เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 284 พลั้งมือ
ตอนที่ 284 พลั้งมือ
“ความแค้นและบุญคุณ? เกรงว่าจะมีแต่ความแค้นไม่รู้จบ ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีบอกข้าที พวกเรามีบุญคุณต่อกันตั้งแต่เมื่อใด”
ใบหน้าของเฟิงอู๋โยวปรากฏรอยยิ้มจางๆ แต่กลับไม่ปรากฏขึ้นที่ดวงตา
เป่ยถางหลงถิงที่คิดถึงแต่เรื่องล้างแค้นให้เป่ยถางหลีอิน พูดอย่างเดือดดาล “เมื่อคืนเจ้ายอมรับการกระทำอันชั่วช้าของเจ้ากับปากตัวเอง! ไม่ใช่ข้าที่ได้ยินอย่างชัดเจนคนเดียว แต่องครักษ์ส่วนตัวทั้งสิบสองคนของข้าก็ได้ยินเช่นกัน วันนี้หากเจ้าไม่รับผิดชอบต่อบุตรีหัวแก้วหัวแหวนของข้า ข้าจะทวงคืนความรับผิดชอบจากเจ้าเอง”
ดวงตาเรียวยาวของเฟิงอู๋โยวหรี่ลง สะท้อนท่าทางที่ไม่เกรงกลัว “ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีได้ยินผิดไปหรือไม่”
“ทั้งที่เจ้าสารภาพกับปากตัวเองเมื่อคืนแท้ๆ ยังกล้าแก้ตัวน้ำขุ่นๆ อยู่อีกหรือ”
เป่ยถางหลงถิงตบโต๊ะด้วยความโกรธ เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดตระกูลเฟิงถึงมีคนหน้าไม่อายอย่างเฟิงอู๋โยว
“เมื่อคืนข้ายอมรับเรื่องอะไร ในทางกลับกัน เจ้าเป็นฝ่ายบุกเรือนพำนักของข้าพร้อมกับบุรุษร่างกำยำหลายสิบคนอย่างไร้เหตุผล ทั้งยังมีเจตนาเค้นความผิดด้วยการทรมานข้า แม้ข้าจะกล้าหาญและต่อสู้เก่ง แต่หนึ่งหมัดหาสู้สี่กรไหว เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบ ข้าจึงต้องยอมรับในสิ่งที่ไม่เคยทำอย่างไม่มีทางเลือก” เฟิงอู๋โยวยักไหล่และพูดขึ้นอย่างฉะฉาน
“ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลี เฟิงอู๋โยวเป็นหัวหน้าแม่ทัพทหารม้าแห่งแคว้นตงหลิน เจตนารีดเค้นความผิดด้วยการทรมานจึงเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง” ใบหน้าของจี้มั่วอิ้นเหรินฉายแววเย็นชาและจริงจัง สะท้อนรังสีอำนาจที่ไม่อาจรุกรานได้
“ฮ่องเต้แห่งแคว้นตงหลิน ถ้าไม่ให้คำอธิบายแก่ข้าในวันนี้ ข้าจะฉีกข้อตกลงสงบศึกระหว่างแคว้นตงหลินและแคว้นเป่ยหลีในทันที”
เป่ยถางหลงถิงคิดแต่จะปกป้องบุตรี เขารู้ดีว่าเมื่อทั้งสองแคว้นทำสงครามกัน เมืองหลวงของแคว้นตงหลินที่ตั้งอยู่ติดกับเขตชายแดนและเป็นเป้าหมายโจมตีแห่งแรก
สำหรับแคว้นเป่ยหลี หากพิชิตเมืองหลวงแคว้นตงหลินได้ก็เท่ากับพิชิตทั้งแคว้นตงหลินได้
“เมื่อสงครามสงบลง เป่ยถางหลีอินจะตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนอย่างแน่นอน หากฝ่าบาทต้องการให้ภาพลักษณ์ของนางคือสตรีเลอโฉม ผู้เป็นต้นเหตุหายนะแห่งยุคสมัยก็สามารถฉีกข้อตกลงสงบศึกได้เลย” ไป๋หลี่เหอเจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงเยือกและชัดเจนในทุกคำพูด
เป่ยถางหลงถิงจ้องมองไป๋หลี่เหอเจ๋อและพูดโต้กลับอย่างดุเดือด “ท่านราชครูไป๋หลี่โปรดระวังคำพูดและการกระทำด้วย อินเอ๋อร์จะเป็นสตรีเลอโฉมผู้เป็นต้นเหตุหายนะแห่งยุคสมัยได้เยี่ยงไร ตั้งแต่นางเกิดมา แคว้นเป่ยหลีก็ลมพัดโบก ฝนฟ้าตกต้องตามฤดู ทั่วแคว้นสงบสุข ราษฎรร่มเย็นเป็นสุข นางคือดาวแห่งโชคลาภที่มาจุติต่างหาก”
ฟู่เย่เฉินแค่นเสียงเอ่ย “เคราะห์ร้ายให้โชคลาภ ในความสุข ทุกข์ซ่อนอยู่ โชคลาภและโชคร้ายเป็นของคู่กัน เป่ยถางหลีอินจะเป็นดาวแห่งโชคลาภหรือดาวแห่งหายนะ ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับทัศนคติของฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลี”
เป่ยถางหลงถิงไม่คิดมาก่อนว่า เฟิงอู๋โยวที่มาอยู่ในแคว้นตงหลินได้เพียงหนึ่งเดือนจะถูกข้าราชบริพารของแคว้นปกป้องขนาดนี้
แม้ว่าเขาจะไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่เขาก็ทนเห็นบุตรีของเขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างเสียเปล่าเช่นนี้
หลังจากไตร่ตรองเรื่องนี้หลายรอบ เขายังคงยืนยันในความคิดเห็นของตัวเอง ยังยืนหยัดเรียกร้องให้จี้มั่วอิ้นเหรินตัดสินสำเร็จโทษเฟิงอู๋โยว “ฮ่องเต้แห่งแคว้นตงหลิน ข้าผู้นี้หาได้ต้องการชีวิตของเฟิงอู๋โยวไม่ แต่ในเมื่อผู้ปกครองทำผิดก็ต้องรับโทษเช่นเดียวกับราษฎร ข้าแค่หวังว่าในเมื่อเฟิงอู๋โยวทำผิดก็ควรจะได้รับบทเรียน”
จี้มั่วอิ้นเหรินกำลังตกที่นั่งลำบาก ขณะกำลังจะขอความช่วยเหลือจากจวินมั่วหริน เฟิงอู๋โยวก็เดินไปด้านหน้าเป่ยถางหลงถิงเสียแล้ว
นางตบโต๊ะต่อหน้าเขา “เป่ยถางหลงถิง เจ้าประพฤติตัวน่าผิดหวังจริงๆ”
“เฟิงอู๋โยว เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าเมื่อคืนไม่ได้ไปที่งานแสดงของสภาบุหงา” เป่ยถางหลงถิงไม่รู้ว่าความผิดหวังจากปากของเฟิงอู๋โยวหมายถึงอะไร เขายังคงเค้นถามนาง
“ข้าสามารถยืนยันได้ว่าเฟิงอู๋โยวไปที่งานแสดงของสภาบุหงาเมื่อคืนนี้ ยิ่งกว่านั้น เฟิงอู๋โยวคือสตรีผ้าปิดหน้าที่เป็นผู้ชนะในการแสดงของสภาบุหงาเมื่อคืนที่ผ่านมา”
เฟิงอู๋โยวยังไม่ได้ตอบกลับ หยุนเฟยไป๋ก็เดินเข้ามาด้านในท้องพระโรงแล้ว
เขาสงบและเยือกเย็น คำพูดน่าเชื่อถือมากจนขุนนางพลเรือนเริ่มสงสัยในตัวตนของเฟิงอู๋โยว
แม้ว่าสตรีผ้าปิดหน้าที่เข้าร่วมงานแสดงของสภาบุหงาจะไม่ได้เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมาเมื่อคืนนี้ แต่รูปร่างสูงเพรียวสง่างาม อีกทั้งราศีที่แผ่ซ่านออกมาจากทั่วร่างของนาง แค่เห็นแวบแรกก็รู้แล้วว่านางงดงามน่าทึ่งที่สุดในโลกปุถุชน
แต่เฟิงอู๋โยวมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา หางตาเรียวเฉี่ยวมักผุดแววเหยียดหยามอยู่เป็นประจำ ดูเหมือนพวกลูกท่านหลานเธอที่คุ้นเคยกับการเสพสำราญตามสถานเริงรมย์มากกว่า
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจเชื่อมโยงเฟิงอู๋โยวกับสตรีผ้าปิดหน้าผู้มีพรสวรรค์อย่างน่าอัศจรรย์ที่ปรากฎตัวขึ้นมาในงานแสดงของสภาบุหงาเมื่อคืนนี้ได้
เฟิงอู๋โยวหันกลับมาอย่างรวดเร็ว จ้องมองหยุนเฟยไป๋อย่างเย็นชา นัยน์ตาสีม่วงอ่อนวิบไหว รังสีชั่วร้ายแผ่กระจาย “องค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉิน จินตนาการของท่านสูงส่งเหลือเกิน”
หยุนเฟยไป๋ไม่ร้อนรนใจ ไม่รำคาญใจ เขาหันไปถามจวินมั่วหริน “ขอถือวิสาสะถามเซ่อเจิ้งหวาง เมื่อคืนข้าเห็นว่าท่านหลงใหลสตรีผ้าปิดหน้ายิ่งนัก ไฉนวันนี้ไม่เห็นพาสตรีผู้นั้นมาด้วย หรือว่าเฟิงอู๋โยวกับสตรีผ้าปิดหน้าเป็นคนๆ เดียวกัน”
เมื่อหยุนเฟยไป๋พูดขึ้นเช่นนี้ ทุกคนก็เริ่มสงสัย
จะว่าไปก็ถูก จวินมั่วหรินเป็นคนไม่มักมาก รักสันโดษมาโดยตลอด ไฉนเมื่อวานนี้ถึงหลงใหลสตรีที่ไม่รู้จัก
บางทีเฟิงอู๋โยวกับสตรีผ้าปิดหน้าผู้นั้นอาจมีความเกี่ยวข้องกันจริงๆ
จี้มั่วจื่อเฉินตะโกนใส่หยุนเฟยไป๋ “เจ้าทำตัวรู้มากจริงๆ! หากเซ่อเจิ้งหวางเล่นสนุกกับสตรีผ้าปิดหน้าจนเบื่อแล้ว ไฉนต้องเก็บไว้เคียงข้าง”
จวินมั่วหรินขมวดคิ้ว จากนั้นก็เอ่ยปากอธิบาย “ข้ายังไม่เบื่อ ข้าเป็นคนจริงจังกับเรื่องความสัมพันธ์มาโดยตลอด ใช้คำว่า ‘เล่น’ คงไม่เหมาะสม”
ริมฝีปากของเฟิงอู๋โยวผุดรอยยิ้ม นางพอใจกับคำตอบของเขามาก
หยุนเฟยไป๋โต้ตอบอย่างเยือกเย็น “เซ่อเจิ้งหวาง เหตุใดถึงไม่อนุญาตในเหล่าขุนนางพลเรือนได้ยลโฉมของสตรีผ้าปิดหน้า ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงช่วยแก้ต่างแก่เฟิงอู๋โยวได้ แต่ยังสามารถสนองความอยากรู้อยากเห็นของขุนนางพลเรือนได้ด้วย”
“ไฉนเหล่าขุนนางพลเรือนต้องเกิดความอยากรู้อยากเห็นต่อสตรีของข้าผู้นี้ คิดจะแย่งไปกระนั้นหรือ”
“ข้าไม่ได้หมายความเยี่ยงนั้น”
“แล้วองค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินคิดจะอภิเษกสมรสกับน้องสาวของข้าเมื่อใด” จวินมั่วหรินเปลี่ยนเรื่องเบี่ยงประเด็นไปที่หยุนเฟยไป๋ทันที
“หลังจากงานเลี้ยงบัณฑิตเสร็จสิ้น ข้าจะแห่เกี้ยวหลังใหญ่แปดคนหามเพื่อมาสู่ขอนาง”
เมื่อพูดถึงจวินฝู ใบหน้าของหยุนเฟยไป๋ก็มืดมนลง
แต่ไม่นานก็กลับมาตั้งสติได้ ดวงตาสีม่วงอ่อนจ้องมองไปที่เฟิงอู๋โยว “เฟิงอู๋โยว เจ้ากล้าสาบานต่อท้องฟ้าหรือไม่ว่าเจ้าคือบุรุษ”
เฟิงอู๋โยวยักไหล่ ดวงตาเย็นชาของนางหันไปมองที่เฟิ่งจือหลิน ริมฝีปากเรียวบางเปล่งวาจา “เฟิ่งจือหลิน บุตรชายของเจ้าถูกหาว่าไม่ใช่บุรุษ เจ้าไม่รู้สึกเสียหน้าบ้างหรือ องค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินกำลังด่าเจ้าทางอ้อมว่าไร้น้ำยาที่ให้กำเนิดสัตว์ประหลาดที่ไม่ใช่ทั้งบุรุษและสตรี”
เฟิงอู๋โยว ยั่งโมโหเฟิ่งจือหลินจนหน้าเปลี่ยนสี แต่เขาก็ไม่อยากถูกวิจารณ์ ดังนั้นจึงพูดขึ้นเพื่อเป็นพยานให้กับเฟิงอู๋โยวอย่างไม่เต็มใจ “เจ้าสุนัขตัวนี้โตในค่ายทหารตั้งแต่ยังเด็ก กินนอนเกลือกกลั้วกับพวกทหาร ดังนั้นคือบุรุษตัวจริง”
ทันทีที่เฟิ่งจือหลินพูดสิ่งนี้ออก ใบหน้าของจวินมั่วหรินก็อึมครึมลงทันที
กินนอนเกลือกกลั้วกับพวกทหาร หมายความว่าเยี่ยงไร
เห็นได้ชัดว่าเฟิงอู๋โยวเป็นสตรีที่บริสุทธิ์ดุจหยกขาวพิสุทธิ์
แม้จะได้รับคำรับรองจากเฟิ่งจือหลิน แต่หยุนเฟยไป๋ก็ยังไม่เชื่อ
ดวงตาสีม่วงอ่อนของเขามืดมนลง ทันใดนั้นก็โจมตีฝ่ามือวายุเข้าไปที่เป้าของเฟิงอู๋โยวด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
เฟิงอู๋โยวตอบสนองฉับไว นางเบี่ยงฝีเท้าเอี้ยวตัวหลบฝ่ามือวายุหลายลูก
แต่ลมฝ่าวายุก็รุนแรงมาพอที่จะทำลายเสื้อผ้าบนร่างกายของเฟิงอู๋โยวจนกลายเป็นฝุ่นผง
ขณะนี้ ใต้ต้นขาเหนือรองเท้าหุ้มข้อได้เผยผิวอันขาวนวลดุจหิมะออกมา แลดูน่าหลงใหลยิ่งนัก
เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้นก็พากันสูดลมหายใจเย็นเข้าหนึ่งเฮือก
ท่อนขาที่เรียวสวยไร้ที่ตินี้คือเรียวขาของสตรี
แต่ขณะที่เฟิงอู๋โยวเอี้ยวตัวหลบไปด้านข้าง เหล่าขุนนางพลเรือนในท้องพระโรงล้วนเห็นเป้ากางเกงของเฟิงอู๋โยวเต็มๆ
เฟิงอู๋โยวไม่รู้ว่าตอนที่จวินมั่วหรินเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง เขาเปลี่ยนตำแหน่งของมะเขือยาวให้ดูเหมือนจริงมากขึ้น
แม้ว่าจะถูกคลุมด้วยเสื้อผ้า แต่ก็ไม่อาจปกปิดความรู้สึกสมจริงนั้นได้
“แม่ทัพเฟิงน่าทึ่งจริงๆ!”
“น่าอิจฉา! เขาดูผอมแห้งตัวเล็ก แต่ไฉนหน่วยก้านถึงดีได้ขนาดนี้”
“อือๆๆ ข้าอิจฉาเหลือเกิน”
…
ชั่วพริบตาต่อมา จวินมั่วหริน ไป๋หลี่เหอเจ๋อ และฟู่เย่เฉินต่างพากันถอดเสื้อคลุมของพวกเขาออกและโยนมาให้เฟิงอู๋โยว
จวินมั่วหรินรู้สึกเศร้าใจเป็นที่สุด เรียวขาสวยงามคู่นั้นที่เขายังเห็นไม่ถี่ถ้วน กลับถูกเผยต่อหน้าผู้คนมากมายแล้ว
เฟิงอู๋โยวรีบคลุมเสื้อคลุมสามชิ้นอย่างมิดชิด นางมองไปที่หยุนเฟยไป๋อย่างเยือกเย็น “องค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินจ้องถอดกางเกงของผู้อื่นในที่สาธารณะเช่นนี้ นี่คือวิธีที่ผู้คนในแคว้นหยุนฉินปฏิบัติต่อผู้อื่นกระนั้นหรือ”
“พลั้งมือ”
หยุนเฟยไป๋กัดฟันกรอด เดิมทีเขาต้องการให้เฟิงอู๋โยวขายหน้าต่อหน้าสาธารณะและทำลายชื่อเสียงของจวินมั่วหริน แต่คาดไม่ถึงว่าเฟิงอู๋โยวเป็นบุรุษจริงๆ
“ทำร้ายแม่ทัพทหารม้าแห่งแคว้นตงหลินต่อหน้าสาธารณะในท้องพระโรง ถือเป็นความผิดที่มิอาจให้อภัยได้”
จวินมั่วหรินโกรธจัด มวลอากาศรอบตัวเขาโหมคลั่ง เสื้อคลุมตัวบางโบกกระพือส่งเสียงตามแรงลม
ตู้มๆๆ
ในชั่วพริบตา เขาปล่อยฝ่ามือวายุออกไปสามลูกติดต่อกัน ลูกแรกอัดเข้าไปข้างหลังของหยุนเฟยไป๋ ส่วนลูกต่อๆ มาโจมตีตรงไปที่จุดตายบริเวณหน้าอกของเขา
อั่ก!
หยุนเฟยไป๋หลบไม่ทันจึงถูกฝ่ามือวายุอัดเข้าหน้าอกจนกระอักเลือดออกมา
“เซ่อเจิ้งหวาง ไม่นึกว่าจะกล้าลงมือสังหารอย่างโจ่งแจ้ง!” หยุนเฟยไป๋เงยหน้าขึ้นมา แววอาฆาตในดวงตาของเขาเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
“พลั้งมือ”
จวินมั่วหรินตอบอย่างเฉยเมย หยุนเฟยไป๋ทำให้เฟิงอู๋โยวอับอายในที่สาธารณะ แน่นอนว่าเขาต้องทนไม่ได้
Comments