ”

จุยเฟิงตระหนักได้ในบัดดล จากนั้นก็ดึงซือมิ่งพากันหันหลังกลับ “ห้ามดู ถือเป็นการเสียมารยาท”

“เกิดอะไรขึ้น”

“แม่ทัพเฟิงสำนึกผิดแล้วและกำลังเตรียมอุทิศร่างกายให้ท่านใต้เท้า!”

“ที่ชานเมืองรกร้างท่ามกลางห่าฝนกระหน่ำเนี่ยนะ!” ซือมิ่งร้องตกใจอย่างไม่อยากจะเชื่อ

จุยเฟิงปลาบปลื้มใจเป็นที่สุด ครั้นแล้วก็เริ่มพรรณนารำพึง “ดูนั่น นกเป็ดน้ำพลอดรักลุ่มลึก ถ่านฝืนปะทุเร่าร้อนแผดเผา เปลวโหมพัดลุกลามทุ่งหญ้า! ดูนั่น ทุ่งหญ้าแห้งแผ่ขจรแผ่ไพศาลกว้างใหญ่ เมฆฝนครึ้มลอยเหนือ ช่างเป็นสุขแก่แพรกหญ้าเหือดแห้งอย่างหาที่สุดมิได้! ดูนั่น ละอองฝนปกคลุมทั่วพื้นพิภพ เหล่าต้นกล้าหญ้าอ่อนกำลังส่ายไหวต้อนรับ ประหนึ่งท่วงท่าของสาวงาม”

รำพึงจนถล้ำเข้าไปในห้วงภวังค์อันสุนทรีย์ จุยเฟิงรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณของตนสูงส่งขึ้นอีกระดับ ลำตัวยืดตรง เท้าเขย่งเหมือนลอย พลางครวญครางในลำคออย่างเป็นสุข

ซือมิ่งมองดูจุยเฟิงที่คล้ายจะเป็นบ้าด้วยความรู้สึกขนหัวลุก

ใบหน้าจวินมั่วหรันพลันเกร็งกระตุกพลางนึกขึ้นในใจ หากมีเวลาคงต้องหาครูสอนจุยเฟิงอย่างจริงจังเสียแล้ว เพื่อบ่มเพาะพรสวรรค์ด้านบทกลอนของเขาในอย่างที่ควรจะเป็น

“เอะอะอะไร เงินกระดาษของข้าเปียกหมดแล้ว!”

เฟิงอู๋โยวควักเงินกระดาษปึกสุดท้ายที่เปื่อยยุ่ยคาหน้าอกออกมา พลางร้องครวญครางอย่างใจสลาย

จวินมั่วหรันเข้าใจขึ้นมาทันที การที่นางพยายามปลดกระดุมเสื้อออกเมื่อครู่อย่างร้อนใจ ไม่ใช่การอุทิศร่างกายเพื่อสำนึกผิด แค่เพื่อควักเงินกระดาษออกมานี่เอง!

ภายในใจผุดความผิดหวังขึ้นมาเบาๆ และเกิดนึกอยากทิ้งนางไว้ที่ชานเมืองรกร้างนี่ให้รู้แล้วรู้รอด ปล่อยนางให้ตายไปตามยถากรรม

“ท่านใต้เท้าไม่คิดจะถามไถ่หน่อยหรือว่า ครึ่งค่อนวันมานี้กระหม่อมถูกรังแกกลั่นแกล้งมามากแค่ไหน”

เมื่อเฟิงอู๋โยวเห็นจวินมั่วหรันกำลังจะย่างเท้าเดินก็รีบพุ่งเข้าไปกอดขาเขาแน่นไม่ให้เขาเดิน

ก่อนหน้านี้ นางเพิ่งคิดว่าจวินมั่วหรันชั่วร้ายอย่างนั้น เหี้ยมโหดอย่างนี้

แค่เมื่อเทียบกับคนใจดำอย่างไป๋หลี่เหอเจ๋อแล้ว ถึงจวินมั่วหรันจะชั่วร้าย แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่รับไหวและรับมือง่ายกว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อ

อย่างน้อยเขาก็ไม่คิดจะให้บุรุษหลายคนรุมโทรมทำลายความบริสุทธิ์ของนาง

จวินมั่วหรันแค่นเสียงหึในลำคอ “มีใครแกล้งคนอย่างเจ้าได้”

“ทำไมจะไม่มี”

“ไหนลองบอกมาสิ”

จวินมั่วหรันดูท่าทางกระปรี้กระเปร่าของนางก็รู้ว่านางไม่ได้ตกเป็นฝ่ายถูกกลั่นแกล้ง

แต่เขาก็อยากฟังนาง เพราะครึ่งค่อนวันว่านี้นางกับไป๋หลี่เหอเจ๋อคลุกคลีกันอยู่ตลอด!

“ก่อนหน้านี้กระหม่อมคิดว่าจะไปรอต้อนรับท่านใต้เท้าที่ประตูวังหลวง แต่ใครจะไปคิดว่าจะเจอกับชายชุดดำที่ดูเหมือนจะเป็นคนของขุนนางบางคนในราชสำนักที่หมายชีวิตของกระหม่อม”

“พูดต่อ”

เรื่องของขุนนางในราชสำนัก จวินมั่วหรันรู้ตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังระบุตัวได้แล้วว่าเป็นขุนนางจิ้น ซึ่งก่อนที่จะมาที่นี่ จวินมั่วหรันได้สั่งคนไปจับภรรยาที่รักของขุนนางจิ้นมาตัดนิ้วไปหนึ่งนิ้วเพื่อแก้แค้นให้เฟิงอู๋โยวไปแล้ว

ดังนั้น เขาจึงไม่ค่อยสนใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเรื่องนี้เท่าไร

เขาแค่อยากรู้ว่า เฟิงอู๋โยวกับไป๋หลี่เหอเจ๋อได้ทำอะไรที่แนบชิดสนิทใกล้อย่างเกินเลยหรือไม่

“หลังจากนั้น กระหม่อมได้พลั้งมือฆ่าเขากลับ ท่านใต้เท้าคงไม่ถือโทษโกรธกระหม่อมหรอกนะขอรับ”

เฟิงอู๋โยวรู้สึกใจหวิวขึ้นมา นางเป็นคนจากแคว้นเป่ยหลีที่ลี้ภัยอยู่ที่แคว้นตงหลิน แต่กลับสังหารคนของขุนนางในราชสำนัก นางกลัวว่าจวินมั่วหรันจะโกรธจนอาจถึงขั้นให้นางชดใช้ด้วยชีวิต

จวินมั่วหรันมองสีหน้าเจือแววหวั่นใจของนาง อยู่ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะโค้งตัว ใช้แผ่นหลังบังฝนให้นางที่กำลังเงยหน้ากอดขาตัวเองอยู่ ก่อนพูดขึ้นเสียงอ่อน “ทำได้ดีมาก เล่าต่อได้”

“เล่าต่อ? อ่อ…หลังจากนั้นกระหม่อมถูกไป๋หลี่เหอเจ๋อวางยาสลบ”

เมื่อเฟิงอู๋โยวพูดถึงเรื่องที่ตัวเองถูกวางยาสลบ ดวงตาก็ผุดแววอาฆาตขึ้นมาทันที

จวินมั่วหรันนั่งลงฟุบในบัดดล สองมือกำไหล่ของนางแน่นพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงดุดัน “เขาทำอะไรเจ้า”

“เขาจับกระหม่อมมาทิ้งที่ถ้ำขอทาน เพื่อต้องการวาดบันทึกภาพกระหม่อมตอนถูกรุมโทรมขอรับ”

เฟิงอู๋โยวพูดขึ้นอย่างโมโห นางไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าไฉนต้องเล่าให้จวินมั่วหรันฟัง

นางไม่ใช่พวกอ่อนแอปวกเปียก และก็รู้ว่าจวินมั่วหรันเป็นพวกอารมณ์ไม่ปกติ แต่จิตใต้สำนึกของนางกลับเชื่อใจเขาและต้องการระบายให้เขาฟัง

ยิ่งไปกว่านั้น การที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายครั้งนี้ นางกลับนึกถึงเขาขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด

จวินมั่วหรันจ้องมองนางอยู่นาน จากนั้นน้ำเสียงพร่าแหบทุ้มต่ำก็ดังขึ้น “ถูกกลั่นแกล้งแล้วสินะ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *