LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 5.1: นักรบสาว

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 5.1: นักรบสาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

“วันนี้ชั้นอยากจะพาเธอไปที่อื่นบ้าง สนใจมั้ย”

“เอ๊ะ”

วันรุ่งขึ้นตอนกลางวัน ตอนนี้ผมอยู่หน้าบ้านยุย

ปกติถ้าไปที่ประจำ สีหน้าเธอจะดี พร้อมจะออกเที่ยว แต่พอเปลี่ยนที่ สีหน้าเธอออกการกังวลอย่างเห็นได้ชัด

 

“ไม่ไปร้านเน็ตเจ้าประจำแล้วเหรอ”

“ถูกต้อง”

“…ร้านเน็ตที่เดิมไม่ได้เหรอ? ไปที่อื่นแล้ว..ชั้นกลัว”

ยุยมีสีหน้ากังวล ตัวสั่นน้อยๆ ปกติถ้าเห็นสภาพนี้ก็อยากจะโอ๋เธอ แต่ไอเดียยูมะคือจะรักษาโรคสื่อสารไม่เก่งให้ได้ ฉะนั้นครั้งนี้เขาต้องหักห้ามใจ

“เธอเชื่อใจชั้นใช่มั้ยว่าชั้นอยากจะเป็นกำลังให้เธอ และพยายามที่่จะรักษาโรคสื่อสารไม่เก่งของเธอด้วย”

 

“…อืม”

“โอเค ทีนี้ คิดว่าเราต้องใช้เวลาอีกประมาณสักเท่าไรดีถึงจะรักษาได้”

“อืม ยังไม่รู้เลย”

ตั้งแต่ที่พบหน้าครั้งแรก เขาก็ครุ่นคิดมาตลอด

(ตั้งแต่ตอนนั้น อาการก็ไม่ดีขึ้นแบบที่คาดการณ์ไว้เลย)

เอาจริงๆ ถ้ามองอีกมุม ยุยเริ่มพูดได้มากขึ้น มาได้ถึงจุดนี้ก็ก้าวหน้ามากแล้ว

แต่ว่ามันก็ยังไม่ถึงจุดที่เขาพอใจ

 

คือกับตัวเขาเอง ไม่มีปัญฆาหรอก แต่เขาเกรงตอนยุยไปเจอคนอื่นช่วงที่เขาไม่อยู่นี่แหละ 

เรื่องสีผมของเธอเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ให้คนปากหมาล้อ ฉะนั้นอย่างน้อย ขอแค่เธอมั่นใจตัวเองมากกว่านี้เวลาเจอคนปากหมาก้ยังดี

“เมื่อก่อนชั้นก็เป็นโรคสื่อสารไม่เก่ง เรื่องนี้ชั้นยังไม่เคยบอกนายสินะ”

 

“เอ๋..เรื่องจริงเหรอ”

“จริงสิ เป็นเหมือนนายนี่แหละ ในระหว่างที่เล่นเกม ชั้นก็คิดเสมอว่าอยากเป็นเพื่อนกับนาย”

“…แฮะแฮะแฮะ”

ยุยมีสีหน้าขวยเขิน หัวเราะอายๆ

“ดีใจจังเลย ไม่นึกว่ายูมะจะเป็นเหมือนกับชั้น”

 

“อืม ก็..นะ”

“แต่ว่านี่พูดจริงเหรอที่ว่าเคยเป็นโรคสื่้อสารไม่เก่ง ตอนพบยูมะครั้งแรกชั้นไม่เห็นแววว่าจะเคยเป็นแบบนี้มาก่อน กลับกัน ชั้นคิดว่ายูมะมีสกิลมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศด้วยซ้ำ”

“เรื่องนี้ชั้นเก็บไว้เงียบๆ มีเนเน่นี่แหละที่รู้ความจริง และเป็นคนคอยช่วยเหลือเรื่องโรคของชั้น เนเน่แกมนุษยสัมพันธ์ระดับโหดอยู่แล้ว เมื่อวานเจอเนเน่แล้วใช่มั้ยล่ะ

“อืม”

 

“นั่นล่ะ ชั้นคิดว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้นายเจอหน้าเนเน่แล้วสนิทกัน คิดว่าไงล่ะ”

 

“…”

ยุยยังคงเงียบ สีหน้ากังวลไม่ตอบ ก้มหน้าหลบตา

“..จะดีเหรอ? พี่สาวของยูมะ ไม่คิดว่าสีผมชั้นแปลกเหรอ”

“ไม่คิดแน่ เรื่องนั้นลืมไปได้เลย ถ้ากังวลเรื่องนั้น เลิกคิดได้เลยครับ”

ยูมะตอบกลับด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด ยุยเงยหน้าสบตาขึ้น

“ไม่เป็นไรจริๆงนะ”

“เออน่า ไม่เป็นหรอก จริงๆชั้นรายงานสถานการณ์ของชั้นกับนายให้เนเน่ฟังแล้ว เธอเป็นคนบอกเองเลยว่า “ยังไงยุมะก็ต้องพาเธอมาให้ได้นะ”  แต่แน่นอนว่าชั้นไม่อยากฝืนใจเธอมากไปกว่านี้ ถ้าเธอไม่อยากไปจริงๆ ก็จะล้มเลิกความคิดนี้ละ”

“ไป..สิ”

“ถึงแม้ว่ายุยจะตัวสั่นตอนตอบ แต่คำตอบก็ชัดเจนว่าไป

“ถ้ายูมะพูดด้วยความมั่นใจขนาดนั้น ชั้น..จะเชื่อใจยูมะ”

ความรู้สึกที่ว่ายุยเชื่อใจเขาขนาดนี้ ทำให้ยูมะรู้สึกดีใจปนเขิน รู้สึกได้ว่าแก้มเขาต้องแดงแน่

“งั้นเราไปกันเถอะ”

 

***

สถานทีที่จะไปคือ ข้างๆสถานีรถไฟ ห่างออกมาเล็กน้อย เดินมาขึ้นรถโดยสารประจำทางประมาณสิบนาที

 

“เอ๋…”

“ฮะฮะ คิดแล้วว่านายจะต้องตกใจ นี่แหละที่ๆชั้นอยากพานายมา คือ ร้านเสริมสวย”

ห่างออกมาจากสถานีรถไฟย่านธุรกิจใจกลางเมืองเล็กน้อย มีสถานเสริมความงามชื่อ เวิร์ลเบรคเกอร์ ตั้งอยู่

ชื่อร้านเสริมสวยเหมือนชื่อท่าไม้ตายตัวละครในเกมเลย 

 

ป้ายร้านมีรูปวาดเหล่านักรบสาวถืออาวุธอยู่ข้างๆชื่อร้าน  เชื่อว่าใครมาเห็นป้ายครั้งแรกต้องสะดุดตาและคิดในใจแน่ว่ามาผิดร้านรึเปล่า

 

ตรงทางเข้าร้าน มีป้ายเขียนว่า “เรียนเชิญท่านที่ต้องการเปลี่ยนตัวเอง ต้อง ณ.เวลานี้ ที่นี่เท่านั้น” ข้างๆป้ายมีรูปนักรบสาวในสภาพโชกเลือด แต่ยังพร้อมฮีดสู้เขียนติดไว้

ยุยเงยหน้ามองทั้งป้ายร้านและป้ายทางเข้า

“….ที่นี่ใช่ร้านเสริมสวยเหรอ”

“ใช่แล้ว ที่นี่แหละ  ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้”

 

“ตรงป้ายเห็นเขียนด้วยว่า  ป้ายนี้เช่ามานี่นา”

“ฝีมือของเนเน่ ลงทุนไปเช่าป้ายและออกแบบมาเพื่อเราสองคนนี่แหละ”

“ห๊ะ ยูมะ แค่เรื่องเท่านี้เอง พี่เค้า  ใช้เงินไปเท่าไรนิ”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ก็ถ้าเนเน่มีกำลังทรัพย์ขนาดเป็นเจ้าของกิจการระดับเช่าที่ย่านธุรกิจได้ เรื่องเท่านี้คงไม่กระเทือนหรอก”

 

 “พี่เขายังดูสาวแท้ๆแต่เป็นเจ้าของกิจการแล้วเหรอ”

“ใช่แล้ว ถึงบางจุดพี่เขาอาจจะดูแปลกๆบ้างก็เถอะแต่รับประกันว่าพี่เนเน่เป็นคนดีแน่นอน ไม่ต้องกังวล”

“อืม”

ยูมะส่งรอยยิ้มให้เพื่อให้ยุยลดความกังวล

(กูก็พูดไปงั้นแหละ ข้างในใจนี่อย่างร้อนรุ่มเลย ขอร้องเนเนน่ก็จริงแต่ไม่นึกว่าพี่เขาจะเล่นใหญ่ไฟกระพริบขนาดนี้)

ยูมะนึกถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมา หัวเราะขื่นๆ มีอะไรมากมายเกิดขึ้นและเนเน่ก็ช่วยเขาไว้จริงๆ 

ยูมะสูดลมหายใจเข้าลึก เปิดประจูกระจกเข้าไปในร้าน

 

“ขอรบกวนด้วยครับ”

ภายนอกกับภายในร้านคือคนละเรื่องเลย ข้างนอกแฟนตาซีแต่ข้างในนี่คือร้านเสริมสวยตกแต่งคล้ายเน็ตคาเฟ่ มีที่ว่างพอสมควร

 

ยุยเดินตามหลังยูมะเงียบๆ มองซ้ายขวาอย่างระแวงเพราะไม่เคยชินกับการมาที่แบบนี้

“เนเน่ มาแล้วครับ”

“เคจ้า กำลังไป”

ยูมะส่งเสียงทัก มีเสียงแจ่มใสตอบกลับมา

ข้างในร้านมีเสียงเหมือนโลหะกระทบกันแกร๊งๆด้วย สักพัก มีคนโผล่มาในสภาพนักรบสาวแต่งชุดคอสเพลย์ใส่เกราะแบบฟุลอาเมอร์ แถม ใส่หน้ากากคาบูโตะด้วย

 

“ห๊ะ”

ยุยตัวแข็งทื่อไปแล้ว  ส่วนยูมะยกสองมือปิดตาเบือนหน้าหนีไม่กล้าสบตากับคนสวมชุดตรงๆ

ชุดเกราะฟูลอาเมอร์ราวกับหลุดมาจากมังงะหรืออนิเมะพวกเซ็นไตที่ออกมารักษาความสงบสุขจากปีศาจร้าย

ที่หน้ามีหน้ากากคาบูโตะฟูลเฟสสวมอยู่ มือหนึ่งถือดาบใหญ่ขนาดเท่าตัวคนจริงมาด้วย

 นี่คือตัวละครชื่อ บาริโอเต้ เป็นตัวละครอนิเมะที่เนเน่ชื่นชอบมาก

“ฮะฮะฮะฮะ ข้ารออยู่นานแล้ว สงครามจากชาติก่อนที่สู้กันมาตลอด ขอให้มันจบลงที่ตรงนี้แหละ”

“เอ๊..เอ๋”

เนเน่โพสแอ๊คท่าในขณะที่พูดไปด้วย ส่วนยุยที่เห็นเน่เน่ในสภาพนี้ตกใจจนไม่ขยับตัว

“..ทำอะไรของพี่เนี่ย”

“เอ๋..?ได้ยินว่าเป็นคนที่มีอาการเครียดจัดเวลาพบปะคนอื่น  ชั้นก็เลยจัดชุดใหญ่ให้น้องเขาไม่เครียดเพื่อน้องชายที่อุตส่าขอร้องไง

“ขอร้องอะใช่ แต่เล่นขนาดนี้ก็เวอร์ไป”

“ง่า สายตายูคุงเย็นชาเหลือเกิน”

“อย่างน้อยถอดหน้ากากคาบูโตะออกก็ยังดีครับ ยุยเขากลัวจะแย่แล้วมั้ง”

“จ้า”

 

**

 

จบCH5-1

ตอนหน้ามาลุ้นกันนะครับ ว่าเนเน่จะป่วนยุยกับยูมะขนาดไหน

 

 ถ้ารอได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 5.1: นักรบสาว

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 5.1: นักรบสาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

“วันนี้ชั้นอยากจะพาเธอไปที่อื่นบ้าง สนใจมั้ย”

“เอ๊ะ”

วันรุ่งขึ้นตอนกลางวัน ตอนนี้ผมอยู่หน้าบ้านยุย

ปกติถ้าไปที่ประจำ สีหน้าเธอจะดี พร้อมจะออกเที่ยว แต่พอเปลี่ยนที่ สีหน้าเธอออกการกังวลอย่างเห็นได้ชัด

 

“ไม่ไปร้านเน็ตเจ้าประจำแล้วเหรอ”

“ถูกต้อง”

“…ร้านเน็ตที่เดิมไม่ได้เหรอ? ไปที่อื่นแล้ว..ชั้นกลัว”

ยุยมีสีหน้ากังวล ตัวสั่นน้อยๆ ปกติถ้าเห็นสภาพนี้ก็อยากจะโอ๋เธอ แต่ไอเดียยูมะคือจะรักษาโรคสื่อสารไม่เก่งให้ได้ ฉะนั้นครั้งนี้เขาต้องหักห้ามใจ

“เธอเชื่อใจชั้นใช่มั้ยว่าชั้นอยากจะเป็นกำลังให้เธอ และพยายามที่่จะรักษาโรคสื่อสารไม่เก่งของเธอด้วย”

 

“…อืม”

“โอเค ทีนี้ คิดว่าเราต้องใช้เวลาอีกประมาณสักเท่าไรดีถึงจะรักษาได้”

“อืม ยังไม่รู้เลย”

ตั้งแต่ที่พบหน้าครั้งแรก เขาก็ครุ่นคิดมาตลอด

(ตั้งแต่ตอนนั้น อาการก็ไม่ดีขึ้นแบบที่คาดการณ์ไว้เลย)

เอาจริงๆ ถ้ามองอีกมุม ยุยเริ่มพูดได้มากขึ้น มาได้ถึงจุดนี้ก็ก้าวหน้ามากแล้ว

แต่ว่ามันก็ยังไม่ถึงจุดที่เขาพอใจ

 

คือกับตัวเขาเอง ไม่มีปัญฆาหรอก แต่เขาเกรงตอนยุยไปเจอคนอื่นช่วงที่เขาไม่อยู่นี่แหละ 

เรื่องสีผมของเธอเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ให้คนปากหมาล้อ ฉะนั้นอย่างน้อย ขอแค่เธอมั่นใจตัวเองมากกว่านี้เวลาเจอคนปากหมาก้ยังดี

“เมื่อก่อนชั้นก็เป็นโรคสื่อสารไม่เก่ง เรื่องนี้ชั้นยังไม่เคยบอกนายสินะ”

 

“เอ๋..เรื่องจริงเหรอ”

“จริงสิ เป็นเหมือนนายนี่แหละ ในระหว่างที่เล่นเกม ชั้นก็คิดเสมอว่าอยากเป็นเพื่อนกับนาย”

“…แฮะแฮะแฮะ”

ยุยมีสีหน้าขวยเขิน หัวเราะอายๆ

“ดีใจจังเลย ไม่นึกว่ายูมะจะเป็นเหมือนกับชั้น”

 

“อืม ก็..นะ”

“แต่ว่านี่พูดจริงเหรอที่ว่าเคยเป็นโรคสื่้อสารไม่เก่ง ตอนพบยูมะครั้งแรกชั้นไม่เห็นแววว่าจะเคยเป็นแบบนี้มาก่อน กลับกัน ชั้นคิดว่ายูมะมีสกิลมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศด้วยซ้ำ”

“เรื่องนี้ชั้นเก็บไว้เงียบๆ มีเนเน่นี่แหละที่รู้ความจริง และเป็นคนคอยช่วยเหลือเรื่องโรคของชั้น เนเน่แกมนุษยสัมพันธ์ระดับโหดอยู่แล้ว เมื่อวานเจอเนเน่แล้วใช่มั้ยล่ะ

“อืม”

 

“นั่นล่ะ ชั้นคิดว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้นายเจอหน้าเนเน่แล้วสนิทกัน คิดว่าไงล่ะ”

 

“…”

ยุยยังคงเงียบ สีหน้ากังวลไม่ตอบ ก้มหน้าหลบตา

“..จะดีเหรอ? พี่สาวของยูมะ ไม่คิดว่าสีผมชั้นแปลกเหรอ”

“ไม่คิดแน่ เรื่องนั้นลืมไปได้เลย ถ้ากังวลเรื่องนั้น เลิกคิดได้เลยครับ”

ยูมะตอบกลับด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด ยุยเงยหน้าสบตาขึ้น

“ไม่เป็นไรจริๆงนะ”

“เออน่า ไม่เป็นหรอก จริงๆชั้นรายงานสถานการณ์ของชั้นกับนายให้เนเน่ฟังแล้ว เธอเป็นคนบอกเองเลยว่า “ยังไงยุมะก็ต้องพาเธอมาให้ได้นะ”  แต่แน่นอนว่าชั้นไม่อยากฝืนใจเธอมากไปกว่านี้ ถ้าเธอไม่อยากไปจริงๆ ก็จะล้มเลิกความคิดนี้ละ”

“ไป..สิ”

“ถึงแม้ว่ายุยจะตัวสั่นตอนตอบ แต่คำตอบก็ชัดเจนว่าไป

“ถ้ายูมะพูดด้วยความมั่นใจขนาดนั้น ชั้น..จะเชื่อใจยูมะ”

ความรู้สึกที่ว่ายุยเชื่อใจเขาขนาดนี้ ทำให้ยูมะรู้สึกดีใจปนเขิน รู้สึกได้ว่าแก้มเขาต้องแดงแน่

“งั้นเราไปกันเถอะ”

 

***

สถานทีที่จะไปคือ ข้างๆสถานีรถไฟ ห่างออกมาเล็กน้อย เดินมาขึ้นรถโดยสารประจำทางประมาณสิบนาที

 

“เอ๋…”

“ฮะฮะ คิดแล้วว่านายจะต้องตกใจ นี่แหละที่ๆชั้นอยากพานายมา คือ ร้านเสริมสวย”

ห่างออกมาจากสถานีรถไฟย่านธุรกิจใจกลางเมืองเล็กน้อย มีสถานเสริมความงามชื่อ เวิร์ลเบรคเกอร์ ตั้งอยู่

ชื่อร้านเสริมสวยเหมือนชื่อท่าไม้ตายตัวละครในเกมเลย 

 

ป้ายร้านมีรูปวาดเหล่านักรบสาวถืออาวุธอยู่ข้างๆชื่อร้าน  เชื่อว่าใครมาเห็นป้ายครั้งแรกต้องสะดุดตาและคิดในใจแน่ว่ามาผิดร้านรึเปล่า

 

ตรงทางเข้าร้าน มีป้ายเขียนว่า “เรียนเชิญท่านที่ต้องการเปลี่ยนตัวเอง ต้อง ณ.เวลานี้ ที่นี่เท่านั้น” ข้างๆป้ายมีรูปนักรบสาวในสภาพโชกเลือด แต่ยังพร้อมฮีดสู้เขียนติดไว้

ยุยเงยหน้ามองทั้งป้ายร้านและป้ายทางเข้า

“….ที่นี่ใช่ร้านเสริมสวยเหรอ”

“ใช่แล้ว ที่นี่แหละ  ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้”

 

“ตรงป้ายเห็นเขียนด้วยว่า  ป้ายนี้เช่ามานี่นา”

“ฝีมือของเนเน่ ลงทุนไปเช่าป้ายและออกแบบมาเพื่อเราสองคนนี่แหละ”

“ห๊ะ ยูมะ แค่เรื่องเท่านี้เอง พี่เค้า  ใช้เงินไปเท่าไรนิ”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ก็ถ้าเนเน่มีกำลังทรัพย์ขนาดเป็นเจ้าของกิจการระดับเช่าที่ย่านธุรกิจได้ เรื่องเท่านี้คงไม่กระเทือนหรอก”

 

 “พี่เขายังดูสาวแท้ๆแต่เป็นเจ้าของกิจการแล้วเหรอ”

“ใช่แล้ว ถึงบางจุดพี่เขาอาจจะดูแปลกๆบ้างก็เถอะแต่รับประกันว่าพี่เนเน่เป็นคนดีแน่นอน ไม่ต้องกังวล”

“อืม”

ยูมะส่งรอยยิ้มให้เพื่อให้ยุยลดความกังวล

(กูก็พูดไปงั้นแหละ ข้างในใจนี่อย่างร้อนรุ่มเลย ขอร้องเนเนน่ก็จริงแต่ไม่นึกว่าพี่เขาจะเล่นใหญ่ไฟกระพริบขนาดนี้)

ยูมะนึกถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมา หัวเราะขื่นๆ มีอะไรมากมายเกิดขึ้นและเนเน่ก็ช่วยเขาไว้จริงๆ 

ยูมะสูดลมหายใจเข้าลึก เปิดประจูกระจกเข้าไปในร้าน

 

“ขอรบกวนด้วยครับ”

ภายนอกกับภายในร้านคือคนละเรื่องเลย ข้างนอกแฟนตาซีแต่ข้างในนี่คือร้านเสริมสวยตกแต่งคล้ายเน็ตคาเฟ่ มีที่ว่างพอสมควร

 

ยุยเดินตามหลังยูมะเงียบๆ มองซ้ายขวาอย่างระแวงเพราะไม่เคยชินกับการมาที่แบบนี้

“เนเน่ มาแล้วครับ”

“เคจ้า กำลังไป”

ยูมะส่งเสียงทัก มีเสียงแจ่มใสตอบกลับมา

ข้างในร้านมีเสียงเหมือนโลหะกระทบกันแกร๊งๆด้วย สักพัก มีคนโผล่มาในสภาพนักรบสาวแต่งชุดคอสเพลย์ใส่เกราะแบบฟุลอาเมอร์ แถม ใส่หน้ากากคาบูโตะด้วย

 

“ห๊ะ”

ยุยตัวแข็งทื่อไปแล้ว  ส่วนยูมะยกสองมือปิดตาเบือนหน้าหนีไม่กล้าสบตากับคนสวมชุดตรงๆ

ชุดเกราะฟูลอาเมอร์ราวกับหลุดมาจากมังงะหรืออนิเมะพวกเซ็นไตที่ออกมารักษาความสงบสุขจากปีศาจร้าย

ที่หน้ามีหน้ากากคาบูโตะฟูลเฟสสวมอยู่ มือหนึ่งถือดาบใหญ่ขนาดเท่าตัวคนจริงมาด้วย

 นี่คือตัวละครชื่อ บาริโอเต้ เป็นตัวละครอนิเมะที่เนเน่ชื่นชอบมาก

“ฮะฮะฮะฮะ ข้ารออยู่นานแล้ว สงครามจากชาติก่อนที่สู้กันมาตลอด ขอให้มันจบลงที่ตรงนี้แหละ”

“เอ๊..เอ๋”

เนเน่โพสแอ๊คท่าในขณะที่พูดไปด้วย ส่วนยุยที่เห็นเน่เน่ในสภาพนี้ตกใจจนไม่ขยับตัว

“..ทำอะไรของพี่เนี่ย”

“เอ๋..?ได้ยินว่าเป็นคนที่มีอาการเครียดจัดเวลาพบปะคนอื่น  ชั้นก็เลยจัดชุดใหญ่ให้น้องเขาไม่เครียดเพื่อน้องชายที่อุตส่าขอร้องไง

“ขอร้องอะใช่ แต่เล่นขนาดนี้ก็เวอร์ไป”

“ง่า สายตายูคุงเย็นชาเหลือเกิน”

“อย่างน้อยถอดหน้ากากคาบูโตะออกก็ยังดีครับ ยุยเขากลัวจะแย่แล้วมั้ง”

“จ้า”

 

**

 

จบCH5-1

ตอนหน้ามาลุ้นกันนะครับ ว่าเนเน่จะป่วนยุยกับยูมะขนาดไหน

 

 ถ้ารอได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+