LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 11.1: ไปโรงเรียนครั้งแรก

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 11.1: ไปโรงเรียนครั้งแรก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

***เนื่องจากอยากแปลให้ถึงฉากมันเร้าใจเร้วๆ จะขอสรุปรวดรัดช่วงนี้นะครับ

หลังจากนั้นทั้งสองคนพอลงจากรถไฟ ทีนี้ด้วยความที่มีนักเรียนอยู่เยอะ จะเดินจับมือต่อ คราวนี้ก็ยากละ เพราะยุยเพิ่งจะมาโรงเรียนเป็นครั้งแรก  ยูมะเลยคำนึงว่าถ้าเพิ่งย้านมาถึงแล้วเกิดข่าวลือ เป็นเป้าสายตาเพื่อนคนอื่น ยุยน่าะจะลำบาก เลยต้องปล่อยมือ

  ยูมะกับยุยเลยต้องเลิกจับมือ น้องยุยจะหงอยนิดหน่อย แต่ยูมะจะบอกว่า

“ที่ไม่จับมือ แค่ขาเดินทางมาโรงเรียนด้วยกัน แต่ถ้าขากลับ ตอนคนไม่พลุกพล่าน อยากจะจับมือเดินเหมือนเดิมก็ไม่ว่ากันนะ”

ยุยฟังจบพนักหน้าดีใจตอบรับทันที

พอมาถึงโรงเรียน ก็จะมีประกาศให้นักเรียนที่เพิ่งเข้ามา ไปดูบอร์ดว่าแต่ละคนจะได้อยู่ห้องไหนบ้าง ซึ่งมีโอกาสที่ยุยกับยูมะจะต้องแยกกันเรียนคนละห้อง

“ยูมะ พวกเราได้อยู่ห้องไหนบ้าง”

“ขอไล่หาแปบนะ โอเค รอดละ พวกเราอยู่ห้องเดียวกันครับ”

ยุยสีหน้าแช่มชื่นทันทีเมื่อฟังยูมะพูดจบ

“จ..จริงเหรอ…พวกเราอยู่ห้องเดียวกัน…ไม่ได้โกหกใช่มั้ย”

“อืม ดีใจด้วยนะครับ”

“อืม เพื่อความมั่นใจ ขอดูด้วยตาตัวเองได้มั้ย”

“เอาสิ”

ยุยกับยูมะรอจังหวะที่คนเริ่มเบาบางลง ค่อยๆแทรกกลุ่มคนไปดกระดาษหน้าบอร์ด

ยุยดูชื่อในกระดาษซ้ำไปมาราวกับจะทำให้ตัวเองมั่นใจว่าไม่พลาดและไม่ตาฝาด

“แฮะแฮะ ดีใจจังเลย”

สีหน้ายิ้มแย้มของเธอเป็นรอยยิ้มบริสุทธิ์โล่งอกจากใจจริง เล่นเอายูมะเกือบยื่นมือไปลูบหัวแต่ชะงักทัน เพราะนึกได้ว่าตอนนี้คนอยู่เยอะ

“เป็นไง เชื่อรึยัง”

“อืม ขอบคุณนะ”

“เฮ้อ โชคดีจริงได้อยู่ห้องเดียวกัน”

“อืม พวกเรานี่เจ๋งมากเลยนะ”

“หือ?เจ๋งเรื่อง?”

ยุยหน้าแดง ก้มหน้าหลบสายตา หยิบโทรศัพท์ขี้นมาพิมพ์แชท

“พวกเราบังเอิณเจอกันในเกม บังเอิญเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน บังเอิญที่อายุเท่ากัน พักอาศัยใกล้ๆกัน  เรียนที่เดียวกัน  แถมยังได้เรียนห้องเดียวกันอีก สุดยอดไปเลยนะ”

“เออ พอนายพิมพ์บอกแบบนี้มันก็น่าทึ่งจริง ตีเป็นเปอร์เซ็นต์นี่คือน้อยมากเลยนะที่จะมีโอกาสบังเอิญขนาดนี้”

ยูมะส่งแชทตอบกลับ แต่ยุยยังไม่พิมพ์ตอบสักที หายไปพักหนึ่ง เล่นเอายูมะแปลกใจเลยมองดูเธอ พบว่าเธอหน้าแดง พิมพ์ข้อความจบแล้ว แต่ว่าเหมือนเธอลังเลที่จะกดส่ง นิ้วส่ายไปมา ทว่าสุดท้ายเธอก็หายใจเข้าลึก ก่อนจะกดส่งข้อความ

ข้อความที่โผล่มาในแชทคือ

“อย่างนี้ต้องเรียกว่าพรหมลิขิตสินะ”

ยูมะอ่าแชทจบเล่นเอาใจเต้นแรง หน้าแดงแป้ด ใช้คำว่าพรหมลิขิจเลยเหรอ เขินจัง

ถ้าเป็นเพื่อนหยอกล้อกันเอาฮาคงไม่มีอะไร แต่พอเป็นสาวที่ชอบ ใช้คำว่าพรหมลิขิต มันดูมีความหมายลึกซึ้งมากกว่าปกติ ยิ่งเห็นยุยหน้าแดงขนาดนั้น ยูมะก็มั่นใจว่า คำว่าพรหมลิขิตของเธอคงไม่ได้ใช้เป็นมุกแน่

“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นเนอะ”

ยูมะส่งคำตอบกลับไป ยุยอ่านจบ สีหน้าแดง มีท่าทีเขินอาย ยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาบังหน้าตัวเอง ท่าทางเธอน่ารักมาก หากไม่มีคนรอบข้างอยู่ตอนนี้คงลากมากอดแน่นๆแล้ว

 

กิ๊งก่อง กิ๊งก่อง

 

เสียงออดดังขึ้นเป็นสัญญาณเข้าห้องเรียน

 

****

หลังจากเข้าห้องเรียน วันนี้จะเป็นโฮมรูมวันแรก  ทีนี้ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นอีกนั่นคือ กำหนดที่นั่งว่านักเรียนจะได้นั่งตรงไหน

 

(…ถ้าพระเจ้าจะเล่นตลกขนาดนี้ เอาให้เต็มที่เลยครับ)

สรุปว่า ที่นั่งของยูมะที่ได้คือมุมล่างซ้ายสุดริมหน้าต่าง

 

ส่วนยุย… ที่นั่งของเธอนั่งถัดจากผมด้านขวานี่เอง

ยุยที่รู้ที่นั่งของตัวเอง หน้าแดงยกมือแตะสองแก้มเขินบิดไปมา

ยูมะเองก็ตื่นเต้นหน้าแดงจนไม่กล้าสบตาเธอด้วย

โชคชะตาจะเทพเกินไปแล้วครับ แค่เรียนห้องเดียวกันว่าโหดละ นี่เสกให้พวกผมนั่งข้างๆกันอีก เริ่ดมาก

(จะว่าไป ที่หน้าเธอแดงขนาดนี้ เป็นไปได้มั้ยว่าเธอเริ่มรู้สึกคิดถึงเราในฐานะผู้ชาย…)

 

ไม่หรอกน่า อย่าคิดไปเอง ใจเย็น นี่แค่โชคชะตาดวงดี เธอน่าจะดีใจที่เรานั่งข้างๆเฉยๆ 

 

ทว่า มีเหตุการณ์หนึ่งที่หันเหความสนใจยูมะนั่นคือ

 

“จากนี้จะให้นักเรียนทุกคนแนะนำตัวเองนะคะ”

อาจารย์ประจำชั้นกล่าวจบ ยุยตัวสั่นเทากับคำพูดทันที

“โอเค เริ่มจากเธอคนแรกขวาสุด แนะนำตัวก่อนเลยค่ะ”

นักเรียนทุกคนเริ่มแนะนำตัวตามลำดับจากขวา ง่ายๆว่าพวกยุยกับยูมะจะเป็นคนสุดท้าย

ยุยหน้าซีด หันซ้ายขวาอย่างกังวล

ตอนนี้คนแนะนำตัวไปเรื่อยๆ จนเหลือสามคนสุดท้ายแล้ว

 

ยูมะเห็นสภาพยุยที่กังวล ยื่นมือไปกุมมือเธอเพื่อลดความตื่นตระหนก  ออกแรงบีบเล็กน้อยเป็นภาษากายให้กำลังใจเธอ มือเธอเย็นเฉียบ บอกชัดว่าตื่นเต้นกังวลสุดๆ 

แต่ว่าสำหรับยุย การที่ยูมะกุมมือเธอ ถามว่าอายมั้ย ก็อายแหละเพราะกลัวคนอื่นเห็น แต่มันคือกำลังใจใหญ่หลวง รู้สึกมีความสุขที่เขาเคียงข้างตอนเธออยู่ในสถานการณ์ลำบาก

ถือว่าโชคดีด้วยที่นักเรียนคนอื่นดูจะสนใจการแนะนำตัวของนักเรียนมากกว่าจะมาสังเกตว่ายูมะจับมือยุยอยู่

 

ยุยเลือกออกแรงบีบมือยูมะแน่นกว่าเก่าหนึ่งทีเป็นภาษากายบอกว่า ไม่เป็นไรชั้นพอไหว ก่อนจะปล่อยมือยูมะ

ในที่สุดก็ถึงตายุยแนะนำตัว

สายตาเพื่อนร่วมชั้นทุกคนมองเธอตอนนี้ ทำเอาตื่นเต้น เธอสูดลมหายใจเข้าลึก

 

“คา…คามิชิโร่ ยุยค่ะ….อายุ..15 ปีค่ะ”

เป็นการแนะนำตัวที่ออกจะเปิ่นเล็กน้อย เพราะอยู่ม.ปลายตอนช่วงนี้มันก็ต้องอายุประมาณ15 เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ มีเสียงหัวเราะเล็กๆลอยตามห้อง

 

“คือว่าเรื่องสีผมชั้นเป็นสีธรรมชาตินะคะ แล้วก็เมื่อก่อนตอนเด็ก ร่างกายชั้นอ่อนแอเลยไม่ค่อยได้ไปโรงเรียนค่ะ เพิ่งจะได้มาเรียนในห้องเลยตื่นเต้นมากๆค่ะ แต่ว่าชั้นอยากมีเพื่อนค่ะ ชั้นชอบเกมกับอนิเมะ หากได้เป็นเพื่อนกับทุกคนจะดีใจมากค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ”

ยุยพูดรวดเดียวจบ ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย  ดูเหมือนว่าคำพูดเธอจะสื่อสารกินใจทุกคน มีเสียงตบมือจากในห้องเรียน แถมได้ยินเสียงนักเรียนหญิงบางคนพูดว่า “เธอน่ารักจังเนอะ”

ยุยนั่งเก้าอี้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งใจ

“เหนื่อยหน่อยนะครับ พยายามได้ดีมากครับ”

“อืม..พยายามสุดๆเลย”

ยูมะคิดว่านี่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของยุยเลยสำหรับคนที่เป็นโรคสื่อสารไม่เก่ง ต้องเผชิญสายตาคนรอบข้างและต้องพูดแนะนำตัว ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แม้ว่าเธอจะทำได้เยี่ยม แต่ก็แอบเหงานิดหน่อย นี่สินะความรู้สึกของแม่นกที่เห็นลูกตัวเองบินสู่โลกกว้างได้    

 

“…แต่ก็นะ…ถ้าเทียบกับเมื่อเช้า …อันนั้นใช้ความกล้ามากกว่าอีก”

“เอ๊ะ”

เมื่อเช้าเหรอ หมายถึงตอนเธอชวนเราไปโรงเรียนด้วยกันสินะ  จะว่าไปตอนนั้นยุยก็หน้าแดงด้วยนี่นะ เอาจริงๆถ้าเป็นยุยสมัยแรกเจอ เธอไม่น่าจะกล้าชวนเราด้วยแหละ

 

ว้าว แสดงว่าเธอให้ความสำคัญกับเราขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แค่คิดแล้วยูมะก็รู้สึกใจเต้นรัวด้วยความเขิน ในหัวตอนนี้คิดแต่เรื่องยุย

ทว่า..

“..มะ….ยูมะ….”

“หือ?..มีอะไรเหรอ”

“ถึงตายูมะแนะนำตัวแล้วนะ”

“ห๊ะ”

ยูมะหายเหม่อ มองไปรอบข้าง พบว่าสายตานักเรียนคนอื่นรวมถึงครูประจำชั้นมองเขาเป็นจุดเดียวเลย

 

“เอ้า โทษทีครับ  เอ่อ ผมชื่อสุงิซากิ ยูมะครับ ฝากตัวด้วยครับ”

ปกติเวลาแนะนำตัวต้องมีเนื้อหาอะไรบอกกล่าวเพื่อนๆหรือครูบ้าง แต่ด้วยความที่ตอนนี้หัวยูมะคิดแต่เรื่องยุยเลยนึกไม่ออก กล่าวแนะนำสั้นๆแล้วนั่งเลย

***

หลังจากหมดโฮมรูม วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เหลือแต่แจกชีทตำราเรียนกับอธิบายกฏระเบียบในโรงเรียน เสร็จแล้วก็ปล่อยนักเรียนทุกคนกลับบ้านเลย

 

“ยุย ต่อจากนี้ไปไหนต่อนิ”

“พ่อกับแม่บอกว่าจะรอรับชั้นที่หน้าประตูโรงเรียน ยูมะล่ะ”

“เนเน่ก็บอกว่าให้รอหน้าประตูโรงเรียนเหมือนกัน”

“งั้นเหรอ…ถ้าไม่ติดขัดอะไร ชั้นอยากให้ยูมะไปพบพ่อกับแม่ชั้นจะได้มั้ย”

“หา พ่อแม่ยุยเหรอ”

“อืม พวกท่านบอกชั้นว่าถ้ามีโอกาสอยากให้พาเธอไปแนะนำตัวให้รู้จักสักครั้ง”

“แนะนำตัวเหรอ..”

ก็นะ ตอนปิดเทอม เรากับยุยไปเที่ยวด้วยกันแทบจะทุกวัน ในฐานะพ่อแม่ที่มีลูกสาว ก็ไม่แปลกใจที่ท่านจะต้องอยากเจอหน้าหนุ่มที่พาลูกเขาไปเที่ยวแหละ

แต่เรียนตามตรงว่า ไอ้การไปเจอพ่อแม่ของสาวที่ชอบนี่มัน…เกร็งสุดๆเลยนะ

(แต่ว่าถ้าไม่ไปแนะนำตัวเองเลยก็ไม่ใช้ทางเลือกที่ดีแน่)

….เพราะถ้าเจตนาดีจะกลัวอะไร เกิดไม่ไปแนะนำแปลว่าพ่อแม่ยุยสามารถตีความได้ว่า ผมไม่จริงจัง ล้อเล่นกับความรู้สึกลูกสาวเขาหรือมีเบื้องหลังในใจแอบแฝงก็ได้ 

อีกอย่าง ตัวเราก็ถึงขั้นไปนอนค้างบ้านยุยโดยที่พ่อแม่ยุยยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ทำกันถึงขนาดนี้ ถ้าไม่เคยไปทักทายเลยก็ดูเสียมารยาทชอบกล

สุดท้ายยูมะตัดสินใจเลิอกไปแนะนำตัวให้พ่อแม่ยุยรู้จัก ทั้งคู่เดินไปด้วยกันถึงหน้าประตูโรงเรียน และสักพักก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

“อ๊ะ อยู่นี่จ้า ยูคุง ยุยจัง”

เสียงของพี่สาวยูมะ เนเน่นั่นเอง

หลังจากส่งเสียงเรียก เนเน่กึ่งเดินกึ่งวิ่ง เดินมากอดยุย

“ฮิย้า”

“เหนื่อยหน่อยนะวันนี้ทั้งคุ่เลย ยุยจังไม่ได้มาโรงเรียนซะนาน วันนี้เป็นไงบ้าง  จะว่าไปยุยจังในชุดเครื่องแบบน่ารักมาก ไว้มีโอกาสต้องขอถ่ายรูปเก็บไว้สักใบนะ♥”

 

เนเน่มือหนึ่งกอดยุย อีกมือหนึ่งลูบหัวยุยอย่างอ่อนโยนเปี่ยมด้วยความห่วงใย

เนเน่ถือว่าเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ภาพที่เนเน่ใช้อกอูมๆเอายุยเข้ามาซบ ถือว่าเป็นภาพที่น่ารักหาดูไม่ได้ง่ายๆ เล่นเอาสายตานักเรียนผู้ชายรอบๆที่เห็นเนเน่กับยุยตอนนี้ หน้าแดงเขินและประทับใจ

“เน..คุณเนเน่ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”

“อืม ไม่เจอกันนานเลยเนอะ อืม ฮั่นแน่”

เนเน่สบตากับยุย ส่งสายตายิ้มๆ

“ม..มีอะไรรึเปล่าคะ”

“ยุยจังช่วงที่เราไม่ได้เจอกัน ไปทำอะไรมา รู้สึกน่ารักขึ้นนะ”

“…เอ๋?..ไม่ได้ทำอะไรนะคะ คิดว่านะ”

“จริงเหรอ ดูนุ่มนิ่มน่ากอดมากกว่าเก่า น่ารักจากเมื่ออดีตสามเท่าเลยน้า น่ารักสุดๆเลยจ้า”

“ข..ขอบคุณมากค่ะ”

ยุยหลบสายตาเนเน่เพราะความเขิน แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวว่ายิ่งทำแบบนี้ ยิ่งขับความน่ารักในตัวมากกว่าเก่า

ระหว่างที่กอดยุย เนเน่ส่งรอยยิ้มมีนัยยะให้ยูมะ

“ยูคุง ปกป้องยุยจังให้ดีๆนะ”

“…รู้แล้วน่า”

ยูมะกล่าวแข็งๆ

เพราะเนเน่รู้เรื่องว่าเขาชอบยุยในฐานะคนรัก ไอ้ความรู้สึกว่าเนเน่ถือไพ่เหนือกว่าบวกสายตาล้อเลียน มันทำให้ยูมะจี๊ดในใจ 

หลังจากนั้นได้สักพักหนึ่ง ยูมะได้ยินเสียงผู้หญิงกล่าว “เจอแล้วเจอแล้ว อยู่นี่เอง”

 

“อ๊ะ พ่อคะ แม่คะ”

ยุยโบกมือให้ต้นเสียง ทั้งสองคนที่คาดว่าเป็นพ่อแม่ยุย เดินมายังจุดที่พวกยูมะยืนอยู่

 

ทันทีที่เห็นหน้าพ่อแม่ยุยชัดๆ ยูมะคิดในใจเลยว่า 

(…หน้าโคตรเด็ก!)

โดยเฉพาะคุณแม่ยุย  อายุน่าจะประมาณ30 แต่ว่าถ้าเธอบอกว่า ชั้นเป็นนักศึกษามหาลัย ยูมะมั่นใจว่ามีคนเชื่อคำพูดแน่นอน

“ทุกคน นี่พ่อกับแม่หนูนะคะ”

ยุยเป็นคนกล่าวแนะนำ เนเน่ปรับโหมดเป็นโหมดจริงจัง ค้อมศีรษะลง

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ชั้นชื่อสุงิซากิ เนเน่ค่ะ ต้องขอบคุณยุยที่ช่วยดูแลน้องชายชั้นมาตลอดนะคะ”

“ผมสุงิซากิ ยูมะครับ ขอความกรุณาด้วยครับ”

ยูมะเห็นเนเน่ค้อมศีรษะเลยเลียนแบบเธอ

“เช่นกันค่ะทั้งสองคน”

แม่ยุยแนะนำตัวกลับสั้นๆ

 

(นี่คือพ่อแม่ยุยตัวจริงเสียงจริงสินะ)

ยูมะรู้สึกว่าตัวเองเกร็ง ร่างกายแข็งทื่อเล็กๆ ไอ้การไปเจอพ่อแม่เพื่อนมันไม่เท่าไรหรอก แต่การเจอพ่อแม่ของสาวที่ชอบ มันคนละเรื่องเลย

 

ทว่าอีกด้านหนึ่ง แม่ของยุย แววตาเป็นประกาย จับจ้องมองยูมะเป็นพิเศษ เธอเดินเข้ามาใกล้ยูมะ ยื่นสองมือจับมือเขา

“เธอคงเป็นยูมะคุงสินะ ขอบคุณที่ช่วยดูแลยุยนะ”

“อ๊ะ..ค..ครับผม”

มือแม่ยุยนุ่มจัง ก็รู้นะว่าเป็นมือของแม่เพื่อน แต่ยังรู้สึกใจเต้นซะงั้น

“ฮะฮะ ดีใจที่ได้พบนะ ยุยมักจะเล่าเรื่องของเธอให้ฟังตลอด เลยคิดว่าอยากจะมาพบตัวจริงสักครั้ง”

“ม..แม่พอได้แล้ว..หนูอายน้า”

“อาร่า อาร่า น่ารักจังลูกแม่คนนี้♥”

จากการประเมินของยูมะ ทางแม่ของยุยดุจะเป็นคนมีนิสัยร่าเริงแจ่มใส น่าจะเข้ากับเนเน่ได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกถึงเจตนาร้าย หรือแม่เขาอยากเป็นศํตรูกับเราเท่าไร

ไอ้ที่น่ากลัวอะ ทางพ่อยุยนี่แหละ ได้ยินเสียงพ่อเขาหัวเราะตอนยุยบอกให้พออยู่หรอก แต่แววตาแกไม่หัวเราะเลยนี่หว่า

“…ยินดีที่ได้รู้จัก ผมเป็นพ่อยุยครับ”

“อ๊ะ..ค..ครับผม ต้องขอบคุณยุยที่ช่วยดูแลผมมาตลอดนะครับ”

จู่ๆก็ทักทายไม่ทันตั้งตัว น่ากลัวชะมัดเลย

 

“ฮะฮะฮะ คุณจะทำท่าเคร่งขรึมทำไมคะ  กะอีแค่ลูกสาวมีแฟนเอง”

คุณแม่ยุยกล่าวด้วยน้ำเสียงสนุกล้อเลียนคุณสามี  ส่วนยุยกับยูมะหน้าแดงแป้ดเมื่อฟังคำพูดคุณแม่ รีบปฏิเสธพัลวัน

“ไม่ใช่แฟนนะคะ”

“ไม่ใช่แฟนครับ เราเป็นแค่เพื่อนที่สนิทกัน ประมาณว่าเพื่อนร่วมชะตาครับ”

คุณแม่ยุยฟังจบกล่าว “อาร่า อาร่า ” พร้อมรอยยิ้มสดใส  ส่วนคุณพ่อยุยจ้องตาเขม็งราวกับจะสแกนคำพูดและการกระทำยูมะว่าจริงหรือเท็จ

 

ทว่า จู่ๆสายตาคุณพ่อที่จ้องเขม็งแข็งกร้าว กลับเปลี่ยนเป็นแววตาเปลี่ยวเหงา 

“….เดี๋ยวจากนี้ชั้นขอตัวไปทำงานก่อนนะ ใกล้ได้เวลาเข้างานแล้ว..”

 คุณพ่อยุยกล่าว  ยื่นมือวางไหล่ยูมะ

“ยูมะคุง ฝากลูกสาวชั้นด้วยนะ”

“เอ๋..ค..ครับ?”

คุณพ่อยุยกล่าวจบ หันหลังกลับ เดินทางไปสถานีรถไฟ

“ค..คุณแม่คะ?คุณพ่อเขาเป็นอะไรเหรอ”

“จู่ๆลูกสาวสุดรักสุดหวงกำลังจะโดนผู้ชายคนอื่นคว้าไปครองเลยเหงาน่ะสิ ถึงคุณพ่อเขาจะไม่พูดอะไรกับยุย แต่ก่อนหน้านี้มีคุยกับแม่ พ่อเขายังระบายว่า (เด็กคนนี้ถึงอายุออกเรือนแล้วสินะ)” 

“หนูบอกแล้วนะคะว่ายูมะเป็นแค่เพื่อน”

ยุยกล่าวเสียงดังกว่าเดิม ส่วนทางคุณแม่ยุยทำสีหน้าเสียดาย

“แม่เข้าใจเรื่องลูกอายที่พาคนรักมาแนะนำนะ  แต่สุดท้ายแม่ก็เบาใจแล้วล่ะที่พามาเปิดตัว”

“บอกหลายรอบแล้วนะคะว่ายูมะไม่ใช่คนรัก”

“ไม่ต้องห่วงนะ แม่ไม่ได้โกรธลูกเลยนะบอกไว้ก่อน… แล้วก็แม่เก็บเรื่องนี้เป็นความลับไม่ได้บอกให้พ่อหนูรู้นะว่า ตอนแม่ไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเตียงของลูก แม่เห็นเส้นผมสีดำบนเตียง และแม่สำรวจด้วยตาตะกี้ก็มั่นใจแล้วว่า สีและความยาวของเส้นผม เท่ากับเส้นผมของยูมะคุงพอดี”

“……?” 

 

****

จบ CH11-1

 

ตอนนี้ยังสนุกขนาดนี้ ตอนหน้ามันแน่นอน เดี๋ยวยูมะจะได้คุยกับแม่ยุยแบบเต็มๆ รับประกันสนุกและมันส์แน่นอน 

ถ้ารอได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 11.1: ไปโรงเรียนครั้งแรก

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 11.1: ไปโรงเรียนครั้งแรก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

***เนื่องจากอยากแปลให้ถึงฉากมันเร้าใจเร้วๆ จะขอสรุปรวดรัดช่วงนี้นะครับ

หลังจากนั้นทั้งสองคนพอลงจากรถไฟ ทีนี้ด้วยความที่มีนักเรียนอยู่เยอะ จะเดินจับมือต่อ คราวนี้ก็ยากละ เพราะยุยเพิ่งจะมาโรงเรียนเป็นครั้งแรก  ยูมะเลยคำนึงว่าถ้าเพิ่งย้านมาถึงแล้วเกิดข่าวลือ เป็นเป้าสายตาเพื่อนคนอื่น ยุยน่าะจะลำบาก เลยต้องปล่อยมือ

  ยูมะกับยุยเลยต้องเลิกจับมือ น้องยุยจะหงอยนิดหน่อย แต่ยูมะจะบอกว่า

“ที่ไม่จับมือ แค่ขาเดินทางมาโรงเรียนด้วยกัน แต่ถ้าขากลับ ตอนคนไม่พลุกพล่าน อยากจะจับมือเดินเหมือนเดิมก็ไม่ว่ากันนะ”

ยุยฟังจบพนักหน้าดีใจตอบรับทันที

พอมาถึงโรงเรียน ก็จะมีประกาศให้นักเรียนที่เพิ่งเข้ามา ไปดูบอร์ดว่าแต่ละคนจะได้อยู่ห้องไหนบ้าง ซึ่งมีโอกาสที่ยุยกับยูมะจะต้องแยกกันเรียนคนละห้อง

“ยูมะ พวกเราได้อยู่ห้องไหนบ้าง”

“ขอไล่หาแปบนะ โอเค รอดละ พวกเราอยู่ห้องเดียวกันครับ”

ยุยสีหน้าแช่มชื่นทันทีเมื่อฟังยูมะพูดจบ

“จ..จริงเหรอ…พวกเราอยู่ห้องเดียวกัน…ไม่ได้โกหกใช่มั้ย”

“อืม ดีใจด้วยนะครับ”

“อืม เพื่อความมั่นใจ ขอดูด้วยตาตัวเองได้มั้ย”

“เอาสิ”

ยุยกับยูมะรอจังหวะที่คนเริ่มเบาบางลง ค่อยๆแทรกกลุ่มคนไปดกระดาษหน้าบอร์ด

ยุยดูชื่อในกระดาษซ้ำไปมาราวกับจะทำให้ตัวเองมั่นใจว่าไม่พลาดและไม่ตาฝาด

“แฮะแฮะ ดีใจจังเลย”

สีหน้ายิ้มแย้มของเธอเป็นรอยยิ้มบริสุทธิ์โล่งอกจากใจจริง เล่นเอายูมะเกือบยื่นมือไปลูบหัวแต่ชะงักทัน เพราะนึกได้ว่าตอนนี้คนอยู่เยอะ

“เป็นไง เชื่อรึยัง”

“อืม ขอบคุณนะ”

“เฮ้อ โชคดีจริงได้อยู่ห้องเดียวกัน”

“อืม พวกเรานี่เจ๋งมากเลยนะ”

“หือ?เจ๋งเรื่อง?”

ยุยหน้าแดง ก้มหน้าหลบสายตา หยิบโทรศัพท์ขี้นมาพิมพ์แชท

“พวกเราบังเอิณเจอกันในเกม บังเอิญเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน บังเอิญที่อายุเท่ากัน พักอาศัยใกล้ๆกัน  เรียนที่เดียวกัน  แถมยังได้เรียนห้องเดียวกันอีก สุดยอดไปเลยนะ”

“เออ พอนายพิมพ์บอกแบบนี้มันก็น่าทึ่งจริง ตีเป็นเปอร์เซ็นต์นี่คือน้อยมากเลยนะที่จะมีโอกาสบังเอิญขนาดนี้”

ยูมะส่งแชทตอบกลับ แต่ยุยยังไม่พิมพ์ตอบสักที หายไปพักหนึ่ง เล่นเอายูมะแปลกใจเลยมองดูเธอ พบว่าเธอหน้าแดง พิมพ์ข้อความจบแล้ว แต่ว่าเหมือนเธอลังเลที่จะกดส่ง นิ้วส่ายไปมา ทว่าสุดท้ายเธอก็หายใจเข้าลึก ก่อนจะกดส่งข้อความ

ข้อความที่โผล่มาในแชทคือ

“อย่างนี้ต้องเรียกว่าพรหมลิขิตสินะ”

ยูมะอ่าแชทจบเล่นเอาใจเต้นแรง หน้าแดงแป้ด ใช้คำว่าพรหมลิขิจเลยเหรอ เขินจัง

ถ้าเป็นเพื่อนหยอกล้อกันเอาฮาคงไม่มีอะไร แต่พอเป็นสาวที่ชอบ ใช้คำว่าพรหมลิขิต มันดูมีความหมายลึกซึ้งมากกว่าปกติ ยิ่งเห็นยุยหน้าแดงขนาดนั้น ยูมะก็มั่นใจว่า คำว่าพรหมลิขิตของเธอคงไม่ได้ใช้เป็นมุกแน่

“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นเนอะ”

ยูมะส่งคำตอบกลับไป ยุยอ่านจบ สีหน้าแดง มีท่าทีเขินอาย ยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาบังหน้าตัวเอง ท่าทางเธอน่ารักมาก หากไม่มีคนรอบข้างอยู่ตอนนี้คงลากมากอดแน่นๆแล้ว

 

กิ๊งก่อง กิ๊งก่อง

 

เสียงออดดังขึ้นเป็นสัญญาณเข้าห้องเรียน

 

****

หลังจากเข้าห้องเรียน วันนี้จะเป็นโฮมรูมวันแรก  ทีนี้ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นอีกนั่นคือ กำหนดที่นั่งว่านักเรียนจะได้นั่งตรงไหน

 

(…ถ้าพระเจ้าจะเล่นตลกขนาดนี้ เอาให้เต็มที่เลยครับ)

สรุปว่า ที่นั่งของยูมะที่ได้คือมุมล่างซ้ายสุดริมหน้าต่าง

 

ส่วนยุย… ที่นั่งของเธอนั่งถัดจากผมด้านขวานี่เอง

ยุยที่รู้ที่นั่งของตัวเอง หน้าแดงยกมือแตะสองแก้มเขินบิดไปมา

ยูมะเองก็ตื่นเต้นหน้าแดงจนไม่กล้าสบตาเธอด้วย

โชคชะตาจะเทพเกินไปแล้วครับ แค่เรียนห้องเดียวกันว่าโหดละ นี่เสกให้พวกผมนั่งข้างๆกันอีก เริ่ดมาก

(จะว่าไป ที่หน้าเธอแดงขนาดนี้ เป็นไปได้มั้ยว่าเธอเริ่มรู้สึกคิดถึงเราในฐานะผู้ชาย…)

 

ไม่หรอกน่า อย่าคิดไปเอง ใจเย็น นี่แค่โชคชะตาดวงดี เธอน่าจะดีใจที่เรานั่งข้างๆเฉยๆ 

 

ทว่า มีเหตุการณ์หนึ่งที่หันเหความสนใจยูมะนั่นคือ

 

“จากนี้จะให้นักเรียนทุกคนแนะนำตัวเองนะคะ”

อาจารย์ประจำชั้นกล่าวจบ ยุยตัวสั่นเทากับคำพูดทันที

“โอเค เริ่มจากเธอคนแรกขวาสุด แนะนำตัวก่อนเลยค่ะ”

นักเรียนทุกคนเริ่มแนะนำตัวตามลำดับจากขวา ง่ายๆว่าพวกยุยกับยูมะจะเป็นคนสุดท้าย

ยุยหน้าซีด หันซ้ายขวาอย่างกังวล

ตอนนี้คนแนะนำตัวไปเรื่อยๆ จนเหลือสามคนสุดท้ายแล้ว

 

ยูมะเห็นสภาพยุยที่กังวล ยื่นมือไปกุมมือเธอเพื่อลดความตื่นตระหนก  ออกแรงบีบเล็กน้อยเป็นภาษากายให้กำลังใจเธอ มือเธอเย็นเฉียบ บอกชัดว่าตื่นเต้นกังวลสุดๆ 

แต่ว่าสำหรับยุย การที่ยูมะกุมมือเธอ ถามว่าอายมั้ย ก็อายแหละเพราะกลัวคนอื่นเห็น แต่มันคือกำลังใจใหญ่หลวง รู้สึกมีความสุขที่เขาเคียงข้างตอนเธออยู่ในสถานการณ์ลำบาก

ถือว่าโชคดีด้วยที่นักเรียนคนอื่นดูจะสนใจการแนะนำตัวของนักเรียนมากกว่าจะมาสังเกตว่ายูมะจับมือยุยอยู่

 

ยุยเลือกออกแรงบีบมือยูมะแน่นกว่าเก่าหนึ่งทีเป็นภาษากายบอกว่า ไม่เป็นไรชั้นพอไหว ก่อนจะปล่อยมือยูมะ

ในที่สุดก็ถึงตายุยแนะนำตัว

สายตาเพื่อนร่วมชั้นทุกคนมองเธอตอนนี้ ทำเอาตื่นเต้น เธอสูดลมหายใจเข้าลึก

 

“คา…คามิชิโร่ ยุยค่ะ….อายุ..15 ปีค่ะ”

เป็นการแนะนำตัวที่ออกจะเปิ่นเล็กน้อย เพราะอยู่ม.ปลายตอนช่วงนี้มันก็ต้องอายุประมาณ15 เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ มีเสียงหัวเราะเล็กๆลอยตามห้อง

 

“คือว่าเรื่องสีผมชั้นเป็นสีธรรมชาตินะคะ แล้วก็เมื่อก่อนตอนเด็ก ร่างกายชั้นอ่อนแอเลยไม่ค่อยได้ไปโรงเรียนค่ะ เพิ่งจะได้มาเรียนในห้องเลยตื่นเต้นมากๆค่ะ แต่ว่าชั้นอยากมีเพื่อนค่ะ ชั้นชอบเกมกับอนิเมะ หากได้เป็นเพื่อนกับทุกคนจะดีใจมากค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ”

ยุยพูดรวดเดียวจบ ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย  ดูเหมือนว่าคำพูดเธอจะสื่อสารกินใจทุกคน มีเสียงตบมือจากในห้องเรียน แถมได้ยินเสียงนักเรียนหญิงบางคนพูดว่า “เธอน่ารักจังเนอะ”

ยุยนั่งเก้าอี้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งใจ

“เหนื่อยหน่อยนะครับ พยายามได้ดีมากครับ”

“อืม..พยายามสุดๆเลย”

ยูมะคิดว่านี่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของยุยเลยสำหรับคนที่เป็นโรคสื่อสารไม่เก่ง ต้องเผชิญสายตาคนรอบข้างและต้องพูดแนะนำตัว ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แม้ว่าเธอจะทำได้เยี่ยม แต่ก็แอบเหงานิดหน่อย นี่สินะความรู้สึกของแม่นกที่เห็นลูกตัวเองบินสู่โลกกว้างได้    

 

“…แต่ก็นะ…ถ้าเทียบกับเมื่อเช้า …อันนั้นใช้ความกล้ามากกว่าอีก”

“เอ๊ะ”

เมื่อเช้าเหรอ หมายถึงตอนเธอชวนเราไปโรงเรียนด้วยกันสินะ  จะว่าไปตอนนั้นยุยก็หน้าแดงด้วยนี่นะ เอาจริงๆถ้าเป็นยุยสมัยแรกเจอ เธอไม่น่าจะกล้าชวนเราด้วยแหละ

 

ว้าว แสดงว่าเธอให้ความสำคัญกับเราขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แค่คิดแล้วยูมะก็รู้สึกใจเต้นรัวด้วยความเขิน ในหัวตอนนี้คิดแต่เรื่องยุย

ทว่า..

“..มะ….ยูมะ….”

“หือ?..มีอะไรเหรอ”

“ถึงตายูมะแนะนำตัวแล้วนะ”

“ห๊ะ”

ยูมะหายเหม่อ มองไปรอบข้าง พบว่าสายตานักเรียนคนอื่นรวมถึงครูประจำชั้นมองเขาเป็นจุดเดียวเลย

 

“เอ้า โทษทีครับ  เอ่อ ผมชื่อสุงิซากิ ยูมะครับ ฝากตัวด้วยครับ”

ปกติเวลาแนะนำตัวต้องมีเนื้อหาอะไรบอกกล่าวเพื่อนๆหรือครูบ้าง แต่ด้วยความที่ตอนนี้หัวยูมะคิดแต่เรื่องยุยเลยนึกไม่ออก กล่าวแนะนำสั้นๆแล้วนั่งเลย

***

หลังจากหมดโฮมรูม วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เหลือแต่แจกชีทตำราเรียนกับอธิบายกฏระเบียบในโรงเรียน เสร็จแล้วก็ปล่อยนักเรียนทุกคนกลับบ้านเลย

 

“ยุย ต่อจากนี้ไปไหนต่อนิ”

“พ่อกับแม่บอกว่าจะรอรับชั้นที่หน้าประตูโรงเรียน ยูมะล่ะ”

“เนเน่ก็บอกว่าให้รอหน้าประตูโรงเรียนเหมือนกัน”

“งั้นเหรอ…ถ้าไม่ติดขัดอะไร ชั้นอยากให้ยูมะไปพบพ่อกับแม่ชั้นจะได้มั้ย”

“หา พ่อแม่ยุยเหรอ”

“อืม พวกท่านบอกชั้นว่าถ้ามีโอกาสอยากให้พาเธอไปแนะนำตัวให้รู้จักสักครั้ง”

“แนะนำตัวเหรอ..”

ก็นะ ตอนปิดเทอม เรากับยุยไปเที่ยวด้วยกันแทบจะทุกวัน ในฐานะพ่อแม่ที่มีลูกสาว ก็ไม่แปลกใจที่ท่านจะต้องอยากเจอหน้าหนุ่มที่พาลูกเขาไปเที่ยวแหละ

แต่เรียนตามตรงว่า ไอ้การไปเจอพ่อแม่ของสาวที่ชอบนี่มัน…เกร็งสุดๆเลยนะ

(แต่ว่าถ้าไม่ไปแนะนำตัวเองเลยก็ไม่ใช้ทางเลือกที่ดีแน่)

….เพราะถ้าเจตนาดีจะกลัวอะไร เกิดไม่ไปแนะนำแปลว่าพ่อแม่ยุยสามารถตีความได้ว่า ผมไม่จริงจัง ล้อเล่นกับความรู้สึกลูกสาวเขาหรือมีเบื้องหลังในใจแอบแฝงก็ได้ 

อีกอย่าง ตัวเราก็ถึงขั้นไปนอนค้างบ้านยุยโดยที่พ่อแม่ยุยยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ทำกันถึงขนาดนี้ ถ้าไม่เคยไปทักทายเลยก็ดูเสียมารยาทชอบกล

สุดท้ายยูมะตัดสินใจเลิอกไปแนะนำตัวให้พ่อแม่ยุยรู้จัก ทั้งคู่เดินไปด้วยกันถึงหน้าประตูโรงเรียน และสักพักก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

“อ๊ะ อยู่นี่จ้า ยูคุง ยุยจัง”

เสียงของพี่สาวยูมะ เนเน่นั่นเอง

หลังจากส่งเสียงเรียก เนเน่กึ่งเดินกึ่งวิ่ง เดินมากอดยุย

“ฮิย้า”

“เหนื่อยหน่อยนะวันนี้ทั้งคุ่เลย ยุยจังไม่ได้มาโรงเรียนซะนาน วันนี้เป็นไงบ้าง  จะว่าไปยุยจังในชุดเครื่องแบบน่ารักมาก ไว้มีโอกาสต้องขอถ่ายรูปเก็บไว้สักใบนะ♥”

 

เนเน่มือหนึ่งกอดยุย อีกมือหนึ่งลูบหัวยุยอย่างอ่อนโยนเปี่ยมด้วยความห่วงใย

เนเน่ถือว่าเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ภาพที่เนเน่ใช้อกอูมๆเอายุยเข้ามาซบ ถือว่าเป็นภาพที่น่ารักหาดูไม่ได้ง่ายๆ เล่นเอาสายตานักเรียนผู้ชายรอบๆที่เห็นเนเน่กับยุยตอนนี้ หน้าแดงเขินและประทับใจ

“เน..คุณเนเน่ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”

“อืม ไม่เจอกันนานเลยเนอะ อืม ฮั่นแน่”

เนเน่สบตากับยุย ส่งสายตายิ้มๆ

“ม..มีอะไรรึเปล่าคะ”

“ยุยจังช่วงที่เราไม่ได้เจอกัน ไปทำอะไรมา รู้สึกน่ารักขึ้นนะ”

“…เอ๋?..ไม่ได้ทำอะไรนะคะ คิดว่านะ”

“จริงเหรอ ดูนุ่มนิ่มน่ากอดมากกว่าเก่า น่ารักจากเมื่ออดีตสามเท่าเลยน้า น่ารักสุดๆเลยจ้า”

“ข..ขอบคุณมากค่ะ”

ยุยหลบสายตาเนเน่เพราะความเขิน แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวว่ายิ่งทำแบบนี้ ยิ่งขับความน่ารักในตัวมากกว่าเก่า

ระหว่างที่กอดยุย เนเน่ส่งรอยยิ้มมีนัยยะให้ยูมะ

“ยูคุง ปกป้องยุยจังให้ดีๆนะ”

“…รู้แล้วน่า”

ยูมะกล่าวแข็งๆ

เพราะเนเน่รู้เรื่องว่าเขาชอบยุยในฐานะคนรัก ไอ้ความรู้สึกว่าเนเน่ถือไพ่เหนือกว่าบวกสายตาล้อเลียน มันทำให้ยูมะจี๊ดในใจ 

หลังจากนั้นได้สักพักหนึ่ง ยูมะได้ยินเสียงผู้หญิงกล่าว “เจอแล้วเจอแล้ว อยู่นี่เอง”

 

“อ๊ะ พ่อคะ แม่คะ”

ยุยโบกมือให้ต้นเสียง ทั้งสองคนที่คาดว่าเป็นพ่อแม่ยุย เดินมายังจุดที่พวกยูมะยืนอยู่

 

ทันทีที่เห็นหน้าพ่อแม่ยุยชัดๆ ยูมะคิดในใจเลยว่า 

(…หน้าโคตรเด็ก!)

โดยเฉพาะคุณแม่ยุย  อายุน่าจะประมาณ30 แต่ว่าถ้าเธอบอกว่า ชั้นเป็นนักศึกษามหาลัย ยูมะมั่นใจว่ามีคนเชื่อคำพูดแน่นอน

“ทุกคน นี่พ่อกับแม่หนูนะคะ”

ยุยเป็นคนกล่าวแนะนำ เนเน่ปรับโหมดเป็นโหมดจริงจัง ค้อมศีรษะลง

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ชั้นชื่อสุงิซากิ เนเน่ค่ะ ต้องขอบคุณยุยที่ช่วยดูแลน้องชายชั้นมาตลอดนะคะ”

“ผมสุงิซากิ ยูมะครับ ขอความกรุณาด้วยครับ”

ยูมะเห็นเนเน่ค้อมศีรษะเลยเลียนแบบเธอ

“เช่นกันค่ะทั้งสองคน”

แม่ยุยแนะนำตัวกลับสั้นๆ

 

(นี่คือพ่อแม่ยุยตัวจริงเสียงจริงสินะ)

ยูมะรู้สึกว่าตัวเองเกร็ง ร่างกายแข็งทื่อเล็กๆ ไอ้การไปเจอพ่อแม่เพื่อนมันไม่เท่าไรหรอก แต่การเจอพ่อแม่ของสาวที่ชอบ มันคนละเรื่องเลย

 

ทว่าอีกด้านหนึ่ง แม่ของยุย แววตาเป็นประกาย จับจ้องมองยูมะเป็นพิเศษ เธอเดินเข้ามาใกล้ยูมะ ยื่นสองมือจับมือเขา

“เธอคงเป็นยูมะคุงสินะ ขอบคุณที่ช่วยดูแลยุยนะ”

“อ๊ะ..ค..ครับผม”

มือแม่ยุยนุ่มจัง ก็รู้นะว่าเป็นมือของแม่เพื่อน แต่ยังรู้สึกใจเต้นซะงั้น

“ฮะฮะ ดีใจที่ได้พบนะ ยุยมักจะเล่าเรื่องของเธอให้ฟังตลอด เลยคิดว่าอยากจะมาพบตัวจริงสักครั้ง”

“ม..แม่พอได้แล้ว..หนูอายน้า”

“อาร่า อาร่า น่ารักจังลูกแม่คนนี้♥”

จากการประเมินของยูมะ ทางแม่ของยุยดุจะเป็นคนมีนิสัยร่าเริงแจ่มใส น่าจะเข้ากับเนเน่ได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกถึงเจตนาร้าย หรือแม่เขาอยากเป็นศํตรูกับเราเท่าไร

ไอ้ที่น่ากลัวอะ ทางพ่อยุยนี่แหละ ได้ยินเสียงพ่อเขาหัวเราะตอนยุยบอกให้พออยู่หรอก แต่แววตาแกไม่หัวเราะเลยนี่หว่า

“…ยินดีที่ได้รู้จัก ผมเป็นพ่อยุยครับ”

“อ๊ะ..ค..ครับผม ต้องขอบคุณยุยที่ช่วยดูแลผมมาตลอดนะครับ”

จู่ๆก็ทักทายไม่ทันตั้งตัว น่ากลัวชะมัดเลย

 

“ฮะฮะฮะ คุณจะทำท่าเคร่งขรึมทำไมคะ  กะอีแค่ลูกสาวมีแฟนเอง”

คุณแม่ยุยกล่าวด้วยน้ำเสียงสนุกล้อเลียนคุณสามี  ส่วนยุยกับยูมะหน้าแดงแป้ดเมื่อฟังคำพูดคุณแม่ รีบปฏิเสธพัลวัน

“ไม่ใช่แฟนนะคะ”

“ไม่ใช่แฟนครับ เราเป็นแค่เพื่อนที่สนิทกัน ประมาณว่าเพื่อนร่วมชะตาครับ”

คุณแม่ยุยฟังจบกล่าว “อาร่า อาร่า ” พร้อมรอยยิ้มสดใส  ส่วนคุณพ่อยุยจ้องตาเขม็งราวกับจะสแกนคำพูดและการกระทำยูมะว่าจริงหรือเท็จ

 

ทว่า จู่ๆสายตาคุณพ่อที่จ้องเขม็งแข็งกร้าว กลับเปลี่ยนเป็นแววตาเปลี่ยวเหงา 

“….เดี๋ยวจากนี้ชั้นขอตัวไปทำงานก่อนนะ ใกล้ได้เวลาเข้างานแล้ว..”

 คุณพ่อยุยกล่าว  ยื่นมือวางไหล่ยูมะ

“ยูมะคุง ฝากลูกสาวชั้นด้วยนะ”

“เอ๋..ค..ครับ?”

คุณพ่อยุยกล่าวจบ หันหลังกลับ เดินทางไปสถานีรถไฟ

“ค..คุณแม่คะ?คุณพ่อเขาเป็นอะไรเหรอ”

“จู่ๆลูกสาวสุดรักสุดหวงกำลังจะโดนผู้ชายคนอื่นคว้าไปครองเลยเหงาน่ะสิ ถึงคุณพ่อเขาจะไม่พูดอะไรกับยุย แต่ก่อนหน้านี้มีคุยกับแม่ พ่อเขายังระบายว่า (เด็กคนนี้ถึงอายุออกเรือนแล้วสินะ)” 

“หนูบอกแล้วนะคะว่ายูมะเป็นแค่เพื่อน”

ยุยกล่าวเสียงดังกว่าเดิม ส่วนทางคุณแม่ยุยทำสีหน้าเสียดาย

“แม่เข้าใจเรื่องลูกอายที่พาคนรักมาแนะนำนะ  แต่สุดท้ายแม่ก็เบาใจแล้วล่ะที่พามาเปิดตัว”

“บอกหลายรอบแล้วนะคะว่ายูมะไม่ใช่คนรัก”

“ไม่ต้องห่วงนะ แม่ไม่ได้โกรธลูกเลยนะบอกไว้ก่อน… แล้วก็แม่เก็บเรื่องนี้เป็นความลับไม่ได้บอกให้พ่อหนูรู้นะว่า ตอนแม่ไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเตียงของลูก แม่เห็นเส้นผมสีดำบนเตียง และแม่สำรวจด้วยตาตะกี้ก็มั่นใจแล้วว่า สีและความยาวของเส้นผม เท่ากับเส้นผมของยูมะคุงพอดี”

“……?” 

 

****

จบ CH11-1

 

ตอนนี้ยังสนุกขนาดนี้ ตอนหน้ามันแน่นอน เดี๋ยวยูมะจะได้คุยกับแม่ยุยแบบเต็มๆ รับประกันสนุกและมันส์แน่นอน 

ถ้ารอได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+