เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 143 จุดอ่อนของอาเจ๋อ

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 143 จุดอ่อนของอาเจ๋อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 143 จุดอ่อนของอาเจ๋อ

ผู้คนรอบๆ ยืนมุงดูจี้มั่วจื่อเฉินที่นอนอยู่บนเตียงแน่นิ่งอย่างงุงงง เสียงซุบซิบดังระงมไม่ขาดสาย

“องค์ชายเฉินติดโรคดอกหลิวจริงๆ หรือ?!”

“แต่ประเด็นคือเขาเลือกที่จะมารักษาที่เรือนแพทย์พยากรณ์ แทนที่จะเป็นแพทย์หลวง!”

“จริงอย่างที่เขาพูด หน้าด้านย่อมไร้พ่าย”

“พวกเจ้าคิดว่าหมอวิเศษเฟิงจะสามารถรักษาโรคดอกหลิวให้องค์ชายเฉินได้จริงๆ หรือไม่”

“ได้ยินมาว่า หมอวิเศษเฟิงเป็นถึงแม่ทัพที่มีชื่อเสียงในแคว้นเป่ยหลี แล้วเขาจะรู้ศาสตร์การแพทย์ได้เยี่ยงไร บางทีอาจขี้โม้ไปอย่างนั้น”

เฟิงอู๋โยวได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของผู้คนรอบข้าง นางจึงแย่งไม้ตีกลองมาจากมือชิงหลวนและลั่นกลองไปสามครั้ง

เมื่อบรรยากาศกลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง นางจึงค่อยๆ เอ่ยปากพูดขึ้น “เพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีแก่การเปิดเรือนแพทย์พยากรณ์วันแรก ข้าตัดสินใจจะทำการรักษาองค์ชายเฉินที่ป่วยเป็นโรคดอกหลิวเรื้อรังจนอาการทรุดหนักให้ทุกคนดูเป็นขวัญตา!”

แปะๆๆ

“ดีเยี่ยม!”

“หมอวิเศษสำแดงอิทธิฤทธิ์!”

ชิงหลวนปรบมือโห่ร้อง แล้วผู้คนที่ยืนดูอยู่รอบๆ ก็พากันปรบมือตาม

เฟิงอู๋โยวยืนพูดเสียงดังฟังชัดท่ามกลางฝูงคน “ขอให้ทุกคนจับตามองให้ดี เพื่อเป็นสักขีพยานแก่อาการเจ็บป่วยขององค์ชายเฉินที่จะดีขึ้นหลังจากนี้และจะกลับมาลุกผงาดได้อีกครั้ง!”

เมื่อคนดูได้ยินเช่นนั้นก็พากันจดจ้องไปที่เป้ากางเกงขององค์ชายเฉินอย่างไม่ละสายตา

ณ ห้องสำราญชั้นสองของหอนางโลม

ฟู่เย่เฉินกับไป๋หลี่เหอเจ๋อนั่งอยู่ริมหน้าต่าง พวกเขาทั้งสองมองดูเฟิงอู๋โยวที่กำลังแทงเข็มเข้าเนื้ออย่างเชี่ยวชาญอยู่ด้านหน้าเรือนแพทย์พยากรณ์

“เห้อ…เฟิงอู๋โยวช่างมีความสามารถล้นเหลือจริงๆ! การใช้เข็มของเขาทั้งรวดเร็วและแม่นยำ” ฟู่เย่เฉินยิ้มมุมปาก แววตากึ่งยิ้มซุกซ่อนความสนใจอยู่รำไร

นิ้วมือได้รูปของไป๋หลี่เหอเจ๋อจับประคองแก้วชา สีหน้าเจือแววห่างเหินบางๆ

เขาเหลือบมองเฟิงอู๋โยวอย่างเงียบๆ มุมปากรั้นขึ้นเองอย่างไม่รู้ตัว

ฟู่เย่เฉินสังเกตเห็นไป๋หลี่เหอเจ๋อจึงทักท้วงขึ้น “อาเจ๋อ เจ้าดูผิดปกติ”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อนิ่งเงียบไม่เอ่ยตอบ เขาจิบชาต่อด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

รอยยิ้มฟู่เย่เฉินฉายแววชั่วร้ายราวกับปีศาจที่เพิ่งผุดขึ้นมาจากโลกโลกีย์ “อาเจ๋อ เข้าคงไม่ได้สนใจในตัวเฟิงอู๋โยวอยู่ใช่หรือไม่”

“ยุ่งย่าม”

ฟู่เย่เฉินเห็นสีหน้าของไป๋หลี่เหอเจ๋อขรึมลงเล็กน้อย จึงถูจมูกอย่างเกงกาง “โทษที ลืมไปแล้วว่าเจ้าไม่ชอบผู้ชาย”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อได้ยินเช่นนี้ก็นึกถึงความลับที่ว่าเฟิงอู๋โยวเป็นผู้หญิงขึ้นมา นอกจากสาวรับใช้ข้างกายนางแล้ว มีเพียงเขาคนเดียวที่ล่วงรู้ความลับนี้ ภายในใจพลันครึมใจขึ้นมารำไร

ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ไป๋หลี่เหอเจ๋อจึงค่อยๆ เอ่ยปากพูด “ก็อย่างที่รู้ เฟิงอู๋โยวค่อนข้างเป็นคนพิเศษ”

“พิเศษตรงไหน ในใจของเจ้าแล้ว ระหว่างข้ากับเขาใครสำคัญกว่ากัน”

“อาเฉิน เจ้าก็รู้ว่าคนอย่างข้าไม่คู่ควรกับความรัก”

ฟู่เย่เฉินได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็ผุดแววเศร้าขึ้นมา

ตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนหน้า หลังจากฟู่เย่เฉินช่วยชีวิตไป๋หลี่เหอเจ๋อออกมาจากทะเลเพลิง เขาก็กลายเป็นคนที่ชอบพูดจาดูถูกตัว เอง ทำเหมือนตัวเองไม่คู่ควรกับสิ่งใดทั้งสิ้นบนโลกนี้

“อาเจ๋อ หากเจ้าชื่นชอบเฟิงอู๋โยว ข้าจะหักปีกทั้งสองข้างของเขาแทนเจ้าเอง”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่ค่อยพูดขัดฟู่เย่เฉินเท่าไร แต่ครั้งนี้กลับกัน “ไม่จำเป็น นกขมิ้นหรือจะน่าหลงใหลเท่านกกระทาป่า”

ฟู่เย่เฉินยิ้มเจือจาง “ก็ใช่”

ณ ชั้นบนสุดของหอนางโลม จวินมั่วหรันยืนเอามือไพล่หลังและมองดูร่างเล็กๆ ของเฟิงอู๋โยวอย่างไม่ละสายตา

เขาสงสัยว่าเฟิงอู๋โยวทำไมถึงเปลี่ยนไปราวกับคนละคน

จากข้อมูลที่ซือมิ่งกับเถี่ยโส่วรวบรวมมา ก่อนหน้านี้เฟิงอู๋โยวเอาแต่ฝึกทหารอยู่ในค่ายทหาร

แล้นางเอาเวลาที่ไหนไปเรียนวิชาการแพทย์เช่นนี้

ดวงตาดำสนิทของจวินมั่วหรันจ้องมองเฟิงอู๋โยวอย่างไม่ละสายตา ความสนใจในตัวนางเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เป็นเวลาราวหนึ่งถ้วยชา เฟิงอู๋โยวก็ถอนเข็มถอนเข็มเงินหลายเล่มออกจากร่างกายจี้มั่วจื่อเฉินอย่างจดจ่อ

หลังจากนี้ นางก็ปลดผ้าปิดตาและผ้าอุดหูจี้มั่วจื่อเฉินออก “องค์ชายเฉิน รู้สึกเยี่ยงไรบ้าง”

จี้มั่วจื่อเฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ดวงตาหรี่ปรือเนื่องจากยังปรับสภาพกับแสงรอบๆ ได้ไม่ทัน

เขายังไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แต่ก็เอ่ยปากตอบไป “รู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก!”

เมื่อเสียงคำตอบของจี้มั่วจื่อเฉินดังขึ้น ชิงหลวนก็พาผู้คนรอบๆ ปรบมือ

เฟิงอู๋โยวยืนตัวตรงก่อนหันกลับไปยืนที่ขั้นบันไดที่หน้าประตู “เรือนแพทย์พยากรณ์ รักษาโรคร้ายสำหรับเพศชายโดยเฉพาะ! หัตถาศักดิ์สิทธิ์แห่งอู๋โยว รักษาได้ทุกโรค!”

ทันทีที่เสียงของนางสิ้นสุดลง ผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็พากันตะโกนคล้อยตาม

แล้วเสียงตะโกนโห่ร้องก็ดังกระหึ่มขึ้นทันที

“หัตถาศักดิ์สิทธิ์แห่งอู๋โยว รักษาได้ทุกโรค!”

“หัตถาศักดิ์สิทธิ์แห่งอู๋โยว รักษาได้ทุกโรค!”

จี้มั่วจื่อเฉินโมโหจนตัวสั่นเทิ้ม เขารีบเอามือปิดเป้ากางเกงและถลึงตาใส่เฟิงอู๋โยว “ข้าเคยทำให้เจ้าไม่พอใจหรือ ถึงต่อให้ข้าเคยขุดหลุมศพบรรพบุรุษเจ้าขึ้นมา เจ้าก็ไม่ควรแกล้งข้าถึงขนาดนี้!”

“องค์ชายเฉิน การฝังเข็มสกัดจุดเป็นเพียงแค่การห้ามไม่ให้เชื้อลุกลาม โอสถรักษาโรคของท่านยังอยู่ในมือข้า ดังนั้นโปรดพูดจาระวังหน่อย” เฟิงอู๋โยวพูดพลางตบไหล่จี้มั่วจื่อเฉิน จากนั้นก็ขยิบตาให้ชิงหลวน

ชิงหลวนเข้าใจทันที นางยืนห่อสมุนไพรโอสถให้จี้มั่วจื่อเฉินอย่างเคารพ “ขอองค์ชายเฉินได้โปรดรับไว้ด้วยเจ้าค่ะ”

“พวก พวกเจ้า…”

จี้มั่วจื่อเฉินพูดไม่ออก บอกไม่ถูกเหมือนมีก้อนเลือดติดอยู่ที่คอ

เฟิงอู๋โยวเดินเข้ามาข้างๆ จี้มั่วจื่อเฉินและบอกให้เขาโน้มตัวมาใกล้ๆ “ขยับเข้ามาใกล้ๆ หน่อย ข้ามีเรื่องต้องบอกท่าน”

“เจ้าคิดจะทำอะไรให้ข้าเสียหน้าอีก? !”

จี้มั่วจื่อเฉินงึมงำ ใบหน้าที่ขาวซีดแดงก่ำขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

“ทำข้อตกลงกันหน่อยเป็นเยี่ยงไร”

ดวงตาดำขลับของเฟิงอู๋โยววาวประกายขึ้น ขนตางอนยาวสัมผัสโดนกกหูจี้มั่วจื่อเฉิน ทำเอาจี้มั่วจื่อเฉินซาบซ่านไปทั้งตัวพร้อมกับใจสั่นขึ้นมาอย่างแปลกๆ

จี้มั่วจื่อเฉินผละตัวไปด้านหลังเล็กน้อย ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ข้อตกลงเรื่องอะไร”

“ข้าจะช่วยสืบเรื่องคนที่วางแผนทำร้ายท่าน ส่วนท่านใช้ร่างกายของท่านเป็นเครื่องหมายการค้าและการรับรองประสิทธิภาพการรักษาให้เรือนแพทย์พยากรณ์เป็นเยี่ยงไร”

จี้มั่วจื่อเฉินส่ายหัวปฏิเสธทันควัน “เจ้าคิดว่าหนังหน้าข้าเป็นหนังวัวหนังควายกระนั้นหรือ หากเป็นเครื่องหมายรับรองประสิทธิภาพการรักษาให้เรือนแพทย์ของเจ้า แล้วหน้าตาข้าจะเอาไปไว้ไหน!”

“เห้อ! หน้าตาคืออะไร มันมีชีวิตและมีค่ามากกว่าชีวิตท่านกระนั้นหรือ ก็ได้ ไม่เอาก็ไม่เอา” ดวงตาเฟิงอู๋โยวผุดแววเจ้าเล่ห์ ก่อนกดเสียงต่ำพูด “เพราะถึงอย่างไร ผู้คนทั่วแคว้นตงหลินก็รู้กันแล้วว่าท่านติดโรคดอกหลิว สู้ให้ยอมรับว่าตัวเองติดโรคอย่างกล้าหาญ ดีกว่าทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ บางทีอาจมีสตรีผู้เพียบพร้อมหลงรักในความกล้าหาญและจริงใจของท่านก็เป็นได้”

“ที่พูดมาก็มีเหตุผล”

จี้มั่วจื่อเฉินตอบกลับไป จากนั้นก็รับห่อโอสถสมุนไพรมาจากมือชิงหลวน ก่อนถามเฟิงอู๋โยว “พรุ่งนี้ต้องมาฝังเข็มสกัดจุดอีกหรือไม่”

เฟิงอู๋โยวพยักหน้า “มาก่อนยามเหมา”

“ยามเหมา? เจ้าตื่นเช้าขนาดนั้นเชียวหรือ ตื่นมาขันแทนไก่หรือกระไร”

“ท่านไม่คิดว่าข้าก็อยากตื่นสายๆ บ้างหรือ ข้ายังต้องทำงานหาเงินเลี้ยงปากท้อง!”

เฟิงอู๋โยวบ่นอุบ พอนึกถึงเรื่องที่ต้องไปสอนวาทศิลป์แต่งกลอนให้จุยเฟิงที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวางก็รู้สึกปวดขมับขึ้นทันที

บนชั้นสูงสุดของหอนางโลม สายตาของจวินมั่วหรันยังคงจ้องมองเฟิงอู๋โยวที่ยังคงกระซิบอยู่ข้างหูจี้มั่วจื่อเฉินไม่หยุด ทำให้ไฟอิจฉาโหมกระพือขึ้นในใจ

เขาปลดจี้หยกที่คาดอยู่กับเข็มขัดออกมาและขว้างใส่จี้มั่วจื่อเฉินทันที

ฟิ้ว!

จี้หยกพุ่งแหวกอากาศจนเกิดเสียงลมเสียดสี

เมื่อได้ยินเสียงนั่น เฟิงอู๋โยวก็ผละตัวหลบอย่างฉับไว เข็มเงินใต้แขนเสื้อพลันพุ่งใส่จวินมั่วหรันแทบจะในเวลาเดียวกัน

จี้มั่วจื่อเฉินสัมผันได้ถึงอันตรายที่พุ่งเข้ามาเช่นกัน แต่หน้าเสียดายที่เขาช้าไปหนึ่งก้าว

เขาถูกจี้หยกปาใส่จนหัวแตกเลือดอาบ

“เชี่ย! ไอ้สารเลวตัวไหนที่กล้าทำกับข้าแบบนี้ โผล่หัวมาเดี๋ยวนี้!” จี้มั่วจื่อเฉินกุมศีรษะเงยหน้ามองไปยังชั้นบนสุดของหอนางโลม

จวินมั่วหรันยืนจับเข็มเงินเงาวาวของเฟิงอู๋โยวพลางมองจี้มั่วจื่อเฉินอย่างเย็นชา เรียวปากขยับพูด “เจ้าโง่”

“อาหรัน?”

เสียงของจี้มั่วจื่อเฉินเปลี่ยนเป็นอ่อนนุ่มยวบยาบทันที “อาหรัน เจ้าอย่าได้เข้าใจผิดไปไย ข้าไม่ได้มาหาเรื่องเฟิงอู๋โยว”

จวินมั่วหรันแค่นเสียงหึในลำคอก่อนหันกลับไปและคืนหายไปกับความมืด

“หน้าไม่อาย! บังอาจมาซุ่มโจมตีคนอย่างข้า!”

เฟิงอู๋โยวบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็หันกลับไปคว้าตัวชิงหลวนเข้าเรือนอย่างรวดเร็ว “ไปกันเถอะ! กลับไปนอนกับข้า”

จวินมั่วหรันยังไม่ไหนไม่ไกล เขาได้ยินที่เฟิงอู๋โยวพูด มวลความโมโหผุดขึ้นกลางอก ชายแขนเสื้อโบกสะบัด แถบกระเบื้องมุงหลังคาพลันปลิวกระเจิง

ฟู่เย่เฉินเงยหน้ามองหลังคาที่พร้อมจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ ก่อนยิ้มอย่างชั่วร้ายพูดขึ้น “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจวินมั่วหรันจะมีมุมนี้กับเขาด้วย”

“เฟิงอู๋โยวกลายเป็นจุดอ่อนของจวินมั่วหรันไปแล้ว” ไป๋หลี่เหอเจ๋อพูดเสียงขรึม

“อาเจ๋อ เจ้าไม่เคยคิดบ้างหรือ บ้างทีเฟิงอู๋โยวก็อาจเป็นจุดอ่อนของเจ้าด้วยเช่นกัน” ฟู่เย่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

ตั้งแต่เขารู้ว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อมอบเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกให้เฟิงอู๋โยว เขาก็รู้แล้วว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อเริ่มใจสั่น

“หากมีวันนั้นจริงๆ ข้าจะเป็นคนจบชีวิตของเขาด้วยมือข้าเอง” ต่อให้ไม่อยากทำ แต่เขาก็สามารถลงมือฆ่านางได้

ฮัดชิ้ว!

เฟิงอู๋โยวจามติดต่อกัน ก่อนบ่นอย่างหัวเสีย “ไอ้จวินมั่วหรันตัวดีกำลังด่าข้าอยู่แหงๆ!”

ชิงหลวนหัวเราะคิกคัก “นายหญิงเจ้าคะ ชิงหลวนรู้สึกว่าถึงแม้เซ่อเจิ้งหวางจะหัวรุนแรงไปหน่อย แต่ก็ดูเป็นห่วงนายหญิงเหมือนกันนะเจ้าคะ”

“เขาคิดแต่เรื่องลวนลามข้าและคิดแต่จะตีก้นข้า! ข้าไม่อยากบอกใครเรื่องนี้ น่าอายชะมัด”

“นายหญิงลองคิดดูสิเจ้าคะ ถ้าเซ่อเจิ้งหวางไม่ชอบนายหญิงจริงๆ แล้วทำไมต้องให้เงินกระดาษมากมายขนาดนั้นด้วย หากเขาไม่ชอบจริงๆ แล้วทำไมวันๆ ต้องคิดแต่เรื่องลวนลามนายหญิง”

ชิงหลวนพูดปลอบเฟิงอู๋โยวเสียงเล็กเสียงน้อย “นายหญิง เซ่อเจิ้งหวางไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ท่านบอก บางทีเขาอาจคิดว่านายหญิงน่ารักน่าหลงใหล แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าใกล้ทำตัวกระชับมิตรกับท่านเยี่ยงไร ดังนั้นเขาเลยตีก้นท่านเพราะหมั่นเขี้ยวและเผลอทำอะไรเกินเลยกับท่านก็เป็นได้ นอกเหนือจากนี้ คนอื่นใช้ไม้กระบองตี แต่เขาใช้มือตี นายหญิงไม่เห็นความแตกต่างจริงๆ หรือเจ้าคะ”

เฟิงอู๋โยวฟังที่ชิงหลวนวิเคราะห์อย่างละเอียด อยู่ๆ ก็ขนลุกซู่ขึ้นมา จากนั้นนางก็โต้กลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มือเขาแค่ข้างเดียวก็สามารถทำลายกำแพงแข็งหนาได้แล้ว! น่ากลัวกว่าไม้กระบองอีก”

ชิงหลวนได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ภายในใจครุ่นคิด…วันหลังต้องไปหารือเรื่องนี้กับจุยเฟิงเสียแล้ว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *