เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 311 เข้าใจผิด / 312 หนอนบ่อนไส้

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 311 เข้าใจผิด / 312 หนอนบ่อนไส้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 311 เข้าใจผิด / ตอนที่ 312 หนอนบ่อนไส้

ตอนที่ 311 เข้าใจผิด

“ตามที่กล่าวมา? เช่นนั้นข้าขอดูด้วยตัวเองแล้วกัน”

ทันทีที่น้ำเสียงจวินมั่วหรันสิ้นสุดลง เขาก็ยื่นมือล้วงเข้าไปในชุดคลุมของเฟิงอู๋โยวอย่างคุ้นเคยทันที

“ปล่อยนะ”

ในราชรถที่ไม่กว้างมาก แม้เฟิงอู๋โยวอยากดิ้นรนขัดขืน แต่กลับทำไม่ได้

ก่อนหน้านี้ นางต้องการปล่อยให้เรื่องเลยตามเลย

แต่ตอนนี้ นางไม่คิดแบบนั้นแล้ว

นางคิดในใจว่าจวินมั่วหรันมีนิสัยรักสะอาดอยู่เล็กน้อย แม้เขาจะไม่ได้พูดออกมาต่อหน้า แต่ภายใจในจะต้องขยะแขยงอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ สายตารังเกียจของเขาตอนที่บังคับให้ดื่มโอสถคุมกำเนิด ทำให้นางรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก

ที่น่าหดหู่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนต้องมาอยู่ในราชรถเดียวกัน!

หากเคลื่อนไหวมากกว่านี้แล้วล้อราชรถหลุดออกจากกัน ตัวราชรถ ‘โคลงเคลง’ และแตกเป็นชิ้นๆ ขึ้นมาจะทำเยี่ยงไร

แววไม่เข้าใจฉายสะท้อนในดวงตาสีดำประกายทองของจวินมั่วหรัน แต่มือของเขายังคงไม่ถอนออก “ไฉนเจ้าถึงไม่ยอมแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อคืน เจ้ายัง…”

เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ เฟิงอู๋โยวก็รู้สึกสติหลุดล่องลอยเสมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง

เมื่อคืน นางเพิ่งจะจูบริมฝีปากของเขาก่อนที่จะแยกจากกัน

แต่ไฉนหลังจากนั้นถึงกลายเป็นเรื่องอุกอาจ!

ขณะที่กำลังสับสนอยู่นั้น อยู่ๆ เขาก็คว้านางไปในอ้อมกอด

“เฟิงอู๋โยว ข้าสามารถให้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการได้ ใช่ว่าข้าไม่คิดจะมอบสิ่งนั้นให้เจ้า แต่ไฉนเจ้าถึงรีบร้อนไปหาคนอื่นก่อนแบบนี้”

“เซ่อเจิ้งหวาง ที่นี่คือบนราชรถ”

เฟิงอู๋โยวรู้จักนิสัยของจวินมั่วหรันเป็นอย่างดี หากต่อต้านเขาตอนนี้ก็เท่ากับราดน้ำมันลงบนไฟ

ถอยหนึ่งก้าว ทะเลกว้างฟ้าโปร่ง[1]

เป็นอย่างที่คิด จวินมั่วหรันเห็นว่านางไม่ขัดขืน อารมณ์ก็เริ่มดีขึ้น

“ข้าสัญญาว่าหลังจากนี้จะไม่ปฏิเสธเจ้าอย่างไร้เหตุผล เจ้าก็ต้องสัญญากับข้าด้วยว่าจะไม่ถูกพวกปีศาจจิ้งจอกหน้าไหนมาหลอกลวง”

“เซ่อเจิ้งหวาง เจ้าไม่ต้องฝืนตัวเองก็ได้”

เฟิงอู๋โยวไม่เข้าใจว่าเหตุใดจวินมั่วหรันยังต้องทนกับเรื่องนี้อยู่

ในจิตใต้สำนึกของนางรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอสำหรับเขา

ยิ่งเขาอ่อนโยนและเอาใจใส่มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกผิดและเศร้ามากเท่านั้น

“ข้าไม่รู้สึกว่ากำลังฝืนตัวเอง”

จริงอยู่ที่ภายในใจของจวินมั่วหรันรู้สึกหงุดหงิด แต่เขาก็ยังยินดีที่จะให้โอกาสนางได้ปรับปรุงตัวเองใหม่

เพื่ออยากให้นางเชื่อว่าตัวเขาไร้ความคับข้องใจแล้ว จวินมั่วหรันจึงปลดผ้าไหมคาดเอวนางเพื่อต้องการใช้ร่างกายตัวเองพิสูจน์

ในหัวของเฟิงอู๋โยวเต็มไปด้วย ‘ค่ำคืนแห่งคำพูดหลอกลวง’ ดังนั้นนางจึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสของเขาอย่างไม่รู้ตัว

นางผลักจวินมั่วหรันออกไป “อย่านะ”

“เล่นตัว?”

“ไม่ใช่ ข้าแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับความรักของเจ้า”

“ข้าให้โอกาสเจ้าแก้ตัวเพียงครั้งเดียว หากมีครั้งหน้า ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตายคามือข้าเอง”

ใช่ว่าจวินมั่วหรันไม่โกรธ แต่เข้าไม่อยากปล่อยนางไปแบบนั้น

ทันทีที่พูดจบ มือข้างหนึ่งของจวินมั่วหรันก็กุมมือทั้งสองข้างของเฟิงอู๋โยวไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็ถอดเสื้อคลุมของนางออก

แต่อยู่ๆ คำพูดกรอกหูของไป๋หลี่เหอเจ๋อก็ผุดวาบขึ้นมาในหัวของเฟิงอู๋โยว

คำพูดของเขาที่ว่า “อู๋โยว นับจากนี้ไป เจ้าเป็นคนของข้า”

เขายังพูดอีกว่า “ในเมื่อเจ้ากับข้าเป็นสามีภรรยากันแล้ว เจ้าควรตัดสัมพันธ์กับเซ่อเจิ้งหวางทิ้ง มิฉะนั้น สักวันเขาจะทอดทิ้งเจ้าเหมือนรองเท้าเก่า และคนที่เสียใจที่สุดก็คือเจ้า”

ดวงตาทรงกลีบดอกท้ออันเฉียบคมของเฟิงอู๋โยวเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

เพี้ยะ!

นางออกแรงผลักจวินมั่วหรันออกไป ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วและตบหน้าเขาอย่างแรง “ปล่อยนะ เจ้าแตะต้องข้าแบบนี้มีแต่จะทำให้ข้ารู้สึกขยะแขยง”

จวินมั่วหรันตะลึงกับฝ่ามือที่ตบเข้ามาอย่างกะทันหันของเฟิงอู๋โยว

เขาจ้องเขม็งเฟิงอู๋โยวที่ดูขยะแขยง ก่อนพูดเน้นขึ้น “ขยะแขยง? เฟิงอู๋โยว เจ้าไม่เคยชอบข้าเลยใช่หรือไม่”

เมื่อเฟิงอู๋โยวตั้งสติกลับมาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองตบผิดคน จึงนึกเสียใจขึ้นทันที

นางมองรอยแดงบนใบหน้าของจวินมั่วหรันพลางรีบอธิบาย “ไม่ใช่ ข้าเกิดหน้ามืดตามัวขึ้นมา คิดว่าเจ้าเป็นไป๋…”

ก่อนที่เฟิงอู๋โยวจะพูดจบ จวินมั่วหรันก็พุ่งลงจากราชรถและจากไปด้วยความโกรธเสียแล้ว

ตอนที่ 312 หนอนบ่อนไส้

“ท่านใต้เท้า เข็มขัดคาดเอวของท่านหลุดแล้ว”

เมื่อเห็นเช่นนี้ จุยเฟิงจึงรีบกระโดดลงจากราชรถ หยิบผ้าผ้าไหมคาดเอวบนพื้นและรีบตามจวินมั่วหรันไปอย่างรวดเร็ว

เถี่ยโส่วแลดูนิ่งสงบมาก ทั้งที่เห็นจวินมั่วหรันกระโดดออกจากราชรถอย่างกระฟัดกระเฟียด แต่เขายังคงควบราชรถต่ออย่างสุขุม

ในระหว่างนี้ เขาหันศีรษะเหลือบมองเฟิงอู๋โยวที่ว้าวุ่นใจเป็นระยะๆ

“แม่ทัพเฟิง อารมณ์ของท่านใต้เท้าเป็นแบบนี้เสมอ อย่าใส่ใจเลย”

“…”

เฟิงอู๋โยวกลุ้มใจเป็นที่สุด นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดตัวเองถึงเหม่อลอยขาดสติแบบนี้

ครั้งนี้ ไม่นึกว่าจะมองจวินมั่วหรันเป็นไป๋หลี่เหอเจ๋อไปได้

เมื่อเห็นว่านางไม่ตอบ เถี่ยโส่วก็หยุดราชรถ ดวงตาของเขาฉายแววเป็นห่วง “แม่ทัพเฟิง เจ้ารู้สึกไม่สบายหรือไม่”

เฟิงอู๋โยวรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก นางได้แต่ส่ายหัวโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เถี่ยโส่วมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ เขาจึงแอบมุด ‘ผลุบ’ เข้าไปในราชรถ

เขานั่งข้างเฟิงอู๋โยวอย่างระมัดระวัง เกลี้ยกล่อมปลอบโยนนางด้วยเจตนาดี “แม่ทัพเฟิง ท่านใต้เท้าไม่ใช่บุรุษผู้แสนดีเพียงคนเดียวในใต้หล้านี้ จะต้องมีผู้อื่นที่เต็มใจมอบทุกอย่างให้กับเจ้า รักและทะนุถนอมเจ้าไว้ในอุ้งมืออย่างแน่นอน”

ดวงตาทรงกลีบดอกท้ออันเฉียบคมของเฟิงอู๋โยวสั่นไหว นางจ้องหน้าเถี่ยโส่ว

ไฉนวันนี้เถี่ยโส่วถึงดูเหมือนเทพแห่งความรักก็ไม่ปาน อยู่ๆ ก็พูดจามีเหตุผล

นางสัมผัสได้ว่าเถี่ยโส่วกำลังยุแหย่ความสัมพันธ์ของนางกับจวินมั่วหรันอยู่ สัญญาณเตือนจึงเริ่มทำงานขึ้นมาทันที

ผ่านไปครู่หนึ่ง นางสะกดความสงสัยในดวงตาลงและคลี่ยิ้มพริ้มพราว “ที่พูดมาก็ถูก สุดขอบฟ้าทั่วใต้หล้า หาไร้ซึ่งหญ้างาม ใยต้องปักใจเพียงหนึ่งบุหงา[2] “

เถี่ยโส่วมองเฟิงอู๋โยวอย่างงุนงง สีหน้าดูเขินอายเล็กน้อย “แม่ทัพเฟิง เจ้าดูดีมาก”

เฟิงอู๋โยวขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะรู้สึกอึดอัดกับการถูกเถี่ยโส่วมองด้วยสายตาแบบนี้

นางรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างใจเย็น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อคืนข้าเล่นสนุกกับบุรุษถึงเจ็ดคน”

เถี่ยโส่วกะพริบตาปริบๆ ก่อนผละสายตาออกไปอย่างไม่รู้ตัว “ข้าไม่รู้”

“ไฉนเจ้าต้องเครียดขนาดนี้ ข้าแค่อยากจะชวนเจ้ามาสนุกด้วยกัน”

ดวงตาของเถี่ยโส่วเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขาหยิกใบหน้าตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ “แม่ทัพเฟิง เจ้าพูดจริงหรือ”

รอยยิ้มที่มุมปากของเฟิงอู๋โยวลุ่มลึกขึ้น นางหยิบจี้ที่คอออกมาด้วยความเร็วดุจสายฟ้าและใช้โอกาสนี้สะกดจิตเขา

นางสงสัยเถี่ยโส่วมานานแล้ว

เมื่อวานนี้ ดอกเบญจมาศสีขาวที่ประดับทั่วโรงเตี๊ยมหลิงเทียนเป็นฝีมือของเถี่ยโส่ว

นางคิดในใจ ในเมื่อเถี่ยโส่วสามารถเป็นทหารองครักษ์เงาส่วนตัวของจวินมั่วหรันได้ เขาคงไม่โง่เขลาถึงขนาดทำเรื่องเล็กน้อยไม่สำเร็จ

