LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 23.2

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 23.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

zuttomi ch 23-2 ติวหนังสือแบบหวานๆ

หลังจากเหตุการณ์เมื่อเช้าที่คุยกัน เวลาล่วงเลยไป จนเข้าสู่หลังเลิกเรียน

ตอนนี้ทั้งสี่คน ยุย อาสึกะ ยูมะ นาโกะ รวมตัวกันที่ห้องสมุดนั่งบนเก้าอี้ มีโต๊ะคั่นกลาง

นาโกะเป็นคนนำขบวนติวให้ กระแอม มองซ้ายขวาดูหน้าแต่ละกคน เริ่มถามก่อนว่า

“ก่อนอื่นขอดูก่อนว่า แต่ละคนมีใครไม่ถนัดวิชาอะไรบ้าง”

“กุอ่อนอังกฤษ”

“ชั้นไม่ถนัดวิชาประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติญี่ปุ่น”

“ส่วนชั้นไม่ถนัดสักอย่างเลยค่า”

“สรุปเธอสอบผ่านเข้ามาเรียนที่นี่ได้ไงครับ”

“โม่ ชั้นเองก็ไม่รู้หรอก สงสัยเป็นเพราะปาฏิหารย์พลังรักล่ะมั้ง”

นาโกะเจอคำตอบอาสึกะเล่นเอาถอนหายใจเฮือก

“สุงิซากิ,คามิชิโร่ ผมต้องขอโทษด้วยนะ แต่ดูแล้วผมต้องพุ่งเป้าติวให้อาสึกะก่อน ส่วนทั้งสองคนก็ลองติวกันเองดูก่อนแล้วกันนะ”

“เออ พยายามเข้าล้ะ”

สรุปก็ไม่ได้ต่างอะไรจากก่อนๆ ผมอยู่กับยุย นาโกะอยู่กับอาสึกะ

ผมเดินไปนั่งข้างๆยุย

“นี่ยูมะ ไม่ถนัดภาษาอังกฤษจุดไหนเหรอ”

“ถ้าพื้นฐานง่ายๆไม่มีปัญหาหรอก แต่ไปตายตรงไวยากรณ์นีี่แหละ ยิ่งประโยคยาวๆนี่ยอมแพ้เลย”

“อืม มันมีส่วนที่ต่างจากญี่ปุ่นเนอะ”

“แล้วเธอล่ะ”

“ของชั้นไม่ถนัดเรื่องจำตรงพวกปีน่ะ แค่อ่านก็ชวนง่วงแล้ว”

“ประวัติศาสตร์มันมีจุดต้องท่องจำเยอะอะนะ งั้นเราลองอ่านหนังสือกันก่อนสิบนาที เสร็จแล้วลองทำข้อสอบย่อยที่อาจารย์ให้มา คิดว่าทำแบบนี้น่าจะเห็นจุดบกพร่องของเราง่ายขึ้นนะ”

“อืม เข้าใจแล้ว”

หลังจากทดสอบ ผลออกมาคือ ไวยากรณ์ ยูมะทำไม่ได้ตามคาด ในขณะที่ยุย ทำได้คะแนนเต็ม

“โห อย่างโหดเลย”

“ไม่หรอก เป็นเพราะนั่งอ่านด้วยกันกับยูมะแหละ”

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

พอยูมะพูดจบ ยุยกล่าว

“อ่านด้วยกันแล้วใจเต้นตึกตักจนไม่รู้สึกง่วงนอนเลย …ถ้าได้ติวด้วยกันกับยูมะ ชั้นคิดว่าจำบทเรียนได้ไม่ลืมแน่”

ยูมะฟังคำพูดจบเล่นเอาใจเต้นแรง

(…สงสัยแล้ววสิว่าเธออาจจะรู้เรื่องความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอแล้วรึเปล่านะ)

ดูจากอากีปกริยาตั้งแต่เช้า ท่าทีออดอ้อน หรือถามเรื่องรักๆอย่างจูบ มันต้องมีอะไรสักอย่างละ

ถ้าหากว่ายุยรู้เรื่องความรู้สึกของเราแล้วล่ะก็..

ยูมะกลืนน้ำลายเอื้อก รวบรวมความกล้าทักยุย

“นี่ ยุย”

“หือ”

“สอบเสร็จแล้วเราไปเดทกันสองต่อสองมั้ย”

ยุยฟังคำพูดยูมะจบเล่นเอาตัวแข็ง หน้าแดงก่ำ 

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้ยินคำว่า เดท ชัดถ้อยชัดคำจากปากของยูมะ

“..หรือไม่ไป?”

“เปล่านะ  ไปสิ ชั้นอยากไปเดท จะไปที่ไหนเหรอ”

“ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะไปที่ไหนดี เธอมีที่อยากจะไปรึเปล่าล่ะ”

“..ร้านเน็ต”

“เธอนี่ชอบร้านเน็ตมากเลยนะ”

“อืม เพราะไปแล้วมันได้อยู่ดัวยกันสองต่อสองไง”

เจอคำพูดเคาร์เตอร์ของยุย เล่นเอาคราวนี้ยูมะตัวแข็ง ใบหน้าร้อนผ่าว

ดูจากสภาพแล้ว คนพูดเองก็ใช่ว่าจะดี เพราะหน้าเธอก็แดงไม่ต่าง พูดเองเขินเองซะงั้น

“แล้วก็ไปร้านเน็ตมันกำหนดเวลาได้ แถมยังได้เล่นเกมแกรนเกทหลังสอบเสร็จด้วย”

“อืม นั่นสินะ งั้นไปร้านเน็ตกัน”

“อืม…ไปสักช่วงกลางวันปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิดีมั้ย”

“ถ้าไม่รังเกียจ มาเจอกันตั้งแต่ตอนเช้าเลยมั้ย”

“เอ๋..อืม ชั้่นไม่มีปัญหานะ”

“มาเร็วแล้วเรามีเวลาได้อยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้นด้วย”

“…..งื้อ”

ยุยตอบไม่เป็นภาษาด้วยอาการหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู แน่นอนว่ายูมะเองก็หน้าแดงไม่ต่างกัน 

“ถ..ถ้างั้นกลับมาโฟกัสเรื่องติวกันต่อเถอะ เกิดคุยแต่เรื่องเที่ยวแล้วผลสอบตกขึ้นมา คงขำไม่ออกแน่ เธอช่วยติวตรงไวยากรณ์ให้หน่อยได้มั้ย”

“อืม ปัญหาข้อนีั้ต้องแก้ด้วย…”

ระหว่างที่ยุยกล่าว เธอเริ่มกระเถิบไปหายูมะใกล้กล่าเดิม ใช้มือกระตุกเสื้อยูมะใต้โต๊ะ

ยูมะเองก็รู้งาน เขาคาดเดาว่ายุยต้องการจับมือนี่แหละ แต่มันอยู่ในห้องสมุด จะทักประเจิดประเจ้อมันดุไม่ดี ยูมะจึงย่นมือไปจับมือยุยที่กระตุกเสื้อ

ความรู้สึกของทั้งสองฝ่านส่งผ่านฝ่ามือมา ตอนนี้ทั้งคู่ติวหนังสือในสภาพที่จับมือไปด้วยกัน

“อ้อ ข้อนี้ต้องแก้ด้วยแบบนี้นะ”

“อย่างนี้นี่เอง มันต้องทำแบบนี้สินะ”

เช่นกัน พอเป็นของยุยที่ไม่เข้าใจ ยูมะก็จะอธิบายเสริมด้วย

พอทำแบบนี้แล้วเนื้อหามันเข้าหัวดีจัง

แน่นอนว่าสักวันหนึ่ง สิ่งที่ติวด้วยกันในวันนี้อาจจะลืม แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขที่จับมือติวหนังสือด้วยกัน มันจะไม่มีวันลืมแน่นอน

ขณะที่กำลังคิดอยู่ ยูมะรู้สึกได้ถึงสายตาบางคน เฮ้ย นาโกะกับอาสึกะมันมาดุเราตั้งแต่เมื่อไรวะ

“ขอโทษทีน้า เห็นทั้งสองคนตัวติดแล้วยังจู๋จี๋กัน มันดูเพลินจนลืมตัวเลย”

“ไม่ได้จู๋จี๋ซะหน่อย”

“แหม คิดว่าชั้นไม่เห็นตอนทั้งคู่จับมือกันใต้โต๊ะเหรอ”

พอเจอคำพูดอาสึกะเข้าไป ยูมะกับยุยรีบปล่อยมือทันที

“อาสึกะ เอาเวลาสนใจคนอื่น สนใจเรื่องตัวเองเถอะครับ”

“โห่…นั่งอ่านเท่าไรก็ไม่เข้าใจสักที ชั้นเกลียดเลขอ่า”

นาโกะถอนหายใจให้กับคำพูดที่จวนจะร้องไห้ของอาสึกะ  สุดท้ายนาโกะตัดสินใจ ดึงสมุดโน้ตออกแล้วเปลี่ยนไปจับมืออาสึกะแทน

“เอ…เอ๋..น..นาโกะคุง”

อาสึกะตาเบิกกว้างกับการกระทำไม่ทันตั้งตัวของนาโกะ 

เด็กหนุ่มสอดประสานนิ้วจับมืออาสึกะในท่าจับมือกันแบบคู่รัก

“ทำแบบนี้แล้วอ่านหนังสือไปด้วยน่าจะลดความเกลียดเลขได้บ้างนิดนึงนะครับ”

“ค…ค่ะ

“ระหว่างติวหนังสือ ผมจะจับมือคุณไว้แบบนี้ พยายามเข้านะครับ”

“ช..ชั้นจะพยายาม…”

” …เขร้ สมเป็นนาโกะเลยว่ะ อย่างเจ๋ง”

“นั่นสิ เท่มากเลย”

 ยุยกล่าวจบ ชำเลืองมองยูมะ ฉวยโอกาสจังหวะนาโกะติวหนังสือ  ล้วงมือไปสะกิดเสื้อยูมะ

ยูมะเองก็รู้ตัว เขาจับมือยุยในใต้โต๊ะด้วยเช่นกัน

สรุปว่าทั้งสี่คนต่างก็ติวหนังสือกันในสภาพจับมือคู่ใครคู่มันจบเลิกติว

จบ ch23-2

 

****

 

ถ้ารอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 23.2

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 23.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

zuttomi ch 23-2 ติวหนังสือแบบหวานๆ

หลังจากเหตุการณ์เมื่อเช้าที่คุยกัน เวลาล่วงเลยไป จนเข้าสู่หลังเลิกเรียน

ตอนนี้ทั้งสี่คน ยุย อาสึกะ ยูมะ นาโกะ รวมตัวกันที่ห้องสมุดนั่งบนเก้าอี้ มีโต๊ะคั่นกลาง

นาโกะเป็นคนนำขบวนติวให้ กระแอม มองซ้ายขวาดูหน้าแต่ละกคน เริ่มถามก่อนว่า

“ก่อนอื่นขอดูก่อนว่า แต่ละคนมีใครไม่ถนัดวิชาอะไรบ้าง”

“กุอ่อนอังกฤษ”

“ชั้นไม่ถนัดวิชาประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติญี่ปุ่น”

“ส่วนชั้นไม่ถนัดสักอย่างเลยค่า”

“สรุปเธอสอบผ่านเข้ามาเรียนที่นี่ได้ไงครับ”

“โม่ ชั้นเองก็ไม่รู้หรอก สงสัยเป็นเพราะปาฏิหารย์พลังรักล่ะมั้ง”

นาโกะเจอคำตอบอาสึกะเล่นเอาถอนหายใจเฮือก

“สุงิซากิ,คามิชิโร่ ผมต้องขอโทษด้วยนะ แต่ดูแล้วผมต้องพุ่งเป้าติวให้อาสึกะก่อน ส่วนทั้งสองคนก็ลองติวกันเองดูก่อนแล้วกันนะ”

“เออ พยายามเข้าล้ะ”

สรุปก็ไม่ได้ต่างอะไรจากก่อนๆ ผมอยู่กับยุย นาโกะอยู่กับอาสึกะ

ผมเดินไปนั่งข้างๆยุย

“นี่ยูมะ ไม่ถนัดภาษาอังกฤษจุดไหนเหรอ”

“ถ้าพื้นฐานง่ายๆไม่มีปัญหาหรอก แต่ไปตายตรงไวยากรณ์นีี่แหละ ยิ่งประโยคยาวๆนี่ยอมแพ้เลย”

“อืม มันมีส่วนที่ต่างจากญี่ปุ่นเนอะ”

“แล้วเธอล่ะ”

“ของชั้นไม่ถนัดเรื่องจำตรงพวกปีน่ะ แค่อ่านก็ชวนง่วงแล้ว”

“ประวัติศาสตร์มันมีจุดต้องท่องจำเยอะอะนะ งั้นเราลองอ่านหนังสือกันก่อนสิบนาที เสร็จแล้วลองทำข้อสอบย่อยที่อาจารย์ให้มา คิดว่าทำแบบนี้น่าจะเห็นจุดบกพร่องของเราง่ายขึ้นนะ”

“อืม เข้าใจแล้ว”

หลังจากทดสอบ ผลออกมาคือ ไวยากรณ์ ยูมะทำไม่ได้ตามคาด ในขณะที่ยุย ทำได้คะแนนเต็ม

“โห อย่างโหดเลย”

“ไม่หรอก เป็นเพราะนั่งอ่านด้วยกันกับยูมะแหละ”

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

พอยูมะพูดจบ ยุยกล่าว

“อ่านด้วยกันแล้วใจเต้นตึกตักจนไม่รู้สึกง่วงนอนเลย …ถ้าได้ติวด้วยกันกับยูมะ ชั้นคิดว่าจำบทเรียนได้ไม่ลืมแน่”

ยูมะฟังคำพูดจบเล่นเอาใจเต้นแรง

(…สงสัยแล้ววสิว่าเธออาจจะรู้เรื่องความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอแล้วรึเปล่านะ)

ดูจากอากีปกริยาตั้งแต่เช้า ท่าทีออดอ้อน หรือถามเรื่องรักๆอย่างจูบ มันต้องมีอะไรสักอย่างละ

ถ้าหากว่ายุยรู้เรื่องความรู้สึกของเราแล้วล่ะก็..

ยูมะกลืนน้ำลายเอื้อก รวบรวมความกล้าทักยุย

“นี่ ยุย”

“หือ”

“สอบเสร็จแล้วเราไปเดทกันสองต่อสองมั้ย”

ยุยฟังคำพูดยูมะจบเล่นเอาตัวแข็ง หน้าแดงก่ำ 

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้ยินคำว่า เดท ชัดถ้อยชัดคำจากปากของยูมะ

“..หรือไม่ไป?”

“เปล่านะ  ไปสิ ชั้นอยากไปเดท จะไปที่ไหนเหรอ”

“ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะไปที่ไหนดี เธอมีที่อยากจะไปรึเปล่าล่ะ”

“..ร้านเน็ต”

“เธอนี่ชอบร้านเน็ตมากเลยนะ”

“อืม เพราะไปแล้วมันได้อยู่ดัวยกันสองต่อสองไง”

เจอคำพูดเคาร์เตอร์ของยุย เล่นเอาคราวนี้ยูมะตัวแข็ง ใบหน้าร้อนผ่าว

ดูจากสภาพแล้ว คนพูดเองก็ใช่ว่าจะดี เพราะหน้าเธอก็แดงไม่ต่าง พูดเองเขินเองซะงั้น

“แล้วก็ไปร้านเน็ตมันกำหนดเวลาได้ แถมยังได้เล่นเกมแกรนเกทหลังสอบเสร็จด้วย”

“อืม นั่นสินะ งั้นไปร้านเน็ตกัน”

“อืม…ไปสักช่วงกลางวันปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิดีมั้ย”

“ถ้าไม่รังเกียจ มาเจอกันตั้งแต่ตอนเช้าเลยมั้ย”

“เอ๋..อืม ชั้่นไม่มีปัญหานะ”

“มาเร็วแล้วเรามีเวลาได้อยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้นด้วย”

“…..งื้อ”

ยุยตอบไม่เป็นภาษาด้วยอาการหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู แน่นอนว่ายูมะเองก็หน้าแดงไม่ต่างกัน 

“ถ..ถ้างั้นกลับมาโฟกัสเรื่องติวกันต่อเถอะ เกิดคุยแต่เรื่องเที่ยวแล้วผลสอบตกขึ้นมา คงขำไม่ออกแน่ เธอช่วยติวตรงไวยากรณ์ให้หน่อยได้มั้ย”

“อืม ปัญหาข้อนีั้ต้องแก้ด้วย…”

ระหว่างที่ยุยกล่าว เธอเริ่มกระเถิบไปหายูมะใกล้กล่าเดิม ใช้มือกระตุกเสื้อยูมะใต้โต๊ะ

ยูมะเองก็รู้งาน เขาคาดเดาว่ายุยต้องการจับมือนี่แหละ แต่มันอยู่ในห้องสมุด จะทักประเจิดประเจ้อมันดุไม่ดี ยูมะจึงย่นมือไปจับมือยุยที่กระตุกเสื้อ

ความรู้สึกของทั้งสองฝ่านส่งผ่านฝ่ามือมา ตอนนี้ทั้งคู่ติวหนังสือในสภาพที่จับมือไปด้วยกัน

“อ้อ ข้อนี้ต้องแก้ด้วยแบบนี้นะ”

“อย่างนี้นี่เอง มันต้องทำแบบนี้สินะ”

เช่นกัน พอเป็นของยุยที่ไม่เข้าใจ ยูมะก็จะอธิบายเสริมด้วย

พอทำแบบนี้แล้วเนื้อหามันเข้าหัวดีจัง

แน่นอนว่าสักวันหนึ่ง สิ่งที่ติวด้วยกันในวันนี้อาจจะลืม แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขที่จับมือติวหนังสือด้วยกัน มันจะไม่มีวันลืมแน่นอน

ขณะที่กำลังคิดอยู่ ยูมะรู้สึกได้ถึงสายตาบางคน เฮ้ย นาโกะกับอาสึกะมันมาดุเราตั้งแต่เมื่อไรวะ

“ขอโทษทีน้า เห็นทั้งสองคนตัวติดแล้วยังจู๋จี๋กัน มันดูเพลินจนลืมตัวเลย”

“ไม่ได้จู๋จี๋ซะหน่อย”

“แหม คิดว่าชั้นไม่เห็นตอนทั้งคู่จับมือกันใต้โต๊ะเหรอ”

พอเจอคำพูดอาสึกะเข้าไป ยูมะกับยุยรีบปล่อยมือทันที

“อาสึกะ เอาเวลาสนใจคนอื่น สนใจเรื่องตัวเองเถอะครับ”

“โห่…นั่งอ่านเท่าไรก็ไม่เข้าใจสักที ชั้นเกลียดเลขอ่า”

นาโกะถอนหายใจให้กับคำพูดที่จวนจะร้องไห้ของอาสึกะ  สุดท้ายนาโกะตัดสินใจ ดึงสมุดโน้ตออกแล้วเปลี่ยนไปจับมืออาสึกะแทน

“เอ…เอ๋..น..นาโกะคุง”

อาสึกะตาเบิกกว้างกับการกระทำไม่ทันตั้งตัวของนาโกะ 

เด็กหนุ่มสอดประสานนิ้วจับมืออาสึกะในท่าจับมือกันแบบคู่รัก

“ทำแบบนี้แล้วอ่านหนังสือไปด้วยน่าจะลดความเกลียดเลขได้บ้างนิดนึงนะครับ”

“ค…ค่ะ

“ระหว่างติวหนังสือ ผมจะจับมือคุณไว้แบบนี้ พยายามเข้านะครับ”

“ช..ชั้นจะพยายาม…”

” …เขร้ สมเป็นนาโกะเลยว่ะ อย่างเจ๋ง”

“นั่นสิ เท่มากเลย”

 ยุยกล่าวจบ ชำเลืองมองยูมะ ฉวยโอกาสจังหวะนาโกะติวหนังสือ  ล้วงมือไปสะกิดเสื้อยูมะ

ยูมะเองก็รู้ตัว เขาจับมือยุยในใต้โต๊ะด้วยเช่นกัน

สรุปว่าทั้งสี่คนต่างก็ติวหนังสือกันในสภาพจับมือคู่ใครคู่มันจบเลิกติว

จบ ch23-2

 

****

 

ถ้ารอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+