LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 7.3: ความรัก

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 7.3: ความรัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

“นี่ ยูมะ ขอเดินควงแขนได้มั้ย”
“อ…อืม”

ยุยถามยูมะหลังจากออกจากร้านคอฟฟี่ช้อป

ก่อนหน้านี้ยุยเคยเดินควงแขนเขาสมัยเธอยังใส่ชุดพาร์ก้า จำได้ว่าตอนนั้นเธอเดินแบบตัวลีบ ไม่กล้าสบตาใคร

ครั้งนี้เห็นยุยเป็นฝ่ายขออีก ก็อยากจะดูเหมือนกันว่า คราวนี้ปฏิกริยาเธอจะเป็นไงบ้าง

“ฮึบ แฮะแฮะ♥”

“??”

ยุยควงแขนเดินไม่ได้ต่างจากครั้งก่อน ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจนคือ เมื่อก่อนเธอเดินควงแขนด้วยความสึกหวาดระแวงสายตาคนรอบข้าง  บรรยากาศเต็มไปด้วยความกังวล

 

แต่ครั้งนี้การเดินวงแขนของเธอ บรรยากาศเเปี่ยมไปด้วยความสุขล้น คนภายนอกใครมาเห็นต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่มันคู่รักงี่เง่าเดินควงแขนเย้ยคนโสดชัดๆ

และสิ่งที่แตกต่างอีกอย่างคือ กลิ่นหอมอ่อนๆจากเส้นผมยุยและเนื้อผ้าที่บางกว่าเสื้อพาร์ก้า ทำให้ยูมะรู้สึกว่าเดินควงแขนครั้งนี้ มีสีสันและรู้สึกได้ว่าแขนแนบเนื้อยุย สัมผัสได้ถึงความนุ่มและอบอุ่นมากกว่าเดิม

ถึงแม้บางครั้งยูมะจะทำตัวเหมือนเป็นพี่ชายหรือคนอายุมากกว่ายุย แต่ความจริงเขาก็เป็นเด็กหนุ่มที่อายุเท่ากัน พอเดินควงแขนแบบนี้ ก็เล่นเกิดอาการงุ่นง่านแต่ต้องข่มอาการไว้ รีบเร่งฝีเท้าเดินให้เร็วกว่าเดิม

ยุยเองก็ดูจะรู้สึกได้ว่าวันนี้ยูมะเร่งฝีเท้าเร็วกว่าเก่า แต่เธอก็ไม่คิดอะไรลึกซึ้ง ไม่ได้ปล่อยแขนยูมะ กลับกันเธอยิ่งกอดแขนเขาแน่นกว่าเดิมและเร่งฝีเท้าตัวเองให้ไวขึ้น ภาษากายของยุยสื่อชัดว่าเธอไม่อยากจะห่างยูมะแม้สักวินาที ไม่ว่ายังไงก็ไม่ปล่อยมือเด็ดขาด 

จะบอกว่านี่คือการเดินควงแขนในฐานะเพื่อนสนิทเหรอ มันก็ตอบยากนะ….แต่ในเมื่อยุยยังคิดแค่เพื่อน ถ้าเป็นไปได้ยูมะก็อยากเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เขางุ่นง่านฟุ้งซ่านคิดเกินเบอร์

 

ทว่า  ถ้าพระเจ้ามีจริง ดูเหมือนว่าท่านจะไม่อยากให้ยูมะสมความปรารถนาง่ายๆ

***

 

ในที่สุด ทั้งสองคนก็เดินทางมาถึงร้านเน็ตคาเฟ่

“ยินดีต้อนรับค่ะ วันนี้ทั้งสองท่านก็จองเหมือนเดิมนะคะ”

พี่สาวพนักงานต้อนรับเห็นยุยกับยูมะเดินเข้าร้าน ไม่ต้องพูดอะไรก็รู้กันดีเพราะมาทุกวันเลยทักทายแบบรู้งาน

 

“แต่ว่าวันนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ ห้องคู่วันนี้ถูกจองเต็มหมดแล้วค่ะ”

“งั้นเหรอครับ”

“แต่ว่าห้องซิงเกิลรูมยังมีว่างอยู่ค่ะ สนใจมั้ยคะ ห้องอาจจะแคบและมีชุดโต๊ะคอม+เก้าอี้เกมมิ่งแค่ตัวเดียว แต่ว่าในห้องมีการ์ตูนให้อ่านเล่นได้นะคะ  คิดว่าทั้งสองคนน่าจะชอบห้องนี้นะคะ”

“ยุย เอาไงครับ”

“อืม..ชั้้นยังไงก็ได้ เพราะเล่นเกมผ่านมือถือก็ไม่มีปัญหา แถมมียุมะอยู่ด้วยทั้งคน”

“งั้นจองห้องซิงเกิลรูมครับ”

พนักงานจดบันทึกจองเข้าห้องเสร็จ หันมากล่าว

“เอ่อ ทางพี่ขอร้องอะไรออย่างหนึ่งนะคะ ร้านเน็ตคาเฟ่ไม่ใช่สถานที่อย่างว่า เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรอย่างว่าในห้องนะคะ”

“อะไรอย่างว่านี่คืออะไรครับ?”

พนักงานร้านเดินมากระซิบข้างหูความหมายคำว่า “อะไรอย่างว่า” เล่นเอายูมะหน้าแดง ส่ายศีรษะปฏิรัวๆ ถอนลมหายใจเฮือกรีบกล่าว

“ผมไม่ทำหรอกครับ ไม่ทำ ยังไงก้ยืนกรานสาบานว่าไม่ทำแน่นอนครับ”

“เข้าใจค่ะ แต่เตือนไว้ก่อนเพราะบางครั้งมีคู่รักเข้ามาใช้บริการและทำอย่างว่านี่แหละค่ะเลยต้องบอกกล่าวกันก่อน”

“นี่ยูมะ คุยเรื่องอะไรอยู่เหรอ”

“เอ่อ คือว่า …ยุยไม่ต้องรู้ก็ได้ครับ ไม่สิ ไม่รู้จะดีกว่านะครับ”

“…บู่”

ยุยทำแก้มป่อง สีหน้าไม่พอใจที่เห็นยูมะดูจะสนิทชิดเชื้อกับพนักงานร้าน ส่วนพนักงานร้านมองมาที่ยุยกับยูมะแล้วส่งยิ้มกับสถานการณ์ที่เกิดขึ่น

 

“ช่างเถอะ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชะตากัน เรื่องแค่นี้ไม่บอกก็ไม่มีปัญหา”

“….อ้อ”

พนักงานร้านมองหน้ายุยที่คล้องแขนยูมะด้วยท่าทางมีความสุข จากนั้นเบนสายตามองไปที่ยูมะที่ตอนนี้หน้าแดงแป๊ด

“อย่างนี้นี่เอง เพื่อนร่วมชะตา สินะคะ ต้องขอโทษที่เสียมารยาทด้วยค่ะ”

พนักงานกล่าวจบส่งยิ้มมีนัยยะให้ยูมะ

“..ยังไงก็เหอะ ไปห้องซิงเกิ้ลรูมกันดีกว่าครับ”

ยูมะทนสายตาของพนักงานไม่ไหว รีบพายุยไปที่ห้อง

ทั้งสองคนมาถึงห้องซิงเกิ้ลรูม

 

ก็ตามชื่อนั่นแหละ ห้องแคบกว่าแบบทวินเยอะ มีโต๊ะคอมกับเก้าอี้ตัวเดียว สภาพห้องนี่อย่างกับอยู่ในลิฟท์ที่กว้างนิดหน่อยแค่นั้น

“อืม….”

“เป็นอะไรเหรอครับ”

“เปล่า ไม่มีอะไร”

ทั้งสองคนคิดตรงกันว่าห้องนี้มันแคบกว่าที่คิด แถมมาอัดกันสองคนในห้องแบบนี้ ยุยเริ่มนึกถึงสิ่งที่พี่พนักงานกระซิบบอกยูมะ เธอเริ่มเดาออกแล้วว่าที่พนักงานบอกยูมะมันคืออะไร 

 

“นี่ ยูมะ …เอาไงต่อจากนี้ดี”

“เอาไงนี่คือ?”

“เอ๋ ก็จะถามว่ากิจกรรมที่จะทำต่อจากนี้คืออะไี..ถ้าไม่มี ก็เล่นเกมตามปกติละกันนะ”

“อืม..มันก็ต้องแบบนั้นแหละ”

ทั้งสองคนแอบคิดว่า ถ้ากิจกรรมต่อจากนี้ มันคือเรื่องอย่างว่า จะเกิดอะไรขึ้นนะ แต่ก็แค่แว่บเดียวแหละ 

 

“ปัญหาคือ เก้าอี้ในห้องมีแค่ตัวเดียว งั้นชั้นเป็นฝ่ายเสียสละให้เธอนั่งละกัน”

“ไม่เอา นั่งด้วยกันดีกว่ามัั้ย”

“ไม่ไหวมั้งครับ เก้าอี้แคบนิดเดียวเอง”

“ไม่เป็นไรหรอก ยูมะนั่งกางขาหน่อย  แล้วชั้นนั่งตรงที่ว่างตรงนั้นเอาได้”

“เฮ้ยๆๆๆๆๆไม่ดีไม่ดีไม่ดีละมั้ง มันใกล้เกินไปแล้ว”

“ไม่ดีตรงไหนล่ะ ชั้นยังไม่มีปัญหาเลยนะ” 

เสียงยุยตอบมาแจ่มใสฟังชัด เล่นเอายูมะคิดว่า ถ้าตอบว่า ไม่ดีเพราะกุนี่ล่ะจะคิดอกุศลไปไกล มันก็ดูน่าสมเพชเกิน

ยุยกล่าวจบ หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งหายุมะ  เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ

“พูดตามตรงคือผมอยากสกินชิพยูมะน่ะ”

ยุยพิมพ์จบมีสีหน้าเขินนิด ๆหัวเราะแหะๆ

ยัยนี่นิ…ทำท่าทางหน้าตาน่ารักขนาดนี้มันทำร้ายหัวใจชั้นนะเฟ้ย ยูมะพยายามเก๊กหน้าขรึม พิมพ์ข้อความแชทตอบกลับเพื่อปิดบังหัวใจตัวเองว่าหลงเสน่ยุยในตอนนี้

“สกินชิพที่ว่านี่คือ?”

“อืม ยูมะไม่รู้จักสกินชิพเหรอ ทำแล้วร่างกายจะปล่อยฮอร์โมนแห่วความสุขออกมา เรื่องนี้ผมเคยเห็นในทีวีนะ”

จะว่าไปในทีวีก็เคยเห็นมีรายการเจาะลึึกเรื่องสกินชิพส่งผลดีกับร่างกายยังไงบ้าง 

“เวลาที่เราได้กอดหรือสัมผัสคนที่เรารัก ร่างกายจะปล่อยสารตัวนี้ออกมา ช่วยผ่อนคลายความเครียดและเหนื่อยล้าได้  ตอนยูมะลูบหัว หรือตอนที่ชั้นเดินคล้องแขน ชั้นรู้สึกมีความสุขดีเลยอยากสกินชิพต่อ”

 

คำว่าคนที่ชอบ ที่ยุยพิมพ์ มันคนละความหมายกับของชั้นนี่สิ  ยูมะคิดจบพิมพ์แชทตอบกลับยุย

“เอาจริงๆ สัมผัสร่างกายนี่ไม่ว่าอะไรเหรอ อย่าลืมว่านายเป็นผู้หญิงนะ ไม่รู้สึกกลัวหรือรังเกียจรึไง”

“ชั้นรู้ ยูมะอ่อนโยนขนาดนี้ ทำไมชั้นจะไม่เข้าใจล่ะ แต่เรื่องนั้นไม่เห็นเกี่ยวกันสักหน่อย ส่วนตัวผม ถ้ายูมะเป็นคนสัมผัส ผมไม่รู้สึกกลัวหรือรังเกียจอยู่แล้ว”

 

สาสสสส  บางทีก็อิจฉาความใสซื่อไร้เดียงสาของยุยนะ 

 

ยุยพิมพ์แชทเสริมอีก

“จะว่าไปตอนแรกสุด ยูมะเป็นคนเริ่มจับหน้าอกชั้นก่อนไม่ใช่เหรอ 555”

“อย่าย้อนอดีตเลยคร้าบบ คิดแล้วเขิน รีบลืมไปเห้อ”

พอลองไตร่ตรองดีๆ บางทีสาเหตุที่ยุยขาดความระแวดระวังในตัวผุ้ชายอาจจะเป็นเพราะเธอไม่ค่อยได้เข้าเรียนช่วงมัธยมต้นก็ได้

อย่างตอนประถม หลายๆห้องก็ทำกิจกรรมร่วมกันทั้งเด็กผู้ชายและผู้หญิง แต่พอขึ้นมัธยม จะเริ่มรู้อะไรมากขึ้น เริ่มมีการแบ่งสังคมชายหญิงมากกว่าประถมแน่ๆ

ฉะนั้นที่ยุยขาดความระวังเพื่อนต่างเพศ ยูมะเดาว่าเป็นเรื่องของประสบการณ์นี่แหละ หากเป็นคนทั่วไป ถ้าเป็นหญิงชายในสถานการณ์ที่ไม่ใช่แฟน อย่างน้อยจะมีความเกรงใจหรือเว้นระยะพื้นที่ส่วนตัว

ถามว่ายุยคิดแบบนี้ ยูมะรู้สึกยังไง ยูมะตอบตัวเองได้ว่า รู้สึกดีใจ ไม่ใช่ดีใจเฉยๆนะ ดีใจมาก แต่..อย่างน้อยก็อยากให้ยุยมองเขาในฐานะผู้ชายสักนิดนึง 

(เฮ้ย นี่ชั้นคิดบ้าอะไรอยู่วะ)

ในฐานะเพื่อนสนิท  ช่างแม่งเหอะ ปล่อยวางดีกว่า ถ้าเพื่อนสนิทมันเรียกร้องอะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เราควรจะตอบสนองเธอ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

“เอาไงต่อดี”

“…..”

ยูมะไม่พิมพ์แชทตอบ ใช้การกระทำบอกแทน เขาเดินไปนั่งเก้าอี้ 

เอาน่า แค่นั่งวะ ถึงจะใกล้กันสุดๆตรงนั้นก็เหอะ 

“…กางขาออกนิดนึงได้มั้ย”

“อ..อืม”

ยุยเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงพื้นที่หว่างขาของยูมะ กลิ่นหอมอ่อนๆของเธอโชยเข้าจมูก

“…….”

พอนั่งดุจริงๆ พื้นที่กลับมีพอให้ยุยไม่สัมผัสโดนตัวยูมะสักนิดเดียว แต่กลิ่นกายของเธอและความใกล้ชิดกลับทำให้ยูมะใจสั่นยิ่งกว่าสัมผัสเต็มๆซะงั้น 

ทางด้านยุย ตอนแรกก็นั่งหลังลตรง แต่ตอนนี้เธอเริ่มเอนหลังพิงยูมะแทนพนักพิงแล้ว

“ฮ่า..รู้สึกดีสุดๆเลย”

ยุยนั่งเต็มที่ทำตัวตามสบายราวกับกำลังนั่งโซฟาหรู ส่วนยูมะเหรอ กลับกันเลย ตอนนี้นั่งตัวเกร็งแข็งปั้ก เพราะใกล้ชิดกับยุยจนได้กลิ่นแชมพูลอยแตะจมูกตลอด รู้สึกถึงได้ไออุ่นจากร่างกายเธอ

ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกว่า มีอะไรที่นุ่มๆน่ากอดมาตั้งอยู่ข้างหน้าตรงหว่างขา  ขนาดกำลังดีด้วย ยิ่งเร้าอารมณ์ความเป็นชายในตัวยูมะ เล่นเอาเขาต้องรีบข่มตบะตัวเองสุดพลัง

 

“เริ่มเล่นเกมเลยดีมั้ย ไปเควสที่ยูมะอยากไปละกันนะ”

“อ..อืม..ลุยเลย”

ยูมะเข้าเกม เปิดคอมพิวเตอร์ ส่วนยุยเปิดมือถือ

ยูมะพยาพยามเบนสมาธิไปอยู่ที่เกม แต่หัวใจยังเต้นโครมคามไม่หยุด กุจะมีสมาธิเล่นเกมยังไงเนี่ย  ความอบอุ่นและความอ่อนนุ่มของยุยที่นั่งตรงตักเขามันเย้ายวนกว่านั่งเล่นเกมเยอะ

แต่ในเมื่อเข้าเกมมาแล้ว ยังไงก้ต้องเล่นเกมสิฟะ ยูมะข่มอารมณ์ เตรียมรับเควส ทว่า

 

(อ้าว)

 

ปกติยุยจะเป็นคนรับเควส แต่ปรากฏว่าตัวละคร “ชวาร์ส” ไม่ได้วิ่งมารับเควส แต่วิ่งชนกำแพงเรื่อยๆไม่หยุด

“ยุย?”

ยูมะหันมามองยุย ปรากฏว่าตอนนี้นิ้วเธอแตะมือถือค้างไว้ แต่ท่าทางเธอสัปหงก หัวโยกไปแล้ว

“ยุย หลับแล้วเหรอ”

“เอ๊ะ อ๊ะ…ขอโทษด้วย เผลอหลับไป”

“นอนไม่พอเหรอ”

“อืม เมื่อวานตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ”

“ตื่นเต้น? เรื่องอะไรรึ”

ยุยเอียงหน้าไม่สบตายูมะ กล่าวด้วยน้ำเสียงอาย

“ตื่นเต้นเรื่องสารภาพรักกับผู้ชายเป็นครั้งแรกน่ะสิ”

คำพูดของยุยจับใจยูมะมาก

ตอนแรกยูมะเข้าใจว่ายุยสารภาพเพราะอยากตอบแทนบุญคุณ รู้สึกสบายๆ แต่แท้จริงแล้วเธอสารภาพรักกับเขาด้วยความรู้สึกหนักแน่นจริง 

ฉะนั้นถ้าตะกี้นี้ เขาตอบรับคำสารภาพรักกับยุย เขาทั้งคู่คงได้เป็นแฟนกันแล้ว  แต่มันจะกลายเป็นว่า ยุยไม่คิดถึงความรู้สึกตัวเองมากพอ ก็ตอบยากว่าถ้ารับรักไป มันจะดีหรือแย่

แต่ที่แน่ๆ ความรู้สึกยูมะในตอนนี้คือดีใจผสมความอายปะปนจนบอกไม่ถูก

“ฟรี้…”

ทางด้านยุยที่ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่าคนข้างหลังเธอปวดหัวกับความใสซื่อขนาดไหน เจ้าตัวนอนกรนสนิทด้วยท่าทางน่ารักไปเรียบร้อยแล้ว

“เฮ้ ตื่นซี่”

“งืมมม..ขอโทษนะ..ยูมะตัวอุ่น พิงแล้วรู้สึกดีเกิน…”

ยุยพูดด้วยน้ำเสียงปนละเมอ ในฐานะผู้ชาย เธอนอนแบบนี้มันเปิดช่องว่างเกินไป เขาอยากจะดุเธอในเรื่องนี้ แต่เห็นท่าทางน่ารักของเธอแล้วช่างมันละกัน

 

“…มาถึงขนาดนี้แล้ว นอนพักสักหน่อยก็ได้นะ”

“จะดีเหรอ”

“เออ เจ้าตัวบอกเองละนี่ไง นอนได้ตามสบายเลยครับ”

“ขอบคุณนะ”

ยุยกล่าวจบไม่ถึงนาที ปล่อยร่างกายตามสบาย ผล็อยหลับพิงอกยูมะเรียบร้อย

“เฮ้อออ”

สภาพยูมะตอนนี้ อย่าเรียกว่ามีความสุขนะครับ เรียกว่าด่านทดสอบตบะมากกว่า

ยุยนอนหลับแบบไร้การป้องกันอย่างนี้ มันยั่วกิเลสจิตหงุดเงี้ยวของยูมะสุดๆ

ตอนนี้ยูมะนั่งท่องยุบหนอพองหนอ ใช้มือตบหน้าผากตัวเองรัวๆเรียกสติ  ข่มความอยากอดอยากจุ๊บสุดพลัง

(ทำเลยพวก น้องยุยเปิดให้ท่าแล้ว)

(ไอ้สาสส ไม่ทำโว้ย ไม่อยากหักหลังน้อง)

ยูมะข่มความคิดนี้ซ้ำไปมา  ต้องยอมรับว่า การสารภาพรักในวันนี้ทำเอายูมะหัวหมุนติ้ว รู้สึกสมองทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนปกติ

(ยัยนี่ก็นะ หัดระมัดระวังตัวบ้างเหอะ ยังไงชั้นก็เป็นผู้ชายนะเว้ย)

ยูมะระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ มองยุย แต่ทันใดนั้นเอง

“…..??”

ด้วยความที่ยุยนอนพิง ตัวไหลลงมาเล็กน้อย+มุมมองยูมะที่มองจากด้านบน เผยให้เห็นร่องอกของยุยผ่านชุดวันพีช

ผิวยุยดูขาวนุ่มสมเป็นผิวเด็กผู้หญิง เสื้อชั้นในที่ยุยใส่เป็นลายลูกไม้สีขาวน่ารัก หากใช้สายตาจ้องมองลึกไปกว่านั้นอีกก็จะเห็น…..เห็น…

 

(พอเว้ยตัวชั้นเอง หยุดเดี๋ยวนี้เลย)

ยูมะฝืนหักห้ามสุดพลังที่จะไม่มองตรงนั้น เขาจะไม่ทรยศความเชื่อใจของยุยเด็ดขาด 

 

แต่ว่า การได้เห็นตรงนั้นมันก็เย้ายวนใจเหลือเกิน ในฐานะที่เป็นผู้ชาย ยูมะต้องฝืนกิเลสตัวเองสุดชีวิต 

 

สรุปวันนี้เลยไม่ได้เล่นเกม ปล่อยให้ยุยหลับยาว ส่วนยูมะก็นั่งฝืนตัวเองอย่างนั้นจนหมดวัน

 

****

 

ผ่านไปนับจากวันสารภาพรัก ยุยกับยูมะดูจะสนิทชิดเชื้อกว่าเดิม ยุยขี้อ้อนขอเดินคล้องแขน หรือขอให้ยูมะลูบหัวดุจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันทั้งคู่ไปแล้ว

 

การที่ยุยทำแบบนี้เป้นหลักฐานว่าเธอเชื่อใจและเธอชอบยูมะมากขนาดไหน

 

ถามว่าดีใจและสุขใจมั้ยที่ได้ลูบหัวหรือคล้องแขนยุย มันก็สุขแหละ

แต่ว่ายูมะก็อยากจะให้ยุยเพิ่มความระมัดระวังเรื่องใกล้ชิดกับเขามากกว่านี้สักนิดก็ดี

 

และแล้ว ไม่กี่วันก็มีบททดสอบให้ยูมะต้องมาลุ้นอีกจนได้

 

***

 

จบ CH7

 

ดูจากยอดเม้นช่วงหลัง ผมว่าเรื่องนี้น่าจะเริ่มจับใจคนอ่านบ้างนะ 55 บอกแล้วว่าช่วงหลังมันสนุกจริง อ่านแล้ววางไม่ลง ไม่โดนความน่ารักของยุยตก ก็รำคาญความ..ของพระเอกว่า เมิงเลิกเป็นคนดีสักทีเหอะ 555

 

ตอนหน้าผมว่าก็สนุกนะ บททดสอบที่ยูมะเจอ ยากกว่าเก่าอีก รอลุ้นนะครับว่าเป็นไง

ถ้ารอได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 7.3: ความรัก

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 7.3: ความรัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

“นี่ ยูมะ ขอเดินควงแขนได้มั้ย”
“อ…อืม”

ยุยถามยูมะหลังจากออกจากร้านคอฟฟี่ช้อป

ก่อนหน้านี้ยุยเคยเดินควงแขนเขาสมัยเธอยังใส่ชุดพาร์ก้า จำได้ว่าตอนนั้นเธอเดินแบบตัวลีบ ไม่กล้าสบตาใคร

ครั้งนี้เห็นยุยเป็นฝ่ายขออีก ก็อยากจะดูเหมือนกันว่า คราวนี้ปฏิกริยาเธอจะเป็นไงบ้าง

“ฮึบ แฮะแฮะ♥”

“??”

ยุยควงแขนเดินไม่ได้ต่างจากครั้งก่อน ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจนคือ เมื่อก่อนเธอเดินควงแขนด้วยความสึกหวาดระแวงสายตาคนรอบข้าง  บรรยากาศเต็มไปด้วยความกังวล

 

แต่ครั้งนี้การเดินวงแขนของเธอ บรรยากาศเเปี่ยมไปด้วยความสุขล้น คนภายนอกใครมาเห็นต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่มันคู่รักงี่เง่าเดินควงแขนเย้ยคนโสดชัดๆ

และสิ่งที่แตกต่างอีกอย่างคือ กลิ่นหอมอ่อนๆจากเส้นผมยุยและเนื้อผ้าที่บางกว่าเสื้อพาร์ก้า ทำให้ยูมะรู้สึกว่าเดินควงแขนครั้งนี้ มีสีสันและรู้สึกได้ว่าแขนแนบเนื้อยุย สัมผัสได้ถึงความนุ่มและอบอุ่นมากกว่าเดิม

ถึงแม้บางครั้งยูมะจะทำตัวเหมือนเป็นพี่ชายหรือคนอายุมากกว่ายุย แต่ความจริงเขาก็เป็นเด็กหนุ่มที่อายุเท่ากัน พอเดินควงแขนแบบนี้ ก็เล่นเกิดอาการงุ่นง่านแต่ต้องข่มอาการไว้ รีบเร่งฝีเท้าเดินให้เร็วกว่าเดิม

ยุยเองก็ดูจะรู้สึกได้ว่าวันนี้ยูมะเร่งฝีเท้าเร็วกว่าเก่า แต่เธอก็ไม่คิดอะไรลึกซึ้ง ไม่ได้ปล่อยแขนยูมะ กลับกันเธอยิ่งกอดแขนเขาแน่นกว่าเดิมและเร่งฝีเท้าตัวเองให้ไวขึ้น ภาษากายของยุยสื่อชัดว่าเธอไม่อยากจะห่างยูมะแม้สักวินาที ไม่ว่ายังไงก็ไม่ปล่อยมือเด็ดขาด 

จะบอกว่านี่คือการเดินควงแขนในฐานะเพื่อนสนิทเหรอ มันก็ตอบยากนะ….แต่ในเมื่อยุยยังคิดแค่เพื่อน ถ้าเป็นไปได้ยูมะก็อยากเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เขางุ่นง่านฟุ้งซ่านคิดเกินเบอร์

 

ทว่า  ถ้าพระเจ้ามีจริง ดูเหมือนว่าท่านจะไม่อยากให้ยูมะสมความปรารถนาง่ายๆ

***

 

ในที่สุด ทั้งสองคนก็เดินทางมาถึงร้านเน็ตคาเฟ่

“ยินดีต้อนรับค่ะ วันนี้ทั้งสองท่านก็จองเหมือนเดิมนะคะ”

พี่สาวพนักงานต้อนรับเห็นยุยกับยูมะเดินเข้าร้าน ไม่ต้องพูดอะไรก็รู้กันดีเพราะมาทุกวันเลยทักทายแบบรู้งาน

 

“แต่ว่าวันนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ ห้องคู่วันนี้ถูกจองเต็มหมดแล้วค่ะ”

“งั้นเหรอครับ”

“แต่ว่าห้องซิงเกิลรูมยังมีว่างอยู่ค่ะ สนใจมั้ยคะ ห้องอาจจะแคบและมีชุดโต๊ะคอม+เก้าอี้เกมมิ่งแค่ตัวเดียว แต่ว่าในห้องมีการ์ตูนให้อ่านเล่นได้นะคะ  คิดว่าทั้งสองคนน่าจะชอบห้องนี้นะคะ”

“ยุย เอาไงครับ”

“อืม..ชั้้นยังไงก็ได้ เพราะเล่นเกมผ่านมือถือก็ไม่มีปัญหา แถมมียุมะอยู่ด้วยทั้งคน”

“งั้นจองห้องซิงเกิลรูมครับ”

พนักงานจดบันทึกจองเข้าห้องเสร็จ หันมากล่าว

“เอ่อ ทางพี่ขอร้องอะไรออย่างหนึ่งนะคะ ร้านเน็ตคาเฟ่ไม่ใช่สถานที่อย่างว่า เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรอย่างว่าในห้องนะคะ”

“อะไรอย่างว่านี่คืออะไรครับ?”

พนักงานร้านเดินมากระซิบข้างหูความหมายคำว่า “อะไรอย่างว่า” เล่นเอายูมะหน้าแดง ส่ายศีรษะปฏิรัวๆ ถอนลมหายใจเฮือกรีบกล่าว

“ผมไม่ทำหรอกครับ ไม่ทำ ยังไงก้ยืนกรานสาบานว่าไม่ทำแน่นอนครับ”

“เข้าใจค่ะ แต่เตือนไว้ก่อนเพราะบางครั้งมีคู่รักเข้ามาใช้บริการและทำอย่างว่านี่แหละค่ะเลยต้องบอกกล่าวกันก่อน”

“นี่ยูมะ คุยเรื่องอะไรอยู่เหรอ”

“เอ่อ คือว่า …ยุยไม่ต้องรู้ก็ได้ครับ ไม่สิ ไม่รู้จะดีกว่านะครับ”

“…บู่”

ยุยทำแก้มป่อง สีหน้าไม่พอใจที่เห็นยูมะดูจะสนิทชิดเชื้อกับพนักงานร้าน ส่วนพนักงานร้านมองมาที่ยุยกับยูมะแล้วส่งยิ้มกับสถานการณ์ที่เกิดขึ่น

 

“ช่างเถอะ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชะตากัน เรื่องแค่นี้ไม่บอกก็ไม่มีปัญหา”

“….อ้อ”

พนักงานร้านมองหน้ายุยที่คล้องแขนยูมะด้วยท่าทางมีความสุข จากนั้นเบนสายตามองไปที่ยูมะที่ตอนนี้หน้าแดงแป๊ด

“อย่างนี้นี่เอง เพื่อนร่วมชะตา สินะคะ ต้องขอโทษที่เสียมารยาทด้วยค่ะ”

พนักงานกล่าวจบส่งยิ้มมีนัยยะให้ยูมะ

“..ยังไงก็เหอะ ไปห้องซิงเกิ้ลรูมกันดีกว่าครับ”

ยูมะทนสายตาของพนักงานไม่ไหว รีบพายุยไปที่ห้อง

ทั้งสองคนมาถึงห้องซิงเกิ้ลรูม

 

ก็ตามชื่อนั่นแหละ ห้องแคบกว่าแบบทวินเยอะ มีโต๊ะคอมกับเก้าอี้ตัวเดียว สภาพห้องนี่อย่างกับอยู่ในลิฟท์ที่กว้างนิดหน่อยแค่นั้น

“อืม….”

“เป็นอะไรเหรอครับ”

“เปล่า ไม่มีอะไร”

ทั้งสองคนคิดตรงกันว่าห้องนี้มันแคบกว่าที่คิด แถมมาอัดกันสองคนในห้องแบบนี้ ยุยเริ่มนึกถึงสิ่งที่พี่พนักงานกระซิบบอกยูมะ เธอเริ่มเดาออกแล้วว่าที่พนักงานบอกยูมะมันคืออะไร 

 

“นี่ ยูมะ …เอาไงต่อจากนี้ดี”

“เอาไงนี่คือ?”

“เอ๋ ก็จะถามว่ากิจกรรมที่จะทำต่อจากนี้คืออะไี..ถ้าไม่มี ก็เล่นเกมตามปกติละกันนะ”

“อืม..มันก็ต้องแบบนั้นแหละ”

ทั้งสองคนแอบคิดว่า ถ้ากิจกรรมต่อจากนี้ มันคือเรื่องอย่างว่า จะเกิดอะไรขึ้นนะ แต่ก็แค่แว่บเดียวแหละ 

 

“ปัญหาคือ เก้าอี้ในห้องมีแค่ตัวเดียว งั้นชั้นเป็นฝ่ายเสียสละให้เธอนั่งละกัน”

“ไม่เอา นั่งด้วยกันดีกว่ามัั้ย”

“ไม่ไหวมั้งครับ เก้าอี้แคบนิดเดียวเอง”

“ไม่เป็นไรหรอก ยูมะนั่งกางขาหน่อย  แล้วชั้นนั่งตรงที่ว่างตรงนั้นเอาได้”

“เฮ้ยๆๆๆๆๆไม่ดีไม่ดีไม่ดีละมั้ง มันใกล้เกินไปแล้ว”

“ไม่ดีตรงไหนล่ะ ชั้นยังไม่มีปัญหาเลยนะ” 

เสียงยุยตอบมาแจ่มใสฟังชัด เล่นเอายูมะคิดว่า ถ้าตอบว่า ไม่ดีเพราะกุนี่ล่ะจะคิดอกุศลไปไกล มันก็ดูน่าสมเพชเกิน

ยุยกล่าวจบ หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งหายุมะ  เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ

“พูดตามตรงคือผมอยากสกินชิพยูมะน่ะ”

ยุยพิมพ์จบมีสีหน้าเขินนิด ๆหัวเราะแหะๆ

ยัยนี่นิ…ทำท่าทางหน้าตาน่ารักขนาดนี้มันทำร้ายหัวใจชั้นนะเฟ้ย ยูมะพยายามเก๊กหน้าขรึม พิมพ์ข้อความแชทตอบกลับเพื่อปิดบังหัวใจตัวเองว่าหลงเสน่ยุยในตอนนี้

“สกินชิพที่ว่านี่คือ?”

“อืม ยูมะไม่รู้จักสกินชิพเหรอ ทำแล้วร่างกายจะปล่อยฮอร์โมนแห่วความสุขออกมา เรื่องนี้ผมเคยเห็นในทีวีนะ”

จะว่าไปในทีวีก็เคยเห็นมีรายการเจาะลึึกเรื่องสกินชิพส่งผลดีกับร่างกายยังไงบ้าง 

“เวลาที่เราได้กอดหรือสัมผัสคนที่เรารัก ร่างกายจะปล่อยสารตัวนี้ออกมา ช่วยผ่อนคลายความเครียดและเหนื่อยล้าได้  ตอนยูมะลูบหัว หรือตอนที่ชั้นเดินคล้องแขน ชั้นรู้สึกมีความสุขดีเลยอยากสกินชิพต่อ”

 

คำว่าคนที่ชอบ ที่ยุยพิมพ์ มันคนละความหมายกับของชั้นนี่สิ  ยูมะคิดจบพิมพ์แชทตอบกลับยุย

“เอาจริงๆ สัมผัสร่างกายนี่ไม่ว่าอะไรเหรอ อย่าลืมว่านายเป็นผู้หญิงนะ ไม่รู้สึกกลัวหรือรังเกียจรึไง”

“ชั้นรู้ ยูมะอ่อนโยนขนาดนี้ ทำไมชั้นจะไม่เข้าใจล่ะ แต่เรื่องนั้นไม่เห็นเกี่ยวกันสักหน่อย ส่วนตัวผม ถ้ายูมะเป็นคนสัมผัส ผมไม่รู้สึกกลัวหรือรังเกียจอยู่แล้ว”

 

สาสสสส  บางทีก็อิจฉาความใสซื่อไร้เดียงสาของยุยนะ 

 

ยุยพิมพ์แชทเสริมอีก

“จะว่าไปตอนแรกสุด ยูมะเป็นคนเริ่มจับหน้าอกชั้นก่อนไม่ใช่เหรอ 555”

“อย่าย้อนอดีตเลยคร้าบบ คิดแล้วเขิน รีบลืมไปเห้อ”

พอลองไตร่ตรองดีๆ บางทีสาเหตุที่ยุยขาดความระแวดระวังในตัวผุ้ชายอาจจะเป็นเพราะเธอไม่ค่อยได้เข้าเรียนช่วงมัธยมต้นก็ได้

อย่างตอนประถม หลายๆห้องก็ทำกิจกรรมร่วมกันทั้งเด็กผู้ชายและผู้หญิง แต่พอขึ้นมัธยม จะเริ่มรู้อะไรมากขึ้น เริ่มมีการแบ่งสังคมชายหญิงมากกว่าประถมแน่ๆ

ฉะนั้นที่ยุยขาดความระวังเพื่อนต่างเพศ ยูมะเดาว่าเป็นเรื่องของประสบการณ์นี่แหละ หากเป็นคนทั่วไป ถ้าเป็นหญิงชายในสถานการณ์ที่ไม่ใช่แฟน อย่างน้อยจะมีความเกรงใจหรือเว้นระยะพื้นที่ส่วนตัว

ถามว่ายุยคิดแบบนี้ ยูมะรู้สึกยังไง ยูมะตอบตัวเองได้ว่า รู้สึกดีใจ ไม่ใช่ดีใจเฉยๆนะ ดีใจมาก แต่..อย่างน้อยก็อยากให้ยุยมองเขาในฐานะผู้ชายสักนิดนึง 

(เฮ้ย นี่ชั้นคิดบ้าอะไรอยู่วะ)

ในฐานะเพื่อนสนิท  ช่างแม่งเหอะ ปล่อยวางดีกว่า ถ้าเพื่อนสนิทมันเรียกร้องอะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เราควรจะตอบสนองเธอ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

“เอาไงต่อดี”

“…..”

ยูมะไม่พิมพ์แชทตอบ ใช้การกระทำบอกแทน เขาเดินไปนั่งเก้าอี้ 

เอาน่า แค่นั่งวะ ถึงจะใกล้กันสุดๆตรงนั้นก็เหอะ 

“…กางขาออกนิดนึงได้มั้ย”

“อ..อืม”

ยุยเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงพื้นที่หว่างขาของยูมะ กลิ่นหอมอ่อนๆของเธอโชยเข้าจมูก

“…….”

พอนั่งดุจริงๆ พื้นที่กลับมีพอให้ยุยไม่สัมผัสโดนตัวยูมะสักนิดเดียว แต่กลิ่นกายของเธอและความใกล้ชิดกลับทำให้ยูมะใจสั่นยิ่งกว่าสัมผัสเต็มๆซะงั้น 

ทางด้านยุย ตอนแรกก็นั่งหลังลตรง แต่ตอนนี้เธอเริ่มเอนหลังพิงยูมะแทนพนักพิงแล้ว

“ฮ่า..รู้สึกดีสุดๆเลย”

ยุยนั่งเต็มที่ทำตัวตามสบายราวกับกำลังนั่งโซฟาหรู ส่วนยูมะเหรอ กลับกันเลย ตอนนี้นั่งตัวเกร็งแข็งปั้ก เพราะใกล้ชิดกับยุยจนได้กลิ่นแชมพูลอยแตะจมูกตลอด รู้สึกถึงได้ไออุ่นจากร่างกายเธอ

ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกว่า มีอะไรที่นุ่มๆน่ากอดมาตั้งอยู่ข้างหน้าตรงหว่างขา  ขนาดกำลังดีด้วย ยิ่งเร้าอารมณ์ความเป็นชายในตัวยูมะ เล่นเอาเขาต้องรีบข่มตบะตัวเองสุดพลัง

 

“เริ่มเล่นเกมเลยดีมั้ย ไปเควสที่ยูมะอยากไปละกันนะ”

“อ..อืม..ลุยเลย”

ยูมะเข้าเกม เปิดคอมพิวเตอร์ ส่วนยุยเปิดมือถือ

ยูมะพยาพยามเบนสมาธิไปอยู่ที่เกม แต่หัวใจยังเต้นโครมคามไม่หยุด กุจะมีสมาธิเล่นเกมยังไงเนี่ย  ความอบอุ่นและความอ่อนนุ่มของยุยที่นั่งตรงตักเขามันเย้ายวนกว่านั่งเล่นเกมเยอะ

แต่ในเมื่อเข้าเกมมาแล้ว ยังไงก้ต้องเล่นเกมสิฟะ ยูมะข่มอารมณ์ เตรียมรับเควส ทว่า

 

(อ้าว)

 

ปกติยุยจะเป็นคนรับเควส แต่ปรากฏว่าตัวละคร “ชวาร์ส” ไม่ได้วิ่งมารับเควส แต่วิ่งชนกำแพงเรื่อยๆไม่หยุด

“ยุย?”

ยูมะหันมามองยุย ปรากฏว่าตอนนี้นิ้วเธอแตะมือถือค้างไว้ แต่ท่าทางเธอสัปหงก หัวโยกไปแล้ว

“ยุย หลับแล้วเหรอ”

“เอ๊ะ อ๊ะ…ขอโทษด้วย เผลอหลับไป”

“นอนไม่พอเหรอ”

“อืม เมื่อวานตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ”

“ตื่นเต้น? เรื่องอะไรรึ”

ยุยเอียงหน้าไม่สบตายูมะ กล่าวด้วยน้ำเสียงอาย

“ตื่นเต้นเรื่องสารภาพรักกับผู้ชายเป็นครั้งแรกน่ะสิ”

คำพูดของยุยจับใจยูมะมาก

ตอนแรกยูมะเข้าใจว่ายุยสารภาพเพราะอยากตอบแทนบุญคุณ รู้สึกสบายๆ แต่แท้จริงแล้วเธอสารภาพรักกับเขาด้วยความรู้สึกหนักแน่นจริง 

ฉะนั้นถ้าตะกี้นี้ เขาตอบรับคำสารภาพรักกับยุย เขาทั้งคู่คงได้เป็นแฟนกันแล้ว  แต่มันจะกลายเป็นว่า ยุยไม่คิดถึงความรู้สึกตัวเองมากพอ ก็ตอบยากว่าถ้ารับรักไป มันจะดีหรือแย่

แต่ที่แน่ๆ ความรู้สึกยูมะในตอนนี้คือดีใจผสมความอายปะปนจนบอกไม่ถูก

“ฟรี้…”

ทางด้านยุยที่ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่าคนข้างหลังเธอปวดหัวกับความใสซื่อขนาดไหน เจ้าตัวนอนกรนสนิทด้วยท่าทางน่ารักไปเรียบร้อยแล้ว

“เฮ้ ตื่นซี่”

“งืมมม..ขอโทษนะ..ยูมะตัวอุ่น พิงแล้วรู้สึกดีเกิน…”

ยุยพูดด้วยน้ำเสียงปนละเมอ ในฐานะผู้ชาย เธอนอนแบบนี้มันเปิดช่องว่างเกินไป เขาอยากจะดุเธอในเรื่องนี้ แต่เห็นท่าทางน่ารักของเธอแล้วช่างมันละกัน

 

“…มาถึงขนาดนี้แล้ว นอนพักสักหน่อยก็ได้นะ”

“จะดีเหรอ”

“เออ เจ้าตัวบอกเองละนี่ไง นอนได้ตามสบายเลยครับ”

“ขอบคุณนะ”

ยุยกล่าวจบไม่ถึงนาที ปล่อยร่างกายตามสบาย ผล็อยหลับพิงอกยูมะเรียบร้อย

“เฮ้อออ”

สภาพยูมะตอนนี้ อย่าเรียกว่ามีความสุขนะครับ เรียกว่าด่านทดสอบตบะมากกว่า

ยุยนอนหลับแบบไร้การป้องกันอย่างนี้ มันยั่วกิเลสจิตหงุดเงี้ยวของยูมะสุดๆ

ตอนนี้ยูมะนั่งท่องยุบหนอพองหนอ ใช้มือตบหน้าผากตัวเองรัวๆเรียกสติ  ข่มความอยากอดอยากจุ๊บสุดพลัง

(ทำเลยพวก น้องยุยเปิดให้ท่าแล้ว)

(ไอ้สาสส ไม่ทำโว้ย ไม่อยากหักหลังน้อง)

ยูมะข่มความคิดนี้ซ้ำไปมา  ต้องยอมรับว่า การสารภาพรักในวันนี้ทำเอายูมะหัวหมุนติ้ว รู้สึกสมองทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนปกติ

(ยัยนี่ก็นะ หัดระมัดระวังตัวบ้างเหอะ ยังไงชั้นก็เป็นผู้ชายนะเว้ย)

ยูมะระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ มองยุย แต่ทันใดนั้นเอง

“…..??”

ด้วยความที่ยุยนอนพิง ตัวไหลลงมาเล็กน้อย+มุมมองยูมะที่มองจากด้านบน เผยให้เห็นร่องอกของยุยผ่านชุดวันพีช

ผิวยุยดูขาวนุ่มสมเป็นผิวเด็กผู้หญิง เสื้อชั้นในที่ยุยใส่เป็นลายลูกไม้สีขาวน่ารัก หากใช้สายตาจ้องมองลึกไปกว่านั้นอีกก็จะเห็น…..เห็น…

 

(พอเว้ยตัวชั้นเอง หยุดเดี๋ยวนี้เลย)

ยูมะฝืนหักห้ามสุดพลังที่จะไม่มองตรงนั้น เขาจะไม่ทรยศความเชื่อใจของยุยเด็ดขาด 

 

แต่ว่า การได้เห็นตรงนั้นมันก็เย้ายวนใจเหลือเกิน ในฐานะที่เป็นผู้ชาย ยูมะต้องฝืนกิเลสตัวเองสุดชีวิต 

 

สรุปวันนี้เลยไม่ได้เล่นเกม ปล่อยให้ยุยหลับยาว ส่วนยูมะก็นั่งฝืนตัวเองอย่างนั้นจนหมดวัน

 

****

 

ผ่านไปนับจากวันสารภาพรัก ยุยกับยูมะดูจะสนิทชิดเชื้อกว่าเดิม ยุยขี้อ้อนขอเดินคล้องแขน หรือขอให้ยูมะลูบหัวดุจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันทั้งคู่ไปแล้ว

 

การที่ยุยทำแบบนี้เป้นหลักฐานว่าเธอเชื่อใจและเธอชอบยูมะมากขนาดไหน

 

ถามว่าดีใจและสุขใจมั้ยที่ได้ลูบหัวหรือคล้องแขนยุย มันก็สุขแหละ

แต่ว่ายูมะก็อยากจะให้ยุยเพิ่มความระมัดระวังเรื่องใกล้ชิดกับเขามากกว่านี้สักนิดก็ดี

 

และแล้ว ไม่กี่วันก็มีบททดสอบให้ยูมะต้องมาลุ้นอีกจนได้

 

***

 

จบ CH7

 

ดูจากยอดเม้นช่วงหลัง ผมว่าเรื่องนี้น่าจะเริ่มจับใจคนอ่านบ้างนะ 55 บอกแล้วว่าช่วงหลังมันสนุกจริง อ่านแล้ววางไม่ลง ไม่โดนความน่ารักของยุยตก ก็รำคาญความ..ของพระเอกว่า เมิงเลิกเป็นคนดีสักทีเหอะ 555

 

ตอนหน้าผมว่าก็สนุกนะ บททดสอบที่ยูมะเจอ ยากกว่าเก่าอีก รอลุ้นนะครับว่าเป็นไง

ถ้ารอได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+