LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 4.2: สายฝน

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 4.2: สายฝน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

“ชั้น…ชั้นขอโทษนะ”

ยังไม่ทันที่ยูมะจะถามเหตุผลที่เธอมาที่นี่จนครบประโยค ยุยก็ชิงพูดมาก่อนพร้อมก้มหัวด้วยท่าทีขอโทษสุดพลัง

 

“ชั้นขอโทษที่พูดจาแย่ๆออกไป ชั้นขอโทษที่ให้ยูมะรู้สึกไม่ดี ทั้งที่ยูมะไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆแต่ชั้น….”

สำหรับยูมะ นี่เป็นน้ำเสียงยุยที่เปล่งออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ เขารับรู้แล้วว่าเธอพยายามสุดชีวิตที่จะพูดขอโทษเขาในทุกเรื่องที่ผ่านมา

 

“ม..ไม่เป็นไรหรอกครับ เงยหน้าขึ้นเถอะ”

ยูมะกล่าวอย่างอ่อนโยน ยุยค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ

“…มาถึงที่นี่ด้วยตัวคนเดียวรึครับ”

“..อืม”

“เดินทางมาถึงนี่ด้วยตัวคนเดียวไม่เป็นไรจริงๆเหรอ..?”

“ชั้นพูดจาไม่ดีใส่ สีหน้ายูมะตอนนั้นเจ็บปวดจากคำพูดแย่ๆของชั้น ดังนั้นชั้นต้องขอโทษให้ได้..”

  “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ จริงๆแชทมาก็พอแล้ว”

“ช..ชั้นอยากพูดโดยตรงต่อหน้ายูมะจากปากตัวเอง ได้โปรด ชั้นขอความกรุณาให้ยูมะช่วยอีกสักครั้งนะ”

“ขอความกรุณาเรื่องอะไรครับ”

ยุยสูดลมหายใจเข้าลึกกล่าวต่อ

“เรื่องรักษาโรคสื่อสารไม่เก่ง รวมถึงเรื่องใช้ชีวิตสนุกสนานในโรงเรียนเมื่อเปิดเทอม”

ยุยกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังและพยายามสุดชีวิต

“เพราะว่า…เพราะว่าชั้นชอบยูมะที่สุด… ยูมะเป็นเพื่อนคนแรกของชั้น เป็นพี่ชาย เวลาที่ได้ทำกิจกรรวมร่วมกันกับยูมะชั้นมีความสุข  เพราะงั้นชั้นอยากจะใช้ชีวิตม.ปลายด้วยกัน  ลงทะเบียนเรียนด้วยกัน เรียนคาบเดียวกัน กินข้าวกลางวันด้วยกัน ไม่ว่าจะเวลาไหน ชั้นก็อยากจะอยู่ด้วยกันกับยูมะตลอดไป ชั้นเชื่อว่าถ้าอยู่ด้วยกัน ชีวิตตอนนัั้นจะต้องสนุกมากๆ  แล้วก็ถ้ายูมะอยู่กับชั้นด้วยกันแล้วรู้สึุกสนุกด้วย ชั้นจะดีใจมาก…เอ๋ อะเร๊ะ?”

น้ำเสียงของยุยปนไปด้วยเสียงสะอื่น แต่เธอก็สารภาพความในใจออกมาทุกอย่าง ก่อนจะโดนขัดจังหวะตอนท้าย เพราะยูมะกอดเธอโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว

 

ยูมะรับรู้ถึงความเจ็บปวดของยุยผ่านน้ำเสียงที่กล่าว แต่กระนั้นเขาก็รู้สึกดีใจ

“ยุย”

“ฮิย้า”

ยุยชะงักส่งเสียงร้องเบาๆเพราะถูกยูมะกอด ถึงแม้จะตกใจ แต่อ้อมกอดของยูมะก็ไม่ทำให้รู้สึกแย่ เธอขยับมือลูบหลังยูมะ

“ตอนนี้ชั้นดีใจมากๆครับ”

“ทำไมยูมะถึงดีใจเหรอ”

“ชั้นดีใจเพราะนายบอกว่าชั้นคือเพื่อนคนสำคัญไงล่ะ”

“….แฮะแฮะ”

คำพูดของยูมะเป็นน้ำเสียงของคนที่ดีใจจนร้องไห้เสียน้ำตา ยุยรับรู้ถึงความจริงใจตรงนี้จึงหัวเราะเล็กน้อยดีใจนิดๆ

 

(ดูท่าว่าชั้นจะหลงยัยนี่หัวปักหัวปำแล้วล่ะ ชั้นต้องทำไงก็ได้ให้ยัยนี่ได้ใช้ชีวิตในม.ปลายที่ดีที่สุด คอยดูสิ) 

 

สิ่งที่ยูมะคิด ก็ตรงกับที่ยุยคิดเหมือนกัน  ต่างคนต่างอยากจะมอบ อยากจะทำสิ่งที่ดีสุดเพื่อให้อีกฝ่ายใช้ชีวิตในม.ปลายได่้คุ้มค่า เรียกว่าเกิดมาได้ใช้ชีวิตครั้งนี้ถือว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว

 

“…..”

“….”

“เรา..หยุดกอดกันก่อนดีมั้ย”

“น..นั่นสินะ”

พอทั้งคู่ใจเย็นถึงเริ่มรู้สึกอาย กอดกันกลางสายฝนเป็นละครช่องหลังข่าวเลย 

ยูมะคลายอ้อมกอด จะปล่อยให้ยุยเป็นอสระ แต่ทันทีที่สายตายูมะปะทะบางอย่าง ยูมะรีบรวบตัวยุยกอดเธออีกรอบทันที

 

“เอ๊ะ..ป..เป็นอะไรยูมะ”

“ส..เสื้อ..เสื้อเธอ”

“เสื้อเหรอ?”

ยุยกระเถิบห่างจากยูมะเล็กน้อยพอมีช่องให้มองเสื้อตัวเอง วันนี้เธอไม่ได้ใส่เสื้อพาร์ก้า เป็นเสื้อผ้าเนื้อบางกว่าปกติ เมื่อเปียกน้ำฝน ผลคือเห็นชุดชั้นในสีขาวสะอาดผ่านเสื้อที่เปียก

“……..งือ”

เมื่อยุยเห็นชุดชั้นในตัวเอง เธอรีบกอดยูมะทันที

“ท..ทำไงต่อดี”

“ทำไงต่อเหรอ?..”

ชุดชั้นในของยุยนี่สมเป็นเธอจริงๆที่เลือกสีขาวเรียบๆไม่ฉูดฉาด

ยูมะเองก็เพ่งแตกเนื้อหนุ่มขึ้นม.ปลาย เห็นเสื้อชั้นในของยุยก็มีอารมณ์พลุ่งพล่านพอสมควร

ภาพที่เห็นมันต่างกับในมังงะ2มิติลิบลับ การเห็นชุดชั้นในสาวน้อยผ่านชุดเปียกแนบเนื้อ ทำแดเมจใส่ได้มหาศาล เพียงแค่เห็นครั้งเดียวก็ภาพติดตาอยากจะจ้องไปนานๆ

 

 

(เอาไงต่อดีวะ)

จะให้ยุยกลับบ้านในสภาพนี้ก็ใช่เรื่อง ต้องหาที่หลบฝนก่อน แต่จะไปที่ไหนดี ร่างกายยุยก็อ่อนแอด้วย จะให้ตากฝนต่อไปคงไม่ดีต่อสุขภาพเธอ

หลังจากคิดสักพัก ข้อสรุปของยูมะคือควรพาเธอไปที่แมนชั่นจองเขา ให้เธออาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยพาเธอกลับบ้านน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ปัญหาคือตอนนี้ลิฟท์เสียซะด้วย จะให้เธอเดินขึ้นบันไดไปด้วยกันก็เกรงว่าร่างกายเธอจะฝืนสังขารไม่ไหว

งั้นก็เหลือทางเดียว

“ยุย เดี๋ยวชั้นให้เธอขี่หลัง แล้วชั้นจะพาเธอไปที่ห้องของชั้นก่อน เธอคิดว่าไง”

“เอ๋”

“ตอนนี้ลิฟท์แมนชั่นเสีย และถ้าเดินตัวเปล่า คนอื่นที่สวนทางอาจจะเห็นเสื้อในเธอ ชั้นเลยกะจะให้เธอขี่หลัง รังเกียจรึเปล่า ปัญหาคือตอนนี้ชั้นนึกหาหนทางอื่นไม่ออก และคิดว่าเดินกลับบ้านในสภาพตากฝนอย่างนี้ไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดแน่”

“..อ…อืม..ถ้ายูมะว่าดีชั้นก็ไม่รังเกียจหรอก ขอความกรุณาด้วยนะคะ”

ยุยผละร่างออกจากยูมะ ขึ้นไปขี่หลัง ส่วนยูมะก็เลี่ยงมองไปทางอื่นเพื่อจะได้ไม่เห็นชุดชั้นในยุย

ยุยขยับตัวให้เข้าที แขนคล้องคอยูมะ…

จะว่าโชคดีหรือโชคร้าย ด้วยความที่เสื้อเปียก ถ้าให้ขี่หลัง ยังไงร่างกายทั้งคู่ต้องมีการสัมผัสแนบเนื้อ แต่หน้าอกยุยนี่มันแบนแต๊ดแต๋จริงๆ  แค่เธอขยับห่างนิดเดียวก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรมาโดนหลังแล้ว

“โอเค เกาะให้แน่นๆนะ”

“อ..อืม”

ยูมะลุกขึ้น สองมือประคองก้นยุยคนละข้าง

แงงง

ยังไงขี่คอก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องแตะโดนก้นยุยอะนะ

(เขร้ อย่างนุ่มเลยเว้ย….!”

ก้นเธอนุ่มกว่าที่คิดซะอีก มองด้วยสายตาภายนอกไม่นึกว่าจะนุ่มนิ่มได้ขนาดนี้

ยิ่งตอนนี้ด้วยความที่อุ้มยุยด้านหลัง ยูมะสูดได้ถึงกลิ่นกายหอมอ่อนๆของเธอลอยเข้าจมูก

(สัส อดกลั้นโว้ยยยย อย่าให้กิเลสครอบงำสิวะ) 

“เป็นอะไรรึเปล่ายูมะ ไม่หนักใช่มั้ย”

“…ไม่หนักครับ สบายๆ”

“จริงเหรอ เห็นตัวสั่นไม่ขยับเลย นึกว่าหนักซะอีก”

“ไม่หนักจริงๆครับ”

หนักอะ หนักเรื่องอื่นมากกว่าอีก 

ยูมะรวบรวมสติ ประคองยุยเดินขึ้นบันไดแมนชั่น

เอาจริงๆนะ ยุยน่ะ ตัวไม่หนักหรอก ไอ้ที่หนักอะ หนักใจกับความคิดตัวเองนี่ล่ะที่ฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ

“อ๊ะ จริงสิ”

ยูมะหยิบมือถือโทรหาเนเน่รายงานสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ

“…เหตุผลก็ตามที่ผมว่า เลยจะขอให้ชวาร์สอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อหลบฝนในห้องเราก่อนครับไ

“ไม่มีปัญหา สบายมาก แล้วก็ถ้าเจอชวาร์สห้ามพูดจาอะไรเกี่ยวกับสีผมเขาเนอะ”

“ใช่ครับ”

จริงๆก็อธิบายไปคร่าวๆนะ แต่เหลือเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ยุมะยังไม่กล้าอธิบายเนเน่ เอาเป็นว่าให้เนเน่เจอด้วยตาตัวเองละกัน

“พี่คิดว่าอยากพบชวาร์สสักครั้งอยู่แล้ว  น่าสนุกจัง พี่รออยู่ที่ห้องนะ”

“..อืม”

หลังจากเดินขึ้นบันไดสักพัก ในที่สุดก็ถึงห้องตัวเอง

“กลับมาแล้วครับ”

“ขอรบกวนด้วย”

เนเน่รออยู่หน้าประตู ส่งยิ้มให้ยูมะ

“ยินดีต้อนรับกลับมาจ้า ยินดีต้อนรับชวาร์สนะ ทำตัวตามสบาย……..หือ?”

คำพูดเนเน่หยุดชะงักกลางคันทันที่เห็นยุยชัดเจน เบิกตากลมโต ส่วนยูมะแสร้งทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ให้ยุยลงจากหลังของเขา

“ห้องอาบน้ำเดินไปตรงทางเชื่อมฝั่งโน้นนะ เรื่องเสื้อผ้าเดี๋ยวชั้นจัดการเอง เข้าไปอาบน้ำก่อนได้เลยนะ”

“..อ..อืม”

ยุยค้อมศีรษะตอนผ่านเนเน่   เดินไปที่ทางเชื่อม

พอยุยหายลับไปจากสายตา เนเน่หันขวับมาหายูมะ

“เดี๋ยวนะเดี๋ยวนะเดี๋ยวนะ ยูคุง ไม่เห็นได้ยินมาก่อนว่าชวาร์สเป็นผู้หญิง!?”

“..แหงสิก็ผมไม่ได้บอกไง” 

 

***

จบ CH4-2

 

บอกละ น้องยุยno.1 ถ้าใครอ่านถึงตอนนี้น่าจะมีฟีลลื่งกันบ้างนะว่า เทียบกับ CH1  นี่คนละเรื่องเลย การปล่อยมก ความหวานของเรื่อง มันไม่ได้แย่เลยนะ แต่เห็นยอดคนอ่านนี่ปาดเหงื่อ สงสัยน้องจะโดนทิ้งกลางคันหลายคน 55

ตอนหน้ามาลุ้นกันนะครับ ว่าเรื่องราวทั้งสองคนจะเป็นยังไงต่อ

 

 ถ้ารอได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 4.2: สายฝน

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 4.2: สายฝน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

“ชั้น…ชั้นขอโทษนะ”

ยังไม่ทันที่ยูมะจะถามเหตุผลที่เธอมาที่นี่จนครบประโยค ยุยก็ชิงพูดมาก่อนพร้อมก้มหัวด้วยท่าทีขอโทษสุดพลัง

 

“ชั้นขอโทษที่พูดจาแย่ๆออกไป ชั้นขอโทษที่ให้ยูมะรู้สึกไม่ดี ทั้งที่ยูมะไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆแต่ชั้น….”

สำหรับยูมะ นี่เป็นน้ำเสียงยุยที่เปล่งออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ เขารับรู้แล้วว่าเธอพยายามสุดชีวิตที่จะพูดขอโทษเขาในทุกเรื่องที่ผ่านมา

 

“ม..ไม่เป็นไรหรอกครับ เงยหน้าขึ้นเถอะ”

ยูมะกล่าวอย่างอ่อนโยน ยุยค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ

“…มาถึงที่นี่ด้วยตัวคนเดียวรึครับ”

“..อืม”

“เดินทางมาถึงนี่ด้วยตัวคนเดียวไม่เป็นไรจริงๆเหรอ..?”

“ชั้นพูดจาไม่ดีใส่ สีหน้ายูมะตอนนั้นเจ็บปวดจากคำพูดแย่ๆของชั้น ดังนั้นชั้นต้องขอโทษให้ได้..”

  “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ จริงๆแชทมาก็พอแล้ว”

“ช..ชั้นอยากพูดโดยตรงต่อหน้ายูมะจากปากตัวเอง ได้โปรด ชั้นขอความกรุณาให้ยูมะช่วยอีกสักครั้งนะ”

“ขอความกรุณาเรื่องอะไรครับ”

ยุยสูดลมหายใจเข้าลึกกล่าวต่อ

“เรื่องรักษาโรคสื่อสารไม่เก่ง รวมถึงเรื่องใช้ชีวิตสนุกสนานในโรงเรียนเมื่อเปิดเทอม”

ยุยกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังและพยายามสุดชีวิต

“เพราะว่า…เพราะว่าชั้นชอบยูมะที่สุด… ยูมะเป็นเพื่อนคนแรกของชั้น เป็นพี่ชาย เวลาที่ได้ทำกิจกรรวมร่วมกันกับยูมะชั้นมีความสุข  เพราะงั้นชั้นอยากจะใช้ชีวิตม.ปลายด้วยกัน  ลงทะเบียนเรียนด้วยกัน เรียนคาบเดียวกัน กินข้าวกลางวันด้วยกัน ไม่ว่าจะเวลาไหน ชั้นก็อยากจะอยู่ด้วยกันกับยูมะตลอดไป ชั้นเชื่อว่าถ้าอยู่ด้วยกัน ชีวิตตอนนัั้นจะต้องสนุกมากๆ  แล้วก็ถ้ายูมะอยู่กับชั้นด้วยกันแล้วรู้สึุกสนุกด้วย ชั้นจะดีใจมาก…เอ๋ อะเร๊ะ?”

น้ำเสียงของยุยปนไปด้วยเสียงสะอื่น แต่เธอก็สารภาพความในใจออกมาทุกอย่าง ก่อนจะโดนขัดจังหวะตอนท้าย เพราะยูมะกอดเธอโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว

 

ยูมะรับรู้ถึงความเจ็บปวดของยุยผ่านน้ำเสียงที่กล่าว แต่กระนั้นเขาก็รู้สึกดีใจ

“ยุย”

“ฮิย้า”

ยุยชะงักส่งเสียงร้องเบาๆเพราะถูกยูมะกอด ถึงแม้จะตกใจ แต่อ้อมกอดของยูมะก็ไม่ทำให้รู้สึกแย่ เธอขยับมือลูบหลังยูมะ

“ตอนนี้ชั้นดีใจมากๆครับ”

“ทำไมยูมะถึงดีใจเหรอ”

“ชั้นดีใจเพราะนายบอกว่าชั้นคือเพื่อนคนสำคัญไงล่ะ”

“….แฮะแฮะ”

คำพูดของยูมะเป็นน้ำเสียงของคนที่ดีใจจนร้องไห้เสียน้ำตา ยุยรับรู้ถึงความจริงใจตรงนี้จึงหัวเราะเล็กน้อยดีใจนิดๆ

 

(ดูท่าว่าชั้นจะหลงยัยนี่หัวปักหัวปำแล้วล่ะ ชั้นต้องทำไงก็ได้ให้ยัยนี่ได้ใช้ชีวิตในม.ปลายที่ดีที่สุด คอยดูสิ) 

 

สิ่งที่ยูมะคิด ก็ตรงกับที่ยุยคิดเหมือนกัน  ต่างคนต่างอยากจะมอบ อยากจะทำสิ่งที่ดีสุดเพื่อให้อีกฝ่ายใช้ชีวิตในม.ปลายได่้คุ้มค่า เรียกว่าเกิดมาได้ใช้ชีวิตครั้งนี้ถือว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว

 

“…..”

“….”

“เรา..หยุดกอดกันก่อนดีมั้ย”

“น..นั่นสินะ”

พอทั้งคู่ใจเย็นถึงเริ่มรู้สึกอาย กอดกันกลางสายฝนเป็นละครช่องหลังข่าวเลย 

ยูมะคลายอ้อมกอด จะปล่อยให้ยุยเป็นอสระ แต่ทันทีที่สายตายูมะปะทะบางอย่าง ยูมะรีบรวบตัวยุยกอดเธออีกรอบทันที

 

“เอ๊ะ..ป..เป็นอะไรยูมะ”

“ส..เสื้อ..เสื้อเธอ”

“เสื้อเหรอ?”

ยุยกระเถิบห่างจากยูมะเล็กน้อยพอมีช่องให้มองเสื้อตัวเอง วันนี้เธอไม่ได้ใส่เสื้อพาร์ก้า เป็นเสื้อผ้าเนื้อบางกว่าปกติ เมื่อเปียกน้ำฝน ผลคือเห็นชุดชั้นในสีขาวสะอาดผ่านเสื้อที่เปียก

“……..งือ”

เมื่อยุยเห็นชุดชั้นในตัวเอง เธอรีบกอดยูมะทันที

“ท..ทำไงต่อดี”

“ทำไงต่อเหรอ?..”

ชุดชั้นในของยุยนี่สมเป็นเธอจริงๆที่เลือกสีขาวเรียบๆไม่ฉูดฉาด

ยูมะเองก็เพ่งแตกเนื้อหนุ่มขึ้นม.ปลาย เห็นเสื้อชั้นในของยุยก็มีอารมณ์พลุ่งพล่านพอสมควร

ภาพที่เห็นมันต่างกับในมังงะ2มิติลิบลับ การเห็นชุดชั้นในสาวน้อยผ่านชุดเปียกแนบเนื้อ ทำแดเมจใส่ได้มหาศาล เพียงแค่เห็นครั้งเดียวก็ภาพติดตาอยากจะจ้องไปนานๆ

 

 

(เอาไงต่อดีวะ)

จะให้ยุยกลับบ้านในสภาพนี้ก็ใช่เรื่อง ต้องหาที่หลบฝนก่อน แต่จะไปที่ไหนดี ร่างกายยุยก็อ่อนแอด้วย จะให้ตากฝนต่อไปคงไม่ดีต่อสุขภาพเธอ

หลังจากคิดสักพัก ข้อสรุปของยูมะคือควรพาเธอไปที่แมนชั่นจองเขา ให้เธออาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยพาเธอกลับบ้านน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ปัญหาคือตอนนี้ลิฟท์เสียซะด้วย จะให้เธอเดินขึ้นบันไดไปด้วยกันก็เกรงว่าร่างกายเธอจะฝืนสังขารไม่ไหว

งั้นก็เหลือทางเดียว

“ยุย เดี๋ยวชั้นให้เธอขี่หลัง แล้วชั้นจะพาเธอไปที่ห้องของชั้นก่อน เธอคิดว่าไง”

“เอ๋”

“ตอนนี้ลิฟท์แมนชั่นเสีย และถ้าเดินตัวเปล่า คนอื่นที่สวนทางอาจจะเห็นเสื้อในเธอ ชั้นเลยกะจะให้เธอขี่หลัง รังเกียจรึเปล่า ปัญหาคือตอนนี้ชั้นนึกหาหนทางอื่นไม่ออก และคิดว่าเดินกลับบ้านในสภาพตากฝนอย่างนี้ไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดแน่”

“..อ…อืม..ถ้ายูมะว่าดีชั้นก็ไม่รังเกียจหรอก ขอความกรุณาด้วยนะคะ”

ยุยผละร่างออกจากยูมะ ขึ้นไปขี่หลัง ส่วนยูมะก็เลี่ยงมองไปทางอื่นเพื่อจะได้ไม่เห็นชุดชั้นในยุย

ยุยขยับตัวให้เข้าที แขนคล้องคอยูมะ…

จะว่าโชคดีหรือโชคร้าย ด้วยความที่เสื้อเปียก ถ้าให้ขี่หลัง ยังไงร่างกายทั้งคู่ต้องมีการสัมผัสแนบเนื้อ แต่หน้าอกยุยนี่มันแบนแต๊ดแต๋จริงๆ  แค่เธอขยับห่างนิดเดียวก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรมาโดนหลังแล้ว

“โอเค เกาะให้แน่นๆนะ”

“อ..อืม”

ยูมะลุกขึ้น สองมือประคองก้นยุยคนละข้าง

แงงง

ยังไงขี่คอก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องแตะโดนก้นยุยอะนะ

(เขร้ อย่างนุ่มเลยเว้ย….!”

ก้นเธอนุ่มกว่าที่คิดซะอีก มองด้วยสายตาภายนอกไม่นึกว่าจะนุ่มนิ่มได้ขนาดนี้

ยิ่งตอนนี้ด้วยความที่อุ้มยุยด้านหลัง ยูมะสูดได้ถึงกลิ่นกายหอมอ่อนๆของเธอลอยเข้าจมูก

(สัส อดกลั้นโว้ยยยย อย่าให้กิเลสครอบงำสิวะ) 

“เป็นอะไรรึเปล่ายูมะ ไม่หนักใช่มั้ย”

“…ไม่หนักครับ สบายๆ”

“จริงเหรอ เห็นตัวสั่นไม่ขยับเลย นึกว่าหนักซะอีก”

“ไม่หนักจริงๆครับ”

หนักอะ หนักเรื่องอื่นมากกว่าอีก 

ยูมะรวบรวมสติ ประคองยุยเดินขึ้นบันไดแมนชั่น

เอาจริงๆนะ ยุยน่ะ ตัวไม่หนักหรอก ไอ้ที่หนักอะ หนักใจกับความคิดตัวเองนี่ล่ะที่ฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ

“อ๊ะ จริงสิ”

ยูมะหยิบมือถือโทรหาเนเน่รายงานสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ

“…เหตุผลก็ตามที่ผมว่า เลยจะขอให้ชวาร์สอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อหลบฝนในห้องเราก่อนครับไ

“ไม่มีปัญหา สบายมาก แล้วก็ถ้าเจอชวาร์สห้ามพูดจาอะไรเกี่ยวกับสีผมเขาเนอะ”

“ใช่ครับ”

จริงๆก็อธิบายไปคร่าวๆนะ แต่เหลือเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ยุมะยังไม่กล้าอธิบายเนเน่ เอาเป็นว่าให้เนเน่เจอด้วยตาตัวเองละกัน

“พี่คิดว่าอยากพบชวาร์สสักครั้งอยู่แล้ว  น่าสนุกจัง พี่รออยู่ที่ห้องนะ”

“..อืม”

หลังจากเดินขึ้นบันไดสักพัก ในที่สุดก็ถึงห้องตัวเอง

“กลับมาแล้วครับ”

“ขอรบกวนด้วย”

เนเน่รออยู่หน้าประตู ส่งยิ้มให้ยูมะ

“ยินดีต้อนรับกลับมาจ้า ยินดีต้อนรับชวาร์สนะ ทำตัวตามสบาย……..หือ?”

คำพูดเนเน่หยุดชะงักกลางคันทันที่เห็นยุยชัดเจน เบิกตากลมโต ส่วนยูมะแสร้งทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ให้ยุยลงจากหลังของเขา

“ห้องอาบน้ำเดินไปตรงทางเชื่อมฝั่งโน้นนะ เรื่องเสื้อผ้าเดี๋ยวชั้นจัดการเอง เข้าไปอาบน้ำก่อนได้เลยนะ”

“..อ..อืม”

ยุยค้อมศีรษะตอนผ่านเนเน่   เดินไปที่ทางเชื่อม

พอยุยหายลับไปจากสายตา เนเน่หันขวับมาหายูมะ

“เดี๋ยวนะเดี๋ยวนะเดี๋ยวนะ ยูคุง ไม่เห็นได้ยินมาก่อนว่าชวาร์สเป็นผู้หญิง!?”

“..แหงสิก็ผมไม่ได้บอกไง” 

 

***

จบ CH4-2

 

บอกละ น้องยุยno.1 ถ้าใครอ่านถึงตอนนี้น่าจะมีฟีลลื่งกันบ้างนะว่า เทียบกับ CH1  นี่คนละเรื่องเลย การปล่อยมก ความหวานของเรื่อง มันไม่ได้แย่เลยนะ แต่เห็นยอดคนอ่านนี่ปาดเหงื่อ สงสัยน้องจะโดนทิ้งกลางคันหลายคน 55

ตอนหน้ามาลุ้นกันนะครับ ว่าเรื่องราวทั้งสองคนจะเป็นยังไงต่อ

 

 ถ้ารอได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+