เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ 175 ถอนพิษ

Now you are reading เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ Chapter 175 ถอนพิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 175 ถอนพิษ

เฟิงอู๋โยวเงยหน้าขึ้นมาสบตาสีดำสนิทแวววาวของจวินมั่วหรันทันที

ดวงตาทรงกลีบดอกท้อของนางเผชิญหน้ากับรังสีทรงพลังของจวินมั่วหรันอย่างไม่เกรงกลัว

นางพูดระรัวเสียงดังฟังชัด “เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นห้ามตี ดุ ฆ่ากระหม่อมหรือทำกับกระหม่อมเหมือนทาส ห้ามเรียกใช้กระหม่อม ห้ามบังคับกระหม่อมและห้ามทำให้กระหม่อมตกใจ”

“…”

จวินมั่วหรันพูดอะไรไม่ออก ทำไมเขาจำไม่ได้ว่าเขาทำอะไรกับนางไปบ้าง

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากบางๆ ก็เปล่งเสียงทุ้มต่ำแฝงมนต์เสน่ห์ออกมา “จะขออะไรอีกหรือไม่”

“ไม่ ไม่มีแล้ว”

ตอนแรกเฟิงอู๋โยวคิดว่าจวินมั่วหรันจะโกรธ แต่นึกไม่ถึงว่าท่าทีของเขาจะเปลี่ยนเป็นราวกับเป็นคนละคน อ่อนโยนมากขึ้นจนไม่อยากจะเชื่อ

หรือว่าจวินมั่วหรันตกหลุมรักนางจริงๆ

เมื่อคิดแบบนี้ แก้มของเฟิงอู๋โยวก็แดงระเรื่อขึ้นมา มือของนางพลันบิดเข้าหากันแน่น ตอนนี้นางไม่รู้ว่าควรจะแสดงสีหน้าออกไปเยี่ยงไร

จวินมั่วหรันมองท่าทางของนาง ตบท้ายทอยนาง “คิดถึงหญิงสาวอีกแล้วหรือ ใบหน้าหื่นกามของเจ้าน่าเกลียดมาก!”

“ท่านใต้เท้าช่างไร้มารยาท ท่านสัญญาแล้วว่าจะไม่ตี ไม่ด่ากระหม่อม รู้หรือไม่ เวลาท่านตบหัวกระหม่อมแบบนี้ มันทำให้กระหม่อมหัวทื่อ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็จับใบหน้าเล็กๆ ของเฟิงอู๋โยวด้วยมือทั้งสองข้าง และยิ้มเป็นเส้นโค้งอย่างน่าหลงใหล “ข้าชิน ขอโทษที”

“นี่ท่าน!”

“เฟิงอู๋โยว นี่เป็นครั้งแรกของข้า”

“อะไร”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วของนางก็กระตุกและรู้สึกผิดขึ้นมาแปลกๆ

นางดึงแขนเสื้อของเขาเบาๆ พลางพึมพำเสียงแผ่ว “มันเป็นเรื่องฉุกเฉินและจำเป็นจริงๆ กระหม่อมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ท่านเป็นยาถอนพิษ”

“หะ?”

จวินมั่วหรันขมวดคิ้วจ้องมองเฟิงอู๋โยวที่ดูเหมือนจะว้าวุ่นใจแปลกๆ

ทำเขาไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด

ก่อนหน้านี้ เขาหมายถึงว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาสนใจใครสักคน และก็เคยชินกับการใช้ความรุนแรง เขารู้ตัวดีว่าต้องปรับตัวแต่ต้องใช้เวลาสักพัก ดังนั้นเขาจึงหวังว่านางจะให้อภัย

“เฟิงอู๋โยว เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร” จวินมั่วหรันไม่เข้าใจ เขาใช้มือทั้งสองข้างจับไหล่ที่ห่อหดของนางและบังคับให้นางมองตาเขา

“มันก็ผ่านมานานมากแล้ว จิตใจของท่านยังไม่สงบลงอีกหรือ อันที่จริง กระหม่อมต่างหากที่เป็นฝ่ายรู้สึกแย่มาโดยตลอด”

เมื่อเห็นสายตาที่หลบเลี่ยงของนาง จวินมั่วหรันก็รู้สึกสงสัย “เจ้ามีอะไรปิดบังข้าหรือ”

“มะ…ไม่มี!”

ในที่สุดเฟิงอู๋โยวก็รู้สึกตัวว่าตัวเองเข้าใจผิด จึงรีบปฏิเสธอย่างราบเรียบกลับไป “กระหม่อมจะมีเรื่องปิดบังลับหลังท่านได้เยี่ยงไร”

“แล้วข้าเป็นไปยาถอนพิษให้เจ้าตั้งแต่เมื่อใด”

“ท่านใต้เท้าหูฝาดไปหรือเปล่า กระหม่อมแข็งแรงดี ทำไมต้องใช้ยาถอนพิษ”

“เมื่อครู่เจ้าพูดเอง” ใบหน้าของจวินมั่วหรันอึมครึมเจือแววสงสัยขึ้นมา

เมื่อไม่รู้ว่าต้องทำเยี่ยงไร เฟิงอู๋โยวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา “ก็ได้ กระหม่อมมีความลับอยากจะบอกท่านใต้เท้าหนึ่งเรื่อง ที่จริงแล้วกระหม่อมเป็นโรค”

เดิมทีจวินมั่วหรันคิดว่าเฟิงอู๋โยวอาจจะเป็นโรคดอกหลิวเหมือนกับจี้มั่วจื่อเฉิน

เขาให้ความสนใจกับอดีตที่เคยผ่านมาของเฟิงอู๋โยว แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะผ่านไปแล้วก็ตาม

ในใจลึกๆ เขาแค่หวังว่าอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของนางจะมีแค่เขาคนเดียว

แต่เขาจะไม่ทำให้นางลำบากเพราะเรื่องในอดีต

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อยู่ๆ เขาก็กอดนางไว้ในอ้อมแขน “อย่าพูดถึงมันอีกเลย ถ้าเจ้าเป็นโรคก็แค่รักษา”

เฟิงอู๋โยวรู้ขึ้นมาได้ทันทีว่าจวินมั่วหรันเข้าใจนางผิดอีกแล้ว นางถอนหายใจอย่างเอือมระอาและคิดว่าความคิดของนางและความคิดของเขาไม่มีวันไปในทิศทางเดียวกันแน่นอน

“ท่านใต้เท้าเข้าใจผิดแล้ว กระหม่อมไม่ได้เป็นโรคดอกหลิว กระหม่อมเป็นโรคชอบกินของแปลก เมื่อเกิดอาการขึ้นมา กระหม่อมจะกินไม่เลือกอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่นานก่อนหน้านี้ โรคกินของแปลกของกระหม่อมเพิ่งจะกำเริบไปและกระหม่อมก็เคี้ยว…ถุงเท้าของท่านไป ขอท่านใต้เท้ายกโทษให้กระหม่อมด้วยขอรับ ดังนั้น ได้โปรดอย่าถือสากระหม่อมเลย”

จวินมั่วหรันรู้สึกหมดคำจะพูด เฟิงอู๋โยวไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นยาถอนพิษ แต่ถุงเท้าของเขาต่างหากที่เป็นยาถอนพิษ

ทันใดนั้น จวินมั่วหรันก็รู้สึกหลากอารมณ์ขึ้นมาทันที

อยู่ๆ ก็อยากถอดรองเท้าและถุงเท้าขึ้นมาดมว่ามีกลิ่นแปลกๆ หรือไม่

ถ้ามีกลิ่นแปลกๆ เฟิงอู๋โยวจะต้องทรมานน่าดู

เฟิงอู๋โยวกลัวว่าจวินมั่วหรันจะถามเรื่อง ‘ยาถอนพิษ’ ต่อ จึงรีบพูดเสริมขึ้น “อันที่จริงกระหม่อมไม่ได้เคี้ยวแค่ถุงเท้าเท่านั้น แต่ยังเคี้ยวรากหญ้าและเปลือกไม้อีกด้วย ตอนแรกรสชาติเหมือนเคี้ยวขี้ผึ้ง แต่แล้วกระหม่อมก็เริ่มชินกับมัน”

“ไม่ต้องอธิบายแล้ว”

จวินมั่วหรันรู้อยู่แก่ใจว่าเฟิงอู๋โยวไม่ได้พูดความจริง

แต่อยู่ๆ เขาก็กังวลว่า หากวันหนึ่งนางพูดความจริงออกมา…แบบนั้นหมายความว่านางตัดสินใจทิ้งเขาไปตลอดกาลหรือเปล่า

สำหรับเรื่องบางเรื่อง หากถามในเวลาที่ยังไม่สุกงอม ผลลัพธ์ที่ออกมามันจะตรงกันข้าม

ดังนั้น เขาจึงเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจและตัดสินใจว่าจะไม่เค้นถามเรื่องสำคัญที่เฟิงอู๋โยวเลือกที่จะไม่พูดอีก

เฟิงอู๋โยวหลุบตาต่ำเพื่อหลบสายตาที่เฉียบคมของจวินมั่วหรัน

สายตาของนางเหลือบไปเห็นคราบเลือดบนชุดคลุมเขาโดยไม่ได้ตั้งใจและพูดอย่างกังวล “ท่านใต้เท้าแผลเปิดอีกแล้วหรือ”

“อืม”

เมื่อเห็นว่าเฟิงอู๋โยวทำท่าเหมือนจะรีบจากไป เขาก็ตื่นตระหนกไปครู่หนึ่งจนลืมตัวไปว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บและขยับตัวมากไม่ได้

“ให้ข้าพาท่านใต้เท้าไปเรือนแพทย์ดีหรือไม่” เฟิงอู๋โยวมองไปที่ชุดคลุมที่เปื้อนเลือด นางกลัวตรงส่วนนั้นของเขาจะใช้การไม่ได้

ขืนปล่อยให้เป็นแบบนั้น เกรงว่านางคงทำบาปมหันต์

ดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า มีความอกตัญญูอยู่สามประเภท ประเภทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการไม่มีผู้สืบสกุล จวินมั่วหรันในฐานะผู้สืบสกุลเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลจวิน หากนางไม่สามารถช่วยตระกูลจวินสืบทายาทได้ นางกลัวว่าบรรพบุรุษของตระกูลจวินจะคลานออกมาจากหลุมฝังศพและขอให้นางช่วยรักษาสุขภาพให้จวินมั่วหรันของพวกเขา

“ไม่จำเป็น”

จวินมั่วหรันปฏิเสธข้อเสนอของนางอย่างเย็นชา

เมื่อเห็นเช่นนี้ เฟิงอู๋โยวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวางมือบนไหล่ของเขาและพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม “ท่านใต้เท้าช่วยมากับกระหม่อมด้วยขอรับ จำไว้ว่าพยายามใช้ขาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“อืม”

จวินมั่วหรันตอบกลับ สายตาจับจ้องไปที่หน้าอกของนาง “เฟิงอู๋โยว เจ้า…”

เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจ้องมองเรือนร่างของอีกฝ่ายมากเกินไป

“มีอะไรหรือ”

เฟิงอู๋โยวมองตามสายตาของเขาลงไป ทันใดนั้นแก้มของนางก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “ไฉนท่านใต้เท้าเอาแต่คิดเรื่องอย่างว่าอยู่ตลอดทั้งวันแบบนี้ กระหม่อมเคยวาดภาพเสมือนให้ท่านแล้วไม่ใช่หรือ”

เมื่ออีกฝ่ายรู้ตัว จวินมั่วหรันก็รู้สึกว่าจะเองทำเสียมารยาทที่มักจะจ้องมองสาบเสื้อด้านหน้าของนางอย่างอดไม่ได้

แต่ถึงอย่างไร เขายังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติบนร่างกายของเฟิงอู๋โยว

หรือว่าเฟิงอู๋โยวจะเป็นโรคร้ายคล้ายๆ กับพวกขันที

เขาเคยได้ยินว่าขันทีบางคนหยิน-หยางไม่สมดุล ทำให้ผิวพรรณของพวกเขาอ่อนนุ่มบอบบางเหมือนผู้หญิง หรืออาจทำให้ร่างกายของพวกเขาพัฒนาไปในทิศทางของผู้หญิง

เฟิงอู๋โยวถูกจวินมั่วหรันจ้องเขม็งจนหัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความตื่นกลัว แต่กระนั้นก็ถลึงตาใส่เขาอย่างหงุดหงิด “ท่านมองจนพอใจแล้วหรือยัง ถ้ายัง คืนนี้มาที่ห้องของกระหม่อม เดี๋ยวกระหม่อมจะให้ท่านดูให้เต็มตา!”

“ได้” จวินมั่วหรันตอบเสียงต่ำ

เขาแหงนมองดวงอาทิตย์ที่แผดเผาบนท้องฟ้าอย่างร้อนรนใจ

กว่าจะถึงเวลานั้น เหลืออีกตั้งหกชั่วยาม

เวลานี้ อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าทำไมเวลามันช่างเดินช้าเหลือเกิน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *