LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 13.1: ยุยกับเพื่อนใหม่

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 13.1: ยุยกับเพื่อนใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

เช้าวันถัดมา ยุในชุดเครื่องแบบ ตอนนี้กำลังส่องกระจกที่ห้อง

หากเป็นเมื่่อก่อน เธอไม่ชอบส่องกระจกแต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้ว

ยุยตรวจผมเผ้า ดูชุดเครื่องแบบว่าไม่หลุดลุ่ย ดูความเรียบร้อยตัวเอง

(…เด็กผู้ชายเขาชอบผู้หญิงใส่กระโปรงสั้นใช้รึเปล่านะ)

ยุยคิดจบ ลองถกกระโปรงตัวเองเผยต้นขาเล็กน้อย แค่ทำเธอก็รู้สึกอายม้วน สุดท้ายรีบปล่อยกระโปรงให้กลับสู่สภาพเดิม

วันนี้ยูมะจะมารับเธอที่บ้าน

ปกติยูมะถ้ามาถึงบ้านจะกดอินเตอร์โฟนเรียก แต่วันนี้รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ

ยุยนั่งลงที่เตียง หยิบตุ๊กตาหมีมากอดวางบนตัก

(ยังมาไม่ถึงอีกเหรอ)

ถึงแม้ว่าเธอจะเจอยูมะทุกวันอยุ่แล้ว แต่วันนี้รู้สึกใจเต้นมากกว่าปกติ อยากเจอเขาไวๆ อยากจะสนทนากับยูมะเร็วๆ

(ถ้าสมมติว่า ยูมะเค้ารู้ว่าชั้นรักเขา เขาจะรุ้สึกยังไงบ้างนะ)

…ตอนนี้ความสัมพันธํ์เธอและเขาเป็นไปด้วยดี แต่ว่ายูมะเขารุ้สึกยังไงกับเธอบ้าง จะรักเธอเหมือนเพื่อนสนิทเหมือนเดิมรึเปล่า ใจก็อยากจะเขาอีกครั้ง แต่ก็นั่นแหละ ถ้าถามไปแล้ว ปรากฏว่า อาจจะเกินเพื่อนท แต่ก็ได้แค่น้องสาว มันจะเกิดอะไรขึ้น

(พอเข้าใจความรู้สึกตัวเอง ทำไมมันสงบจิตใจยากจังนะ)

ปกติยุยเป็นคนที่มองโลกในแง่ลบ และนี่เป็นรักแรก ฉะนั้นเรื่องที่เธอจะไม่กล้าคาดหวังก็เป็นเรื่องทีเ่ข้าใจได้

ยุยเคยสารภาพรักขอคบยูมะเป็นแฟนมาแล้วครั้งหนึ่ง  แต่จะให้สารภาพรักอีกรอบ ความรู้สึกตอนนี้มันแตกต่างกัน

ตอนนั้นเธอสารภาพรักเพราะอยากให้ยูมะดีใจ แต่หากสารภาพรักอีกครั้ง มันจะไม่ใช่เหตุผลเดิม

(สุดท้ายแล้ว ชั้นอยากให้ยูมะคิดกับชั้นยังไงบ้างนะ)

ช่วงนี้ยุยตกอยู่ในภาะสับสน

เธอมีความรู้สึก อยากจะจูบยูมะในฐานะคนรักกัน แต่อีกฟีลหนึ่งก็บอกตัวเองว่าความสัมพันธ์ตอนนี้มันดีอยู่แล้ว ไปโรงเรียน เล่นเกม ทำกิจกรรมด้วยกัน ในฐานะเพื่อนสนิท เท่านี้ก็สุขมากแล้ว

เธออยากจะรักษาความสัมพันธ์ตรงนี้ไว้  ไม่กล้าจะขยับเป็นความรักเพราะกลัวความผิดหวัง  ความสัมพันธ์ตอนนี้ถึงไม่เป็นคนรักกัน ก็ถือว่ามีความสุขดี แต่หากสารภาพรัก ทุกอย่างอาจจะพังทลายหมดก็เป็นได้

ปิ๊งป่อง

เสียงงอินเตอร์โฟน ปลุกยุยจากภวังค์ ยุยลุกจากเตียง สำรวจความเรียบร้อยอีกรอบ หยิบกระเป๋าเดินลงไปชั้นล่าง

“อาร่า อาร่า”

แม่ยุยส่งยิ้มรอเธออยู่ที่ชั้นล่างหน้าประตูทางออก

“แม่คะ หนูไปก่อนนะคะ”

“อืม พยายามเข้านะ”

ไม่รู้ทำไม แต่ยุยรู้สึกติดใจคำว่าพยายามที่แม่พูด เหมือนว่าจะมีความหมายแฝงมากกว่าพยายามทั่วไปนะ เธอหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเปิดประตูบ้านออกไป ยูมะรอเธออยุ่หน้าบ้าน

“อรุณสวัสดิ์

“อรุณสวัสดืิ์”

ตอนอยู่บนห้อง มีความรู้สึกอยากเจอมากแท้ๆ แต่พอได้เจอหน้าจริงกลับรู้สึกเขินจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

“ไปดีมาดีนะ ยูมะคุง ฝากลูกสาวแม่ด้วยนะ”

คุณแม่ยุยกล่าวพลางยิ้ม ยูมะหน้าแดงกับคำพูดของแม่ยุย พยักหน้าเล็กน้อย ตอบรับสั้นๆว่า ครับ 

***

**หลังจากนี้จะแปลรวบรัดนิดนึงนะครับผม มันอืด 55

วันนี้ตอนโฮมรูม อาจารย์จะบอกว่าให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ย้ายที่นั่งช่วงบ่ายหลังพักกลางวัน

แน่นอนว่า ยุยรู้สึกกังวล แม้เธอจะบอกกับยูมะว่าไม่เป็นไร แต่ก็ภาวนาต่อพระเจ้าว่าให้ช่วยเธอจับคู่กับยูมะเหมือนเดิม 

แต่โชคร้าย ครั้งนี้พระเจ้าไม่ตอบสนอง

ยูมะจะถูกจับกลุ่มเอ ส่วนยุยจะถูกจับไปกลุ่มเอฟ

ทีนี้ ยูมะจะขอร้องเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง 

“เฮ้ อาสุกะ มีเรื่องขอความช่วยเหลือหน่อย”

(ยูมะเรียกชื่อเด็กผู้หญิงเลยเหรอ) 

**หมายเหตุจากผู้แปล ใครอ่านมังงะญี่ปุ่นน่าจะรู้นะครับว่า การเรียกชื่อ สำหรับคนญี่ปุ่นมีความหมายมาก แปลว่าสนิทกันสุดๆ 

อาสึกะ เด็กผู้หญิงที่ยูมะเรียก เป็นเด็กผู้หญิงผมสั้น ท่าทางแจ่มใสร่าเริง เธอเดินยิ้มแฉ่งเข้ามาหายูมะ

“โอ้ สุงิซากิคุงนี่นา ขึ้นมอปลายก็ฝากตัวด้วยนะ  ส่วนคนข้างๆนั้นใชคุณคามิชิโร่รึเปล่า”

ดูจากคำพูดแล้ว คาดว่าอาสึกะน่าจะสนิทสนมกับยูมะมาก

“มีเรื่องจะขอร้องหน่อย  คือว่า ยุย ไม่สิ คามิชิโร่น่ะ…”

“ชั้นจำตอนแนะนำตัวได้ ตอนนั้นบอกว่าไม่ได้มาโรงเรียนนานแล้วใช่มะ”

“โอเค ถ้าจำได้ก็ไม่ต้องคุยเยอะ เธออยู่กลุ่มเอฟกลุ่มเดียวกับยุย ก็เลยอยากจะให้ช่วยดูแลคามิชิโร่หน่อย”

“อืม ได้สิ”

อาสึกะตอบรับคำขอร้องยูมะ หันมาหายุยที่มีท่าทีวิตกกังวล

“เออ โทษที ชั้นลืมแนะนำตัวให้รู้จัก  ยัยนี่ชื่ออาสึกะ  เรียนชั้นม.ต้นที่เดียวกับชั้นน่ะ”

“คุณคามิชิโร่ ฝากตัวด้วยนะ”

“อืม ขอความกรุณาด้วยค่ะ”

“โห พูดจาห่างเหินมาก ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ชั้นกับเธอเป็นนักเรียนมอปลายเหมือนกันนะ พวกเรารีบไปรวมกลุ่มเอฟเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวอาจารย์เขาเห็นเราช้าแล้วอาละวาดนะ”

แม้ว่าจะเพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่สกิลการพูด+ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของเธอก็ช่วยลดความกังวลให้ยุยได้เล็กน้อย

ยุยกับอาสุกะมาที่โต๊ะตัวใหญ่ นั่งข้างๆกัน สรุปว่ากลุ่มเอ เป็นผู้หญิงทั้งหมด

“สวัสดีทุกคน”

“ขอความกรุณาด้วยค่ะ”

ด้วยสถานการณ์ที่ต้องมานั่งรวมกับคนหมู่มาก แถมยูมะไม่อยู่ทำให้เธอเกิดอาการตื่นเต้นจนเกร็ง  ในขณะที่อาสึกะลากเก้าอี้นั่งทำตัวตามสบายแล้ว แต่ยุยยังนั่งตัวแข็งอยู่เพราะความกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาดจนก้าวขาไม่ออก

ทว่า อาสุกะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

“จะว่าไปคุณคามิชิโร่ดูจะสนิทสนมกับสุงิซากิคุงดีนะ พวกเธอมีความสัมพันธ์ยังไงบ้างเหรอ”

“เอ๋?”

จู่าๆก็เจอคำถามโดยไม่ทันตั้งตัว ผู้หญิงคนอื่นในกลุ่มเริ่มถาม

“สุงิซากิคุงนี่คนไหนนะ”

“อ้อ เด็กผู้ชายที่นั่งตรงนั้นไง ที่เรียนมอต้นที่เดียวกับชั้นน่ะ นี่นี่ สรุปว่าไปรู้จักกับเขาที่ไหนเหรอ ตอนนี้มีความสัมพันธ์ยังไงกับสุงิซากิคุงนิ”

“เอ้อ…คือว่า …เป็นเพื่อนกันในเกมออนไลน์น่ะ”

“จะว่าไปตอนนั้นเธอก็บอกเนอะว่าชอบเล่นเกมนิ”

“แล้วไปรู้จักเกมไหนเหรอ ใช่เกมที่ไอดอลที่เห็นในทีวีเขาเล่นกัน เกมที่ให้ไปทำความรู้จักกับผู้ชายคนอื่นรึเปล่า”

“ป..เปล่าน่ะ ชื่อเกมส์แกรนด์เกทน่ะ”

“ไม่รู้จักอ่า”

“อ้อชั้นรู้ น้องชายชั้นบ้าเกมนี้มากเลย เห ไม่น่าเชื่อว่าคุณคามิชิโร่จะเล่นเกมนี้ คาดไม่ถึงจริงๆ”

“ง…งั้นเหรอคะ”

ด้วยสกิลช่างพูดของอาสุกะจะคอยกระตุ้นและชักนำกลุ่มสนทนา ให้ยุยได้มีโอกาสคุยกับคนอื่นเรื่อยๆ

“เฮ้อ เอาจริงนี่ถือว่าโชคดีนะ ตอนเข้าเรียนมานี่ชั้นกลุ้มมากเลยเพราะว่าเพื่อนเด็กผู้หญิงตอนมอต้นไม่มีใครเรียนที่นี่สักคนเลยเหงานิดนึง แต่ดีหน่อยที่ได้เพื่อนมาคนหนึ่ง สบายใจ”

“พ…เพื่อนเหรอ”

“เอ๊ะ หรือชั้นเข้าใจผิดเหรอ ชั้นคิดว่าเป็นเพื่อนกับเธอแล้วนะเนี่ย หรือว่ารังเกียจเหรอ”

“ป..เปล่าไม่ได้รังเกียจนะ”

จู่ๆก็โดนบังคับเป็นเพื่อนแบบไม่นึกฝันเลยตกใจ

(คนเราสามารถเป็นเพื่อนกันได้ง่ายแบบนี้เลยเหรอ)

เธอนึกถึงวันที่คุยกับยูมะว่า อยากเป็นเพื่อนกับเขา ตอนนั้นรู้สึกว่าการจะหาเพื่อนสักคนมันยากสุดๆเลย

หลังจากนี้กลุ่มสาวๆก็จะคุยกันโดยมีอาสุกะเป็นแกนนำเปิดบทสนทนา ส่วนยุยก็พนักหน้าเงียบๆเป็นครั้งคราว

หากเทียบกับเนเน่แล้ว เน่เน่แม้จะมีสกิลมนุษยสัมพันธ์ที่ดี แต่เธอก็ไม่ได้เก่งแค่พูด แต่เป็นผู้ฟังที่ดีด้วย ในขณะที่อาสึกะดูจะเป็นคนที่มาทางสายสนทนาล้วนๆ ชักนำให้คนอื่นพูดพร้อมตัวเองก็หาช่องคุยไปด้วย

ทว่าแม้เธอจะพยักหน้าเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับการอยู่ในวงล้อมผู้หญิงกลุ่มนี้ เพราะอาสึกะจะพยายามหาหัวข้อคุยที่ยุยสามารถฟังและรู้สึกสนุกไปกับมันได้ ที่สำคัญคือ อาสึกะไม่เคยพูดถึงเรื่องผมสีขาวของเธอเลย ทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจในตัวอาสึกะไม่น้อย

ทว่า…

(ยูมะเรียกเธอด้วยชื่อนี่นา…)

ยุยรู้สึกอิจฉาที่ยูมะเรียกอาสึกะ แสดงว่าอาสึกะต้องเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับยูมะแน่

หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงไม่ใส่ใจกับเรือ่งนี้ แต่ด้วยความรู้สึกของเธอที่มีต่อยูมะ ทำให้เธอกังวลและคุร่นคิดถึงเรื่องนี้ไม่หยุด

ยุยคิดว่าอาสึกะเป็นคนดี ยิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริง เข้ากับคนง่ายไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือชายก็ต้องชอบ 

แล้วอาสึกะมีความสัมพันธ์แบบไหนกับยูมะกันนะ

“หือ?คุณคามิชิโร่มีอะไรรึเปล่า เห็นมองหน้าชั้นตั้งแต่เมื่อกี้ละ”

“อ๊ะ ..เอ่อ คือว่า”

หากเป็นยุยเมื่อก่อน คงปฏิเสธไปง่ายๆว่า ไม่มีอะไร แต่ว่าตอนนี้ ความอยากรู้อยากเห็นว่าอาสึกะคนนี้มีความสัมพันธ์ยังไงบ้างกับยูมะ เอาชนะความอายของเธอแล้ว

“อา…คุณอาสึกะ….สนิทกับยูมะเหรอคะ”

ยุยรู้สึกว่าตัวเองถามเสียงดังกว่าปกติ เด็กผู้หญิงคนอื่นในกลุ่มตาลุกโพลง เริ่มเดาออกว่าทำไมยุยถึงถามแบบนี้ แก้มแอบร้อนผ่าวกันหมด ดูน่าจะมีเรื่องหวานๆมันส์ๆเกิดขึ้น เล่นกระตุกต่อมอยากรู้ในกลุ่มซะแล้ว

อาสุกะเบิกตาเล็กน้อย ทำท่าครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนตอบ

“อืม ม่า พวกเราเป็นเพื่อนกันปกติ เห็นว่าไหนๆก็ได้เรียนห้องเดียวกัน ก็แค่คิดว่าควรซี้กันให้มากกว่านี้น่าจะดีเท่านั้นเอง”

“ต…แต่ว่า..ยูมะเรียกเธอด้วยชื่อว่า อาสุกะ นี่นา”

“เอ๋?”

คราวนี้อาสึกะเบิกตากว้างกว่าเก่า ไตร่ตรองพักหนึ่ง ก่อนเป่าลมหายใจพรืดออกมา

“เดี๋ยวๆๆ ดูท่าว่าเธอจะเข้าใจผิดไปไกลละ อาสึกะเป็นนามสกุลชั้นนะ ชื่อนามสกุลเต็มของชั้นคือ อาสึกะ เมกุมิ”

“….เอ๋”

ยุยตัวแข็งทื่อไปซะแล้ว

“จะว่าไป ตอนแนะนำตัวในห้องเมื่อวาน ชั้นก็บอกชื่อนามสกุลเต็มๆไปแล้วนะ  จำไม่ได้เหรอ”

จำไม่ได้เลยจริงๆ

อย่าว่าแต่ตอนแนะนำตัวเลย ตอนได้ยินยูมะเรียกเธอด้วยชื่ออาสุกะ เธอก็แปลกใจจนหน้ามืดตามัว สมองแทบหยุดทำงานไปแล้ว

“ข..ข….ขอโทษด้วยค่ะ  เอ่อ…คือ..คือชั้น…”

“….คุณคามิชิโร่ชอบสุงิซากิคุงสินะ”

“……..งืม”

ยุยไม่ตอบปฏิเสธคำถาม ก็ชัดเจนแล้วว่าเธอชอบเขา ตอนนี้ยุยรู้สึกอายมากจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว  

ทางด้านอาสึกะทำท่านึกคิดนิดนึง ก่อนส่งยิ้มให้ยุย

“ชั้นน่ะนะ มีคนที่คบเป็นแฟนอยู่แล้ว เห็นผู้ชายที่นั่งตรงนั้นมั้ย  เขาชื่อ นาโกะ” 

“….เอ๋”

“นาโกะนี่คือเด็กผู้ชายใส่แว่นท่าทางจริงจังคนนั้นน่ะนะ”

“ว้าว ดูจากนิสัยอาสึกะ ไม่นึกว่าจะชอบผู้ชายสไตล์นั้นเลยนะ”

สำหรับกลุ่มเดกผู้หญิงแล้ว เรื่องรักใคร่นี่ล่ะ อาหารวัตถุดิบจานเด็ดในวงสนทนา คราวนี้แก๊งผู้หญิงคุยกันเสียงเจี๊ยวจ๊าวละ

“ก็นะ ตอนแรกชั้นเองก็ไม่ชอบผู้ชายสไตล์หลวงพี่ผู้ทรงศีลแบบนั้นหรอก   เผอิญว่า งานวัฒนธรรม ได้ไปจับคู่กับตานั่นเป็นกรรมการดูแลงาน  เลยได้เห็นความสามารถของเขาที่คอยแก้ปัญหาให้ทุกคนได้ราบรื่น แถมเขายังช่วยติวบทเรียนให้ชั้นด้วย ไปๆมาๆก็เลยชอบเขาโดยไม่รู้ตัวนี่แหละ”

“อืมอืม แล้วไง เหลาต่อซิ”

“พอชั้นเข้าใจความรู้สึกตัวเอง ก็เลยลองแย็บๆดู อีตานาโกะดันแผ่รังสีประมาณว่า “ชั้นไม่สนใจผู้หญิงหรอกนะ”  ชั้นเลยยื่นคำขาดบอกไปว่า ถ้าชั้นสอบเข้าเรียนที่นี่ได้ นายต้องมาคบกับชั้นนะ   สุดท้ายผ่านไปสองปี มานึกดูตอนนั้นชั้นก็บ้าจริงแหละ อยากสอบเข้าเพราะตามผู้ชายมา แต่ก็คุ้ม เพราะพอผลออกมาว่าชั้นสอบผ่าน   นาโกะบอกชั้นว่า “เอาจริงๆถึงผมจะไม่ค่อยชอบพวกสายไฮเปอร์ แต่ความไฮเปอร์แบบเธอชั้นก็คิดว่าไม่แย่ซะทีเดียว   ชั้นอยากให้เธออยู่เคียงข้างนะ ” ก็ประมานนี้แหละจ้า”

อาสึกะเล่าจบ สีหน้าแดงด้วยความเขิน

หลังจากเล่าประสบการณ์เธอแล้ว คราวนี้เป็นยุยที่โดนถามบ้าง

“แล้วคุณคามิชิโร่ล่ะ ชอบสุงิซากิตรงไหนเหรอ”

“………งืออออ”

คราวนี้ยุยเป็นฝ่ายถูกถามบ้าง แถมตกเป็นเป้าสายตาผู้หญิงคนอื่นในกลุ่มทีอ่ยากรู้อยากเห็นด้วย บางคนหัวเราะท่าทางของยุย แต่ไม่ใช่หัวเราะด้วยความเหยียด แต่เป็นฟีลหัวเราะด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“เรื่องอายอะ ทุกคนเข้าใจจ้า แต่ว่าคิ้ดดูนะ ขนาดเรื่องเล่าความรักชั้นน่าอายจะตาย ชั้นยังเล่าเลย คราวนี้ตาเธอบ้าง  ห้ามบอกว่าอ่อนโยนนะ ต้องหาข้อดีอื่นมาคุยนะ”

อาสึกะและผู้หญิงคนอื่นในกลุ่มตาเป็นประกายรอฟังยุยเล่าประสบการณ์ความรัก นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตเธอเลย

แม้ว่าเธอจะรู้สึกอาย ไม่ใช่อายธรรมดานะ อายมากๆ แต่ความรู้สึกอยากจะเล่าก็มีไม่ต่างกัน ถ้าเล่าให้ฟังนิดหน่อย คงไม่เป็นไรมั้ง

 

****

 

จบCH 13-1

 

ตอนช่วงนี้ไม่มีอะไรมาก จะเริ่มเปิดตัวละครใหม่ เพื่อนสนิทนางเอกและพระเอก แน่นอนว่าใครคาดหวังดราม่า ไม่มีนะครับ 55 เน้นอ่านเอาสบาย  อาจจะอืดไปบ้าง แต่เอาเหอะ ขนาดมาฮืรุยังมีช่วงอืดเลย แถมถ้าคนอ่านผ่านสามตอนแรกมาได้  เจออืดแต่ปูเนื้อเรื่องสักนิดนึง น่าจะทนได้(มั้ง)

 

 

ถ้ารอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 13.1: ยุยกับเพื่อนใหม่

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 13.1: ยุยกับเพื่อนใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

เช้าวันถัดมา ยุในชุดเครื่องแบบ ตอนนี้กำลังส่องกระจกที่ห้อง

หากเป็นเมื่่อก่อน เธอไม่ชอบส่องกระจกแต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้ว

ยุยตรวจผมเผ้า ดูชุดเครื่องแบบว่าไม่หลุดลุ่ย ดูความเรียบร้อยตัวเอง

(…เด็กผู้ชายเขาชอบผู้หญิงใส่กระโปรงสั้นใช้รึเปล่านะ)

ยุยคิดจบ ลองถกกระโปรงตัวเองเผยต้นขาเล็กน้อย แค่ทำเธอก็รู้สึกอายม้วน สุดท้ายรีบปล่อยกระโปรงให้กลับสู่สภาพเดิม

วันนี้ยูมะจะมารับเธอที่บ้าน

ปกติยูมะถ้ามาถึงบ้านจะกดอินเตอร์โฟนเรียก แต่วันนี้รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ

ยุยนั่งลงที่เตียง หยิบตุ๊กตาหมีมากอดวางบนตัก

(ยังมาไม่ถึงอีกเหรอ)

ถึงแม้ว่าเธอจะเจอยูมะทุกวันอยุ่แล้ว แต่วันนี้รู้สึกใจเต้นมากกว่าปกติ อยากเจอเขาไวๆ อยากจะสนทนากับยูมะเร็วๆ

(ถ้าสมมติว่า ยูมะเค้ารู้ว่าชั้นรักเขา เขาจะรุ้สึกยังไงบ้างนะ)

…ตอนนี้ความสัมพันธํ์เธอและเขาเป็นไปด้วยดี แต่ว่ายูมะเขารุ้สึกยังไงกับเธอบ้าง จะรักเธอเหมือนเพื่อนสนิทเหมือนเดิมรึเปล่า ใจก็อยากจะเขาอีกครั้ง แต่ก็นั่นแหละ ถ้าถามไปแล้ว ปรากฏว่า อาจจะเกินเพื่อนท แต่ก็ได้แค่น้องสาว มันจะเกิดอะไรขึ้น

(พอเข้าใจความรู้สึกตัวเอง ทำไมมันสงบจิตใจยากจังนะ)

ปกติยุยเป็นคนที่มองโลกในแง่ลบ และนี่เป็นรักแรก ฉะนั้นเรื่องที่เธอจะไม่กล้าคาดหวังก็เป็นเรื่องทีเ่ข้าใจได้

ยุยเคยสารภาพรักขอคบยูมะเป็นแฟนมาแล้วครั้งหนึ่ง  แต่จะให้สารภาพรักอีกรอบ ความรู้สึกตอนนี้มันแตกต่างกัน

ตอนนั้นเธอสารภาพรักเพราะอยากให้ยูมะดีใจ แต่หากสารภาพรักอีกครั้ง มันจะไม่ใช่เหตุผลเดิม

(สุดท้ายแล้ว ชั้นอยากให้ยูมะคิดกับชั้นยังไงบ้างนะ)

ช่วงนี้ยุยตกอยู่ในภาะสับสน

เธอมีความรู้สึก อยากจะจูบยูมะในฐานะคนรักกัน แต่อีกฟีลหนึ่งก็บอกตัวเองว่าความสัมพันธ์ตอนนี้มันดีอยู่แล้ว ไปโรงเรียน เล่นเกม ทำกิจกรรมด้วยกัน ในฐานะเพื่อนสนิท เท่านี้ก็สุขมากแล้ว

เธออยากจะรักษาความสัมพันธ์ตรงนี้ไว้  ไม่กล้าจะขยับเป็นความรักเพราะกลัวความผิดหวัง  ความสัมพันธ์ตอนนี้ถึงไม่เป็นคนรักกัน ก็ถือว่ามีความสุขดี แต่หากสารภาพรัก ทุกอย่างอาจจะพังทลายหมดก็เป็นได้

ปิ๊งป่อง

เสียงงอินเตอร์โฟน ปลุกยุยจากภวังค์ ยุยลุกจากเตียง สำรวจความเรียบร้อยอีกรอบ หยิบกระเป๋าเดินลงไปชั้นล่าง

“อาร่า อาร่า”

แม่ยุยส่งยิ้มรอเธออยู่ที่ชั้นล่างหน้าประตูทางออก

“แม่คะ หนูไปก่อนนะคะ”

“อืม พยายามเข้านะ”

ไม่รู้ทำไม แต่ยุยรู้สึกติดใจคำว่าพยายามที่แม่พูด เหมือนว่าจะมีความหมายแฝงมากกว่าพยายามทั่วไปนะ เธอหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเปิดประตูบ้านออกไป ยูมะรอเธออยุ่หน้าบ้าน

“อรุณสวัสดิ์

“อรุณสวัสดืิ์”

ตอนอยู่บนห้อง มีความรู้สึกอยากเจอมากแท้ๆ แต่พอได้เจอหน้าจริงกลับรู้สึกเขินจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

“ไปดีมาดีนะ ยูมะคุง ฝากลูกสาวแม่ด้วยนะ”

คุณแม่ยุยกล่าวพลางยิ้ม ยูมะหน้าแดงกับคำพูดของแม่ยุย พยักหน้าเล็กน้อย ตอบรับสั้นๆว่า ครับ 

***

**หลังจากนี้จะแปลรวบรัดนิดนึงนะครับผม มันอืด 55

วันนี้ตอนโฮมรูม อาจารย์จะบอกว่าให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ย้ายที่นั่งช่วงบ่ายหลังพักกลางวัน