ที่ผ่านมา เถี่ยโส่วเป็นคนไม่แตกฉานในด้านอารมณ์ความรู้สึก แต่ในด้านอื่นๆ ถือว่าเป็นหนึ่งในล้าน

ทว่าตั้งแต่เมื่อวาน อยู่ๆ เถี่ยโส่วกลับทำตัวแปลกไปราวกับว่าถูกสับเปลี่ยนจิตใจ

นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อจะคาดการณ์เอาไว้แล้วว่านางจะต้องปรากฏตัวที่โรงเตี๊ยมหลิงเฟิง ดังนั้นเขาจึงเตรียมนายบำเรอรูปงามทั้งหกคนที่ดูคล้ายจวินมั่วหรันเอาไว้ขึ้นแสดงบนเวทีเป็นพิเศษ

เฟิงอู๋โยวรู้สึกสะกิดใจ ดูเหมือนว่าจะมีข้อตกลงลับระหว่างเถี่ยโส่วกับไป๋หลี่เหอเจ๋อ

ด้วยเหตุนี้ เฟิงอู๋โยวจึงคิดจะสะกดจิตเถี่ยโส่วในช่วงที่เขาไม่ทันระวังตัวและอ่อนแอที่สุด

อย่างไรก็ตาม มันไม่ง่ายเลยที่จะสะกดจิตทหารองครักษ์เงาที่มีจิตใจแกร่งกล้า

โชคดีที่เถี่ยโส่วชื่นชอบเฟิงอู๋โยวมาตลอด หลังจากที่ได้ยินคำเชื้อเชิญจากนาง เขาก็สุขใจจนลืมทุกอย่างและตกหลุมพรางของเฟิงอู๋โยวในที่สุด

เมื่อสะกดจิตเถี่ยโส่วได้สำเร็จ เฟิงอู๋โยวจึงถามขึ้นช้าๆ “เมื่อคืนนี้เจ้าอยู่ที่ไหน”

“เมื่อคืนนี้ ข้าได้รับคำสั่งจากท่านใต้เท้าให้นำองครักษ์เงาไปไปเฝ้าระวังรอบเรือนแพทย์พยากรณ์”

“เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่าเฝ้าอยู่ข้างนอกเรือนแพทย์อยู่ตลอด”

เถี่ยโส่วส่ายหัวพลางพูดเสียงต่ำ “ข้าวางยาพี่น้องของข้าและวางยาตัวเอง เป็นเหตุให้หลับไม่ได้สติจนกระทั่งตอนเช้า”

“ไฉนต้องทำเช่นนี้” ดวงตาของเฟิงอู๋โยวเป็นประกาย นางรีบถามขึ้น

“ไป๋หลี่เหอเจ๋อบอกว่าขอเพียงข้าเชื่อฟังคำสั่งของเขา เขาก็มีวิธีที่จะทำให้ข้ากลายเป็นคนของเจ้า”

“ดังนั้น เจ้าก็เลยเชื่อคำพูดของไป๋หลี่เหอเจ๋อ แล้วปล่อยให้เขาเข้ามาในเรือนแพทย์กระนั้นหรือ” เฟิงอู๋โยวพูดเสียงสูงตอนท้ายประโยค นางโกรธจนอยากจะถีบยอดหน้าเถี่ยโส่ว

เถี่ยโส่วส่ายหน้า “จำไม่ได้แล้ว ข้าจำไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดข้าถึงรับปากกับไป๋หลี่เหอเจ๋อ”

จำไม่ได้?

เฟิงอู๋โยวเริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้มันซับซ้อนกว่าที่นางคาดเดาไว้มาก

บางที เถี่ยโส่วอาจถูกควบคุมจิตใจโดยไป๋หลี่เหอเจ๋อ

แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาว่างมาสนใจเรื่องยิบย่อย

นางถามขึ้นตรงประเด็น “เจ้ารู้หรือไม่ว่า ไป๋หลี่เหอเจ๋อทำอะไรกับข้าเมื่อคืนนี้”

“ไป๋หลี่เหอเจ๋อสัญญาว่าเขาจะไม่ทำร้ายเจ้า เขาเพียงต้องการแยกเจ้าออกจากท่านใต้เท้า หลังจากได้รับคำสัญญาจากเขา ข้าจึงส่งเขาและนายบำเรอทั้งหกคนเข้าไปในเรือนแพทย์”

“จำได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น”

เฟิงอู๋โยวสามารถยืนยันได้แล้วว่า ตัวนางไม่ได้เป็นเหมือนความทรงจำในหัวที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับไป๋หลี่เหอเจ๋อ

เรื่องนี้จะต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่นอน

เถี่ยโส่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่กระนั้นก็ยังส่ายหัว “ข้าจำไม่ได้ หลังจากนั้น ข้ากับเหล่าพี่น้องก็อยู่ในภวังค์หลับไหล และไม่ตื่นจนกระทั่งรุ่งสาง”

เฟิงอู๋โยวกระวนกระวายใจ สิ่งที่นางสนใจมากที่สุดคือเมื่อคืนนี้นางได้ทำอะไรกับไป๋หลี่เหอเจ๋อหรือไม่

แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ เถี่ยโส่วกลับให้คำตอบอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

“ไอ้สารเลว! ไสหัวลงจากราชรถเดี๋ยวนี้ จงดื่มปัสสาวะสิบจิน[3] แล้วค่อยกลับมา” เฟิงอู๋โยวโกรธจัด นางถีบเขากระเด็นออกจากราชรถทันที

เถี่ยโส่วยังคงตกอยู่ในภวังค์การสะกดจิต ราวกับว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวด เขาเดินกะโผลกกะเผลกไปในทางตรงกันข้าม

ปากยังคงพึมพำเสียงต่ำ “ดื่มปัสสาวะสิบจิน…”

เฟิงอู๋โยวพยายามปะติดปะต่อเบาะแสที่กระจัดกระจายอยู่ในหัวของนาง ดูเหมือนความจริงใกล้จะเปิดเผยแล้ว

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน เรื่องลวงหลอกตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อเป็นคนสร้างสถานการณ์ขึ้นมา

อีกทั้งการที่โหรวโหรวพยายามวิ่งไล่ตามราชรถ และจงใจพูดว่า “ท่านชายสุดยอดมาก ท่านชายอึดทนนานมาก” ก็ดูเหมือนพยายามเตือนความทรงจำของนาง แต่ในความเป็นจริงแล้วตัวนางกับพวกเขาไม่เคยมีความสัมพันธ์อย่างว่ามาก่อน

ไม่ว่าโหรวโหรวจะเป็นมาเยี่ยงไร ในขณะนี้ เฟิงอู๋โยวตระหนักได้แล้วว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรอย่างหน้ามืดตามัวกับบุรุษรูปงามทั้งหก หมอกควันอันขมุกขมัวภายในใจของนางนางก็พลันสลายไปเกินครึ่ง

แต่ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็ยังคงเป็นหนามในใจของนางอยู่

นางรังเกียจไป๋หลี่เหอเจ๋อยิ่งกว่านายบำเรอทั้งหกเสียอีก

[1]ถอยหนึ่งก้าว ทะเลกว้างฟ้าโปร่ง หมายถึงการแก้ปัญหาแบบประนีประนอมยอมถอยคืนละหนึ่งก้าว เมื่อถอยคนละก้าว ย่อมมีมุมมองที่กว้างขึ้น

[2]สุดขอบฟ้าทั่วใต้หล้า หาไร้ซึ่งหญ้างาม ใยต้องปักใจเพียงหนึ่งบุหงา หมายถึงคนบนโลกนี้มีตั้งมากมาย ทำไมต้องมายึดมั่นในการรักคนคนเดียว (ซึ่งเขาก็ไม่ได้รักเรา) คำพูดนี้ก็เพื่อให้คนอกหักรู้จักปลงและปล่อยวาง

[3]1 จิน เท่ากับครึ่งกิโลกรัม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด