LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 20.1

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 20.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่มนี้ก็เป็นเล่มจบนะครับ เสียดายนิดนึง ออกจะชอบ ไม่น่ารีบจบเลยเฮ้อ เซ็งชิบเป๋ง แต่ก็จบแฮปปี้ดี ถือว่าไม่เสียเวลาอ่านครับผม

 

 

ขากลับจากโรงเรียน ตอนนี้ยูมะที่อยู่บนรถไฟฟ้าแอดอัดไปด้วยผู้คน กำลังคิดหนักกับเรื่องบางอย่าง

”…”

”…”

ปกติตอนขากลับจากโรงเรียน ในรถไฟมันควรจะมีที่ว่าง แต่วันนี้ดูเหมือนว่ารถไฟฟ้าสายอื่นจะเกิดอุบัติเหตุเลยส่งผลกระทบให้สายที่นั่งกลับวันนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คน

ตอนนี้ยุยไปยืนพิงชิดกำแพงโดยมียูมะยืนประกบเธอในท่าคาเบะด้ง เพื่อไม่ให้คนเบียดมาโดนเธอ ความใกล้ชิดตอนนี้แหละคือสาเหตุที่ทำเอายูมะคิดหนัก

บางครั้งที่รถไฟกำลังเคลื่อนที่ ยุยจะเงยหน้าเหมือนจะมองยูมะ แต่ทันทีที่สบตา เธอก็เบนสายตาหนีทันที เล่นเอายูมะได้แต่ถอนหายใจกับภาพที่เกิดขึ้น

…หลายวันก่อน ที่ยุยได้มาค้างบ้านยูมะ ตอนนั้นยูมะเกือบจะจูบยุยที่กำลังเมาลงไป

ยูมะที่ได้สารภาพเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกผิด ตั้งแต่วันที่สารภาพ เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังดำเนินไปได้ไม่ค่อยดีเลย

ณ.ตอนนี้ย่างเข้าเดือน5 เป็นช่วงโกลเด้นวีค ทว่า บรรยากาศของทั้งคู่ก้ยังคงไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ยูมะกับยุยแทบไม่ได้สนทนากัน

แม้ว่ายูมะจะเป็นฝ่ายเปิดฉากสนทนาก่อน แต่ว่ายุยก็ตอบกลับด้วยภาษากายล้วนๆอย่างพยักหย้า ไม่ก็ส่ายศีรษะ ไม่ก็ตอบกลับสั้นๆคำสองคำแค่นั้น

ทั้งที่สถานะของทั้งคู่ไม่ได้คบกันเป็นแฟน แต่ว่ายูมะที่มีความตั้งใจจะจูบยุยไปซะงั้น สิ่งนี้ทำให้เจ้าตัวรู้สึกผิดบาปในใจอย่างมาก

ระหว่างที่ยูมะกำลังอมทุกข์กับสิ่งที่เกิดในตอนนี้ จู่ๆรถไฟก็เบรคกระทันหัน

“อ๊ะ”

“อ๊ะ”

ผู้โดยสารทีไ่ด้รับผลกระทบจากแรงเฉื่อย ตัวเลยขยับ หลังมากระแทกกับยูมะ เล่นเอายูมะผงะจนใกล้ชิดกับยุยสุดๆ “ท..โทษทีนะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

“อ..อืม…”

ยุยเงยหน้ามองยูมะ ระยะห่างหน้าผมกับเธอใกล้กันสุดๆ ชนิดว่าริมฝีปากของทั้งคู่แทบจะสัมผัสกัน

“…งื้อ…”

ใบหน้าของยุยแดงแป๊ด ร่างกายสั่นเล็กๆ เธอยกกระเป๋าขึ้นมาบังหน้าตัวเองเหมือนกับเป็นเกราะป้องกันตัวไม่ให้ยูมะเข้ามาสัมผัสเธอ

ก็เป็นปกติของผู้หญิงทั่วไปอะนะ ผู้ชายที่ไม่ได้เป็นคนรักกันแล้วหน้ามาใกล้ชิดขนาดนี้ มันก็ต้องหาอะไรบังตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา

หลังจากนั้นสักพัก รถไฟก็มาถึงสถานีปลายทาง

ทั้งสองคนลงจารกรถไฟ เดินออกมาจากสถานีมาถึงถนน ทันใดนั้น ฝนก็ได้ตกลงมา

“ฝนตกซะแล้ว เอาร่มมารึเปล่า”

“อืม..”

ยุยพยักหน้าเล็กน้อย เปิดกระเป๋าควานหาร่ม แต่ว่าหาเท่าไรก็ไม่เจอ

“…ลืมเอามาเหรอ?”

“..อืม”

“…ถ้าไม่รังเกียง ยืมร่มผมไปมั้ย

เดี๋ยวผมวิ่งกลับบ้านเอาก็ได้”

“ไม่ได้นะ ทำแบบนั้นยูมะก็เปียกหมดสิ”

“…ถ้างั้น ใช้ร่มด้วยกันมั้ยครับ”

ยูมะรวบรวมความกล้ายื่นข้อเสนอออกไป ยุยฟังจบปุ๊บ หน้าเธอแดงแป๊ดขึ้นมาเลย

”…”

”…”

เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

แม้ว่าหน้ายุยจะแดงแป๊ด แต่จากปฏิกริยาก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะรังเกียจ เธอค่อยๆขยับตัวเข้ามาในร่มยูมะ

ทางด้านยูมะเองก็ใจเต้นตึกตักที่ยุยเข้ามาใช้ร่มด้วยกัน ทั้งสองคนค่อยๆเดินกลับบ้าน

ท่าทางของยุยดูตื่นเต้นชัดเจน ทว่าสิ่งที่ต่างจากสมัยอดีตคือเธอไม่ได้จับมือยูมะ แต่เลือกที่จะจับแขนเสื้อของยูมะเดินเคียงข้างไปด้วยกันไม่ห่างแทน

ยูมะดูทุกการกระทำละเอียดยิบของยุย หัวใจเขาเต้นตึกตัก (เท่าที่ดูก็ไม่ได้รังเกียจเรานี่หว่า..)

ปกติถ้าเป็นคนที่เกลียดกันจริง ถึงแม้ว่าจะเสนอร่มให้ตอนฝนตก แล้วให้มาเข้าร่วมด้วยกัน ยังไงก็ต้องถูกปฏิเสธอยู่แล้ว

ในขณะที่ยูมะโล่งอกที่ยุยไม่ได้รังเกียจ ความรู้สึกแย่ก็ก่อตัวขึ้นมาพร้อมกัน

…บางทียุยคงคิดกับเราเป็นพี่ชายหรือเพื่้อนสนิทที่พึ่งพาได้แค่นั้นแหละ

พอคิดจบเล่นเอายูมะหงอยขึ้นมาเลย

เพราะว่าตอนนี้ไม่มีอาสึกะกับนาโกะ ยุยก็คงมองเห็นเราเป้นคนเดียวในตอนนี้ที่พึ่งพาได้ดีที่สุดแค่นั้นแหละ

แล้วยุยที่หวังพึ่งเราขนาดนี้ เราดันไปทรยศความคาดหวังของเธอจะจูบซะงั้น เล่นเอาใจแป้วขึ้นมาเลย

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังเข้าหน้ากันไม่ติด แต่ว่าความรู้่สึกรักที่มีให้ยุยก็ยังคงมีมากล้นอยู่ดี

ระหว่างที่คิดอยู่ ในที่สุดก็เดินมาส่งถึงบ้านยุยโดยที่ทั้งคู่ไม่ได้คุยกันเลยสักคำ

ยูมะเดินไปให้ชิดประตูบ้านยุยเพื่อให้ยุยเปิดประตูได้สะดวกโดยที่เนื้อตัวไม่ต้องเปียกฝน

“ขอบคุณนะ..” ยุยกล่าวเล็กน้อย เดินออกจากร่ม

ทว่ายูมะตัดสินใจคว้าแขนเสื้อยุย

“ยูมะ?”

“…จากนี้ขอชั้นพูดอะไรสักอย่างนะ”

“เอ๋”

ยุยผงะเล็กน้อย ส่วนยูมะสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนก้มศีรษะ

“ได้โปรดยกโทษให้ชั้นด้วยนะ..ไอ้การที่ชั้นกับเธอไม่ได้คุยกันสนิทสนมเหมือนเมื่อก่อนมันทำให้ชั้นรู้สึกแย่เอามากๆเลย”

“เอ๋..ยู..ยูมะ”

“เรื่องทุกอย่างมันเป็นความผิดของชั้นเอง แต่ว่า ถึงสิ่งทีชั้นพูดมันดูขวางหูขวางตา แต่ชั้นอยากให้ความสัมพันธ์ของเรากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ถ้ามีอะไรที่จะทำให้เธอยกโทษให้ โปรดบอกเลย ชั้นพร้อมทำทุกอย่าง”

ยุยฟังคำพูดยุมะด้วยแววตาตกตะลึงปนสงสัยเพราะเธอไม่เข้าใจว่ายูมะทำไมถึงต้องมาขอโทษเธอด้วย

เวลาผ่านไปหลายวินาที แววตายุยเบิกกว้สสง รีบกล่าวตะกุกตะกัก

“ด..เดี๋ยวนะ ยูมะ เข้าใจผิดแล้ว ช..ชั้นน่ะ..ไม่ได้โกรธยูมะซะหน่อย ไม่ได้มีเรื่องอะไรต้องขอโทษเลยด้วย..”

“…ยุย”

ยูมะเริ่มรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดละ ยูมะเลยเงยหน้ามอง ทันทีที่สายตาของเธอและเขาสบตากัน ยุยผละหน้าหนีจากยูมะไป แต่ก็แปบเดียว เธอกลับมามองยูมะต่ออีกครั้ง

“ข..เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ชั้นไม่ได้โกรธหรือรังเกียจยูมะเลยสักนิด ชั้นแค่…อายเฉยๆ..แล้วก็ยูมะ..มีเรื่องหนึ่งที่ชั้นอยากถามนะ…”

“อ..อืม”

ยุยตัวแข็งเล็กน้อย จับชายกระโปรงตัวเองแน่นก่อนถามว่า

“ทำไมยูมะถึง..จะจูบ..ชั้นล่ะ”

“…เอ๊ะ”

พอเจอคำถามยุยเข้าไป ยูมะเริ่มรู้ละว่ามันมีการเข้าใจผิดบางอย่างแล้ว

จนถึงตอนนี้ ยูมะรู้สึกผิดเพราะเข้าใจว่ายุยไม่มองหน้าเนื่องจาก “ช็อคที่คนที่ควรไว้ใจอย่างยูมะทำเรื่องหักหลัง”

แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่ยุยถาม เท่ากับว่าความเป็นจริงมันเป็นคนละเรื่องเลยนี่หว่า

ยุยไม่กล้าสบตาเขาเพราะเธออายล้วนๆ ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นเจือปน

และดูจากท่าทางของยุยตอนนี้ ตัวเธอสั่นเล็กๆด้วย แปลว่าเธอกำลังคาดหวังบางอย่างจากคำตอบผมอยู่

“เอ่อ…อืม..คือว่า เธอเป็นคนบอกเองว่า “จูบได้นะ” น่ะสิ”

เอาจริง ตอนนี้ถ้ายูมะบอกว่า ชั้นชอบเธอ อาจจะเป็นจังหวะที่ดีก็ได้ แต่ว่า ส่วนลึกในใจยูมะยังคงกลัวอยู่ หัวใจที่เต้นตึกตัวรัวๆตอนนี้เล่นเอามีความรู้สึกอยากจะหนีไปให้สุดขอบฟ้าหลังจากตอบเธอเลยล่ะ

ทางด้านยุย หลังจากฟังคำตอบจบ เธออุทานร้องเอ๋เสียงหลง สีหน้าท่าทางเธอดูงกๆเงิ่นๆไปแล้ว

“ช..ชั้นพูดขนาดนั้นเลยเหรอ”

“เอ้อ ไม่หรอก คือว่า ตอนนั้นเธอเมาอยู่ ฉะนั้นมันคงไม่ได้เป็นคำที่ออกมาจากใจจริงเธอหรอก แต่ว่าผมเองก็เป็นผุ้ชาย พอเจอเธอพูดแบบนั้นเข้าไปเล่นเอาสติแตกน่ะ.ร..เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของชั้นเอง แต่ว่า..อย่างน้อยก็อยากให้เธอระมัดระวังตัวมากกว่านี้สักนิดนึง เพราะเธอเล่นปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ท่าซะขนาดนี้ ผมเลยเป็นห่วงนะ”

ตอนนี้ทั้งคู่อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีละ อย่างยุยในตอนนี้ก็หน้าแดงก่ำไปถึงใบหู น้ำตาคลอเบ้า

“ขอโทษนะกับสิ่งที่ผมพูดออกไป”

“อ..อืม..ไม่เป็นไร เอ่อ..คือว่า..คือ..ยูมะ..จะจูบชั้น..เหตุผลเป็นเพราะว่า..ชั้นพูดจาแปลกๆแบบนั้นออกไป..แล้วก็เป็นเพราะ..ยูมะเป็นผู้ชายใช่มั้ย”

“เอ๋..อ่า..อืม..ม่า ..ก็ใช่..มั้ง..ไม่สิ ขอโทษด้วยนะ”

“ม..ไม่ต้องใส่ใจนะ ชั้นเองก็เป็นฝ่ายผิดด้วย..ยูมะก็เป็นผู้ชาย พอเจอชั้นพูดแบบนั้นไปเลยรู้สึกแบบนั้นก็ไม่แปลก.. เรื่องนั้นชั้นเคยอ่านผ่านเน็ตมาบ้าง…”

“ไม่หรอก ทุกอย่างเป็นความผิดผมเอง ต้องขอโทษจริงๆ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก ตอนนั้นสุดท้ายก็เหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นด้วย แล้วก็..คือว่า..”

ยุยชะงักคำพูดที่กล่าวไป แววตาเปลี่ยนไป เงยหน้ามองกล่าว

“ถ้าเป็น..ยูมะล่ะก็..ชั้น..ไม่รังเกียจนะ”

“ง่า..เธอ..คิดงั้นจริงดิ”

“คิดงั้น?หมายความว่าอะไรรึ”

“ก็บอกไปแล้วไงว่าอย่าพูดจาอะไรที่ดูเหมือนให้ท่าอะค้าบ เกิดผมตบะแตกขึ้นมาคิดว่าต่อจากนั้นจะเป็นยังไงล่ะครับ”

“ตบะแตก?”

“เอิ่ม คือ..จะพูดยังไงดี ขอร้องว่าอย่าตอบสนองแบบซื่อๆได้มั้ยครับ ม่า คือว่า มาที่บ้านพักผู้ชายตามลำพังแล้วอยู่ดัวยกันสองต่อสองแต่ว่าเธอก็ดุจะไม่ระมัดระวังตัว แถมยังนอนหลับผล็อยสบายใจเฉิบบนเตียงชั้นด้วย”

“ม..ไม่เห็นไปไรนี่นา ถ้าไม่ใช่ยูมะชั้นก็ไม่ทำพฤติกรรมพวกนั้นหรอก”

“ก็ถึงได้ย้ำอีกไงครับว่า อย่าพูดแบบน้านนนนน”

ระหว่างที่ยูมะกับยุยกำลังสนทนา จู่ๆทั้งคู่ก็ต้องสะดุ้งกับเสัียงกระแอมจากประตูบ้าน

“เอ่อ..อะแฮ่ม”

ประตูเปิดออก คนที่กระแอมคือพ่อยุยส่วนข้างหลังมีแม่ยุยหัวเราะแห้งๆตามหลังาด้วย

“เอ่อ..ขอโทษนะทั้งสองคน พวกแม่ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะแต่ว่าเห็นคุยกันนานสองนานแล้วไม่เข้ามาบ้านสักทีน่ะ”

“…ยุย พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย เข้ามาบ้าน เปลี่ยนชุดแล้วรอพ่อนะ ส่วนยูมะคุง ไว้โอกาสหน้าค่อยคุยกัน วันนี้รบกวนกลับบ้านไปก่อนนะ”

“…ครับ ขอโทษด้วยครับ”

ยูมะกล่าวจบ รีบเดินกลับแมนชั่นตัวเองทันที

ทว่า ในตอนนี้ ยูมะรู้สึกดีใจว่าไม่ได้คุยกับยุยแบบนี้มานานมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น

(ถ้าเป็นยูมะล่ะก็ ชั้นไม่รังเกียจนะ)

ประโยคที่ยุยกล่าวตะกุกตะกักแต่จริงจังเมื่อครู่ ยังสลัดไปจากหัวไม่หาย

เชื่อเหอะว่าในโลกนี้ ถ้าคุณเป็นผู้ชาย คุณรักษาความนิ่งไว้ไม่ได้หรอกหากเจอผู้หญิงที่ชอบบอกว่า ชั้นไม่รังงเกียจที่จะจูบเธอนะ

และคำว่าชอบในตอนนี้ ยูมะเริ่มคิดแล้วว่า สิ่งที่ยุยบอก ไม่ใช่ชอบในความหมายของคำว่าเพื่อนแล้วล่ะ

“ฮัดชิ่ว”

ยูมะจาม สงสัยเป็นเพราะร่างกายตากฝนจนตัวเย็นล่ะมั้ง

ยูมะสูดน้ำมูกไปพลางขณะเดินกลับแมนชั่นตัวเอง

จบ prolouge

*****

เป็นไงครับ กลับมาใหม่ทั้งที ผมว่าเรื่องมันก็สนุกนะ เสียดายชิบหายจบแค่เล่มนี้เท่านั้น เศร้ามากเลย ออกจะสนุกแท้ๆ เสียดายจริงๆ

ถ้ารอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 20.1

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 20.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่มนี้ก็เป็นเล่มจบนะครับ เสียดายนิดนึง ออกจะชอบ ไม่น่ารีบจบเลยเฮ้อ เซ็งชิบเป๋ง แต่ก็จบแฮปปี้ดี ถือว่าไม่เสียเวลาอ่านครับผม

 

 

ขากลับจากโรงเรียน ตอนนี้ยูมะที่อยู่บนรถไฟฟ้าแอดอัดไปด้วยผู้คน กำลังคิดหนักกับเรื่องบางอย่าง

”…”

”…”

ปกติตอนขากลับจากโรงเรียน ในรถไฟมันควรจะมีที่ว่าง แต่วันนี้ดูเหมือนว่ารถไฟฟ้าสายอื่นจะเกิดอุบัติเหตุเลยส่งผลกระทบให้สายที่นั่งกลับวันนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คน

ตอนนี้ยุยไปยืนพิงชิดกำแพงโดยมียูมะยืนประกบเธอในท่าคาเบะด้ง เพื่อไม่ให้คนเบียดมาโดนเธอ ความใกล้ชิดตอนนี้แหละคือสาเหตุที่ทำเอายูมะคิดหนัก

บางครั้งที่รถไฟกำลังเคลื่อนที่ ยุยจะเงยหน้าเหมือนจะมองยูมะ แต่ทันทีที่สบตา เธอก็เบนสายตาหนีทันที เล่นเอายูมะได้แต่ถอนหายใจกับภาพที่เกิดขึ้น

…หลายวันก่อน ที่ยุยได้มาค้างบ้านยูมะ ตอนนั้นยูมะเกือบจะจูบยุยที่กำลังเมาลงไป

ยูมะที่ได้สารภาพเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกผิด ตั้งแต่วันที่สารภาพ เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังดำเนินไปได้ไม่ค่อยดีเลย

ณ.ตอนนี้ย่างเข้าเดือน5 เป็นช่วงโกลเด้นวีค ทว่า บรรยากาศของทั้งคู่ก้ยังคงไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ยูมะกับยุยแทบไม่ได้สนทนากัน

แม้ว่ายูมะจะเป็นฝ่ายเปิดฉากสนทนาก่อน แต่ว่ายุยก็ตอบกลับด้วยภาษากายล้วนๆอย่างพยักหย้า ไม่ก็ส่ายศีรษะ ไม่ก็ตอบกลับสั้นๆคำสองคำแค่นั้น

ทั้งที่สถานะของทั้งคู่ไม่ได้คบกันเป็นแฟน แต่ว่ายูมะที่มีความตั้งใจจะจูบยุยไปซะงั้น สิ่งนี้ทำให้เจ้าตัวรู้สึกผิดบาปในใจอย่างมาก

ระหว่างที่ยูมะกำลังอมทุกข์กับสิ่งที่เกิดในตอนนี้ จู่ๆรถไฟก็เบรคกระทันหัน

“อ๊ะ”

“อ๊ะ”

ผู้โดยสารทีไ่ด้รับผลกระทบจากแรงเฉื่อย ตัวเลยขยับ หลังมากระแทกกับยูมะ เล่นเอายูมะผงะจนใกล้ชิดกับยุยสุดๆ “ท..โทษทีนะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

“อ..อืม…”

ยุยเงยหน้ามองยูมะ ระยะห่างหน้าผมกับเธอใกล้กันสุดๆ ชนิดว่าริมฝีปากของทั้งคู่แทบจะสัมผัสกัน

“…งื้อ…”

ใบหน้าของยุยแดงแป๊ด ร่างกายสั่นเล็กๆ เธอยกกระเป๋าขึ้นมาบังหน้าตัวเองเหมือนกับเป็นเกราะป้องกันตัวไม่ให้ยูมะเข้ามาสัมผัสเธอ

ก็เป็นปกติของผู้หญิงทั่วไปอะนะ ผู้ชายที่ไม่ได้เป็นคนรักกันแล้วหน้ามาใกล้ชิดขนาดนี้ มันก็ต้องหาอะไรบังตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา

หลังจากนั้นสักพัก รถไฟก็มาถึงสถานีปลายทาง

ทั้งสองคนลงจารกรถไฟ เดินออกมาจากสถานีมาถึงถนน ทันใดนั้น ฝนก็ได้ตกลงมา

“ฝนตกซะแล้ว เอาร่มมารึเปล่า”

“อืม..”

ยุยพยักหน้าเล็กน้อย เปิดกระเป๋าควานหาร่ม แต่ว่าหาเท่าไรก็ไม่เจอ

“…ลืมเอามาเหรอ?”

“..อืม”

“…ถ้าไม่รังเกียง ยืมร่มผมไปมั้ย

เดี๋ยวผมวิ่งกลับบ้านเอาก็ได้”

“ไม่ได้นะ ทำแบบนั้นยูมะก็เปียกหมดสิ”

“…ถ้างั้น ใช้ร่มด้วยกันมั้ยครับ”

ยูมะรวบรวมความกล้ายื่นข้อเสนอออกไป ยุยฟังจบปุ๊บ หน้าเธอแดงแป๊ดขึ้นมาเลย

”…”

”…”

เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

แม้ว่าหน้ายุยจะแดงแป๊ด แต่จากปฏิกริยาก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะรังเกียจ เธอค่อยๆขยับตัวเข้ามาในร่มยูมะ

ทางด้านยูมะเองก็ใจเต้นตึกตักที่ยุยเข้ามาใช้ร่มด้วยกัน ทั้งสองคนค่อยๆเดินกลับบ้าน

ท่าทางของยุยดูตื่นเต้นชัดเจน ทว่าสิ่งที่ต่างจากสมัยอดีตคือเธอไม่ได้จับมือยูมะ แต่เลือกที่จะจับแขนเสื้อของยูมะเดินเคียงข้างไปด้วยกันไม่ห่างแทน

ยูมะดูทุกการกระทำละเอียดยิบของยุย หัวใจเขาเต้นตึกตัก (เท่าที่ดูก็ไม่ได้รังเกียจเรานี่หว่า..)

ปกติถ้าเป็นคนที่เกลียดกันจริง ถึงแม้ว่าจะเสนอร่มให้ตอนฝนตก แล้วให้มาเข้าร่วมด้วยกัน ยังไงก็ต้องถูกปฏิเสธอยู่แล้ว

ในขณะที่ยูมะโล่งอกที่ยุยไม่ได้รังเกียจ ความรู้สึกแย่ก็ก่อตัวขึ้นมาพร้อมกัน

…บางทียุยคงคิดกับเราเป็นพี่ชายหรือเพื่้อนสนิทที่พึ่งพาได้แค่นั้นแหละ

พอคิดจบเล่นเอายูมะหงอยขึ้นมาเลย

เพราะว่าตอนนี้ไม่มีอาสึกะกับนาโกะ ยุยก็คงมองเห็นเราเป้นคนเดียวในตอนนี้ที่พึ่งพาได้ดีที่สุดแค่นั้นแหละ

แล้วยุยที่หวังพึ่งเราขนาดนี้ เราดันไปทรยศความคาดหวังของเธอจะจูบซะงั้น เล่นเอาใจแป้วขึ้นมาเลย

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังเข้าหน้ากันไม่ติด แต่ว่าความรู้่สึกรักที่มีให้ยุยก็ยังคงมีมากล้นอยู่ดี

ระหว่างที่คิดอยู่ ในที่สุดก็เดินมาส่งถึงบ้านยุยโดยที่ทั้งคู่ไม่ได้คุยกันเลยสักคำ

ยูมะเดินไปให้ชิดประตูบ้านยุยเพื่อให้ยุยเปิดประตูได้สะดวกโดยที่เนื้อตัวไม่ต้องเปียกฝน

“ขอบคุณนะ..” ยุยกล่าวเล็กน้อย เดินออกจากร่ม

ทว่ายูมะตัดสินใจคว้าแขนเสื้อยุย

“ยูมะ?”

“…จากนี้ขอชั้นพูดอะไรสักอย่างนะ”

“เอ๋”

ยุยผงะเล็กน้อย ส่วนยูมะสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนก้มศีรษะ

“ได้โปรดยกโทษให้ชั้นด้วยนะ..ไอ้การที่ชั้นกับเธอไม่ได้คุยกันสนิทสนมเหมือนเมื่อก่อนมันทำให้ชั้นรู้สึกแย่เอามากๆเลย”

“เอ๋..ยู..ยูมะ”

“เรื่องทุกอย่างมันเป็นความผิดของชั้นเอง แต่ว่า ถึงสิ่งทีชั้นพูดมันดูขวางหูขวางตา แต่ชั้นอยากให้ความสัมพันธ์ของเรากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ถ้ามีอะไรที่จะทำให้เธอยกโทษให้ โปรดบอกเลย ชั้นพร้อมทำทุกอย่าง”

ยุยฟังคำพูดยุมะด้วยแววตาตกตะลึงปนสงสัยเพราะเธอไม่เข้าใจว่ายูมะทำไมถึงต้องมาขอโทษเธอด้วย

เวลาผ่านไปหลายวินาที แววตายุยเบิกกว้สสง รีบกล่าวตะกุกตะกัก

“ด..เดี๋ยวนะ ยูมะ เข้าใจผิดแล้ว ช..ชั้นน่ะ..ไม่ได้โกรธยูมะซะหน่อย ไม่ได้มีเรื่องอะไรต้องขอโทษเลยด้วย..”

“…ยุย”

ยูมะเริ่มรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดละ ยูมะเลยเงยหน้ามอง ทันทีที่สายตาของเธอและเขาสบตากัน ยุยผละหน้าหนีจากยูมะไป แต่ก็แปบเดียว เธอกลับมามองยูมะต่ออีกครั้ง

“ข..เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ชั้นไม่ได้โกรธหรือรังเกียจยูมะเลยสักนิด ชั้นแค่…อายเฉยๆ..แล้วก็ยูมะ..มีเรื่องหนึ่งที่ชั้นอยากถามนะ…”

“อ..อืม”

ยุยตัวแข็งเล็กน้อย จับชายกระโปรงตัวเองแน่นก่อนถามว่า

“ทำไมยูมะถึง..จะจูบ..ชั้นล่ะ”

“…เอ๊ะ”

พอเจอคำถามยุยเข้าไป ยูมะเริ่มรู้ละว่ามันมีการเข้าใจผิดบางอย่างแล้ว

จนถึงตอนนี้ ยูมะรู้สึกผิดเพราะเข้าใจว่ายุยไม่มองหน้าเนื่องจาก “ช็อคที่คนที่ควรไว้ใจอย่างยูมะทำเรื่องหักหลัง”

แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่ยุยถาม เท่ากับว่าความเป็นจริงมันเป็นคนละเรื่องเลยนี่หว่า

ยุยไม่กล้าสบตาเขาเพราะเธออายล้วนๆ ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นเจือปน

และดูจากท่าทางของยุยตอนนี้ ตัวเธอสั่นเล็กๆด้วย แปลว่าเธอกำลังคาดหวังบางอย่างจากคำตอบผมอยู่

“เอ่อ…อืม..คือว่า เธอเป็นคนบอกเองว่า “จูบได้นะ” น่ะสิ”

เอาจริง ตอนนี้ถ้ายูมะบอกว่า ชั้นชอบเธอ อาจจะเป็นจังหวะที่ดีก็ได้ แต่ว่า ส่วนลึกในใจยูมะยังคงกลัวอยู่ หัวใจที่เต้นตึกตัวรัวๆตอนนี้เล่นเอามีความรู้สึกอยากจะหนีไปให้สุดขอบฟ้าหลังจากตอบเธอเลยล่ะ

ทางด้านยุย หลังจากฟังคำตอบจบ เธออุทานร้องเอ๋เสียงหลง สีหน้าท่าทางเธอดูงกๆเงิ่นๆไปแล้ว

“ช..ชั้นพูดขนาดนั้นเลยเหรอ”

“เอ้อ ไม่หรอก คือว่า ตอนนั้นเธอเมาอยู่ ฉะนั้นมันคงไม่ได้เป็นคำที่ออกมาจากใจจริงเธอหรอก แต่ว่าผมเองก็เป็นผุ้ชาย พอเจอเธอพูดแบบนั้นเข้าไปเล่นเอาสติแตกน่ะ.ร..เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของชั้นเอง แต่ว่า..อย่างน้อยก็อยากให้เธอระมัดระวังตัวมากกว่านี้สักนิดนึง เพราะเธอเล่นปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ท่าซะขนาดนี้ ผมเลยเป็นห่วงนะ”

ตอนนี้ทั้งคู่อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีละ อย่างยุยในตอนนี้ก็หน้าแดงก่ำไปถึงใบหู น้ำตาคลอเบ้า

“ขอโทษนะกับสิ่งที่ผมพูดออกไป”

“อ..อืม..ไม่เป็นไร เอ่อ..คือว่า..คือ..ยูมะ..จะจูบชั้น..เหตุผลเป็นเพราะว่า..ชั้นพูดจาแปลกๆแบบนั้นออกไป..แล้วก็เป็นเพราะ..ยูมะเป็นผู้ชายใช่มั้ย”

“เอ๋..อ่า..อืม..ม่า ..ก็ใช่..มั้ง..ไม่สิ ขอโทษด้วยนะ”

“ม..ไม่ต้องใส่ใจนะ ชั้นเองก็เป็นฝ่ายผิดด้วย..ยูมะก็เป็นผู้ชาย พอเจอชั้นพูดแบบนั้นไปเลยรู้สึกแบบนั้นก็ไม่แปลก.. เรื่องนั้นชั้นเคยอ่านผ่านเน็ตมาบ้าง…”

“ไม่หรอก ทุกอย่างเป็นความผิดผมเอง ต้องขอโทษจริงๆ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก ตอนนั้นสุดท้ายก็เหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นด้วย แล้วก็..คือว่า..”

ยุยชะงักคำพูดที่กล่าวไป แววตาเปลี่ยนไป เงยหน้ามองกล่าว

“ถ้าเป็น..ยูมะล่ะก็..ชั้น..ไม่รังเกียจนะ”

“ง่า..เธอ..คิดงั้นจริงดิ”

“คิดงั้น?หมายความว่าอะไรรึ”

“ก็บอกไปแล้วไงว่าอย่าพูดจาอะไรที่ดูเหมือนให้ท่าอะค้าบ เกิดผมตบะแตกขึ้นมาคิดว่าต่อจากนั้นจะเป็นยังไงล่ะครับ”

“ตบะแตก?”

“เอิ่ม คือ..จะพูดยังไงดี ขอร้องว่าอย่าตอบสนองแบบซื่อๆได้มั้ยครับ ม่า คือว่า มาที่บ้านพักผู้ชายตามลำพังแล้วอยู่ดัวยกันสองต่อสองแต่ว่าเธอก็ดุจะไม่ระมัดระวังตัว แถมยังนอนหลับผล็อยสบายใจเฉิบบนเตียงชั้นด้วย”

“ม..ไม่เห็นไปไรนี่นา ถ้าไม่ใช่ยูมะชั้นก็ไม่ทำพฤติกรรมพวกนั้นหรอก”

“ก็ถึงได้ย้ำอีกไงครับว่า อย่าพูดแบบน้านนนนน”

ระหว่างที่ยูมะกับยุยกำลังสนทนา จู่ๆทั้งคู่ก็ต้องสะดุ้งกับเสัียงกระแอมจากประตูบ้าน

“เอ่อ..อะแฮ่ม”

ประตูเปิดออก คนที่กระแอมคือพ่อยุยส่วนข้างหลังมีแม่ยุยหัวเราะแห้งๆตามหลังาด้วย

“เอ่อ..ขอโทษนะทั้งสองคน พวกแม่ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะแต่ว่าเห็นคุยกันนานสองนานแล้วไม่เข้ามาบ้านสักทีน่ะ”

“…ยุย พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย เข้ามาบ้าน เปลี่ยนชุดแล้วรอพ่อนะ ส่วนยูมะคุง ไว้โอกาสหน้าค่อยคุยกัน วันนี้รบกวนกลับบ้านไปก่อนนะ”

“…ครับ ขอโทษด้วยครับ”

ยูมะกล่าวจบ รีบเดินกลับแมนชั่นตัวเองทันที

ทว่า ในตอนนี้ ยูมะรู้สึกดีใจว่าไม่ได้คุยกับยุยแบบนี้มานานมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น

(ถ้าเป็นยูมะล่ะก็ ชั้นไม่รังเกียจนะ)

ประโยคที่ยุยกล่าวตะกุกตะกักแต่จริงจังเมื่อครู่ ยังสลัดไปจากหัวไม่หาย

เชื่อเหอะว่าในโลกนี้ ถ้าคุณเป็นผู้ชาย คุณรักษาความนิ่งไว้ไม่ได้หรอกหากเจอผู้หญิงที่ชอบบอกว่า ชั้นไม่รังงเกียจที่จะจูบเธอนะ

และคำว่าชอบในตอนนี้ ยูมะเริ่มคิดแล้วว่า สิ่งที่ยุยบอก ไม่ใช่ชอบในความหมายของคำว่าเพื่อนแล้วล่ะ

“ฮัดชิ่ว”

ยูมะจาม สงสัยเป็นเพราะร่างกายตากฝนจนตัวเย็นล่ะมั้ง

ยูมะสูดน้ำมูกไปพลางขณะเดินกลับแมนชั่นตัวเอง

จบ prolouge

*****

เป็นไงครับ กลับมาใหม่ทั้งที ผมว่าเรื่องมันก็สนุกนะ เสียดายชิบหายจบแค่เล่มนี้เท่านั้น เศร้ามากเลย ออกจะสนุกแท้ๆ เสียดายจริงๆ

ถ้ารอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 20.1

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 20.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่มนี้ก็เป็นเล่มจบนะครับ เสียดายนิดนึง ออกจะชอบ ไม่น่ารีบจบเลยเฮ้อ เซ็งชิบเป๋ง แต่ก็จบแฮปปี้ดี ถือว่าไม่เสียเวลาอ่านครับผม

 

 

ขากลับจากโรงเรียน ตอนนี้ยูมะที่อยู่บนรถไฟฟ้าแอดอัดไปด้วยผู้คน กำลังคิดหนักกับเรื่องบางอย่าง

”…”

”…”

ปกติตอนขากลับจากโรงเรียน ในรถไฟมันควรจะมีที่ว่าง แต่วันนี้ดูเหมือนว่ารถไฟฟ้าสายอื่นจะเกิดอุบัติเหตุเลยส่งผลกระทบให้สายที่นั่งกลับวันนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คน

ตอนนี้ยุยไปยืนพิงชิดกำแพงโดยมียูมะยืนประกบเธอในท่าคาเบะด้ง เพื่อไม่ให้คนเบียดมาโดนเธอ ความใกล้ชิดตอนนี้แหละคือสาเหตุที่ทำเอายูมะคิดหนัก

บางครั้งที่รถไฟกำลังเคลื่อนที่ ยุยจะเงยหน้าเหมือนจะมองยูมะ แต่ทันทีที่สบตา เธอก็เบนสายตาหนีทันที เล่นเอายูมะได้แต่ถอนหายใจกับภาพที่เกิดขึ้น

…หลายวันก่อน ที่ยุยได้มาค้างบ้านยูมะ ตอนนั้นยูมะเกือบจะจูบยุยที่กำลังเมาลงไป

ยูมะที่ได้สารภาพเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกผิด ตั้งแต่วันที่สารภาพ เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังดำเนินไปได้ไม่ค่อยดีเลย

ณ.ตอนนี้ย่างเข้าเดือน5 เป็นช่วงโกลเด้นวีค ทว่า บรรยากาศของทั้งคู่ก้ยังคงไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ยูมะกับยุยแทบไม่ได้สนทนากัน

แม้ว่ายูมะจะเป็นฝ่ายเปิดฉากสนทนาก่อน แต่ว่ายุยก็ตอบกลับด้วยภาษากายล้วนๆอย่างพยักหย้า ไม่ก็ส่ายศีรษะ ไม่ก็ตอบกลับสั้นๆคำสองคำแค่นั้น

ทั้งที่สถานะของทั้งคู่ไม่ได้คบกันเป็นแฟน แต่ว่ายูมะที่มีความตั้งใจจะจูบยุยไปซะงั้น สิ่งนี้ทำให้เจ้าตัวรู้สึกผิดบาปในใจอย่างมาก

ระหว่างที่ยูมะกำลังอมทุกข์กับสิ่งที่เกิดในตอนนี้ จู่ๆรถไฟก็เบรคกระทันหัน

“อ๊ะ”

“อ๊ะ”

ผู้โดยสารทีไ่ด้รับผลกระทบจากแรงเฉื่อย ตัวเลยขยับ หลังมากระแทกกับยูมะ เล่นเอายูมะผงะจนใกล้ชิดกับยุยสุดๆ “ท..โทษทีนะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

“อ..อืม…”

ยุยเงยหน้ามองยูมะ ระยะห่างหน้าผมกับเธอใกล้กันสุดๆ ชนิดว่าริมฝีปากของทั้งคู่แทบจะสัมผัสกัน

“…งื้อ…”

ใบหน้าของยุยแดงแป๊ด ร่างกายสั่นเล็กๆ เธอยกกระเป๋าขึ้นมาบังหน้าตัวเองเหมือนกับเป็นเกราะป้องกันตัวไม่ให้ยูมะเข้ามาสัมผัสเธอ

ก็เป็นปกติของผู้หญิงทั่วไปอะนะ ผู้ชายที่ไม่ได้เป็นคนรักกันแล้วหน้ามาใกล้ชิดขนาดนี้ มันก็ต้องหาอะไรบังตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา

หลังจากนั้นสักพัก รถไฟก็มาถึงสถานีปลายทาง

ทั้งสองคนลงจารกรถไฟ เดินออกมาจากสถานีมาถึงถนน ทันใดนั้น ฝนก็ได้ตกลงมา

“ฝนตกซะแล้ว เอาร่มมารึเปล่า”

“อืม..”

ยุยพยักหน้าเล็กน้อย เปิดกระเป๋าควานหาร่ม แต่ว่าหาเท่าไรก็ไม่เจอ

“…ลืมเอามาเหรอ?”

“..อืม”

“…ถ้าไม่รังเกียง ยืมร่มผมไปมั้ย

เดี๋ยวผมวิ่งกลับบ้านเอาก็ได้”

“ไม่ได้นะ ทำแบบนั้นยูมะก็เปียกหมดสิ”

“…ถ้างั้น ใช้ร่มด้วยกันมั้ยครับ”

ยูมะรวบรวมความกล้ายื่นข้อเสนอออกไป ยุยฟังจบปุ๊บ หน้าเธอแดงแป๊ดขึ้นมาเลย

”…”

”…”

เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

แม้ว่าหน้ายุยจะแดงแป๊ด แต่จากปฏิกริยาก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะรังเกียจ เธอค่อยๆขยับตัวเข้ามาในร่มยูมะ

ทางด้านยูมะเองก็ใจเต้นตึกตักที่ยุยเข้ามาใช้ร่มด้วยกัน ทั้งสองคนค่อยๆเดินกลับบ้าน

ท่าทางของยุยดูตื่นเต้นชัดเจน ทว่าสิ่งที่ต่างจากสมัยอดีตคือเธอไม่ได้จับมือยูมะ แต่เลือกที่จะจับแขนเสื้อของยูมะเดินเคียงข้างไปด้วยกันไม่ห่างแทน

ยูมะดูทุกการกระทำละเอียดยิบของยุย หัวใจเขาเต้นตึกตัก (เท่าที่ดูก็ไม่ได้รังเกียจเรานี่หว่า..)

ปกติถ้าเป็นคนที่เกลียดกันจริง ถึงแม้ว่าจะเสนอร่มให้ตอนฝนตก แล้วให้มาเข้าร่วมด้วยกัน ยังไงก็ต้องถูกปฏิเสธอยู่แล้ว

ในขณะที่ยูมะโล่งอกที่ยุยไม่ได้รังเกียจ ความรู้สึกแย่ก็ก่อตัวขึ้นมาพร้อมกัน

…บางทียุยคงคิดกับเราเป็นพี่ชายหรือเพื่้อนสนิทที่พึ่งพาได้แค่นั้นแหละ

พอคิดจบเล่นเอายูมะหงอยขึ้นมาเลย

เพราะว่าตอนนี้ไม่มีอาสึกะกับนาโกะ ยุยก็คงมองเห็นเราเป้นคนเดียวในตอนนี้ที่พึ่งพาได้ดีที่สุดแค่นั้นแหละ

แล้วยุยที่หวังพึ่งเราขนาดนี้ เราดันไปทรยศความคาดหวังของเธอจะจูบซะงั้น เล่นเอาใจแป้วขึ้นมาเลย

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังเข้าหน้ากันไม่ติด แต่ว่าความรู้่สึกรักที่มีให้ยุยก็ยังคงมีมากล้นอยู่ดี

ระหว่างที่คิดอยู่ ในที่สุดก็เดินมาส่งถึงบ้านยุยโดยที่ทั้งคู่ไม่ได้คุยกันเลยสักคำ

ยูมะเดินไปให้ชิดประตูบ้านยุยเพื่อให้ยุยเปิดประตูได้สะดวกโดยที่เนื้อตัวไม่ต้องเปียกฝน

“ขอบคุณนะ..” ยุยกล่าวเล็กน้อย เดินออกจากร่ม

ทว่ายูมะตัดสินใจคว้าแขนเสื้อยุย

“ยูมะ?”

“…จากนี้ขอชั้นพูดอะไรสักอย่างนะ”

“เอ๋”

ยุยผงะเล็กน้อย ส่วนยูมะสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนก้มศีรษะ

“ได้โปรดยกโทษให้ชั้นด้วยนะ..ไอ้การที่ชั้นกับเธอไม่ได้คุยกันสนิทสนมเหมือนเมื่อก่อนมันทำให้ชั้นรู้สึกแย่เอามากๆเลย”

“เอ๋..ยู..ยูมะ”

“เรื่องทุกอย่างมันเป็นความผิดของชั้นเอง แต่ว่า ถึงสิ่งทีชั้นพูดมันดูขวางหูขวางตา แต่ชั้นอยากให้ความสัมพันธ์ของเรากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ถ้ามีอะไรที่จะทำให้เธอยกโทษให้ โปรดบอกเลย ชั้นพร้อมทำทุกอย่าง”

ยุยฟังคำพูดยุมะด้วยแววตาตกตะลึงปนสงสัยเพราะเธอไม่เข้าใจว่ายูมะทำไมถึงต้องมาขอโทษเธอด้วย

เวลาผ่านไปหลายวินาที แววตายุยเบิกกว้สสง รีบกล่าวตะกุกตะกัก

“ด..เดี๋ยวนะ ยูมะ เข้าใจผิดแล้ว ช..ชั้นน่ะ..ไม่ได้โกรธยูมะซะหน่อย ไม่ได้มีเรื่องอะไรต้องขอโทษเลยด้วย..”

“…ยุย”

ยูมะเริ่มรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดละ ยูมะเลยเงยหน้ามอง ทันทีที่สายตาของเธอและเขาสบตากัน ยุยผละหน้าหนีจากยูมะไป แต่ก็แปบเดียว เธอกลับมามองยูมะต่ออีกครั้ง

“ข..เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ชั้นไม่ได้โกรธหรือรังเกียจยูมะเลยสักนิด ชั้นแค่…อายเฉยๆ..แล้วก็ยูมะ..มีเรื่องหนึ่งที่ชั้นอยากถามนะ…”

“อ..อืม”

ยุยตัวแข็งเล็กน้อย จับชายกระโปรงตัวเองแน่นก่อนถามว่า

“ทำไมยูมะถึง..จะจูบ..ชั้นล่ะ”

“…เอ๊ะ”

พอเจอคำถามยุยเข้าไป ยูมะเริ่มรู้ละว่ามันมีการเข้าใจผิดบางอย่างแล้ว

จนถึงตอนนี้ ยูมะรู้สึกผิดเพราะเข้าใจว่ายุยไม่มองหน้าเนื่องจาก “ช็อคที่คนที่ควรไว้ใจอย่างยูมะทำเรื่องหักหลัง”

แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่ยุยถาม เท่ากับว่าความเป็นจริงมันเป็นคนละเรื่องเลยนี่หว่า

ยุยไม่กล้าสบตาเขาเพราะเธออายล้วนๆ ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นเจือปน

และดูจากท่าทางของยุยตอนนี้ ตัวเธอสั่นเล็กๆด้วย แปลว่าเธอกำลังคาดหวังบางอย่างจากคำตอบผมอยู่

“เอ่อ…อืม..คือว่า เธอเป็นคนบอกเองว่า “จูบได้นะ” น่ะสิ”

เอาจริง ตอนนี้ถ้ายูมะบอกว่า ชั้นชอบเธอ อาจจะเป็นจังหวะที่ดีก็ได้ แต่ว่า ส่วนลึกในใจยูมะยังคงกลัวอยู่ หัวใจที่เต้นตึกตัวรัวๆตอนนี้เล่นเอามีความรู้สึกอยากจะหนีไปให้สุดขอบฟ้าหลังจากตอบเธอเลยล่ะ

ทางด้านยุย หลังจากฟังคำตอบจบ เธออุทานร้องเอ๋เสียงหลง สีหน้าท่าทางเธอดูงกๆเงิ่นๆไปแล้ว

“ช..ชั้นพูดขนาดนั้นเลยเหรอ”

“เอ้อ ไม่หรอก คือว่า ตอนนั้นเธอเมาอยู่ ฉะนั้นมันคงไม่ได้เป็นคำที่ออกมาจากใจจริงเธอหรอก แต่ว่าผมเองก็เป็นผุ้ชาย พอเจอเธอพูดแบบนั้นเข้าไปเล่นเอาสติแตกน่ะ.ร..เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของชั้นเอง แต่ว่า..อย่างน้อยก็อยากให้เธอระมัดระวังตัวมากกว่านี้สักนิดนึง เพราะเธอเล่นปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ท่าซะขนาดนี้ ผมเลยเป็นห่วงนะ”

ตอนนี้ทั้งคู่อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีละ อย่างยุยในตอนนี้ก็หน้าแดงก่ำไปถึงใบหู น้ำตาคลอเบ้า

“ขอโทษนะกับสิ่งที่ผมพูดออกไป”

“อ..อืม..ไม่เป็นไร เอ่อ..คือว่า..คือ..ยูมะ..จะจูบชั้น..เหตุผลเป็นเพราะว่า..ชั้นพูดจาแปลกๆแบบนั้นออกไป..แล้วก็เป็นเพราะ..ยูมะเป็นผู้ชายใช่มั้ย”

“เอ๋..อ่า..อืม..ม่า ..ก็ใช่..มั้ง..ไม่สิ ขอโทษด้วยนะ”

“ม..ไม่ต้องใส่ใจนะ ชั้นเองก็เป็นฝ่ายผิดด้วย..ยูมะก็เป็นผู้ชาย พอเจอชั้นพูดแบบนั้นไปเลยรู้สึกแบบนั้นก็ไม่แปลก.. เรื่องนั้นชั้นเคยอ่านผ่านเน็ตมาบ้าง…”

“ไม่หรอก ทุกอย่างเป็นความผิดผมเอง ต้องขอโทษจริงๆ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก ตอนนั้นสุดท้ายก็เหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นด้วย แล้วก็..คือว่า..”

ยุยชะงักคำพูดที่กล่าวไป แววตาเปลี่ยนไป เงยหน้ามองกล่าว

“ถ้าเป็น..ยูมะล่ะก็..ชั้น..ไม่รังเกียจนะ”

“ง่า..เธอ..คิดงั้นจริงดิ”

“คิดงั้น?หมายความว่าอะไรรึ”

“ก็บอกไปแล้วไงว่าอย่าพูดจาอะไรที่ดูเหมือนให้ท่าอะค้าบ เกิดผมตบะแตกขึ้นมาคิดว่าต่อจากนั้นจะเป็นยังไงล่ะครับ”

“ตบะแตก?”

“เอิ่ม คือ..จะพูดยังไงดี ขอร้องว่าอย่าตอบสนองแบบซื่อๆได้มั้ยครับ ม่า คือว่า มาที่บ้านพักผู้ชายตามลำพังแล้วอยู่ดัวยกันสองต่อสองแต่ว่าเธอก็ดุจะไม่ระมัดระวังตัว แถมยังนอนหลับผล็อยสบายใจเฉิบบนเตียงชั้นด้วย”

“ม..ไม่เห็นไปไรนี่นา ถ้าไม่ใช่ยูมะชั้นก็ไม่ทำพฤติกรรมพวกนั้นหรอก”

“ก็ถึงได้ย้ำอีกไงครับว่า อย่าพูดแบบน้านนนนน”

ระหว่างที่ยูมะกับยุยกำลังสนทนา จู่ๆทั้งคู่ก็ต้องสะดุ้งกับเสัียงกระแอมจากประตูบ้าน

“เอ่อ..อะแฮ่ม”

ประตูเปิดออก คนที่กระแอมคือพ่อยุยส่วนข้างหลังมีแม่ยุยหัวเราะแห้งๆตามหลังาด้วย

“เอ่อ..ขอโทษนะทั้งสองคน พวกแม่ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะแต่ว่าเห็นคุยกันนานสองนานแล้วไม่เข้ามาบ้านสักทีน่ะ”

“…ยุย พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย เข้ามาบ้าน เปลี่ยนชุดแล้วรอพ่อนะ ส่วนยูมะคุง ไว้โอกาสหน้าค่อยคุยกัน วันนี้รบกวนกลับบ้านไปก่อนนะ”

“…ครับ ขอโทษด้วยครับ”

ยูมะกล่าวจบ รีบเดินกลับแมนชั่นตัวเองทันที

ทว่า ในตอนนี้ ยูมะรู้สึกดีใจว่าไม่ได้คุยกับยุยแบบนี้มานานมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น

(ถ้าเป็นยูมะล่ะก็ ชั้นไม่รังเกียจนะ)

ประโยคที่ยุยกล่าวตะกุกตะกักแต่จริงจังเมื่อครู่ ยังสลัดไปจากหัวไม่หาย

เชื่อเหอะว่าในโลกนี้ ถ้าคุณเป็นผู้ชาย คุณรักษาความนิ่งไว้ไม่ได้หรอกหากเจอผู้หญิงที่ชอบบอกว่า ชั้นไม่รังงเกียจที่จะจูบเธอนะ

และคำว่าชอบในตอนนี้ ยูมะเริ่มคิดแล้วว่า สิ่งที่ยุยบอก ไม่ใช่ชอบในความหมายของคำว่าเพื่อนแล้วล่ะ

“ฮัดชิ่ว”

ยูมะจาม สงสัยเป็นเพราะร่างกายตากฝนจนตัวเย็นล่ะมั้ง

ยูมะสูดน้ำมูกไปพลางขณะเดินกลับแมนชั่นตัวเอง

จบ prolouge

*****

เป็นไงครับ กลับมาใหม่ทั้งที ผมว่าเรื่องมันก็สนุกนะ เสียดายชิบหายจบแค่เล่มนี้เท่านั้น เศร้ามากเลย ออกจะสนุกแท้ๆ เสียดายจริงๆ

ถ้ารอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 20.1

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 20.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่มนี้ก็เป็นเล่มจบนะครับ เสียดายนิดนึง ออกจะชอบ ไม่น่ารีบจบเลยเฮ้อ เซ็งชิบเป๋ง แต่ก็จบแฮปปี้ดี ถือว่าไม่เสียเวลาอ่านครับผม

 

 

ขากลับจากโรงเรียน ตอนนี้ยูมะที่อยู่บนรถไฟฟ้าแอดอัดไปด้วยผู้คน กำลังคิดหนักกับเรื่องบางอย่าง

”…”

”…”

ปกติตอนขากลับจากโรงเรียน ในรถไฟมันควรจะมีที่ว่าง แต่วันนี้ดูเหมือนว่ารถไฟฟ้าสายอื่นจะเกิดอุบัติเหตุเลยส่งผลกระทบให้สายที่นั่งกลับวันนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คน

ตอนนี้ยุยไปยืนพิงชิดกำแพงโดยมียูมะยืนประกบเธอในท่าคาเบะด้ง เพื่อไม่ให้คนเบียดมาโดนเธอ ความใกล้ชิดตอนนี้แหละคือสาเหตุที่ทำเอายูมะคิดหนัก

บางครั้งที่รถไฟกำลังเคลื่อนที่ ยุยจะเงยหน้าเหมือนจะมองยูมะ แต่ทันทีที่สบตา เธอก็เบนสายตาหนีทันที เล่นเอายูมะได้แต่ถอนหายใจกับภาพที่เกิดขึ้น

…หลายวันก่อน ที่ยุยได้มาค้างบ้านยูมะ ตอนนั้นยูมะเกือบจะจูบยุยที่กำลังเมาลงไป

ยูมะที่ได้สารภาพเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกผิด ตั้งแต่วันที่สารภาพ เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังดำเนินไปได้ไม่ค่อยดีเลย

ณ.ตอนนี้ย่างเข้าเดือน5 เป็นช่วงโกลเด้นวีค ทว่า บรรยากาศของทั้งคู่ก้ยังคงไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ยูมะกับยุยแทบไม่ได้สนทนากัน

แม้ว่ายูมะจะเป็นฝ่ายเปิดฉากสนทนาก่อน แต่ว่ายุยก็ตอบกลับด้วยภาษากายล้วนๆอย่างพยักหย้า ไม่ก็ส่ายศีรษะ ไม่ก็ตอบกลับสั้นๆคำสองคำแค่นั้น

ทั้งที่สถานะของทั้งคู่ไม่ได้คบกันเป็นแฟน แต่ว่ายูมะที่มีความตั้งใจจะจูบยุยไปซะงั้น สิ่งนี้ทำให้เจ้าตัวรู้สึกผิดบาปในใจอย่างมาก

ระหว่างที่ยูมะกำลังอมทุกข์กับสิ่งที่เกิดในตอนนี้ จู่ๆรถไฟก็เบรคกระทันหัน

“อ๊ะ”

“อ๊ะ”

ผู้โดยสารทีไ่ด้รับผลกระทบจากแรงเฉื่อย ตัวเลยขยับ หลังมากระแทกกับยูมะ เล่นเอายูมะผงะจนใกล้ชิดกับยุยสุดๆ “ท..โทษทีนะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

“อ..อืม…”

ยุยเงยหน้ามองยูมะ ระยะห่างหน้าผมกับเธอใกล้กันสุดๆ ชนิดว่าริมฝีปากของทั้งคู่แทบจะสัมผัสกัน

“…งื้อ…”

ใบหน้าของยุยแดงแป๊ด ร่างกายสั่นเล็กๆ เธอยกกระเป๋าขึ้นมาบังหน้าตัวเองเหมือนกับเป็นเกราะป้องกันตัวไม่ให้ยูมะเข้ามาสัมผัสเธอ

ก็เป็นปกติของผู้หญิงทั่วไปอะนะ ผู้ชายที่ไม่ได้เป็นคนรักกันแล้วหน้ามาใกล้ชิดขนาดนี้ มันก็ต้องหาอะไรบังตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา

หลังจากนั้นสักพัก รถไฟก็มาถึงสถานีปลายทาง

ทั้งสองคนลงจารกรถไฟ เดินออกมาจากสถานีมาถึงถนน ทันใดนั้น ฝนก็ได้ตกลงมา

“ฝนตกซะแล้ว เอาร่มมารึเปล่า”

“อืม..”

ยุยพยักหน้าเล็กน้อย เปิดกระเป๋าควานหาร่ม แต่ว่าหาเท่าไรก็ไม่เจอ

“…ลืมเอามาเหรอ?”

“..อืม”

“…ถ้าไม่รังเกียง ยืมร่มผมไปมั้ย

เดี๋ยวผมวิ่งกลับบ้านเอาก็ได้”

“ไม่ได้นะ ทำแบบนั้นยูมะก็เปียกหมดสิ”

“…ถ้างั้น ใช้ร่มด้วยกันมั้ยครับ”

ยูมะรวบรวมความกล้ายื่นข้อเสนอออกไป ยุยฟังจบปุ๊บ หน้าเธอแดงแป๊ดขึ้นมาเลย

”…”

”…”

เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

แม้ว่าหน้ายุยจะแดงแป๊ด แต่จากปฏิกริยาก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะรังเกียจ เธอค่อยๆขยับตัวเข้ามาในร่มยูมะ

ทางด้านยูมะเองก็ใจเต้นตึกตักที่ยุยเข้ามาใช้ร่มด้วยกัน ทั้งสองคนค่อยๆเดินกลับบ้าน

ท่าทางของยุยดูตื่นเต้นชัดเจน ทว่าสิ่งที่ต่างจากสมัยอดีตคือเธอไม่ได้จับมือยูมะ แต่เลือกที่จะจับแขนเสื้อของยูมะเดินเคียงข้างไปด้วยกันไม่ห่างแทน

ยูมะดูทุกการกระทำละเอียดยิบของยุย หัวใจเขาเต้นตึกตัก (เท่าที่ดูก็ไม่ได้รังเกียจเรานี่หว่า..)

ปกติถ้าเป็นคนที่เกลียดกันจริง ถึงแม้ว่าจะเสนอร่มให้ตอนฝนตก แล้วให้มาเข้าร่วมด้วยกัน ยังไงก็ต้องถูกปฏิเสธอยู่แล้ว

ในขณะที่ยูมะโล่งอกที่ยุยไม่ได้รังเกียจ ความรู้สึกแย่ก็ก่อตัวขึ้นมาพร้อมกัน

…บางทียุยคงคิดกับเราเป็นพี่ชายหรือเพื่้อนสนิทที่พึ่งพาได้แค่นั้นแหละ

พอคิดจบเล่นเอายูมะหงอยขึ้นมาเลย

เพราะว่าตอนนี้ไม่มีอาสึกะกับนาโกะ ยุยก็คงมองเห็นเราเป้นคนเดียวในตอนนี้ที่พึ่งพาได้ดีที่สุดแค่นั้นแหละ

แล้วยุยที่หวังพึ่งเราขนาดนี้ เราดันไปทรยศความคาดหวังของเธอจะจูบซะงั้น เล่นเอาใจแป้วขึ้นมาเลย

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังเข้าหน้ากันไม่ติด แต่ว่าความรู้่สึกรักที่มีให้ยุยก็ยังคงมีมากล้นอยู่ดี

ระหว่างที่คิดอยู่ ในที่สุดก็เดินมาส่งถึงบ้านยุยโดยที่ทั้งคู่ไม่ได้คุยกันเลยสักคำ

ยูมะเดินไปให้ชิดประตูบ้านยุยเพื่อให้ยุยเปิดประตูได้สะดวกโดยที่เนื้อตัวไม่ต้องเปียกฝน

“ขอบคุณนะ..” ยุยกล่าวเล็กน้อย เดินออกจากร่ม

ทว่ายูมะตัดสินใจคว้าแขนเสื้อยุย

“ยูมะ?”

“…จากนี้ขอชั้นพูดอะไรสักอย่างนะ”

“เอ๋”

ยุยผงะเล็กน้อย ส่วนยูมะสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนก้มศีรษะ

“ได้โปรดยกโทษให้ชั้นด้วยนะ..ไอ้การที่ชั้นกับเธอไม่ได้คุยกันสนิทสนมเหมือนเมื่อก่อนมันทำให้ชั้นรู้สึกแย่เอามากๆเลย”

“เอ๋..ยู..ยูมะ”

“เรื่องทุกอย่างมันเป็นความผิดของชั้นเอง แต่ว่า ถึงสิ่งทีชั้นพูดมันดูขวางหูขวางตา แต่ชั้นอยากให้ความสัมพันธ์ของเรากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ถ้ามีอะไรที่จะทำให้เธอยกโทษให้ โปรดบอกเลย ชั้นพร้อมทำทุกอย่าง”

ยุยฟังคำพูดยุมะด้วยแววตาตกตะลึงปนสงสัยเพราะเธอไม่เข้าใจว่ายูมะทำไมถึงต้องมาขอโทษเธอด้วย

เวลาผ่านไปหลายวินาที แววตายุยเบิกกว้สสง รีบกล่าวตะกุกตะกัก

“ด..เดี๋ยวนะ ยูมะ เข้าใจผิดแล้ว ช..ชั้นน่ะ..ไม่ได้โกรธยูมะซะหน่อย ไม่ได้มีเรื่องอะไรต้องขอโทษเลยด้วย..”

“…ยุย”

ยูมะเริ่มรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดละ ยูมะเลยเงยหน้ามอง ทันทีที่สายตาของเธอและเขาสบตากัน ยุยผละหน้าหนีจากยูมะไป แต่ก็แปบเดียว เธอกลับมามองยูมะต่ออีกครั้ง

“ข..เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ชั้นไม่ได้โกรธหรือรังเกียจยูมะเลยสักนิด ชั้นแค่…อายเฉยๆ..แล้วก็ยูมะ..มีเรื่องหนึ่งที่ชั้นอยากถามนะ…”

“อ..อืม”

ยุยตัวแข็งเล็กน้อย จับชายกระโปรงตัวเองแน่นก่อนถามว่า

“ทำไมยูมะถึง..จะจูบ..ชั้นล่ะ”

“…เอ๊ะ”

พอเจอคำถามยุยเข้าไป ยูมะเริ่มรู้ละว่ามันมีการเข้าใจผิดบางอย่างแล้ว

จนถึงตอนนี้ ยูมะรู้สึกผิดเพราะเข้าใจว่ายุยไม่มองหน้าเนื่องจาก “ช็อคที่คนที่ควรไว้ใจอย่างยูมะทำเรื่องหักหลัง”

แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่ยุยถาม เท่ากับว่าความเป็นจริงมันเป็นคนละเรื่องเลยนี่หว่า

ยุยไม่กล้าสบตาเขาเพราะเธออายล้วนๆ ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นเจือปน

และดูจากท่าทางของยุยตอนนี้ ตัวเธอสั่นเล็กๆด้วย แปลว่าเธอกำลังคาดหวังบางอย่างจากคำตอบผมอยู่

“เอ่อ…อืม..คือว่า เธอเป็นคนบอกเองว่า “จูบได้นะ” น่ะสิ”

เอาจริง ตอนนี้ถ้ายูมะบอกว่า ชั้นชอบเธอ อาจจะเป็นจังหวะที่ดีก็ได้ แต่ว่า ส่วนลึกในใจยูมะยังคงกลัวอยู่ หัวใจที่เต้นตึกตัวรัวๆตอนนี้เล่นเอามีความรู้สึกอยากจะหนีไปให้สุดขอบฟ้าหลังจากตอบเธอเลยล่ะ

ทางด้านยุย หลังจากฟังคำตอบจบ เธออุทานร้องเอ๋เสียงหลง สีหน้าท่าทางเธอดูงกๆเงิ่นๆไปแล้ว

“ช..ชั้นพูดขนาดนั้นเลยเหรอ”

“เอ้อ ไม่หรอก คือว่า ตอนนั้นเธอเมาอยู่ ฉะนั้นมันคงไม่ได้เป็นคำที่ออกมาจากใจจริงเธอหรอก แต่ว่าผมเองก็เป็นผุ้ชาย พอเจอเธอพูดแบบนั้นเข้าไปเล่นเอาสติแตกน่ะ.ร..เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของชั้นเอง แต่ว่า..อย่างน้อยก็อยากให้เธอระมัดระวังตัวมากกว่านี้สักนิดนึง เพราะเธอเล่นปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ท่าซะขนาดนี้ ผมเลยเป็นห่วงนะ”

ตอนนี้ทั้งคู่อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีละ อย่างยุยในตอนนี้ก็หน้าแดงก่ำไปถึงใบหู น้ำตาคลอเบ้า

“ขอโทษนะกับสิ่งที่ผมพูดออกไป”

“อ..อืม..ไม่เป็นไร เอ่อ..คือว่า..คือ..ยูมะ..จะจูบชั้น..เหตุผลเป็นเพราะว่า..ชั้นพูดจาแปลกๆแบบนั้นออกไป..แล้วก็เป็นเพราะ..ยูมะเป็นผู้ชายใช่มั้ย”

“เอ๋..อ่า..อืม..ม่า ..ก็ใช่..มั้ง..ไม่สิ ขอโทษด้วยนะ”

“ม..ไม่ต้องใส่ใจนะ ชั้นเองก็เป็นฝ่ายผิดด้วย..ยูมะก็เป็นผู้ชาย พอเจอชั้นพูดแบบนั้นไปเลยรู้สึกแบบนั้นก็ไม่แปลก.. เรื่องนั้นชั้นเคยอ่านผ่านเน็ตมาบ้าง…”

“ไม่หรอก ทุกอย่างเป็นความผิดผมเอง ต้องขอโทษจริงๆ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก ตอนนั้นสุดท้ายก็เหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นด้วย แล้วก็..คือว่า..”

ยุยชะงักคำพูดที่กล่าวไป แววตาเปลี่ยนไป เงยหน้ามองกล่าว

“ถ้าเป็น..ยูมะล่ะก็..ชั้น..ไม่รังเกียจนะ”

“ง่า..เธอ..คิดงั้นจริงดิ”

“คิดงั้น?หมายความว่าอะไรรึ”

“ก็บอกไปแล้วไงว่าอย่าพูดจาอะไรที่ดูเหมือนให้ท่าอะค้าบ เกิดผมตบะแตกขึ้นมาคิดว่าต่อจากนั้นจะเป็นยังไงล่ะครับ”

“ตบะแตก?”

“เอิ่ม คือ..จะพูดยังไงดี ขอร้องว่าอย่าตอบสนองแบบซื่อๆได้มั้ยครับ ม่า คือว่า มาที่บ้านพักผู้ชายตามลำพังแล้วอยู่ดัวยกันสองต่อสองแต่ว่าเธอก็ดุจะไม่ระมัดระวังตัว แถมยังนอนหลับผล็อยสบายใจเฉิบบนเตียงชั้นด้วย”

“ม..ไม่เห็นไปไรนี่นา ถ้าไม่ใช่ยูมะชั้นก็ไม่ทำพฤติกรรมพวกนั้นหรอก”

“ก็ถึงได้ย้ำอีกไงครับว่า อย่าพูดแบบน้านนนนน”

ระหว่างที่ยูมะกับยุยกำลังสนทนา จู่ๆทั้งคู่ก็ต้องสะดุ้งกับเสัียงกระแอมจากประตูบ้าน

“เอ่อ..อะแฮ่ม”

ประตูเปิดออก คนที่กระแอมคือพ่อยุยส่วนข้างหลังมีแม่ยุยหัวเราะแห้งๆตามหลังาด้วย

“เอ่อ..ขอโทษนะทั้งสองคน พวกแม่ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะแต่ว่าเห็นคุยกันนานสองนานแล้วไม่เข้ามาบ้านสักทีน่ะ”

“…ยุย พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย เข้ามาบ้าน เปลี่ยนชุดแล้วรอพ่อนะ ส่วนยูมะคุง ไว้โอกาสหน้าค่อยคุยกัน วันนี้รบกวนกลับบ้านไปก่อนนะ”

“…ครับ ขอโทษด้วยครับ”

ยูมะกล่าวจบ รีบเดินกลับแมนชั่นตัวเองทันที

ทว่า ในตอนนี้ ยูมะรู้สึกดีใจว่าไม่ได้คุยกับยุยแบบนี้มานานมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น

(ถ้าเป็นยูมะล่ะก็ ชั้นไม่รังเกียจนะ)

ประโยคที่ยุยกล่าวตะกุกตะกักแต่จริงจังเมื่อครู่ ยังสลัดไปจากหัวไม่หาย

เชื่อเหอะว่าในโลกนี้ ถ้าคุณเป็นผู้ชาย คุณรักษาความนิ่งไว้ไม่ได้หรอกหากเจอผู้หญิงที่ชอบบอกว่า ชั้นไม่รังงเกียจที่จะจูบเธอนะ

และคำว่าชอบในตอนนี้ ยูมะเริ่มคิดแล้วว่า สิ่งที่ยุยบอก ไม่ใช่ชอบในความหมายของคำว่าเพื่อนแล้วล่ะ

“ฮัดชิ่ว”

ยูมะจาม สงสัยเป็นเพราะร่างกายตากฝนจนตัวเย็นล่ะมั้ง

ยูมะสูดน้ำมูกไปพลางขณะเดินกลับแมนชั่นตัวเอง

จบ prolouge

*****

เป็นไงครับ กลับมาใหม่ทั้งที ผมว่าเรื่องมันก็สนุกนะ เสียดายชิบหายจบแค่เล่มนี้เท่านั้น เศร้ามากเลย ออกจะสนุกแท้ๆ เสียดายจริงๆ

ถ้ารอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+