เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 188 ห้องลับในเรือนฟู่

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 188 ห้องลับในเรือนฟู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 188 ห้องลับในเรือนฟู่

ณ เรือนฟู่ที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงแห่งแคว้นตงหลิน

ไป๋หลี่เหอเจ๋ออุ้มเฟิงอู๋โยวในสภาพผมเผ้ากระเซิง พร้อมกับกระโดดข้ามกำแพงด้านหลังเข้ามาในเรือน

เขาตรงเข้าไปในห้องนอนของฟู่เย่เฉิน ปลดภาพวาดทิวทัศน์ด้วยน้ำหมึกบนผนังลง และกดปุ่มกลไกเปิดประตูห้องลับอย่างคุ้นเคย จากนั้นก็พาตัวเฟิงอู๋โยวเข้าไปในห้องลับทันที

เขาวางเฟิงอู๋โยวลงบนเตียงหินเบาๆ มือหนาใหญ่ของเขาลูบไล้ผมดำสีน้ำหมึกของนางไปมา

ในห้องลับขนาดใหญ่ มีเพียงตะเกียงน้ำมันแขวนอยู่บนผนัง แสงไฟจึงมัวสลัวเป็นพิเศษ

แต่ในสายตาของไป๋หลี่เหอเจ๋อ แสงสลัวทำให้เฟิงอู๋โยวแลดูอ่อนโยนและสงบสุข ขับเสน่ห์ของนางให้ดูน่าหลงใหลมากขึ้นเป็นกอง

มือของเขาลูบไล้ดวงตาที่ปิดสนิทของนาง เลื่อนลงมาที่ริมฝีปากบางๆ แต่สุดท้ายก็ผละมือออกเมื่อมันสัมผัสกับลูกกระเดือกที่ยื่นออกมาเล็กน้อยตรงกลางคอ

“เฟิงอู๋โยว เจ้าคิดว่าข้าจะทำร้ายเจ้าได้ลงคอหรือ อันที่จริง หากเจ้ายอมรับในตัวข้า ข้าสามารถทำได้ดีกว่าจวินมั่วหรันหลายเท่า”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อขึ้นไปบนเตียงหินและตะแคงนอนข้างๆ นาง แล้วกระซิบ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าคงมีแต่ช่วงเวลาที่ยากลำบากสินะ”

หลังจากรู้ว่านางเป็นผู้หญิง ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็พอจะจินตนาการออกมาชีวิตที่ผ่านมาของนางต้องผ่านความยากลำบากมามากแค่ไหน

ถ้านางให้โอกาสเขา เขาจะโอบนางไว้ในมือของเขาและดูแลให้ดีที่สุด

น่าเสียดายที่เฟิงอู๋โยวไม่ต้องการเช่นนั้น

ไม่นานเฟิงอู๋โยวก็ลืมตาขึ้น ดวงตาหรี่ปรือมองเพดานที่มีใยแมงมุม “ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย”

นางพยายามลุกขึ้น แต่ก็ตกใจเมื่อเห็นไป๋หลี่เหอเจ๋อนอนอยู่ข้างๆ ลมหายใจของเขาสงบเงียบเป็นยิ่งนัก

เฟิงอู๋โยวขยับหนีไปที่ขอบเตียงทันที จากนั้นก็ก้มหน้าสำรวจร่างกายตัวเองอย่างละเอียด

ไป๋หลี่เหอเจ๋อที่หลับตาอยู่ สัมผัสได้ว่าเฟิงอู๋โยวกลัวถูกเขาละเมิดลวนลาม จึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

ทั่วทั้งแคว้นตงหลิน จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่สามารถต้านทานเสน่ห์อันเย้ายวนของไป๋หลี่เหอเจ๋อได้

และคนนั้นก็คือเฟิงอู๋โยว ความสุขหล่นทับตัวทั้งที แต่ยังไม่ยอมด่ำดื่มไปกับมัน

หรือว่าคนอย่างเขาไม่อาจตอบสนองนางได้

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เมื่อรู้ว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่ได้ทำอะไรนางในขณะที่หมดสติ ก้อนหนาทึบที่ผุดขึ้นมากลางคอก็หายไป ภายในใจรู้สึกโล่งขึ้นมาทันที

นางมองไป๋หลี่เหอเจ๋อผู้หล่อเหลา ที่นิ่งสุขุมราวกับเทพบุตร ถูกเนรเทศด้วยสายตาเย็นชา และเมื่อนึกถึงการกระทำแสนชั่วช้าที่เขาทำ นางก็โกรธขึ้นมาทันที “เจ้าสารเลวหน้าเนื้อใจเสือ! วันนี้ข้าจะแทงเจ้าให้ตาย!”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ขาของไป๋หลี่เหอเจ๋อก็กระตุกอย่างหงุดหงิดขึ้นมา

เขาอยากเตะนางให้ตกเตียง แต่อยู่ๆ กลับมีความหวังริบหรี่เกิดขึ้นในใจของเขาอย่างอธิบายไม่ถูก

บางทีนางอาจจะปากร้ายไปแบบนั้น แต่ไม่คิดจะตัดใจลงมือทำร้ายเขาจริงๆ

ไม่ว่านางจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่านางเป็นผู้หญิงไปได้

แล้วผู้หญิงทั่วไปก็มักจะมีนิสัยอ่อนโยน หัวอ่อน ไร้เดียงสา ใจดีและเห็นอกเห็นใจไม่ใช่หรือ

แต่แล้วสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาก็เกิดขึ้น ขณะที่เฟิงอู๋โยวตกใจ นางได้เอื้อมไปหยิบแจกันดอกไม้ข้างเตียงและปาใส่เป้ากางเกงของเขาอย่างเต็มแรง

เพล้ง!

แจกันดอกไม้แตกกระจายคาเป้ากางเกงทันที

ทำให้ชุดคลุมสีพื้นของไป๋หลี่เหอเจ๋อเริ่มมีเลือดซึมออกมาเป็นดวง

“ไอ้สารเลว! คิดจะลวนลามข้า เป็นหมันไปเสียเถอะ!”

“เฟิงอู๋โยว เจ้าทำตัวน่าผิดหวังจริงๆ” ไป๋หลี่เหอเจ๋อค่อยๆ ลืมตาเจือแววเซื่องซึมขึ้น

เขาหลุบมองรอยเลือดที่ซึมออกมาและพยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้ มือข้างหนึ่งกุมหน้าท้อง ส่วนอีกข้างก็พยุงตัวเองลุกนั่งบนเตียง “หากบังอาจลงมือกับข้าอีก ข้าจะตัดขาเจ้า”

เฟิงอู๋โยวเหลือบไปมองรอยเลือดบนเป้ากางเกงของเขา ก่อนพูดเหน็บ “เจ้าแน่ใจหรือ เจ้าเองไม่ใช่หรือที่เป็นฝ่ายถูกตัดขาที่สามไปก่อน”

“…”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อถูกเฟิงอู๋โยวยั่วโมโหเข้าแล้ว เขาคว้าข้อมือของเฟิงอู๋โยวเอาไว้จนแทบมองตามไม่ทัน ก่อนกระชากนางเข้ามาใกล้ๆ ตัวเอง

“เฟิงอู๋โยว ทำตัวดีๆ หน่อย”

“ไป๋หลี่เหอเจ๋อ ทางที่ดีควรหัดพูดภาษาคนเสียบ้าง ต่อให้ข้าจะเก่งรอบด้านแค่ไหน แต่ข้าก็ฟังภาษาหมาไม่รู้เรื่อง”

“ทุกคนล้วนคิดว่าเจ้าตายคากองเพลิงไปแล้ว แม้แต่จวินมั่วหรันก็ยังเชื่อเรื่องนี้ ครั้งนี้ไม่มีใครมาช่วยเจ้าแล้ว เข้าใจหรือไม่” ดวงตาชั่วร้ายของไป๋หลี่เหอเจ๋อจ้องมองใบหน้าเจือรอยแสยะยิ้มของเฟิงอู๋โยว เขาอยากจะเห็นแววหวาดกลับบนใบหน้าของนาง ทว่าจ้องอยู่นาน ใบหน้าของนางกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

เฟิงอู๋โยวปริปากเอ่ยเสียงแผ่วเบาไพเราะ “ไป๋หลี่เหอเจ๋อ เจ้าอย่าดูถูกข้านัก ต่อให้ไม่มีใครมาช่วย เจ้าคิดว่าข้าช่วยตัวเองไม่ได้หรือ”

“ช่วยตัวเอง? ก็ถ้าเจ้ายอมสยบต่อข้าก็อาจเป็นไปได้ ถ้าไม่เช่นนั้น ชาตินี้ก็อย่าหวังจะได้ย่างเท้าออกไปจากห้องลับนี้”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อรู้สึกขำในใจ ดูเหมือนว่านางจะไม่รู้ว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ปากเก่งแบบนี้หรอก

เฟิงอู๋โยวแสยะยิ้มอย่างดูถูก “คนปัญญาอ่อนเพ้อฝัน สยบต่อหมูหนึ่งตัวยังดีกว่าสยบต่อเจ้า”

“…”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อคิ้วขมวดเป็นปม เขาไม่คิดว่าในใจของเฟิงอู๋โยวจะมองว่าตัวเองจะต่ำต้อยกว่าหมูหนึ่งตัว

ประหนึ่งเวลาหยุดชะงัก

เขากระชับชับข้อมือนางแรงขึ้น

เฟิงอู๋โยวรู้ดีว่าหากตัวเองพูดเอาใจไป๋หลี่เหอเจ๋อสักหน่อย เขาคงยอมปล่อยตัวเองแต่โดยดี

แต่ความดื้อรั้นและหยิ่งในศักดิ์ศรีของนางไม่อนุญาตให้นางทำแบบนั้น

ผ่านไปสักพัก เมื่อไป๋หลี่เหอเจ๋อเห็นนางไม่ยอมอ่อนข้อให้ จึงปล่อยมือนางออกอย่างจนปัญญา เผยให้เห็นรอยแดงช้ำที่ข้อมือเล็กๆ ของนาง “ต้องให้ข้าใช้ไม้แข็งแล้วเจ้าถึงจะยอมเชื่อฟังข้าเช่นนั้นหรือ”

“ไป๋หลี่เหอเจ๋อ เจ้าทำร้ายข้าแบบนี้ มันทำให้เจ้ารู้สึกประสบความสำเร็จนักเช่นนั้นหรือ”

“ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายเจ้า แต่แค่หวังว่าสักวันหนึ่งจะกำจัดความพยศในตัวเจ้าออกไปได้ เพื่อเปลี่ยนให้เจ้าเป็นกระต่ายน้อยที่อบอุ่นและว่านอนสอนง่ายก็เท่านั้น”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อชำเลืองมองไป๋หลี่เหอเจ๋อที่ดูสะบักสะบอมแต่ยังคงเปล่งปลั่งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็โคจรพลังภายในขึ้นรอบๆ ตัวนาง ก่อนฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางจนจนขาดวิ่นในชั่วพริบตา

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *