LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 8.1: ความหื่นจากจิตใต้สำนึก

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 8.1: ความหื่นจากจิตใต้สำนึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อ่าน Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend    CH8-1 ความหื่นจากจิตใต้สำนึก

 

 

“นี่ ยูมะ ชั้นอยากจะ…ตอบแทนนาย”

ในร้านเน็ตคาเฟ่ที่เดิม  ยุยกล่าวเสียงอ้อนขณะซุกอกยูมะ

แววตาเธอดูเขินอาย ขณะที่หน้าเธอแดงก่ำถึงใบหู เพียงเห็นท่าทางของเธอ ก็โดนตกหัวใจไปง่ายๆ

“ตอบแทน… คิดจะทำอะไรเหรอ”

ยูมะกล่าวเสียงเข้มงวดปิดบังความเขิน

ยุยที่ซุกอกยูมะ เงยหน้าสบตาเขา

“ร่างกายของชั้น … ยูมะเชิญ…ทำตามใจชอบได้เลย”

“ด…เดี๋ยวก่อน แบบนั้นมัน…ไม่ดีมั้ง”

“ดีสิ? ถ้าเป็นยูมะละก็..ชั้นไม่รังเกียจ..ไม่สิ ..เพราะเป็นยูมะต่างหากถึงอยากให้ทำ”

คำพูดอ้อนหวานๆของยุย ทำให้สติยูมะขาดผึง

“ยุย..เอาจริงสินะ”

“อืม”

ยูมะรวบตัวเธอกอดแน่น ยุยเงยหน้าหรี่ตามองเขา  ก่อนจะหลับตาลง

ยูมะหลับตา ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกัน

*****

*******

นี่คือความฝันที่ยูมะเห็นตะกี้

ยูมะลืมตาโพลง มองเพดานห้องนอนตัวเองประมาณสิบวินาทีถึงรู้สึกตัวและจำรายละเอียดความฝันได้ครบถ้วน

“เชี่ยไรเนี่ยยยยยยยยยย”

ยูมะเอาหมอนปิดหน้าตัวเองตะโกนคาหมอน

*******

นับจากวันสารภาพรัก ผ่านไปแล้วสามวัน

ยูมะกับยุยยังคงมีนัดทำกิจกรรมเที่ยวด้วยกันเหมือนเดิม แต่วันนี้ยูมะวิตกมาก

เพราะฝันที่เห็นเมื่อคืน ยูมะรู้แล้วว่าตัวเองมีจิตใจที่หื่นกามแอบแฝง ไอ้ที่ใจดีกับยุย แท้ที่จริงก็ทำเพื่อสนองกิเลสลามกตัวเองชัดๆ 

ยูมะไม่อยากจะใกล้ยุยเหมือนที่ผ่านมา เพราะไม่อยากให้ยุยที่เข้าหายูมะแบบไร้การป้องกันใสซื่อ เนื่องจากเชื่อใจว่ายูมะไม่มีจิตใจด้านหื่นแอบแฝง ซึ่งการที่มีจิตใจแอบแฝงแบบนี้ ในความรู้สึกยูมะ มันคือการหักหลังความรู้สึกยุย

ภาพในฝันเมื่อคืนยิ่งแจ่มชัดกว่าเดิม ล้างออกไปจากสมองไม่ได้สักที 

สภาพยูมะตอนนี้จึงสะโหลสะเหลคล้ายผีดิบก็ไม่ปาน

“อรุณสวัสดิ์ ทานข้าวเช้ามั้ย”

“…อืม”

ปกติเนเน่จะเป็นคนเตรียมอาหารเช้าอยู่แล้ว อาหารก็ง่ายๆแค่เทซีเรียลกินกับนมสด 

ถ้าเป็นยูมะตอนปกติ ป่านนี้กวาดเรียบเก็บจานล้างไปแล้ว แต่ตอนนี้คือยังไม่แตะสักช้อน

“…ยูคุงเป็นไข้รึเปล่า วันนี้ดูไม่ค่อยอยากอาหารเลย”

“อืม นิดหน่อยครับ”

จะสารภาพเล่าเรื่องความฝันเมื่อคืนให้เนเน่ฟัง ยูมะก็ไม่มีความกล้าพอจะเล่าตอนนี้

“เฮ้อ..”

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่

…ตอนนี้ยูมะมั่นใจในความรู้สึกตัวเองแล้วว่าคิดกับยุยไม่ใช่เพื่อนสนิท แต่เป็นคนรัก

ทว่า ยุยคิดกับเขาเป็นเพื่อนสนิท ยูมะจึงไม่อยากไม่หักหลังเรื่องนี้

แต่แม้ว่าหัวจะคิดว่าไม่อยากหักหลัง แต่ภาพในฝันที่ยังติดตา มันเป็นชะนักติดหลัง คิดแต่เรื่องอย่างว่ากับเธอนี่สิ

“เฮ้อออ……”

“ไม่เป็นไรจริงๆใช่มั้ย? ถ้าป่วย วันนี้นอนพักน่าจะดีกว่านะ”

“..ไม่เป็นไรจริงๆครับ”

 หลังจากนั้น มีเสียงแจ้งเตือนสมาร์ทโฟนข้อความเข้าดังขึ้น

ยูมะหยิบโทรศํพท์มาดู เป็นยุยที่ส่งข้อความมา

“ยูมะ วันนี้มีกำหนดการทำอะไรบ้าง”

ยูมะพิมพ์ตอบกลับ

“ยังนึกไม่ออกนะ  มีอะไรรึเปล่าล่ะ”

“คือว่าแม่ผมน่ะ…ให้ค่าขนมผมไว้ซื้อเสื้อสวยๆไปใส่ตอนเที่ยวกับเพื่อน ก็เลยคิดว่าอยากจะไปซื้อเสื้อที่ร้านคุณเนเน่ ถ้าไม่รังเกียจ ยูมะจะไปด้วยกันมั้ย”

ชวนไปซื้อเสื้อก็ดีใจอยู่หรอก แต่ว่าตอนนี้เงินค่าขนมยูมะก็ชักจะร่อยหรอแล้วนี่สิ

“ยุยส่งข้อความมาเหรอ”

“ใช่ครับ เธอชวนผมไปซื้อเสื้อที่ร้านพี่เนเน่ครับ”

“เห…. แสดงว่าไปชอปปิ้งเดทที่ร้านเสื้อสินะ”

“ม..ไม่ใช่เดทซะหน่อย”

ยูมะหน้าแดงปฏิเสธลั่น เนเน่มองยูมะ ส่งยิ้มแบบมีเลศนัย

“..ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงครับ”

“เปล๊า ไม่มีจ้า หึหึหึ♥”

“ก็ตามที่ยุยว่า ถ้าผมไปร้านเนเน่ตอนกลางวัน สะดวกมั้ย”

“แน่นอน มาได้ทุกเวลาเลยจ้า  อ๊ะ ใกล้ถึงเวลาเข้างานพี่ละ ถ้าออกไปข้างนอก ฝากล็อคประตูด้วยนะ”

“ได้ครับ เดินทางปลอดภัยครับ”

เนเน่ลุกขึ้น เดินออกไปถึงหน้าประตู ก่อนหยุดฝีเท้า

“อ้อ เกือบลืม วันนี้พี่มีธุระต้องไปทำงานนอกสถานที่ คิดว่ากว่าจะกลับมาก็วันพรุ่งนี้มืดๆเลย”

“เรื่องนี้ถ้ารู้ล่วงหน้าก็น่าจะรีบบอกให้เร็วกว่านี้นะครับ”

“โทษทีโทษที ก็นะ  ตอนพี่ไม่อยู่บ้าน ห้ามพายุยเข้ามาในแมนชั่นตามลำพังนะ”

“สาสสสส เลิกแซวแล้วรีบไปทำงานได้แล้ว”

เนเน่หัวเราะลั่น ก่อนออกจากบ้านไป

ยูมะฝืนทานซีเรียลจนหมด เก็บกวาดล้างจาน ลุกมานั่งที่โซฟา 

“เนเน่  ปากนี่เหลือเกินจริงๆ”

ยูมะคิดถึงยุย ชวนเขาไปซื้อเสื้อนี่คือ ไม่มองเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งเลยนะ  ทั้งที่จริงๆมันก็คือตามที่เนเน่ว่า มันคือชอปปิ้งเดทแท้ๆ

ก็พยายามจะไม่ใส่ใจคำพูดเนเน่ แต่เรื่องนี้มันก็กวนใจเขาเหลือเกิน  ยิ่งหลังจากที่ฝันเมื่อคืน ยิ่งกลุ้มหนักกว่าเก่า

“ช่างเหอะ ไม่แน่ เที่ยวกับยุยเพลินๆอาจจะลืมเรื่องฝันก็ได้”

****

ยูมะออกไปรับยุยที่หน้าบ้าน เธออกมารอหน้าบ้านก่อนหน้าแล้ว

“ยูมะ”

ทันทีที่เห็นยูมะ เธอเรียกชื่อเขาพร้อมเผยรอยยิ้มดีใจ ยูมะมองยุยตอนนี้แล้วคิดว่าเธอเหมือนลูกสุนัขตัวน้อยที่ดีใจรอออกไปวิ่งเล่นกับเจ้าของ

“อนุณสวัสดิ์ ขอบคุณที่ไปซื้อของด้วยกันวันนี้นะ”

“อ..อืม

ยูมะมองหน้ายุยปุ๊บ นึกถึงฝันเมื่อคืน รีบเบือนหน้าหลบตาเธอ

“? ยูมะ? เป็นอะไรเหรอ”

“ป..เปล่า ไม่มีอะไร”

“แต่ว่าหน้าแดงมากเลยนะ มีไข้รึเปล่า”

ยุยกล่าวจบ เอามือเธอข้างนึงแตะหน้าผากยูมะ ส่วนอืกมือแตะหน้าผากตัวเอง

ทันทีที่หน้าผากสัมผัสกับมือนุ่มๆของยุย ยูมะรู้สึกว่าฝ่ามืออ่อนนุ่มที่สัมผัสแล้วรู้สึกดี แต่ตอนนี้สัมผัสจากเธอเล่นเอาเขาใจสั่น  หายใจแรงโดยไม่รู้ตัว 

…เอาเหอะ  แต่ดูจากยุยกล้าขนาดนี้ ดูเหมือนว่าโรคสื่อสารไม่เก่งจะดีขึ้นมากแล้ว 

ถึงจะยังห่างไกลจากคนทั่วไปที่ออกไปข้างนอกคนเดียวได้ แต่ตอนนี้เธอสามารถคุยกับยูมะได้ตามปกติ  ปกติยูมะมักจะเป็นคนเปิดหัวข้อสนทนาก่อน แต่ช่วงหลังยุยเริ่มเป็นคนเอ่ยปากคุยก่อนบ่อยขึ้น

ทุกคำพูด ทุกการกระทำของยุย คือบอกชัดมากผ่านภาษากายและวาจานั่นคือ “เธอชอบยูมะที่สุด” 

(แต่ว่าวันนี้มันไม่ไหวอะ)

ภาพที่จูบยุยในฝันยังไม่เลือนไปจากความทรงจำ แค่เธอแตะหน้าาก ก็รู้สึกได้ว่าร่างกายร้อนรุ่มกว่าเดิม  ในฐานะเพื่อนสนิทที่จะซัพพอร์ทยุย มันไม่ควรจะมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นเลย

ด้วยความกังวลข้างต้น ทำให้ถึงตอนนี้ยูมะไม่กล้าสบตายุยเลย

“ม..ไม่ต้องเป็นห่วงน่าชั้นสบายดีจริง เราไปกันเถอะ”

“อ..อืม”

ยุยกล่าวจบ กะจะเดินไปคล้องแขนยุมะตามปกติ แต่คราวนี้ยูมะกระเถิบห่าง ไม่ให้เธอคล้องแขนแล้ว

ยุยเห็นยูมะถอยออก สีหน้าซีดลง ดูท่าว่าจะช็อคหนัก

“ม..ไม่ได้รังเกียจนะ แค่ไม่อยากให้เนเน่เห็น คือชั้นอายน่ะ”

“อ..อืม”

ยุยดูจะจับความผิดปกติของยูมะได้ว่าท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิม ทางยูมะก็ได้แต่ขอโทษยุยในใจ แต่ด้วยสภาพนี้ ถ้าโดนยุยเดินควงแขน เขาไมมีความมั่นใจว่าจะคงสติได้จริงๆ

สุดท้ายทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงร้านเสื้อ โดยเนเน่รอต้อนรับที่ร้าน

ครั้งก่อนที่มากับยุย เนเน่เป็นคนดูแล แต่คราวนี้เธอไม่ได้ดูแลแต่เป็นพนักงานในร้านช่วยแทน เพราะว่าเนเน่ติดดูแลลูกค้าคนอื่นอยู่

ยูมะสบตาเนเน่ กล่าวทางสายตาว่า ไม่เป็นไร เนเน่ดูแลลูกค้าไปเลย 

ยุยกับยูมะเดินไปเลือกเสื้อด้วยกัน

เสื้อในร้านเนเน่ถ้าเอาจำนวนไปเทียบกับห้างใหญ่ ของจะมีน้อยกว่า แต่วัดกันที่คุณภาพ เสื้อร้านเนเน่ก็มั่นใจได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร เสื้อผ้าที่เนเน่คัดมาประจำร้านคือบ่งบอกชัดว่า เธอมีเซนส์ด้านแฟชั่นดีมากจนใช้คุณภาพชดเชยจำนวนได้

“ยูมะ เสื้อตัวนี้คิดว่าไงบ้าง”

“ไม่ไหวนะ เอะอะก็หยิบแต่เสื้อพาร์ก้า วันนี้ต้องเลือกเสื้อสวยๆไม่ใช่เหรอครับ ลองดูตัวนี้มั้ย”

“เอ๋..ฉูดฉาดไปนิดนึงนะ”

“งั้นเหรอ ลองเปลี่ยนเป็นตัวนี้คิดว่าไง”

“ว้าว ตัวนี้ดูดีเลย”

ถึงแม้ในใจยูมะจะมีความอายเหลือยู่ แต่ไหนๆก็อุตส่าชวนมาซื้อเสื้อ ก็ต้องพยายามช่วยเหลือเธอให้ต็มที่ อย่างน้อยก็ต้องชดเชยที่ไม่ได้ให้เธอคล้องแขนตะกี้ด้วย

“ลองใส่ดูเลยดีมั้ย”

“ก็ดีนะ”

ยุยหยิบเสื้อ เดินเข้าไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อ ยูมะได้ยินเสียงรูดซิบกับเสียงถอดเสื้อจากในห้อง

ครั้งก่อนที่มากับยุย ก็มีเหตุการณ์รอยุยเปลี่ยนเสื้อ ตอนนั้นมีความตื่นเต้นรอดูว่าจะยุยจะสวยขนาดไหน แต่ตอนนี้แค่ได้ยินเสียงซิบ ยูมะก็วิตกจริต อยากจะพุ่งตัวหนีออกจากร้านแล้ว

ผ่านไปได้สักพัก ยุยเลิกผ้าม่านห้องเปลี่ยนเสื้อ เดินออกมา

“ชุดนี้..เป็นไงบ้าง”

ยูมะได้ยินเสียงยุยกล่าวด้วยความตื่นเต้น

ถ้าวิจารณ์ตามตรง ต้องบอกว่าเข้ากับเธอมาก

ทางยุยเองก็ดูจะรอคำชมจากยูมะเหมือนที่ผ่านมา ท่าทางเธอมันน่ารักมาก ทว่ายูมะมองยุยได้แว่บเดียว รีบเบนหน้าหนี เพราะคิดอะไรฟุ้งซ่านเกิน

“ก็..ดูดี..นะ”

 ยูมะพูด แต่ไม่ได้สบตายุย ความผิดปกตินี้ทำให้ยุยเริ่มกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“ยูมะ..มีเรื่องอะไรรึเปล่า ..วันนี้ดูเธอไม่เหมือนเดิมเลย”

“ไม่มี๊..”

จริงๆมันมี แต่ให้บอกเจ้าตัวได้ไงล่ะ ยูมะเลยทำเสียงสูงกลบเกลื่อนให้ดูตลก แต่นั่นยิ่งทำให้ยุยกังวลหนักกว่าเก่า

“…..”

ยุยหันซ้ายขวากวาดตามองดูรอบข้าง ถึงจะมีลูกค้าคนอื่นอยู่ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสนใจซื้อเสื้อมากกว่าจะมองมาที่ยุยกับยูมะ

“…ยูมะ มาตรงนี้แปบนึงได้มั้ย”

“ห๊ะ..เฮ้ย เดี๋ยวก่อน”

ยุยคล้องแขนยูมะโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ถูกลากมาที่ห้องเปลี่ยนเสื้อ

“ย…ยุย”

ยุยรูดผ้าม่านห้องเปลี่ยนเสื้อปิดไม่ให้คนนอกเห็น ด้วยความที่ห้องเปลี่ยนเสื้อมันแคบ ทั้งสองคนอยู่ชิดกันมาก เล่นเอายูมะใจเต้นระรัว

“ยูมะ ย่อตัวลงหน่อยได้มั้ย”

“เอ๋..ทำไมเหรอ”

“ทำตามที่ชั้นบอกเถอะนะ”

ยูมะย่อเข่าลง ตอนนี้หัวของยูมะสุงเท่าระดับอกของยุย

ทันใดนั้น ยุยคว้าหัวยูมะเข้ามาซุกกับอกเธอ

“เฮ้ย..”

ยูมะรับรู้ถึงสัมผัสที่นุ่มนวล ได้กลิ่นคล้ายน้ำนมสดจากร่างกายยุย และได้ยินเสียงหัวใจเธอเต้น  

จู่ๆโดนลากเข้าห้อง แถมโดนกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว เล่นเอาวงจรความคิดยูมะหยุดชะงัก ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไงดี

“คือว่า…จำได้มั้ย ครั้งก่อนที่คุยกันเรื่องสกินชิพ  ถ้าทำแบบนี้ชั้นคิดว่ายูมะน่าจะรู้สึกดีขึ้นนะ?”

น้ำเสียงของยุยมีความเขินอาย กระนั้นเธอก็ยังกอดยูมะไม่ปล่อย มือหนึ่งลูบหัวยูมะไปด้วย

“เอ่อ..ก็รู้สึก…อืม…ว่าไป. เธอไม่อายเหรอ”

“อายสิ..แต่ว่า..ชั้นรักยูมะที่สุด..ชั้นอยากให้ยูมะ..กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม แล้วก็…”

ยุยกล่าวต่อ กอดยูมะแน่นกว่าเก่า

“ชั้นเคยบอกว่า ถ้ามีเรื่องอะไรที่ชั้นพอทำได้  ขอให้บอกชั้น ถึงชั้นอาจจะพึ่งพาไม่ได้ แต่ชั้นจะ..พยายามเต็มที่…”

โอ้ยย คำพูดของเธอจับใจมาก  ยูมะฟังจบ เขายิ่งรู้สึกรักยุยมากขึ้นทวีคูณ อยากกอดเธอ อยากแสดงความรัก อยากเป็นเจ้าของเธอ  

แต่ว่า…ยุยในตอนนี้คือเพื่อนสนิท ยูมะคิดว่าที่ยุยกอดเขาตอนนี้คืออ้อมกอดความห่วงใยจากเพื่อน  หากเขากอดยุยตอนนี้มันจะกลายเป็นว่าเขาหลอกใช้ความรู้สึกของยุย นั่นยิ่งทำให้ยูมะรู้สึกหดหู่มากกว่าเก่า

“ขอโทษนะ ชั้นขอตัวเข้าห้องน้ำแปบ”

สุดท้าย ยูมะฝีนตัวออกผละจากอ้อมกอดยุย รีบวิ่งออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อ

****

ยูมะวิ่งเต็มสปีดมาที่ห้องน้ำ

“ไม่ได้แล้ว ไม่ไหวแล้ว ไม่ได้การแล้ว”

ตอนนี้ในสายตาของยูมะไม่ได้มองยุยในฐานะ “เพื่อนสนิท” แต่มองยุยเป็น “ผู้หญิงที่อยากให้เป็นแฟน”

ปัญหาคือท่าทีก่อนหน้าของยูมะ แสดงตัวชัดว่า เขาอยากช่วยเธอในฐานะเพื่อน อย่างตอนที่ถูกสารภาพรัก นั่นเป็นเพราะยุยอยากตอบแทนบุญคุณ เขาจึงปฏิเสธเป็นแฟนกับเธอ 

ปัญหาคือเหตุผลที่ปฏิเสธยุยในตอนนั้น กับความรู้สึกของยูมะในตอนนี้มันสวนทางกันสิ้นเชิง ความรู้สึกอยากครอบครองเป็นเจ้าของยุย นับวันยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันเลยเป็นความรู้สึกผิดที่เกาะกุมในใจเขา

ยูมะวิ่งไปจนสุดทาง พบว่า เนเน่ยืนยิ้มดักรอเขาอยู่ เธอชี้นิ้วไปที่ป้ายเขียนว่า “กรุณางดใช้เสียง”  

จุดที่เนเน่ยืนตอนนี้แอบตรงมุม เป็นจุดที่ยุยไม่เห็นว่าเนเน่ยืนดูอยู่ เธอหยิบมือถือขึ้น พิมพ์ข้อความแชทหายูมะ

“มีปัญหาเรื่องความรักปรึกษาพี่ได้นะ”

ยูมะอ่านข้อความจบ รู้เลยว่าเธอแอบดูเขากับยุยตั้งแต่ต้น หน้าเขาแดงแป๊ด

(เอาไงดีวะ)

จะสารภาพเรื่องความฝันกับความรู้สึกให้เนเน่ฟัง บอกตรงๆว่าโคตรของโคตรอาย

แต่ว่าด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน เขานึกอะไรไม่ออก หัวตื้อตันไปหมด มันต้องหันหน้าหาใครสักคนคุยอย่างจริงจังแล้ว และตอนนี้ก็ไม่เห็นแววว่าใครจะเป็นที่ปรึกษาความรักได้ดีที่สุดเท่าเนเน่

สุดท้ายยูมะกล้ำกลืนความเขินอายในใจ พิมพ์ตอบกลับไปว่า

“ถ้างั้นขอรบกวนด้วยครับ”

***

จบ CH8-1

ตอนหน้ามาลุ้นกันว่า เนเน่พี่สาวของยูมะจะให้คำปรึกษาแบบไหน  คิดว่าคนน่าจะชอบช่วงนี้กันนะครับ ใครที่ทนอ่านช่วงแรกมาถึงจุดนี้ได้น่าจะเข้าใจที่ผมบอกแล้วว่า เรื่องนี้มันสนุกช่วงหลังนี่แหละ555 

 

ปล.ตอน8-2 ผมอัพรวดเดียวสองชั่วโมง เอาจนจบ ได้อ่านจุใจแน่

ถ้ารอได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 8.1: ความหื่นจากจิตใต้สำนึก

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 8.1: ความหื่นจากจิตใต้สำนึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อ่าน Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend    CH8-1 ความหื่นจากจิตใต้สำนึก

 

 

“นี่ ยูมะ ชั้นอยากจะ…ตอบแทนนาย”

ในร้านเน็ตคาเฟ่ที่เดิม  ยุยกล่าวเสียงอ้อนขณะซุกอกยูมะ

แววตาเธอดูเขินอาย ขณะที่หน้าเธอแดงก่ำถึงใบหู เพียงเห็นท่าทางของเธอ ก็โดนตกหัวใจไปง่ายๆ

“ตอบแทน… คิดจะทำอะไรเหรอ”

ยูมะกล่าวเสียงเข้มงวดปิดบังความเขิน

ยุยที่ซุกอกยูมะ เงยหน้าสบตาเขา

“ร่างกายของชั้น … ยูมะเชิญ…ทำตามใจชอบได้เลย”

“ด…เดี๋ยวก่อน แบบนั้นมัน…ไม่ดีมั้ง”

“ดีสิ? ถ้าเป็นยูมะละก็..ชั้นไม่รังเกียจ..ไม่สิ ..เพราะเป็นยูมะต่างหากถึงอยากให้ทำ”

คำพูดอ้อนหวานๆของยุย ทำให้สติยูมะขาดผึง

“ยุย..เอาจริงสินะ”

“อืม”

ยูมะรวบตัวเธอกอดแน่น ยุยเงยหน้าหรี่ตามองเขา  ก่อนจะหลับตาลง

ยูมะหลับตา ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกัน

*****

*******

นี่คือความฝันที่ยูมะเห็นตะกี้

ยูมะลืมตาโพลง มองเพดานห้องนอนตัวเองประมาณสิบวินาทีถึงรู้สึกตัวและจำรายละเอียดความฝันได้ครบถ้วน

“เชี่ยไรเนี่ยยยยยยยยยย”

ยูมะเอาหมอนปิดหน้าตัวเองตะโกนคาหมอน

*******

นับจากวันสารภาพรัก ผ่านไปแล้วสามวัน

ยูมะกับยุยยังคงมีนัดทำกิจกรรมเที่ยวด้วยกันเหมือนเดิม แต่วันนี้ยูมะวิตกมาก

เพราะฝันที่เห็นเมื่อคืน ยูมะรู้แล้วว่าตัวเองมีจิตใจที่หื่นกามแอบแฝง ไอ้ที่ใจดีกับยุย แท้ที่จริงก็ทำเพื่อสนองกิเลสลามกตัวเองชัดๆ 

ยูมะไม่อยากจะใกล้ยุยเหมือนที่ผ่านมา เพราะไม่อยากให้ยุยที่เข้าหายูมะแบบไร้การป้องกันใสซื่อ เนื่องจากเชื่อใจว่ายูมะไม่มีจิตใจด้านหื่นแอบแฝง ซึ่งการที่มีจิตใจแอบแฝงแบบนี้ ในความรู้สึกยูมะ มันคือการหักหลังความรู้สึกยุย

ภาพในฝันเมื่อคืนยิ่งแจ่มชัดกว่าเดิม ล้างออกไปจากสมองไม่ได้สักที 

สภาพยูมะตอนนี้จึงสะโหลสะเหลคล้ายผีดิบก็ไม่ปาน

“อรุณสวัสดิ์ ทานข้าวเช้ามั้ย”

“…อืม”

ปกติเนเน่จะเป็นคนเตรียมอาหารเช้าอยู่แล้ว อาหารก็ง่ายๆแค่เทซีเรียลกินกับนมสด 

ถ้าเป็นยูมะตอนปกติ ป่านนี้กวาดเรียบเก็บจานล้างไปแล้ว แต่ตอนนี้คือยังไม่แตะสักช้อน

“…ยูคุงเป็นไข้รึเปล่า วันนี้ดูไม่ค่อยอยากอาหารเลย”

“อืม นิดหน่อยครับ”

จะสารภาพเล่าเรื่องความฝันเมื่อคืนให้เนเน่ฟัง ยูมะก็ไม่มีความกล้าพอจะเล่าตอนนี้

“เฮ้อ..”

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่

…ตอนนี้ยูมะมั่นใจในความรู้สึกตัวเองแล้วว่าคิดกับยุยไม่ใช่เพื่อนสนิท แต่เป็นคนรัก

ทว่า ยุยคิดกับเขาเป็นเพื่อนสนิท ยูมะจึงไม่อยากไม่หักหลังเรื่องนี้

แต่แม้ว่าหัวจะคิดว่าไม่อยากหักหลัง แต่ภาพในฝันที่ยังติดตา มันเป็นชะนักติดหลัง คิดแต่เรื่องอย่างว่ากับเธอนี่สิ

“เฮ้อออ……”

“ไม่เป็นไรจริงๆใช่มั้ย? ถ้าป่วย วันนี้นอนพักน่าจะดีกว่านะ”

“..ไม่เป็นไรจริงๆครับ”

 หลังจากนั้น มีเสียงแจ้งเตือนสมาร์ทโฟนข้อความเข้าดังขึ้น

ยูมะหยิบโทรศํพท์มาดู เป็นยุยที่ส่งข้อความมา

“ยูมะ วันนี้มีกำหนดการทำอะไรบ้าง”

ยูมะพิมพ์ตอบกลับ

“ยังนึกไม่ออกนะ  มีอะไรรึเปล่าล่ะ”

“คือว่าแม่ผมน่ะ…ให้ค่าขนมผมไว้ซื้อเสื้อสวยๆไปใส่ตอนเที่ยวกับเพื่อน ก็เลยคิดว่าอยากจะไปซื้อเสื้อที่ร้านคุณเนเน่ ถ้าไม่รังเกียจ ยูมะจะไปด้วยกันมั้ย”

ชวนไปซื้อเสื้อก็ดีใจอยู่หรอก แต่ว่าตอนนี้เงินค่าขนมยูมะก็ชักจะร่อยหรอแล้วนี่สิ

“ยุยส่งข้อความมาเหรอ”

“ใช่ครับ เธอชวนผมไปซื้อเสื้อที่ร้านพี่เนเน่ครับ”

“เห…. แสดงว่าไปชอปปิ้งเดทที่ร้านเสื้อสินะ”

“ม..ไม่ใช่เดทซะหน่อย”

ยูมะหน้าแดงปฏิเสธลั่น เนเน่มองยูมะ ส่งยิ้มแบบมีเลศนัย

“..ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงครับ”

“เปล๊า ไม่มีจ้า หึหึหึ♥”

“ก็ตามที่ยุยว่า ถ้าผมไปร้านเนเน่ตอนกลางวัน สะดวกมั้ย”

“แน่นอน มาได้ทุกเวลาเลยจ้า  อ๊ะ ใกล้ถึงเวลาเข้างานพี่ละ ถ้าออกไปข้างนอก ฝากล็อคประตูด้วยนะ”

“ได้ครับ เดินทางปลอดภัยครับ”

เนเน่ลุกขึ้น เดินออกไปถึงหน้าประตู ก่อนหยุดฝีเท้า

“อ้อ เกือบลืม วันนี้พี่มีธุระต้องไปทำงานนอกสถานที่ คิดว่ากว่าจะกลับมาก็วันพรุ่งนี้มืดๆเลย”

“เรื่องนี้ถ้ารู้ล่วงหน้าก็น่าจะรีบบอกให้เร็วกว่านี้นะครับ”

“โทษทีโทษที ก็นะ  ตอนพี่ไม่อยู่บ้าน ห้ามพายุยเข้ามาในแมนชั่นตามลำพังนะ”

“สาสสสส เลิกแซวแล้วรีบไปทำงานได้แล้ว”

เนเน่หัวเราะลั่น ก่อนออกจากบ้านไป

ยูมะฝืนทานซีเรียลจนหมด เก็บกวาดล้างจาน ลุกมานั่งที่โซฟา 

“เนเน่  ปากนี่เหลือเกินจริงๆ”

ยูมะคิดถึงยุย ชวนเขาไปซื้อเสื้อนี่คือ ไม่มองเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งเลยนะ  ทั้งที่จริงๆมันก็คือตามที่เนเน่ว่า มันคือชอปปิ้งเดทแท้ๆ

ก็พยายามจะไม่ใส่ใจคำพูดเนเน่ แต่เรื่องนี้มันก็กวนใจเขาเหลือเกิน  ยิ่งหลังจากที่ฝันเมื่อคืน ยิ่งกลุ้มหนักกว่าเก่า

“ช่างเหอะ ไม่แน่ เที่ยวกับยุยเพลินๆอาจจะลืมเรื่องฝันก็ได้”

****

ยูมะออกไปรับยุยที่หน้าบ้าน เธออกมารอหน้าบ้านก่อนหน้าแล้ว

“ยูมะ”

ทันทีที่เห็นยูมะ เธอเรียกชื่อเขาพร้อมเผยรอยยิ้มดีใจ ยูมะมองยุยตอนนี้แล้วคิดว่าเธอเหมือนลูกสุนัขตัวน้อยที่ดีใจรอออกไปวิ่งเล่นกับเจ้าของ

“อนุณสวัสดิ์ ขอบคุณที่ไปซื้อของด้วยกันวันนี้นะ”

“อ..อืม

ยูมะมองหน้ายุยปุ๊บ นึกถึงฝันเมื่อคืน รีบเบือนหน้าหลบตาเธอ

“? ยูมะ? เป็นอะไรเหรอ”

“ป..เปล่า ไม่มีอะไร”

“แต่ว่าหน้าแดงมากเลยนะ มีไข้รึเปล่า”

ยุยกล่าวจบ เอามือเธอข้างนึงแตะหน้าผากยูมะ ส่วนอืกมือแตะหน้าผากตัวเอง

ทันทีที่หน้าผากสัมผัสกับมือนุ่มๆของยุย ยูมะรู้สึกว่าฝ่ามืออ่อนนุ่มที่สัมผัสแล้วรู้สึกดี แต่ตอนนี้สัมผัสจากเธอเล่นเอาเขาใจสั่น  หายใจแรงโดยไม่รู้ตัว 

…เอาเหอะ  แต่ดูจากยุยกล้าขนาดนี้ ดูเหมือนว่าโรคสื่อสารไม่เก่งจะดีขึ้นมากแล้ว 

ถึงจะยังห่างไกลจากคนทั่วไปที่ออกไปข้างนอกคนเดียวได้ แต่ตอนนี้เธอสามารถคุยกับยูมะได้ตามปกติ  ปกติยูมะมักจะเป็นคนเปิดหัวข้อสนทนาก่อน แต่ช่วงหลังยุยเริ่มเป็นคนเอ่ยปากคุยก่อนบ่อยขึ้น

ทุกคำพูด ทุกการกระทำของยุย คือบอกชัดมากผ่านภาษากายและวาจานั่นคือ “เธอชอบยูมะที่สุด” 

(แต่ว่าวันนี้มันไม่ไหวอะ)

ภาพที่จูบยุยในฝันยังไม่เลือนไปจากความทรงจำ แค่เธอแตะหน้าาก ก็รู้สึกได้ว่าร่างกายร้อนรุ่มกว่าเดิม  ในฐานะเพื่อนสนิทที่จะซัพพอร์ทยุย มันไม่ควรจะมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นเลย

ด้วยความกังวลข้างต้น ทำให้ถึงตอนนี้ยูมะไม่กล้าสบตายุยเลย

“ม..ไม่ต้องเป็นห่วงน่าชั้นสบายดีจริง เราไปกันเถอะ”

“อ..อืม”

ยุยกล่าวจบ กะจะเดินไปคล้องแขนยุมะตามปกติ แต่คราวนี้ยูมะกระเถิบห่าง ไม่ให้เธอคล้องแขนแล้ว

ยุยเห็นยูมะถอยออก สีหน้าซีดลง ดูท่าว่าจะช็อคหนัก

“ม..ไม่ได้รังเกียจนะ แค่ไม่อยากให้เนเน่เห็น คือชั้นอายน่ะ”

“อ..อืม”

ยุยดูจะจับความผิดปกติของยูมะได้ว่าท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิม ทางยูมะก็ได้แต่ขอโทษยุยในใจ แต่ด้วยสภาพนี้ ถ้าโดนยุยเดินควงแขน เขาไมมีความมั่นใจว่าจะคงสติได้จริงๆ

สุดท้ายทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงร้านเสื้อ โดยเนเน่รอต้อนรับที่ร้าน

ครั้งก่อนที่มากับยุย เนเน่เป็นคนดูแล แต่คราวนี้เธอไม่ได้ดูแลแต่เป็นพนักงานในร้านช่วยแทน เพราะว่าเนเน่ติดดูแลลูกค้าคนอื่นอยู่

ยูมะสบตาเนเน่ กล่าวทางสายตาว่า ไม่เป็นไร เนเน่ดูแลลูกค้าไปเลย 

ยุยกับยูมะเดินไปเลือกเสื้อด้วยกัน

เสื้อในร้านเนเน่ถ้าเอาจำนวนไปเทียบกับห้างใหญ่ ของจะมีน้อยกว่า แต่วัดกันที่คุณภาพ เสื้อร้านเนเน่ก็มั่นใจได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร เสื้อผ้าที่เนเน่คัดมาประจำร้านคือบ่งบอกชัดว่า เธอมีเซนส์ด้านแฟชั่นดีมากจนใช้คุณภาพชดเชยจำนวนได้

“ยูมะ เสื้อตัวนี้คิดว่าไงบ้าง”

“ไม่ไหวนะ เอะอะก็หยิบแต่เสื้อพาร์ก้า วันนี้ต้องเลือกเสื้อสวยๆไม่ใช่เหรอครับ ลองดูตัวนี้มั้ย”

“เอ๋..ฉูดฉาดไปนิดนึงนะ”

“งั้นเหรอ ลองเปลี่ยนเป็นตัวนี้คิดว่าไง”

“ว้าว ตัวนี้ดูดีเลย”

ถึงแม้ในใจยูมะจะมีความอายเหลือยู่ แต่ไหนๆก็อุตส่าชวนมาซื้อเสื้อ ก็ต้องพยายามช่วยเหลือเธอให้ต็มที่ อย่างน้อยก็ต้องชดเชยที่ไม่ได้ให้เธอคล้องแขนตะกี้ด้วย

“ลองใส่ดูเลยดีมั้ย”

“ก็ดีนะ”

ยุยหยิบเสื้อ เดินเข้าไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อ ยูมะได้ยินเสียงรูดซิบกับเสียงถอดเสื้อจากในห้อง

ครั้งก่อนที่มากับยุย ก็มีเหตุการณ์รอยุยเปลี่ยนเสื้อ ตอนนั้นมีความตื่นเต้นรอดูว่าจะยุยจะสวยขนาดไหน แต่ตอนนี้แค่ได้ยินเสียงซิบ ยูมะก็วิตกจริต อยากจะพุ่งตัวหนีออกจากร้านแล้ว

ผ่านไปได้สักพัก ยุยเลิกผ้าม่านห้องเปลี่ยนเสื้อ เดินออกมา

“ชุดนี้..เป็นไงบ้าง”

ยูมะได้ยินเสียงยุยกล่าวด้วยความตื่นเต้น

ถ้าวิจารณ์ตามตรง ต้องบอกว่าเข้ากับเธอมาก

ทางยุยเองก็ดูจะรอคำชมจากยูมะเหมือนที่ผ่านมา ท่าทางเธอมันน่ารักมาก ทว่ายูมะมองยุยได้แว่บเดียว รีบเบนหน้าหนี เพราะคิดอะไรฟุ้งซ่านเกิน

“ก็..ดูดี..นะ”

 ยูมะพูด แต่ไม่ได้สบตายุย ความผิดปกตินี้ทำให้ยุยเริ่มกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“ยูมะ..มีเรื่องอะไรรึเปล่า ..วันนี้ดูเธอไม่เหมือนเดิมเลย”

“ไม่มี๊..”

จริงๆมันมี แต่ให้บอกเจ้าตัวได้ไงล่ะ ยูมะเลยทำเสียงสูงกลบเกลื่อนให้ดูตลก แต่นั่นยิ่งทำให้ยุยกังวลหนักกว่าเก่า

“…..”

ยุยหันซ้ายขวากวาดตามองดูรอบข้าง ถึงจะมีลูกค้าคนอื่นอยู่ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสนใจซื้อเสื้อมากกว่าจะมองมาที่ยุยกับยูมะ

“…ยูมะ มาตรงนี้แปบนึงได้มั้ย”

“ห๊ะ..เฮ้ย เดี๋ยวก่อน”

ยุยคล้องแขนยูมะโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ถูกลากมาที่ห้องเปลี่ยนเสื้อ

“ย…ยุย”

ยุยรูดผ้าม่านห้องเปลี่ยนเสื้อปิดไม่ให้คนนอกเห็น ด้วยความที่ห้องเปลี่ยนเสื้อมันแคบ ทั้งสองคนอยู่ชิดกันมาก เล่นเอายูมะใจเต้นระรัว

“ยูมะ ย่อตัวลงหน่อยได้มั้ย”

“เอ๋..ทำไมเหรอ”

“ทำตามที่ชั้นบอกเถอะนะ”

ยูมะย่อเข่าลง ตอนนี้หัวของยูมะสุงเท่าระดับอกของยุย

ทันใดนั้น ยุยคว้าหัวยูมะเข้ามาซุกกับอกเธอ

“เฮ้ย..”

ยูมะรับรู้ถึงสัมผัสที่นุ่มนวล ได้กลิ่นคล้ายน้ำนมสดจากร่างกายยุย และได้ยินเสียงหัวใจเธอเต้น  

จู่ๆโดนลากเข้าห้อง แถมโดนกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว เล่นเอาวงจรความคิดยูมะหยุดชะงัก ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไงดี

“คือว่า…จำได้มั้ย ครั้งก่อนที่คุยกันเรื่องสกินชิพ  ถ้าทำแบบนี้ชั้นคิดว่ายูมะน่าจะรู้สึกดีขึ้นนะ?”

น้ำเสียงของยุยมีความเขินอาย กระนั้นเธอก็ยังกอดยูมะไม่ปล่อย มือหนึ่งลูบหัวยูมะไปด้วย

“เอ่อ..ก็รู้สึก…อืม…ว่าไป. เธอไม่อายเหรอ”

“อายสิ..แต่ว่า..ชั้นรักยูมะที่สุด..ชั้นอยากให้ยูมะ..กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม แล้วก็…”

ยุยกล่าวต่อ กอดยูมะแน่นกว่าเก่า

“ชั้นเคยบอกว่า ถ้ามีเรื่องอะไรที่ชั้นพอทำได้  ขอให้บอกชั้น ถึงชั้นอาจจะพึ่งพาไม่ได้ แต่ชั้นจะ..พยายามเต็มที่…”

โอ้ยย คำพูดของเธอจับใจมาก  ยูมะฟังจบ เขายิ่งรู้สึกรักยุยมากขึ้นทวีคูณ อยากกอดเธอ อยากแสดงความรัก อยากเป็นเจ้าของเธอ  

แต่ว่า…ยุยในตอนนี้คือเพื่อนสนิท ยูมะคิดว่าที่ยุยกอดเขาตอนนี้คืออ้อมกอดความห่วงใยจากเพื่อน  หากเขากอดยุยตอนนี้มันจะกลายเป็นว่าเขาหลอกใช้ความรู้สึกของยุย นั่นยิ่งทำให้ยูมะรู้สึกหดหู่มากกว่าเก่า

“ขอโทษนะ ชั้นขอตัวเข้าห้องน้ำแปบ”

สุดท้าย ยูมะฝีนตัวออกผละจากอ้อมกอดยุย รีบวิ่งออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อ

****

ยูมะวิ่งเต็มสปีดมาที่ห้องน้ำ

“ไม่ได้แล้ว ไม่ไหวแล้ว ไม่ได้การแล้ว”

ตอนนี้ในสายตาของยูมะไม่ได้มองยุยในฐานะ “เพื่อนสนิท” แต่มองยุยเป็น “ผู้หญิงที่อยากให้เป็นแฟน”

ปัญหาคือท่าทีก่อนหน้าของยูมะ แสดงตัวชัดว่า เขาอยากช่วยเธอในฐานะเพื่อน อย่างตอนที่ถูกสารภาพรัก นั่นเป็นเพราะยุยอยากตอบแทนบุญคุณ เขาจึงปฏิเสธเป็นแฟนกับเธอ 

ปัญหาคือเหตุผลที่ปฏิเสธยุยในตอนนั้น กับความรู้สึกของยูมะในตอนนี้มันสวนทางกันสิ้นเชิง ความรู้สึกอยากครอบครองเป็นเจ้าของยุย นับวันยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันเลยเป็นความรู้สึกผิดที่เกาะกุมในใจเขา

ยูมะวิ่งไปจนสุดทาง พบว่า เนเน่ยืนยิ้มดักรอเขาอยู่ เธอชี้นิ้วไปที่ป้ายเขียนว่า “กรุณางดใช้เสียง”  

จุดที่เนเน่ยืนตอนนี้แอบตรงมุม เป็นจุดที่ยุยไม่เห็นว่าเนเน่ยืนดูอยู่ เธอหยิบมือถือขึ้น พิมพ์ข้อความแชทหายูมะ

“มีปัญหาเรื่องความรักปรึกษาพี่ได้นะ”

ยูมะอ่านข้อความจบ รู้เลยว่าเธอแอบดูเขากับยุยตั้งแต่ต้น หน้าเขาแดงแป๊ด

(เอาไงดีวะ)

จะสารภาพเรื่องความฝันกับความรู้สึกให้เนเน่ฟัง บอกตรงๆว่าโคตรของโคตรอาย

แต่ว่าด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน เขานึกอะไรไม่ออก หัวตื้อตันไปหมด มันต้องหันหน้าหาใครสักคนคุยอย่างจริงจังแล้ว และตอนนี้ก็ไม่เห็นแววว่าใครจะเป็นที่ปรึกษาความรักได้ดีที่สุดเท่าเนเน่

สุดท้ายยูมะกล้ำกลืนความเขินอายในใจ พิมพ์ตอบกลับไปว่า

“ถ้างั้นขอรบกวนด้วยครับ”

***

จบ CH8-1

ตอนหน้ามาลุ้นกันว่า เนเน่พี่สาวของยูมะจะให้คำปรึกษาแบบไหน  คิดว่าคนน่าจะชอบช่วงนี้กันนะครับ ใครที่ทนอ่านช่วงแรกมาถึงจุดนี้ได้น่าจะเข้าใจที่ผมบอกแล้วว่า เรื่องนี้มันสนุกช่วงหลังนี่แหละ555 

 

ปล.ตอน8-2 ผมอัพรวดเดียวสองชั่วโมง เอาจนจบ ได้อ่านจุใจแน่

ถ้ารอได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+