สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 423 ข่าวดีของครอบครัวลู่
บทที่ 423 ข่าวดีของครอบครัวลู่
บทที่ 423 ข่าวดีของครอบครัวลู่
ถงซื่อเป็นห่วง ไม่ยอมให้มู่ซืออวี่กลับไป ยืนกรานให้อยู่ที่โรงหมอถงตั๋วกับนาง
ผิงอันที่อยู่ในวัยกำลังซนกอดขานางไว้ไม่ยอมปล่อย
มู่ซืออวี่ทำได้เพียงอยู่ที่นั่นเพื่อเล่นกับผิงอัน
“ตอนนี้เจ้าตั้งครรภ์แล้ว ยังจะติดตามลูกเขยเข้าเมืองหลวงได้หรือ?” ถงซื่อทำงานเย็บปักอยู่ข้าง ๆ
มู่ซืออวี่ลูบท้องของตน “ค่อย ๆ ดูกันก่อน”
จากสถานการณ์ปัจจุบันของลู่อี้แล้ว นางอาจจะไม่ได้เข้าเมืองหลวงเร็ว ๆ นี้ แต่ถ้านางท้องโต หากตามเขาไประหว่างทาง เกรงว่าจะทำให้การเดินทางของเขาล่าช้าออกไปอีก
หรือว่านางต้องอยู่คลอดที่เมืองฮู่เป่ยเสียก่อน?
เมื่อคิดว่าต้องแยกจากเขาเป็นเวลาหลายเดือน หรือบางทีอาจจะเป็นเวลาหนึ่งถึงสองปี นางก็พลันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาแล้ว
“อาจารย์…” ทังหยวนเดินไปหาท่านหมอจูพร้อมกับยาห่อหนึ่ง “ยาเหล่านี้ผิดปกติขอรับ”
ท่านหมอจูลองดมกลิ่นดู ลิ้มรสด้วยตนเอง จากนั้นจึงเอ่ยเสียงเข้ม “เกิดอะไรขึ้น?”
“เมื่อวานนี้หลี่จี้มาส่งสินค้า เห็นได้ชัดว่าข้าตรวจสอบดูแล้วว่าไม่มีปัญหา” ทังหยวนเอ่ย “ทว่าคนไข้ผู้หนึ่งเข้ามากลางคัน ข้าจึงผละไปจัดยาให้คนไข้คนนั้นครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าตัวยาถูกสับเปลี่ยนตอนนั้นหรือไม่ อาจารย์ เรื่องนี้เป็นข้าจัดการได้ไม่ดีเอง ท่านลงโทษข้าเถอะ อย่าขับไล่ข้าไปเลยนะขอรับ”
“ข้าจะไปหาพวกเขา” ท่านหมอจูเอ่ย “ทังหยวน นำตัวยามา ไปกันเถอะ”
“ฉานอี” มู่ซืออวี่ขานเรียก
ฉานอีเดินเข้ามาหา “เจ้าค่ะฮูหยิน”
“เจ้าตามไปดู อย่าได้ปล่อยให้ท่านหมอจูเสียเปรียบเป็นอันขาด” มู่ซืออวี่กำชับ
ถงซื่อกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก “คงไม่เกิดเรื่องกระมัง”
“ฉานอีตามไปแล้ว ไม่เกิดเรื่องแน่นอน” มู่ซืออวี่เอ่ย “ยามเย็นทานอะไรหรือ?”
มู่ซืออวี่และถงซื่อปรึกษากันเรื่องอาหารมื้อเย็น
หลังจากตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้ว นางและถงซื่อจึงไปซื้อผักที่ตลาด เมื่อกลับมาก็พบว่ามีคนมารวมตัวกันอยู่ที่โรงหมอแล้ว
ท่านหมอจูและคนอื่น ๆ กลับมากันแล้ว
เพียงแค่เห็นใบหน้าฟกช้ำดำเขียวของเขา อีกทั้งลู่อี้และนักการเกาก็อยู่เช่นกัน ก็รู้แล้วว่าคงมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น
“มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันหรือ?” มู่ซืออวี่ถามลู่อี้เบา ๆ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เถ้าแก่ของหลี่จี้เป็นคนปากแข็ง ท่านอาจูไปหาเขา บอกเขาว่าตัวยามีปัญหา อีกฝ่ายกลับยืนกรานว่าลูกน้องของเขาไม่ต้องทำเรื่องเช่นนั้น ทั้งสองคนไม่มีผู้ใดยอมลดราวาศอก เจ้าผลักข้าข้าผลักเจ้า จึงล้มลงทั้งคู่ ข้าง ๆ มีเครื่องมือทำไร่ทำนาอยู่พอดี จึงไปเกี่ยวเอาตอนที่ล้มลงไป จากนั้นพวกเขายังคงโต้เถียงกันต่อ คนงานของหลี่จี้จึงไปแจ้งทางการ ข้าและนักการเกาเผอิญผ่านมาพอดี พวกเราจึงตัดสินคดีให้พวกเขา”
“ความจริงเล่า? ที่แท้มีปัญหาอะไรกันแน่?”
“ความจริงคือหนึ่งในคนงานของหลี่จี้รับผลประโยชน์จากโรงหมอแห่งอื่น จงใจสับเปลี่ยนตัวยาชั้นดี จากนั้นเหลือเพียงตัวยาที่ด้อยกว่าไว้ให้ท่านอาจู เถ้าแก่ของหลี่จี้รู้ความจริงจึงขอโทษขอโพยท่านหมอจูแล้ว”
“แก้ปัญหาได้แล้วก็ดี”
“เมื่อครู่นี้ท่านอาจูบอกข้า” ลู่อี้ดึงมือนางมากุมไว้แน่น “เจ้าตั้งครรภ์แล้ว แต่เจ้าเหน็ดเหนื่อยมากเกินไป ร่างกายจึงได้รับผลกระทบ ดังนั้นเจ้าจะต้องดูแลลูกให้ดี ช่วงนี้อย่าได้โหมทำงานหนัก”
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้สังเกต” มู่ซืออวี่เอ่ย “ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ในเมื่อพบตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว ต่อไปภายหน้าข้าจะต้องดูแลลูกให้ดี ไม่ให้เด็กในท้องของข้าเกิดอะไรขึ้นเพราะข้าเป็นอันขาด”
“ข้าเองก็จะดูแลเจ้าเช่นกัน เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”
ลู่อี้ทำอย่างที่กล่าวไว้ เมื่อใดก็ตามที่เขามีเวลาว่าง เขาจะคอยอยู่เป็นเพื่อนนาง ปัญหาทั้งหลายแหล่เหล่านั้นก็ไม่ให้นางต้องเอ่ยถาม ถึงแม้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มการค้า หากเขาสามารถแก้ปัญหาได้เขาก็แก้ ไม่ให้นางต้องลงมือเอง
ฤดูหนาวครั้งนี้อบอุ่นเป็นพิเศษ เหล่าราษฎรใช้เวลาช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิอย่างมีความสุขที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ครั้นวันปีใหม่มาเยือน เมืองฮู่เป่ยเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ทั่วทั้งเมืองฮู่เป่ยดูครึกครื้นมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ
ลานหรรษาได้มอบส่วนลดมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวันนี้ แต่ละคนสามารถเล่นเครื่องเล่นทั้งหมดได้ด้วยเงินเพียง 10 อีแปะ ผู้คนมากมายหลั่งไหลมาที่นี่เพราะชื่อเสียงอันโด่งดังของมัน มีทั้งจากเมืองเตียนอวี้ เมืองซูโจว แม้กระทั่งจากสถานที่ที่ห่างไกลออกไป
ลานหรรษากลายเป็นจุดท่องเที่ยวชื่อดังที่ต้องมาเยือน ขอเพียงได้ยินเรื่องเกี่ยวกับลานหรรษา ทุกคนล้วนต้องการมาเยี่ยมชมสักครั้ง
ดังนั้น ในวันเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ นักการที่เดิมทีควรหยุดพักผ่อนจึงต้องทำงานล่วงเวลา รั้งอยู่ที่นี่เพื่อคอยจัดระเบียบ หลีกเลี่ยงไม่ให้คนหมู่มากเกิดความวุ่นวายจนทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงตามมา
แน่นอนว่าเหล่านักการไม่ได้ทำงานล่วงเวลาโดยเปล่าประโยชน์ หากทำหน้าที่ในวันนี้ ไม่เพียงแต่ละคนจะได้รับค่าล่วงเวลาหนึ่งตำลึงเงินเท่านั้น ครอบครัวของพวกเขายังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่ลานหรรษาจัดขึ้นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ชิวซวงเอ่ยกับเจิ้งซูอวี้ “คุณหนู คุณชายมาแล้วเจ้าค่ะ”
เจิ้งซูอวี้หันไปมองทางฉินเหวินหาน เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้จึงเห็นว่าข้างกายเขามีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ “คุณชาย บังเอิญเสียจริง”
“ไม่บังเอิญ พวกเรามาเที่ยวเล่นที่นี่โดยเฉพาะเชียวล่ะ” ฉินเหวินหานกล่าว “วันนี้เมืองฮู่เป่ยมีผู้คนเนืองแน่น กลิ่นอายบรรยากาศของปีใหม่เต็มเปี่ยม ช่างเจริญรุ่งเรืองจริง ๆ”
“ใช่แล้ว คุณชายก็อยากเล่นเครื่องเล่นในลานหรรษาหรือ? ข้ามีตั๋วสมาชิกอยู่ ข้าจะมอบให้ จะได้ไม่ต้องไปต่อแถวรอ” เจิ้งซูอวี้กล่าว
“ท่านนี้คงเป็นคุณหนูเจิ้งที่ญาติผู้พี่เคยเอ่ยถึงกระมัง?” จงซู่เซียงเอ่ยขึ้น “ได้ยินชื่อของท่านมานานแล้ว วันนี้ได้พบหน้า เป็นสตรีชั้นยอดดังคาด”
“ผู้นี้คือลูกพี่ลูกน้องของข้า แซ่จง ชื่อซู่เซียง” ฉินเหวินหานเอ่ย “ญาติผู้น้องของข้ามาจากเมืองตงหยวน ได้ยินชื่อเสียงโด่งดังของลานหรรษาเมืองฮู่เป่ย จึงอยากมาดู”
“เช่นนั้นพวกท่านไปเที่ยวเล่นเถอะ ชิวซวง นำบัตรสมาชิกให้คุณชายและคุณหนูจงซะ” เจิ้งซูอวี้เอ่ย “ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ต้องขอตัวก่อนแล้ว”
ฉินเหวินหานมองร่างของเจิ้งซูอวี้ที่เดินจากไป
จงซู่เซียงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพี่ ท่านชมชอบคุณหนูเจิ้งผู้นั้นหรือ?”
“อย่าได้พูดจาไร้สาระ” ฉินเหวินหานเอ่ย “เพียงแค่คิดว่านางพิเศษกว่าสตรีคนอื่น ๆ เท่านั้น”
“ท่านป้าจัดแจงเรื่องแต่งงานให้ท่านแล้ว อีกฝ่ายเป็นถึงคุณหนูตระกูลขุนนางผู้มีชื่อเสียง” จงซู่เซียงกล่าว “คุณหนูเจิ้งท่านนี้เยี่ยมยอดจริง แต่ท่านป้าคงไม่ยินดี”
ชิวซวงมองเจิ้งซูอวี้ “คุณชายท่านนี้หมายความว่าอย่างไรกัน คราก่อนพูดจาใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณหนู วันนี้กลับพาสตรีมาด้วย หรือว่าเขาจงใจทำเช่นนี้?”
“เจ้าคิดมากไปแล้ว” เจิ้งซูอวี้เอ่ย “พวกเราเดิมทีก็มีความสัมพันธ์เพียงร่วมมือกันเท่านั้น”
“หากคุณหนูขุ่นเคือง พวกเราก็ไม่ต้องสนใจเขาแล้ว” ชิวซวงกล่าว “อย่างไรเสียบุรุษล้วนไม่ใช่ของดีอะไร”
เจิ้งซูอวี้หยุดฝีเท้า หันกลับไปมองชิวซวงพร้อมระบายรอยยิ้ม “ถึงแม้ข้าจะไม่เคยคิดถึงปัญหาเรื่องแต่งงาน แต่ก็ไม่เคยคิดว่าบุรุษล้วนไม่ใช่ของดีอะไร อย่างไรเสียก็ยังมีบุรุษเช่นใต้เท้าลู่ ไม่ใช่ว่าบุรุษทุกคนน่ารำคาญ ข้าเพียงแต่คิดว่าชะตาฟ้าลิขิตเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ ไม่ต้องบังคับกะเกณฑ์ หากเป็นของตน ท้ายที่สุดอย่างไรย่อมต้องเข้ามาหาตน”
“กล่าวได้ดีเช่นนี้ อยากไปดื่มด้วยกันสักจอกหรือไม่?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านหลัง
เจิ้งซูอวี้หันหน้ากลับมา จึงเห็นหลี่หงซูที่แต่งกายในชุดนักพรตลัทธิเต๋า
“เจ้าละจากทางโลกแล้ว เหตุใดไม่ประพฤติตนตามกฎเกณฑ์เล่า?”
หลี่หงซูเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ในเมื่อกล้าแม้กระทั่งละจากทางโลก ยังมีสิ่งใดในโลกที่ข้ายังไม่ประจักษ์อีกหรือ? ข้าอยากดื่มสุราก็ดื่มสุรา อยากกินเนื้อก็กินเนื้อ”
Comments