LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 22.4

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 22.4 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ช่วยลบรูปถ่ายเถอะครับ”

“ไม่ต้องห่วง แม่ไม่เอารูปนี้ให้คนอื่นดูหรอก หึหึหึ แต่ว่าตอนแม่เข้าในห้องก็ตกใจนะ นอนด้วยกันแบบนี้แปลว่าข้ามขั้นตอนสู่ความเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ”

“ข้.ข้ามขั้นตอนอะไรกันครับ เรื่องนั้นมัน..”

“งืม…งืมมมมม”

ยุยครางเสียงเบา เธอเริ่มงัวเงียเหมือนจะตื่น แต่ก็ไม่ตื่น เธอดันซุกหน้าเข้ามาแนบอกผมแน่นกว่าเก่าแทนซะงั้น ใบหน้าเธอที่กำลังซุกผมตอนนี้ช่างเย้ายวนเปี่ยมด้วยความน่ารักมากเหมือนลูกแมวที่กำลังอ้อนเจ้าข้อง

แต่ว่า สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาซบนี่สิ

 

“ย..ยุย ตื่นได้แล้ว..”

“ม่ายย”

“แม่เธอมาแล้วเนี่ย เธออยู่ข้างหน้าเราแล้วนะ”

“เอ๋..?”

ยุยร้องเสียงหลงลืมตาตื่นทันที  สายตายุยเห็นแม่เธอกำลังส่งรอยยิ้มซุกซน

ยุยมองหน้ายูมะสลับกับแม่ก่อนจะเริ่มเอ้นเสียงตะกุกตะกัก

“ม..แม่..เอ๊ะ..นี่มืดแล้วเหรอ?”

“ฮะฮะ หลับสนิทเลยนะคะ หุหุแม่เข้าใจหนูดีค่ะ สมัยก่อนแม่กับพ่อหนูก็เป็น…”

“ม..ไม่ใช่อย่างที่คิดนะคะ … เอ่อ คือว่า หนูตัวเปียกเหงื่อไปหมด ขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ”

“เป็นหวัดไม่ควรไปอาบน้ำนะคะ”

“น..หนูหายดีแล้วค่ะ”

ยุยกล่าวจบรีบหยิบชุดที่เตรียมไว้ก่อนจะเผ่นแน่บออกจากห้องนอนไป

“ฮะฮะฮะ เด็กคนนั้นเขินหนักเลยนะ ม่า สงสัยจะเขินเพราะว่าตัวเปื้อนเหงื่อต่อหน้าผู้ชายสินะ”

คำพูดของแม่ยุยเล่นเอายูมะหน้าแห้ง นึกถึงตอนที่เธอมาเยี่ยมไข้เขา สถานการณ์เดียวกันเลยคือคนหนึ่งเนื้อตัวชุ่มเหงื่อ อีกคนคอยแก้สถานการณ์

“หรือว่ายูมะคุงตอนนี้อยากจะไปอาบน้ำด้วยกันกับยุยรึเปล่าคะ”

“อนุญาตด้วยเหรอครับ เง้ยยย ไม่ใช่ละ ที่พูดตะกี้ไม่นับนะครับ”

“แต่ว่ายูมะคุงชอบยุยไม่ใช่เหรอ ตอนพิธีประถมนิเทศเป็นคนบอกเองว่า “ได้โปรดยกลูกสาวให้ผมด้วย”นะคะ”

คุณแม่ยุยกล่าวจบหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นท่าทางเปิ่นๆของยูมะ

..กะแล้วเชียว แม่ยุยกับเนเน่เป็นคนประเภทเดียวกันเลย เห็นตูเป็นของเล่นนี่ล่ะ

“ตอนนี้ถึงเวลาพอดี ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนสิ เด็กคนนั้นคงมีเรื่องอยากคุยกับยูมะและถ้าอยู่ทานด้วยกันคงดีใจมากแน่”

“เอ่อ เรื่องทานอาหารมัน..”

“แล้วก็แม่อยากจะสอบถามรายละเอียดเพิ่มด้วยว่าทำไมถึงได้นอนมาด้วยกันกับลูกสาวสุดที่รัก โดยเฉพาะคุณพ่อ ตอนเข้ามาเห็นเธอสองคนนอนด้วยกัน สีหน้าเขานี่สุดจะบรรยายเลยนะขอบอก”

“เอ่อ..คือ”

 สุดท้ายด้วยคำสั่งกึ่งบังคับ ยูมะเลยจำยอมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันกับยุย

****************

เมื่อลงมาที่ห้องรับแขก  ยุยกับพ่อเธอกำลังนั่งรอที่โต๊ะอาหาร

เห็นพ่อเธอแล้วผมอยากกลับบ้านละค้าบบบบ แต่มันทำไม่ได้นี่สิ

“…สวัสดีตอนเย็น ยูมะคุง”

“ส..สวัสดีครับ”

“โฮร่า คุณคะ อย่าส่งแรงกดดันให้กับคนที่จะเอาลูกสาวคนเดียวของเราไปสิคะ”

“….”

คุณพ่อยุยเงียบไม่เอ่ยปาก 

พอดูแบบนี้เลยเข้าใจละว่า ใครใหญ่สุดในบ้าน เอาวะ อย่างน้อยพ่อยุยก็เป็นทางสายพ่อบ้านใจกล้า คุณแม่ใหญ่สุดในบ้านน่าจะช่วยกุได้ฟะ

คุณพ่อยุยขยับเก้าอี้ เข้ามาหันเผชิญหน้ากับยูมะ

“อืม..ก่อนอื่นต้องกล่าวขอบคุณก่อน ยูมะคุง ขอบคุณที่ช่วยดูแลลูกสาวมาตลอดนะ”

“ม..ไม่ต้องหรอกครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย  ทางนี้แค่อยากจะสนิทกันครับ..”

“อย่าคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ยุยไปโรงเรียน ใช้ชีวิตสนุกสนานทุกวันเป็นเพราะเธอ เรื่องนี้ซาบซึ้งจากใจจริงๆ  แต่ว่านะ เรื่องระยะห่างระหว่างหญิงชาย คิดว่าตอนนี้ใกล้ชิดกันมากเกินไปรึเปล่า”

“เรื่องนั้น..มันจริงครับ..ผมขอโทษจริงๆครับ”

มันปฏิเสธไม่ได้แหละ เพราะเราไม่ได้เว้นระยะห่างที่เหมาะสมของชายหญิง ตรงนี้ยังไงก็ต้องขอโทษท่านจากใจจริง  ส่วนทางแม่ยุย เห็นผมกับพ่อยุยในตอนนี้แล้วหัวเราะคิกคัก

“หุหุ คุณคะ พูดจาแบบนี้ไม่กลัวลูกสาวจะเกลียดเหรอ”

“เอ่อ ไม่ล่ะมั้ง”

“นอกจากนี้ พวกเราเองก็ใช่ว่าจะไปต่อว่าเขาได้เต็มปากเต็มคำนะ จำสมัยตอนอยู่มหาลัยได้มั้ย…”

“อะแฮ่มอะแฮ่ม”

คุณพ่อยุยรีบกระแอมขัดจังหวะเสียงดังลั่นกลบคำพูดแม่ยุย

เหมือนยุยจะเคยบอกแล้วว่า พ่อกับแม่เธอแต่งงานกันตอนอยุ่มอปลาย  พอแม่ยุยครบอายุวันเกิดสิบหกปีปุ๊บก็ยื่นคำขอแต่งงานกันเลย

เอาจริงๆก็จินตนาการไม่ออกนะว่าการแต่งงานกันของคู่รักมัธยมปลายมันเป็นยังไง แต่ว่าพอได้มาเห็นพ่อกับแม่ยุยดูสนิทกันดีแบบนี้ก็รู้สึกโล่งใจนิดๆนะ และมันทำให้แอบคิดในส่วนลึกของมุมหัวใจว่า ตัวเองกับยุยจะเป็นแบบพ่อกับแม่ยุยมันจะเป็นยังไงน้า

ยุยรออยู่ที่บ้าน ผมกับเธอช่วยกันทำกับข้าว เล่นเกมด้วยกัน ได้นอนกอดเธอบนเตียงสองต่อสองเหมือนที่นอนกับเธอตะกี้  แล้วหลังจากนั้นก็… เฮ้ย ไม่ใช่ละกุ ฟุ้งซ่านไกล หยุดคิดก่อนโว้ย

ในขณะเดียวกัน ผลจากคำพูดแม่ยุยที่ขัดจังหวะ ก็ดูจะทำให้บรรยากาศพ่อยุยบรรเทาความตึงเครียดลง พ่อยุยเป่าลมหายใจระบายออกมา

“…ก็ตามที่กล่าวไปก่อนหน้า ชั้นซาบซึ้งเธอจากใจ  ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะจู้จี้จุกจิกกับเรื่องนี้ เพราะงั้นเลยจะขอถามเรื่องหนึ่งตรงๆเลย”

คุณพ่อยุยกล่าวจบ สายตาประสานกับสายตายูมะ

“ยูมะคุง เธอจะทนุถนอมยุยใช่มั้ย”

“ครับ ผมจะให้ความสำคัญและทนุถนอมเธอครับ”

ตัวยูมะเองก็แอบตกใจเหมือนกันที่คำพูดมันหลุดไปอย่างเป็นธรรมชาติเลย

แต่ว่ามันก็ไม่แปลก เขาอยากจะทนุถนอมยุย อยากให้ยุยมีความสุข ความรู้สึกนี้มันคือของจริง

เมื่อฟังคำตอบของยุย คุณพ่อยุยจากที่มีท่าทีขึงขึงเข้มงวด ดูจะอ่อนโยนลงขึ้นมาเล็กน้อย..และตอนนั้นเองที่ยูมะเหมือนจะได้ยินเสียงดัง ตึง จากนอกห้องรับแขก ราวกับว่ามีคนทำของตก เล่นเอาหันไปหาต้นเสียง

เมื่อเห็นยูมะหันไปหาต้นเสียง แม่ยุยเป็นฝ่ายลุกเดินออกไปดูหน้าห้องรับแขก

 “ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครอยู่ค่ะ”

คุณแม่กล่าวจบส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย

…แล้วไป

นึกว่ายุยอยู่ตะกี้ เพราะคำพูดเมื่อครู่ ตัวยูมะยังมีความรู้สึกว่าไม่พร้อมจะให้ยุยได้ยิน 

ยูมะใช้มือแตะหัวใจตัวเอง รู้สึกโล่งอก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 22.4

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 22.4 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ช่วยลบรูปถ่ายเถอะครับ”

“ไม่ต้องห่วง แม่ไม่เอารูปนี้ให้คนอื่นดูหรอก หึหึหึ แต่ว่าตอนแม่เข้าในห้องก็ตกใจนะ นอนด้วยกันแบบนี้แปลว่าข้ามขั้นตอนสู่ความเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ”

“ข้.ข้ามขั้นตอนอะไรกันครับ เรื่องนั้นมัน..”

“งืม…งืมมมมม”

ยุยครางเสียงเบา เธอเริ่มงัวเงียเหมือนจะตื่น แต่ก็ไม่ตื่น เธอดันซุกหน้าเข้ามาแนบอกผมแน่นกว่าเก่าแทนซะงั้น ใบหน้าเธอที่กำลังซุกผมตอนนี้ช่างเย้ายวนเปี่ยมด้วยความน่ารักมากเหมือนลูกแมวที่กำลังอ้อนเจ้าข้อง

แต่ว่า สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาซบนี่สิ

 

“ย..ยุย ตื่นได้แล้ว..”

“ม่ายย”

“แม่เธอมาแล้วเนี่ย เธออยู่ข้างหน้าเราแล้วนะ”

“เอ๋..?”

ยุยร้องเสียงหลงลืมตาตื่นทันที  สายตายุยเห็นแม่เธอกำลังส่งรอยยิ้มซุกซน

ยุยมองหน้ายูมะสลับกับแม่ก่อนจะเริ่มเอ้นเสียงตะกุกตะกัก

“ม..แม่..เอ๊ะ..นี่มืดแล้วเหรอ?”

“ฮะฮะ หลับสนิทเลยนะคะ หุหุแม่เข้าใจหนูดีค่ะ สมัยก่อนแม่กับพ่อหนูก็เป็น…”

“ม..ไม่ใช่อย่างที่คิดนะคะ … เอ่อ คือว่า หนูตัวเปียกเหงื่อไปหมด ขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ”

“เป็นหวัดไม่ควรไปอาบน้ำนะคะ”

“น..หนูหายดีแล้วค่ะ”

ยุยกล่าวจบรีบหยิบชุดที่เตรียมไว้ก่อนจะเผ่นแน่บออกจากห้องนอนไป

“ฮะฮะฮะ เด็กคนนั้นเขินหนักเลยนะ ม่า สงสัยจะเขินเพราะว่าตัวเปื้อนเหงื่อต่อหน้าผู้ชายสินะ”

คำพูดของแม่ยุยเล่นเอายูมะหน้าแห้ง นึกถึงตอนที่เธอมาเยี่ยมไข้เขา สถานการณ์เดียวกันเลยคือคนหนึ่งเนื้อตัวชุ่มเหงื่อ อีกคนคอยแก้สถานการณ์

“หรือว่ายูมะคุงตอนนี้อยากจะไปอาบน้ำด้วยกันกับยุยรึเปล่าคะ”

“อนุญาตด้วยเหรอครับ เง้ยยย ไม่ใช่ละ ที่พูดตะกี้ไม่นับนะครับ”

“แต่ว่ายูมะคุงชอบยุยไม่ใช่เหรอ ตอนพิธีประถมนิเทศเป็นคนบอกเองว่า “ได้โปรดยกลูกสาวให้ผมด้วย”นะคะ”

คุณแม่ยุยกล่าวจบหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นท่าทางเปิ่นๆของยูมะ

..กะแล้วเชียว แม่ยุยกับเนเน่เป็นคนประเภทเดียวกันเลย เห็นตูเป็นของเล่นนี่ล่ะ

“ตอนนี้ถึงเวลาพอดี ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนสิ เด็กคนนั้นคงมีเรื่องอยากคุยกับยูมะและถ้าอยู่ทานด้วยกันคงดีใจมากแน่”

“เอ่อ เรื่องทานอาหารมัน..”

“แล้วก็แม่อยากจะสอบถามรายละเอียดเพิ่มด้วยว่าทำไมถึงได้นอนมาด้วยกันกับลูกสาวสุดที่รัก โดยเฉพาะคุณพ่อ ตอนเข้ามาเห็นเธอสองคนนอนด้วยกัน สีหน้าเขานี่สุดจะบรรยายเลยนะขอบอก”

“เอ่อ..คือ”

 สุดท้ายด้วยคำสั่งกึ่งบังคับ ยูมะเลยจำยอมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันกับยุย

****************

เมื่อลงมาที่ห้องรับแขก  ยุยกับพ่อเธอกำลังนั่งรอที่โต๊ะอาหาร

เห็นพ่อเธอแล้วผมอยากกลับบ้านละค้าบบบบ แต่มันทำไม่ได้นี่สิ

“…สวัสดีตอนเย็น ยูมะคุง”

“ส..สวัสดีครับ”

“โฮร่า คุณคะ อย่าส่งแรงกดดันให้กับคนที่จะเอาลูกสาวคนเดียวของเราไปสิคะ”

“….”

คุณพ่อยุยเงียบไม่เอ่ยปาก 

พอดูแบบนี้เลยเข้าใจละว่า ใครใหญ่สุดในบ้าน เอาวะ อย่างน้อยพ่อยุยก็เป็นทางสายพ่อบ้านใจกล้า คุณแม่ใหญ่สุดในบ้านน่าจะช่วยกุได้ฟะ

คุณพ่อยุยขยับเก้าอี้ เข้ามาหันเผชิญหน้ากับยูมะ

“อืม..ก่อนอื่นต้องกล่าวขอบคุณก่อน ยูมะคุง ขอบคุณที่ช่วยดูแลลูกสาวมาตลอดนะ”

“ม..ไม่ต้องหรอกครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย  ทางนี้แค่อยากจะสนิทกันครับ..”

“อย่าคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ยุยไปโรงเรียน ใช้ชีวิตสนุกสนานทุกวันเป็นเพราะเธอ เรื่องนี้ซาบซึ้งจากใจจริงๆ  แต่ว่านะ เรื่องระยะห่างระหว่างหญิงชาย คิดว่าตอนนี้ใกล้ชิดกันมากเกินไปรึเปล่า”

“เรื่องนั้น..มันจริงครับ..ผมขอโทษจริงๆครับ”

มันปฏิเสธไม่ได้แหละ เพราะเราไม่ได้เว้นระยะห่างที่เหมาะสมของชายหญิง ตรงนี้ยังไงก็ต้องขอโทษท่านจากใจจริง  ส่วนทางแม่ยุย เห็นผมกับพ่อยุยในตอนนี้แล้วหัวเราะคิกคัก

“หุหุ คุณคะ พูดจาแบบนี้ไม่กลัวลูกสาวจะเกลียดเหรอ”

“เอ่อ ไม่ล่ะมั้ง”

“นอกจากนี้ พวกเราเองก็ใช่ว่าจะไปต่อว่าเขาได้เต็มปากเต็มคำนะ จำสมัยตอนอยู่มหาลัยได้มั้ย…”

“อะแฮ่มอะแฮ่ม”

คุณพ่อยุยรีบกระแอมขัดจังหวะเสียงดังลั่นกลบคำพูดแม่ยุย

เหมือนยุยจะเคยบอกแล้วว่า พ่อกับแม่เธอแต่งงานกันตอนอยุ่มอปลาย  พอแม่ยุยครบอายุวันเกิดสิบหกปีปุ๊บก็ยื่นคำขอแต่งงานกันเลย

เอาจริงๆก็จินตนาการไม่ออกนะว่าการแต่งงานกันของคู่รักมัธยมปลายมันเป็นยังไง แต่ว่าพอได้มาเห็นพ่อกับแม่ยุยดูสนิทกันดีแบบนี้ก็รู้สึกโล่งใจนิดๆนะ และมันทำให้แอบคิดในส่วนลึกของมุมหัวใจว่า ตัวเองกับยุยจะเป็นแบบพ่อกับแม่ยุยมันจะเป็นยังไงน้า

ยุยรออยู่ที่บ้าน ผมกับเธอช่วยกันทำกับข้าว เล่นเกมด้วยกัน ได้นอนกอดเธอบนเตียงสองต่อสองเหมือนที่นอนกับเธอตะกี้  แล้วหลังจากนั้นก็… เฮ้ย ไม่ใช่ละกุ ฟุ้งซ่านไกล หยุดคิดก่อนโว้ย

ในขณะเดียวกัน ผลจากคำพูดแม่ยุยที่ขัดจังหวะ ก็ดูจะทำให้บรรยากาศพ่อยุยบรรเทาความตึงเครียดลง พ่อยุยเป่าลมหายใจระบายออกมา

“…ก็ตามที่กล่าวไปก่อนหน้า ชั้นซาบซึ้งเธอจากใจ  ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะจู้จี้จุกจิกกับเรื่องนี้ เพราะงั้นเลยจะขอถามเรื่องหนึ่งตรงๆเลย”

คุณพ่อยุยกล่าวจบ สายตาประสานกับสายตายูมะ

“ยูมะคุง เธอจะทนุถนอมยุยใช่มั้ย”

“ครับ ผมจะให้ความสำคัญและทนุถนอมเธอครับ”

ตัวยูมะเองก็แอบตกใจเหมือนกันที่คำพูดมันหลุดไปอย่างเป็นธรรมชาติเลย

แต่ว่ามันก็ไม่แปลก เขาอยากจะทนุถนอมยุย อยากให้ยุยมีความสุข ความรู้สึกนี้มันคือของจริง

เมื่อฟังคำตอบของยุย คุณพ่อยุยจากที่มีท่าทีขึงขึงเข้มงวด ดูจะอ่อนโยนลงขึ้นมาเล็กน้อย..และตอนนั้นเองที่ยูมะเหมือนจะได้ยินเสียงดัง ตึง จากนอกห้องรับแขก ราวกับว่ามีคนทำของตก เล่นเอาหันไปหาต้นเสียง

เมื่อเห็นยูมะหันไปหาต้นเสียง แม่ยุยเป็นฝ่ายลุกเดินออกไปดูหน้าห้องรับแขก

 “ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครอยู่ค่ะ”

คุณแม่กล่าวจบส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย

…แล้วไป

นึกว่ายุยอยู่ตะกี้ เพราะคำพูดเมื่อครู่ ตัวยูมะยังมีความรู้สึกว่าไม่พร้อมจะให้ยุยได้ยิน 

ยูมะใช้มือแตะหัวใจตัวเอง รู้สึกโล่งอก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+