แน่นอนว่า ยุยรู้สึกกังวล แม้เธอจะบอกกับยูมะว่าไม่เป็นไร แต่ก็ภาวนาต่อพระเจ้าว่าให้ช่วยเธอจับคู่กับยูมะเหมือนเดิม 

แต่โชคร้าย ครั้งนี้พระเจ้าไม่ตอบสนอง

ยูมะจะถูกจับกลุ่มเอ ส่วนยุยจะถูกจับไปกลุ่มเอฟ

ทีนี้ ยูมะจะขอร้องเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง 

“เฮ้ อาสุกะ มีเรื่องขอความช่วยเหลือหน่อย”

(ยูมะเรียกชื่อเด็กผู้หญิงเลยเหรอ) 

**หมายเหตุจากผู้แปล ใครอ่านมังงะญี่ปุ่นน่าจะรู้นะครับว่า การเรียกชื่อ สำหรับคนญี่ปุ่นมีความหมายมาก แปลว่าสนิทกันสุดๆ 

อาสึกะ เด็กผู้หญิงที่ยูมะเรียก เป็นเด็กผู้หญิงผมสั้น ท่าทางแจ่มใสร่าเริง เธอเดินยิ้มแฉ่งเข้ามาหายูมะ

“โอ้ สุงิซากิคุงนี่นา ขึ้นมอปลายก็ฝากตัวด้วยนะ  ส่วนคนข้างๆนั้นใชคุณคามิชิโร่รึเปล่า”

ดูจากคำพูดแล้ว คาดว่าอาสึกะน่าจะสนิทสนมกับยูมะมาก

“มีเรื่องจะขอร้องหน่อย  คือว่า ยุย ไม่สิ คามิชิโร่น่ะ…”

“ชั้นจำตอนแนะนำตัวได้ ตอนนั้นบอกว่าไม่ได้มาโรงเรียนนานแล้วใช่มะ”

“โอเค ถ้าจำได้ก็ไม่ต้องคุยเยอะ เธออยู่กลุ่มเอฟกลุ่มเดียวกับยุย ก็เลยอยากจะให้ช่วยดูแลคามิชิโร่หน่อย”

“อืม ได้สิ”

อาสึกะตอบรับคำขอร้องยูมะ หันมาหายุยที่มีท่าทีวิตกกังวล

“เออ โทษที ชั้นลืมแนะนำตัวให้รู้จัก  ยัยนี่ชื่ออาสึกะ  เรียนชั้นม.ต้นที่เดียวกับชั้นน่ะ”

“คุณคามิชิโร่ ฝากตัวด้วยนะ”

“อืม ขอความกรุณาด้วยค่ะ”

“โห พูดจาห่างเหินมาก ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ชั้นกับเธอเป็นนักเรียนมอปลายเหมือนกันนะ พวกเรารีบไปรวมกลุ่มเอฟเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวอาจารย์เขาเห็นเราช้าแล้วอาละวาดนะ”

แม้ว่าจะเพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่สกิลการพูด+ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของเธอก็ช่วยลดความกังวลให้ยุยได้เล็กน้อย

ยุยกับอาสุกะมาที่โต๊ะตัวใหญ่ นั่งข้างๆกัน สรุปว่ากลุ่มเอ เป็นผู้หญิงทั้งหมด

“สวัสดีทุกคน”

“ขอความกรุณาด้วยค่ะ”

ด้วยสถานการณ์ที่ต้องมานั่งรวมกับคนหมู่มาก แถมยูมะไม่อยู่ทำให้เธอเกิดอาการตื่นเต้นจนเกร็ง  ในขณะที่อาสึกะลากเก้าอี้นั่งทำตัวตามสบายแล้ว แต่ยุยยังนั่งตัวแข็งอยู่เพราะความกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาดจนก้าวขาไม่ออก

ทว่า อาสุกะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

“จะว่าไปคุณคามิชิโร่ดูจะสนิทสนมกับสุงิซากิคุงดีนะ พวกเธอมีความสัมพันธ์ยังไงบ้างเหรอ”

“เอ๋?”

จู่าๆก็เจอคำถามโดยไม่ทันตั้งตัว ผู้หญิงคนอื่นในกลุ่มเริ่มถาม

“สุงิซากิคุงนี่คนไหนนะ”

“อ้อ เด็กผู้ชายที่นั่งตรงนั้นไง ที่เรียนมอต้นที่เดียวกับชั้นน่ะ นี่นี่ สรุปว่าไปรู้จักกับเขาที่ไหนเหรอ ตอนนี้มีความสัมพันธ์ยังไงกับสุงิซากิคุงนิ”

“เอ้อ…คือว่า …เป็นเพื่อนกันในเกมออนไลน์น่ะ”

“จะว่าไปตอนนั้นเธอก็บอกเนอะว่าชอบเล่นเกมนิ”

“แล้วไปรู้จักเกมไหนเหรอ ใช่เกมที่ไอดอลที่เห็นในทีวีเขาเล่นกัน เกมที่ให้ไปทำความรู้จักกับผู้ชายคนอื่นรึเปล่า”

“ป..เปล่าน่ะ ชื่อเกมส์แกรนด์เกทน่ะ”

“ไม่รู้จักอ่า”

“อ้อชั้นรู้ น้องชายชั้นบ้าเกมนี้มากเลย เห ไม่น่าเชื่อว่าคุณคามิชิโร่จะเล่นเกมนี้ คาดไม่ถึงจริงๆ”

“ง…งั้นเหรอคะ”

ด้วยสกิลช่างพูดของอาสุกะจะคอยกระตุ้นและชักนำกลุ่มสนทนา ให้ยุยได้มีโอกาสคุยกับคนอื่นเรื่อยๆ

“เฮ้อ เอาจริงนี่ถือว่าโชคดีนะ ตอนเข้าเรียนมานี่ชั้นกลุ้มมากเลยเพราะว่าเพื่อนเด็กผู้หญิงตอนมอต้นไม่มีใครเรียนที่นี่สักคนเลยเหงานิดนึง แต่ดีหน่อยที่ได้เพื่อนมาคนหนึ่ง สบายใจ”

“พ…เพื่อนเหรอ”

“เอ๊ะ หรือชั้นเข้าใจผิดเหรอ ชั้นคิดว่าเป็นเพื่อนกับเธอแล้วนะเนี่ย หรือว่ารังเกียจเหรอ”

“ป..เปล่าไม่ได้รังเกียจนะ”

จู่ๆก็โดนบังคับเป็นเพื่อนแบบไม่นึกฝันเลยตกใจ

(คนเราสามารถเป็นเพื่อนกันได้ง่ายแบบนี้เลยเหรอ)

เธอนึกถึงวันที่คุยกับยูมะว่า อยากเป็นเพื่อนกับเขา ตอนนั้นรู้สึกว่าการจะหาเพื่อนสักคนมันยากสุดๆเลย

หลังจากนี้กลุ่มสาวๆก็จะคุยกันโดยมีอาสุกะเป็นแกนนำเปิดบทสนทนา ส่วนยุยก็พนักหน้าเงียบๆเป็นครั้งคราว

หากเทียบกับเนเน่แล้ว เน่เน่แม้จะมีสกิลมนุษยสัมพันธ์ที่ดี แต่เธอก็ไม่ได้เก่งแค่พูด แต่เป็นผู้ฟังที่ดีด้วย ในขณะที่อาสึกะดูจะเป็นคนที่มาทางสายสนทนาล้วนๆ ชักนำให้คนอื่นพูดพร้อมตัวเองก็หาช่องคุยไปด้วย

ทว่าแม้เธอจะพยักหน้าเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับการอยู่ในวงล้อมผู้หญิงกลุ่มนี้ เพราะอาสึกะจะพยายามหาหัวข้อคุยที่ยุยสามารถฟังและรู้สึกสนุกไปกับมันได้ ที่สำคัญคือ อาสึกะไม่เคยพูดถึงเรื่องผมสีขาวของเธอเลย ทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจในตัวอาสึกะไม่น้อย

ทว่า…

(ยูมะเรียกเธอด้วยชื่อนี่นา…)

ยุยรู้สึกอิจฉาที่ยูมะเรียกอาสึกะ แสดงว่าอาสึกะต้องเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับยูมะแน่

หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงไม่ใส่ใจกับเรือ่งนี้ แต่ด้วยความรู้สึกของเธอที่มีต่อยูมะ ทำให้เธอกังวลและคุร่นคิดถึงเรื่องนี้ไม่หยุด

ยุยคิดว่าอาสึกะเป็นคนดี ยิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริง เข้ากับคนง่ายไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือชายก็ต้องชอบ 

แล้วอาสึกะมีความสัมพันธ์แบบไหนกับยูมะกันนะ

“หือ?คุณคามิชิโร่มีอะไรรึเปล่า เห็นมองหน้าชั้นตั้งแต่เมื่อกี้ละ”

“อ๊ะ ..เอ่อ คือว่า”

หากเป็นยุยเมื่อก่อน คงปฏิเสธไปง่ายๆว่า ไม่มีอะไร แต่ว่าตอนนี้ ความอยากรู้อยากเห็นว่าอาสึกะคนนี้มีความสัมพันธ์ยังไงบ้างกับยูมะ เอาชนะความอายของเธอแล้ว

“อา…คุณอาสึกะ….สนิทกับยูมะเหรอคะ”

ยุยรู้สึกว่าตัวเองถามเสียงดังกว่าปกติ เด็กผู้หญิงคนอื่นในกลุ่มตาลุกโพลง เริ่มเดาออกว่าทำไมยุยถึงถามแบบนี้ แก้มแอบร้อนผ่าวกันหมด ดูน่าจะมีเรื่องหวานๆมันส์ๆเกิดขึ้น เล่นกระตุกต่อมอยากรู้ในกลุ่มซะแล้ว

อาสุกะเบิกตาเล็กน้อย ทำท่าครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนตอบ

“อืม ม่า พวกเราเป็นเพื่อนกันปกติ เห็นว่าไหนๆก็ได้เรียนห้องเดียวกัน ก็แค่คิดว่าควรซี้กันให้มากกว่านี้น่าจะดีเท่านั้นเอง”

“ต…แต่ว่า..ยูมะเรียกเธอด้วยชื่อว่า อาสุกะ นี่นา”

“เอ๋?”

คราวนี้อาสึกะเบิกตากว้างกว่าเก่า ไตร่ตรองพักหนึ่ง ก่อนเป่าลมหายใจพรืดออกมา

“เดี๋ยวๆๆ ดูท่าว่าเธอจะเข้าใจผิดไปไกลละ อาสึกะเป็นนามสกุลชั้นนะ ชื่อนามสกุลเต็มของชั้นคือ อาสึกะ เมกุมิ”

“….เอ๋”

ยุยตัวแข็งทื่อไปซะแล้ว

“จะว่าไป ตอนแนะนำตัวในห้องเมื่อวาน ชั้นก็บอกชื่อนามสกุลเต็มๆไปแล้วนะ  จำไม่ได้เหรอ”

จำไม่ได้เลยจริงๆ

อย่าว่าแต่ตอนแนะนำตัวเลย ตอนได้ยินยูมะเรียกเธอด้วยชื่ออาสุกะ เธอก็แปลกใจจนหน้ามืดตามัว สมองแทบหยุดทำงานไปแล้ว

“ข..ข….ขอโทษด้วยค่ะ  เอ่อ…คือ..คือชั้น…”

“….คุณคามิชิโร่ชอบสุงิซากิคุงสินะ”

“……..งืม”

ยุยไม่ตอบปฏิเสธคำถาม ก็ชัดเจนแล้วว่าเธอชอบเขา ตอนนี้ยุยรู้สึกอายมากจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว  

ทางด้านอาสึกะทำท่านึกคิดนิดนึง ก่อนส่งยิ้มให้ยุย

“ชั้นน่ะนะ มีคนที่คบเป็นแฟนอยู่แล้ว เห็นผู้ชายที่นั่งตรงนั้นมั้ย  เขาชื่อ นาโกะ” 

“….เอ๋”

“นาโกะนี่คือเด็กผู้ชายใส่แว่นท่าทางจริงจังคนนั้นน่ะนะ”

“ว้าว ดูจากนิสัยอาสึกะ ไม่นึกว่าจะชอบผู้ชายสไตล์นั้นเลยนะ”

สำหรับกลุ่มเดกผู้หญิงแล้ว เรื่องรักใคร่นี่ล่ะ อาหารวัตถุดิบจานเด็ดในวงสนทนา คราวนี้แก๊งผู้หญิงคุยกันเสียงเจี๊ยวจ๊าวละ

“ก็นะ ตอนแรกชั้นเองก็ไม่ชอบผู้ชายสไตล์หลวงพี่ผู้ทรงศีลแบบนั้นหรอก   เผอิญว่า งานวัฒนธรรม ได้ไปจับคู่กับตานั่นเป็นกรรมการดูแลงาน  เลยได้เห็นความสามารถของเขาที่คอยแก้ปัญหาให้ทุกคนได้ราบรื่น แถมเขายังช่วยติวบทเรียนให้ชั้นด้วย ไปๆมาๆก็เลยชอบเขาโดยไม่รู้ตัวนี่แหละ”

“อืมอืม แล้วไง เหลาต่อซิ”

“พอชั้นเข้าใจความรู้สึกตัวเอง ก็เลยลองแย็บๆดู อีตานาโกะดันแผ่รังสีประมาณว่า “ชั้นไม่สนใจผู้หญิงหรอกนะ”  ชั้นเลยยื่นคำขาดบอกไปว่า ถ้าชั้นสอบเข้าเรียนที่นี่ได้ นายต้องมาคบกับชั้นนะ   สุดท้ายผ่านไปสองปี มานึกดูตอนนั้นชั้นก็บ้าจริงแหละ อยากสอบเข้าเพราะตามผู้ชายมา แต่ก็คุ้ม เพราะพอผลออกมาว่าชั้นสอบผ่าน   นาโกะบอกชั้นว่า “เอาจริงๆถึงผมจะไม่ค่อยชอบพวกสายไฮเปอร์ แต่ความไฮเปอร์แบบเธอชั้นก็คิดว่าไม่แย่ซะทีเดียว   ชั้นอยากให้เธออยู่เคียงข้างนะ ” ก็ประมานนี้แหละจ้า”

อาสึกะเล่าจบ สีหน้าแดงด้วยความเขิน

หลังจากเล่าประสบการณ์เธอแล้ว คราวนี้เป็นยุยที่โดนถามบ้าง

“แล้วคุณคามิชิโร่ล่ะ ชอบสุงิซากิตรงไหนเหรอ”

“………งืออออ”

คราวนี้ยุยเป็นฝ่ายถูกถามบ้าง แถมตกเป็นเป้าสายตาผู้หญิงคนอื่นในกลุ่มทีอ่ยากรู้อยากเห็นด้วย บางคนหัวเราะท่าทางของยุย แต่ไม่ใช่หัวเราะด้วยความเหยียด แต่เป็นฟีลหัวเราะด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“เรื่องอายอะ ทุกคนเข้าใจจ้า แต่ว่าคิ้ดดูนะ ขนาดเรื่องเล่าความรักชั้นน่าอายจะตาย ชั้นยังเล่าเลย คราวนี้ตาเธอบ้าง  ห้ามบอกว่าอ่อนโยนนะ ต้องหาข้อดีอื่นมาคุยนะ”

อาสึกะและผู้หญิงคนอื่นในกลุ่มตาเป็นประกายรอฟังยุยเล่าประสบการณ์ความรัก นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตเธอเลย

แม้ว่าเธอจะรู้สึกอาย ไม่ใช่อายธรรมดานะ อายมากๆ แต่ความรู้สึกอยากจะเล่าก็มีไม่ต่างกัน ถ้าเล่าให้ฟังนิดหน่อย คงไม่เป็นไรมั้ง

 

****

 

จบCH 13-1

 

ตอนช่วงนี้ไม่มีอะไรมาก จะเริ่มเปิดตัวละครใหม่ เพื่อนสนิทนางเอกและพระเอก แน่นอนว่าใครคาดหวังดราม่า ไม่มีนะครับ 55 เน้นอ่านเอาสบาย  อาจจะอืดไปบ้าง แต่เอาเหอะ ขนาดมาฮืรุยังมีช่วงอืดเลย แถมถ้าคนอ่านผ่านสามตอนแรกมาได้  เจออืดแต่ปูเนื้อเรื่องสักนิดนึง น่าจะทนได้(มั้ง)

 

 

ถ้ารอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+