LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 22.1

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 22.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วันถัดหลังจากยุยมาเยี่ยม ไข้ของยูมะลดลงจนหายสนิทในอีกสองวันถัดมา

ยูมะอยู่บนเตียง ตรวจสอบอาการไข้ตน รำพึงออกมา

(จะว่าอวยก็ได้แหละ แต่ต้องบอกว่าเราหายดีขึ้นเพราะยุยมาเยี่ยมเรานี่แหละ..)

พอคิดถึงตรงนี้ปู๊บ จู่ๆยูมะก็นึกถึงไปตอนที่ยุยแอบหอมแก้มเขา เล่นเอาอายและเขินแทบตายเลย

เด็กหนุ่มลองเอามือแตะแก้มตัวเอง รู้สึกถึงความอ่อนนุ่มตอนที่ยุยสัมผัสริมฝีปากในตอนนั้น

ยูมะรู้สึกดีใจก็จริง แต่ว่า ต่อจากนี้ตอนเจอหน้ายุย ควรจะทำหน้ายังไงดีนะ

ระหว่างคิด ยูมะเดินไปที่ห้องรับแขก เนเน่กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่

“อรุณสวัสดิ์ ยูคุง อาการป่วยเป็นไงบ้าง”

“อืม หายขาดละครับ”

“ม่า จริงๆเห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าอาการน่าจะดีปกติแล้ว หุหุ เป็นเพราะยุยจังมาเยี่ยมไข้สินะ”

“ง่า..”

ยูมะรุ้สึกร้อนผ่าวที่แก้มเพราะโดนแซว

ถึงอย่างนั้นมันก็อาจจะเป็นเพราะยุยมาเยี่ยมเขานั่นแหละ เขาถึงหายสนิท

แต่พอนึกถึงความดีที่เธอมาเยี่ยมไข้ ในหัวก็ดันผ่านึกไปถึงตอนเธอเข้ามาหอมแก้มด้วยนี่สิ

ยูมะลากเก้าอี้ออกมา จัดการนมกับโทสเป็นอาหารเช้า ส่วนเนเน่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

ไม่รู้คิดไปเอางรึเปล่าแต่ว่า รู้สึกได้ว่า เนเน่จ้องหน้าผมเขม็งเลย

“…เน่ ยูคุง”

“หือ?”

“จูบกับยุยแล้วรึยัง”

ยูมะสำลักนมพรวดออกมา

“แค่กๆ.. จ..นึกไงจู่ๆถึงถามเรื่องนี้”

“ดูเหมือนว่าจะไม่รู้สึกตัวสินะ เวลาที่ยูคุงอายและเขิน จะไม่กล้าสบตา  อย่างเวลาที่เริ่มพูดถึงยุยจัง จะหลบตาเป็นแบบตอนนี้ไม่มีผิด  แสดงว่ามีเรื่องบางอย่างแน่ๆ สนใจให้พี่เป็นศิราณีช่วยแก้ไขปัญหาให้เอามั้ย”

“ม..ไม่มีอะไรสักหน่อย”

“นั่นไง หลบตาอีกแล้ว”

“…..ง่า”

ยูมะไม่กล้าสบตาเนเน่ตอนพูด  ส่วนเนเน่ก็มีสีหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและแววตาซุกซน

“จ..จะว่าไปแล้วเนเน่ .. ให้กุญแจสำรองกับยุยด้วยเหรอ  นั่นเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ”

“แหม รีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะ ม่า ให้ไปก็ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่สักหน่อย ไม่คิดว่ายุยจะใช้กุญแจแอบเข้ามาในบ้านเพื่อทำอะไรแย่ๆนี่นา”

”เรื่องนั้นมันก็ใช่…”

“แถมในอนาคตเธออาจจะเป็นครอบครัวเดียวกับเราแล้วก็ได้”

“ง่า….”

สรุปว่ายูมะโดนเนเน่แซวไม่หยุดเป็นของเล่นตลอดมื้อเช้าเลย

หลังจากกินข้าวเสร็จ กิจวัตรประจำวันยูมะยังคงเดิมคือเดินมารับยุยที่บ้านเธอ

ยูมะยืนอยู่หน้าบ้านตอนนี้ สูดลมหายใจเข้าลึก ปั้นหน้านิ่ง  ก่อนจะกดกริ่ง

ทว่า ปกติแล้วหลังจากกดปุ๊บ ยุยจะต้องค่อยๆแง้มหน้าโผล่ออกมา แต่ว่าวันนี้กลับไม่ใช่  หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก มีคนเปิดประตูออกมา แต่ว่าคนที่เปิดไม่ใช่ยุย แต่เป็นแม่ของยุย

“อะเร๊ะ?..เอ่อ อรุณสวัสดิ์ครับ”

“อรุณสวัสดิ์ ขอโทษนะยูมะคุง วันนี้เด็กคนนั้นเป็นหวัดน่ะ”

“เอ๋?”

ไทมมิ่งจะเป๊ะไปมั้ย คนนึงหายปุ๊บอีกคนเป็นต่อเลย

จะว่าไปก็ลืมนึกเลย แย่ละสิ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ายุยเป็นคนที่มีร่างกายอ่อนแอ เขาน่าจะนึกถึงความเป็นไปได้ตรงจุดนี้ตอนเธอมาเยี่ยมด้วยว่ามีโอกาสติดจากเรา

“ขอโทษนะครับ คงจะติดเพราะว่ามาเฝ้าไข้ผมครับ”

“อาร่า? มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ”

“ยุยจังไม่ได้บอกเหรอครับ”

“อืม หุหุ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเล่าทุกอย่างให้ฟังแท้ๆ  เด็กคนนี้เองก็ถึงวัยเริ่มเก็บความลับกับพ่อแม่แล้วสินะ””

คุณแม่ยุยกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจ (ซึ่งไม่รู้ว่าน่าดีใจตรงไหน) ก่อนที่เธอจะอุทานว่า อ้อ

“แสดงว่าเด็กคนนั้นมีกุญแจสำรองบ้านยูมะคุงใช่มั้ยคะ”

“เอ๋ เอ่อ ใช่ครับ พี่สาวผมเป็นคนให้เธอ”

“งี้นี่เอง  มิน่าล่ะ เมื่อวานซืน ตอนเปิดประตูห้องเข้าไป เห็นเด็กคนนั้นทำหน้าดีใจพลางดูกุญแจไปด้วย พอเห็นคนนั้นเห็นหน้าชั้นปุ๊บ รีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเลยว่า ก่อนเข้าประตูต้องเคาะด้วยสิคะ สงสัยอยู่เลย ทีนี้ก็คลายปริศนาละ กุญแจที่ถือคือกุญแจบ้านยูมะคุงนี่เอง “

ยูมะเขิน รู้สึกถึงความร้อนที่แก้ม คุณแม่ยุยมองยูมะด้วยรอยยิ้ม

“..รอตรงนี้แป๊บนึงนะ”

 คุณแม่ยุยกล่าวจบ เดินกลับเข้าไปในบ้านพักนึง ก่อนที่จะเดินออกมา

“ยูมะคุง ยื่นมือมาซิ”

“เอ๋..ทำไมเหรอครับ”

“ยื่นเถอะค่ะ”

ยูมะแบมือยื่นออกไป คุณแม่ยุยวางกุญแจติดริบบิ้นไว้บนมือยูมะ

“…เอ๋?”

“นี่เป็นกุญแจสำรอง หลังจากเลิกเรียนแล้วถ้ามีเวลา ช่วยแวะมาเยี่ยมไข้ด้วยนะ จริงๆวันนี้แม่อยากจะหยุดงานเพื่อดูแล แต่ว่าเด็กคนนั้นบอกว่า ไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ กลับไปทำงานเถอะ  ตั้งแต่เมื่อก่อนละ เด็กคนนั้นเป็นคนที่ใส่ใจกับความรู้สึกคนรอบข้าง แต่ว่าครั้งนี้ถ้ายูมะเป็นคนมาเยี่ยม แม่คิดว่าเด็กคนนั้นคงจะดีใจมากๆเลยล่ะ”

“เอ่อ. แต่ว่า. ถึงขั้นให้กุญแจสำรองผมเลยเหรอ”

“ลำบากใจเหรอคะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ…คือว่า จะดีจะร้าย ผมก็เป็นเด็กผู้ชายนะครับ”

“แม่เชื่อใจไงคะ”

สุดท้าย บทสรุปก็ออกมาเป็นว่า ยูมะได้กุญแจสำรองบ้านยุยมา เขาเก็บกุญแจใส่กระเป๋าด้วยความระมัดระวังเต็มสูบ

(….ยุยเองก็มีกุญแจสำรองบ้านเราด้วยนี่หว่า)

ตอนนี้เท่ากับว่าทั้งคู่ต่างคนต่างมีกุญแจบ้านของอีกฝั่งละ พอคิดแบบนี้เล่นเอาจั๊กจี้บอกไม่ถูก

หลังจากนั้น ยูมะเดินทางไปโรงเรียน ตามลำพัง ตอนนี้เขาเดินมาถึงสถานีรถไฟแล้ว

เป็นความรู้สึกที่แปลกๆ มันก็ไม่ได้มีเหตุร้ายอะไรนะ แต่ว่าปกติแล้วจะเดินทางมาด้วยกันกับยุยทุกวัน พอไม่มียุยแล้วรู้สึกเหงา

(จะว่าไป ตั้งแต่วันที่เจอเธอครั้งแรก ก็เดินทางไปด้วยกันกับเธอทุกวันเลยนี่หว่า)

นี่มันฟีลลิ่งว่าขาดยุยเหมือนขาดใจเลยนะ เล่นเอาห่อเหี่ยวทั้งร่างกายและจิตใจเลย

ระหว่างกำลังคิดเพลินๆ ยูมะรู้สึกถึงอาการสั่นของมือถือจากในกระเป๋า

ยูมะใช้มือเดียวล้วงและเปิดหน้าจอดู พบว่ายุยส่งข้อความมา

“อรุณสวัสดิ์ เป็นหวัดซะแล้ว)” พร้อมกับสติกเกอร์ตัวอนิเมะนอนป่วยบนเตียง

(ขอโทษนะ เป็นเพราะผมแท้ๆ)

ยูมะส่งข้อความตอบกลับไปปุ๊บ  มีข้อความเด้งกลับมาทันที

(ไม่เป็นไร  ป่วยก็ถือโอกาสหยุดพักผ่อนเลย ไม่ต้องคิดมากนะ แล้วทางยูมะอาการป่วยเป็นไงบ้าง)

(ดีขึ้นแล้ว เพราะเธอแหละครับ)

(ห้ามฝืนตัวเองนะ ถ้าร่างกายล้ากะทันหันหรือเป็นอะไรขึ้นมาให้คอยตรวจสอบอาการตัวเองตลอดนะ)

(ทำไมคนที่เป็นห่วงมันกลับกันรึเปล่าเนี่ย คนที่เป็นห่วงมันควรเป็นผมนะ 55)

(ม่า คนมันชินกับเรื่องพวกนี้แล้ว)

(เป็นความเคยชินที่ไม่อยากให้ชินเลย วันนี้ก็นอนหลับพักผ่อนเยอะๆนะครับ รถไฟกำลังจะมาเทียบสถานีละ หายยาวอย่าแปลกใจ)

(อืม ถ้ามีเวลาว่างก็ทักทายได้นะ)

(นอนได้แล้วเธอ)

หลังจากนั้น ยุยส่งสติกเกอร์ตัวละคร นอนหลับอย่างเป็นสุขมาให้

….เป็นความรู้สึกทียากจะบรรยาย มันเกิดอาการเหงาแบบหว่องๆชอบกล

(..แค่ยุยไม่อยู่ด้วยกันเล่นเอากุเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ)

ยูมะแค่นหัวเราะกับตัวเอง

.****(หลังจากนี้ขอสรุปรวบรัดละกัน )

ยูมะมาถึงโรงเรียนก็จะคุยกับพวกอาสึกะเรื่องอาการป่วยของยุย ระหว่างคุยก็จะเห็นอาสึกะแสดงความรัก เล่นเอายูมะแซวว่าคู่รักงี่เง่า นาโกะก็สวนกลับว่า นายก็ไม่ต่างหรอก  อาสึกะก็จะมีแซวว่า เผลอๆดีกว่าอีกเพราะว่าทำข้าวกล่องมาให้ด้วย บางจุดเหมือนคู่รักเพิ่งแต่งงานใหม่ด้วยซ้ำ เล่นเอายูมะอึกอักไปไม่เป็น นาโกะเองก็แซวว่าด้วยว่า พวกนายรีบๆคบกันได้แล้ว

 

จบ ch 22-1

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 22.1

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 22.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วันถัดหลังจากยุยมาเยี่ยม ไข้ของยูมะลดลงจนหายสนิทในอีกสองวันถัดมา

ยูมะอยู่บนเตียง ตรวจสอบอาการไข้ตน รำพึงออกมา

(จะว่าอวยก็ได้แหละ แต่ต้องบอกว่าเราหายดีขึ้นเพราะยุยมาเยี่ยมเรานี่แหละ..)

พอคิดถึงตรงนี้ปู๊บ จู่ๆยูมะก็นึกถึงไปตอนที่ยุยแอบหอมแก้มเขา เล่นเอาอายและเขินแทบตายเลย

เด็กหนุ่มลองเอามือแตะแก้มตัวเอง รู้สึกถึงความอ่อนนุ่มตอนที่ยุยสัมผัสริมฝีปากในตอนนั้น

ยูมะรู้สึกดีใจก็จริง แต่ว่า ต่อจากนี้ตอนเจอหน้ายุย ควรจะทำหน้ายังไงดีนะ

ระหว่างคิด ยูมะเดินไปที่ห้องรับแขก เนเน่กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่

“อรุณสวัสดิ์ ยูคุง อาการป่วยเป็นไงบ้าง”

“อืม หายขาดละครับ”

“ม่า จริงๆเห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าอาการน่าจะดีปกติแล้ว หุหุ เป็นเพราะยุยจังมาเยี่ยมไข้สินะ”

“ง่า..”

ยูมะรุ้สึกร้อนผ่าวที่แก้มเพราะโดนแซว

ถึงอย่างนั้นมันก็อาจจะเป็นเพราะยุยมาเยี่ยมเขานั่นแหละ เขาถึงหายสนิท

แต่พอนึกถึงความดีที่เธอมาเยี่ยมไข้ ในหัวก็ดันผ่านึกไปถึงตอนเธอเข้ามาหอมแก้มด้วยนี่สิ

ยูมะลากเก้าอี้ออกมา จัดการนมกับโทสเป็นอาหารเช้า ส่วนเนเน่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

ไม่รู้คิดไปเอางรึเปล่าแต่ว่า รู้สึกได้ว่า เนเน่จ้องหน้าผมเขม็งเลย

“…เน่ ยูคุง”

“หือ?”

“จูบกับยุยแล้วรึยัง”

ยูมะสำลักนมพรวดออกมา

“แค่กๆ.. จ..นึกไงจู่ๆถึงถามเรื่องนี้”

“ดูเหมือนว่าจะไม่รู้สึกตัวสินะ เวลาที่ยูคุงอายและเขิน จะไม่กล้าสบตา  อย่างเวลาที่เริ่มพูดถึงยุยจัง จะหลบตาเป็นแบบตอนนี้ไม่มีผิด  แสดงว่ามีเรื่องบางอย่างแน่ๆ สนใจให้พี่เป็นศิราณีช่วยแก้ไขปัญหาให้เอามั้ย”

“ม..ไม่มีอะไรสักหน่อย”

“นั่นไง หลบตาอีกแล้ว”

“…..ง่า”

ยูมะไม่กล้าสบตาเนเน่ตอนพูด  ส่วนเนเน่ก็มีสีหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและแววตาซุกซน

“จ..จะว่าไปแล้วเนเน่ .. ให้กุญแจสำรองกับยุยด้วยเหรอ  นั่นเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ”

“แหม รีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะ ม่า ให้ไปก็ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่สักหน่อย ไม่คิดว่ายุยจะใช้กุญแจแอบเข้ามาในบ้านเพื่อทำอะไรแย่ๆนี่นา”

”เรื่องนั้นมันก็ใช่…”

“แถมในอนาคตเธออาจจะเป็นครอบครัวเดียวกับเราแล้วก็ได้”

“ง่า….”

สรุปว่ายูมะโดนเนเน่แซวไม่หยุดเป็นของเล่นตลอดมื้อเช้าเลย

หลังจากกินข้าวเสร็จ กิจวัตรประจำวันยูมะยังคงเดิมคือเดินมารับยุยที่บ้านเธอ

ยูมะยืนอยู่หน้าบ้านตอนนี้ สูดลมหายใจเข้าลึก ปั้นหน้านิ่ง  ก่อนจะกดกริ่ง

ทว่า ปกติแล้วหลังจากกดปุ๊บ ยุยจะต้องค่อยๆแง้มหน้าโผล่ออกมา แต่ว่าวันนี้กลับไม่ใช่  หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก มีคนเปิดประตูออกมา แต่ว่าคนที่เปิดไม่ใช่ยุย แต่เป็นแม่ของยุย

“อะเร๊ะ?..เอ่อ อรุณสวัสดิ์ครับ”

“อรุณสวัสดิ์ ขอโทษนะยูมะคุง วันนี้เด็กคนนั้นเป็นหวัดน่ะ”

“เอ๋?”

ไทมมิ่งจะเป๊ะไปมั้ย คนนึงหายปุ๊บอีกคนเป็นต่อเลย

จะว่าไปก็ลืมนึกเลย แย่ละสิ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ายุยเป็นคนที่มีร่างกายอ่อนแอ เขาน่าจะนึกถึงความเป็นไปได้ตรงจุดนี้ตอนเธอมาเยี่ยมด้วยว่ามีโอกาสติดจากเรา

“ขอโทษนะครับ คงจะติดเพราะว่ามาเฝ้าไข้ผมครับ”

“อาร่า? มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ”

“ยุยจังไม่ได้บอกเหรอครับ”

“อืม หุหุ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเล่าทุกอย่างให้ฟังแท้ๆ  เด็กคนนี้เองก็ถึงวัยเริ่มเก็บความลับกับพ่อแม่แล้วสินะ””

คุณแม่ยุยกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจ (ซึ่งไม่รู้ว่าน่าดีใจตรงไหน) ก่อนที่เธอจะอุทานว่า อ้อ

“แสดงว่าเด็กคนนั้นมีกุญแจสำรองบ้านยูมะคุงใช่มั้ยคะ”

“เอ๋ เอ่อ ใช่ครับ พี่สาวผมเป็นคนให้เธอ”

“งี้นี่เอง  มิน่าล่ะ เมื่อวานซืน ตอนเปิดประตูห้องเข้าไป เห็นเด็กคนนั้นทำหน้าดีใจพลางดูกุญแจไปด้วย พอเห็นคนนั้นเห็นหน้าชั้นปุ๊บ รีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเลยว่า ก่อนเข้าประตูต้องเคาะด้วยสิคะ สงสัยอยู่เลย ทีนี้ก็คลายปริศนาละ กุญแจที่ถือคือกุญแจบ้านยูมะคุงนี่เอง “

ยูมะเขิน รู้สึกถึงความร้อนที่แก้ม คุณแม่ยุยมองยูมะด้วยรอยยิ้ม

“..รอตรงนี้แป๊บนึงนะ”

 คุณแม่ยุยกล่าวจบ เดินกลับเข้าไปในบ้านพักนึง ก่อนที่จะเดินออกมา

“ยูมะคุง ยื่นมือมาซิ”

“เอ๋..ทำไมเหรอครับ”

“ยื่นเถอะค่ะ”

ยูมะแบมือยื่นออกไป คุณแม่ยุยวางกุญแจติดริบบิ้นไว้บนมือยูมะ

“…เอ๋?”

“นี่เป็นกุญแจสำรอง หลังจากเลิกเรียนแล้วถ้ามีเวลา ช่วยแวะมาเยี่ยมไข้ด้วยนะ จริงๆวันนี้แม่อยากจะหยุดงานเพื่อดูแล แต่ว่าเด็กคนนั้นบอกว่า ไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ กลับไปทำงานเถอะ  ตั้งแต่เมื่อก่อนละ เด็กคนนั้นเป็นคนที่ใส่ใจกับความรู้สึกคนรอบข้าง แต่ว่าครั้งนี้ถ้ายูมะเป็นคนมาเยี่ยม แม่คิดว่าเด็กคนนั้นคงจะดีใจมากๆเลยล่ะ”

“เอ่อ. แต่ว่า. ถึงขั้นให้กุญแจสำรองผมเลยเหรอ”

“ลำบากใจเหรอคะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ…คือว่า จะดีจะร้าย ผมก็เป็นเด็กผู้ชายนะครับ”

“แม่เชื่อใจไงคะ”

สุดท้าย บทสรุปก็ออกมาเป็นว่า ยูมะได้กุญแจสำรองบ้านยุยมา เขาเก็บกุญแจใส่กระเป๋าด้วยความระมัดระวังเต็มสูบ

(….ยุยเองก็มีกุญแจสำรองบ้านเราด้วยนี่หว่า)

ตอนนี้เท่ากับว่าทั้งคู่ต่างคนต่างมีกุญแจบ้านของอีกฝั่งละ พอคิดแบบนี้เล่นเอาจั๊กจี้บอกไม่ถูก

หลังจากนั้น ยูมะเดินทางไปโรงเรียน ตามลำพัง ตอนนี้เขาเดินมาถึงสถานีรถไฟแล้ว

เป็นความรู้สึกที่แปลกๆ มันก็ไม่ได้มีเหตุร้ายอะไรนะ แต่ว่าปกติแล้วจะเดินทางมาด้วยกันกับยุยทุกวัน พอไม่มียุยแล้วรู้สึกเหงา

(จะว่าไป ตั้งแต่วันที่เจอเธอครั้งแรก ก็เดินทางไปด้วยกันกับเธอทุกวันเลยนี่หว่า)

นี่มันฟีลลิ่งว่าขาดยุยเหมือนขาดใจเลยนะ เล่นเอาห่อเหี่ยวทั้งร่างกายและจิตใจเลย

ระหว่างกำลังคิดเพลินๆ ยูมะรู้สึกถึงอาการสั่นของมือถือจากในกระเป๋า

ยูมะใช้มือเดียวล้วงและเปิดหน้าจอดู พบว่ายุยส่งข้อความมา

“อรุณสวัสดิ์ เป็นหวัดซะแล้ว)” พร้อมกับสติกเกอร์ตัวอนิเมะนอนป่วยบนเตียง

(ขอโทษนะ เป็นเพราะผมแท้ๆ)

ยูมะส่งข้อความตอบกลับไปปุ๊บ  มีข้อความเด้งกลับมาทันที

(ไม่เป็นไร  ป่วยก็ถือโอกาสหยุดพักผ่อนเลย ไม่ต้องคิดมากนะ แล้วทางยูมะอาการป่วยเป็นไงบ้าง)

(ดีขึ้นแล้ว เพราะเธอแหละครับ)

(ห้ามฝืนตัวเองนะ ถ้าร่างกายล้ากะทันหันหรือเป็นอะไรขึ้นมาให้คอยตรวจสอบอาการตัวเองตลอดนะ)

(ทำไมคนที่เป็นห่วงมันกลับกันรึเปล่าเนี่ย คนที่เป็นห่วงมันควรเป็นผมนะ 55)

(ม่า คนมันชินกับเรื่องพวกนี้แล้ว)

(เป็นความเคยชินที่ไม่อยากให้ชินเลย วันนี้ก็นอนหลับพักผ่อนเยอะๆนะครับ รถไฟกำลังจะมาเทียบสถานีละ หายยาวอย่าแปลกใจ)

(อืม ถ้ามีเวลาว่างก็ทักทายได้นะ)

(นอนได้แล้วเธอ)

หลังจากนั้น ยุยส่งสติกเกอร์ตัวละคร นอนหลับอย่างเป็นสุขมาให้

….เป็นความรู้สึกทียากจะบรรยาย มันเกิดอาการเหงาแบบหว่องๆชอบกล

(..แค่ยุยไม่อยู่ด้วยกันเล่นเอากุเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ)

ยูมะแค่นหัวเราะกับตัวเอง

.****(หลังจากนี้ขอสรุปรวบรัดละกัน )

ยูมะมาถึงโรงเรียนก็จะคุยกับพวกอาสึกะเรื่องอาการป่วยของยุย ระหว่างคุยก็จะเห็นอาสึกะแสดงความรัก เล่นเอายูมะแซวว่าคู่รักงี่เง่า นาโกะก็สวนกลับว่า นายก็ไม่ต่างหรอก  อาสึกะก็จะมีแซวว่า เผลอๆดีกว่าอีกเพราะว่าทำข้าวกล่องมาให้ด้วย บางจุดเหมือนคู่รักเพิ่งแต่งงานใหม่ด้วยซ้ำ เล่นเอายูมะอึกอักไปไม่เป็น นาโกะเองก็แซวว่าด้วยว่า พวกนายรีบๆคบกันได้แล้ว

 

จบ ch 22-1

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+