LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 13.3

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 13.3 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นอกจากอนิเมะ ยุยถามนาโกะว่าเล่นเกมส์แกรนด์เกทด้วยมั้ย 

คำตอบนาโกะคือเล่นอาชีพปืนใหญ่  ยุยก็จะคุยต่อว่าเลเวลเท่าไร มีเวลาก็อยากชวนไปเล่นด้วยกัน ตอนนี้ยุยมีความสุขมากเพราะเจอเพื่อนคอเดียวกันอีกคนที่่ชอบทั้งอนิเมะและเกม แชทเลยเด้งกันอยู่แค่สองคนที่คุย

อาสึกะที่มองแชทเด้งอยู่ๆห่างๆ เริ่มงอนแก้มป่อง

“ทั้งสองคนคุยแชทกันมันส์ ยุยจังขี้โกงจริงๆ ไม่ยอมมาคุยกับชั้นบ้างเลย”

“อ๊ะ อืม เอ่อ ยูมะ ให้ชวนเข้ากลุ่มได้ใช่มั้ย”

“อืม ชวนเลย รู้วิธีชวนรึเปล่าล่ะ”

“เอ่อ ไม่รู้…”

“ยุยจัง ยุยจัง นี่เลย กดตรงนี้นะ แจ๋วเลย แล้วกดเบอร์ตามนี้ โอเค ฝากตัวด้วยนะ”

“อืม ฝากตัวด้วยนะ เมงุจัง”

“เย้ ในที่ยุยจังก็เรียกชั้นว่าเมงุจังแล้ว”

อาสึกะพึงพอใจที่ยุยเรียกชื่อเธอ กระโดดกอดยุยอีกครั้ง

ในขณะที่นาโกะ เห็นรายชื่ออาสึกเพิ่มเข้ามา แต่เจ้าตัวยังคงหน้านิ่งเฉย ไม่แสดงปฏิกริยาใดๆ   กล่าวว่า

“เข้ากลุ่มก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่กลุ่มนี้เน้นคุยเรื่องเมะกับเกมส์ เธอเข้าใจเรื่องพวกนี้เหรอ”

“เอ๋ เหรอ เอาน่า เรื่องอนิเมะอย่างน้อยก็เคยดูคิเมสึไยบะ เกมส์ก็ยังรู้จักโมริโอปาร์ตี้ละกัน”

“อืม อย่างนี้นี่เอง”

“เดี๋ยวต่อจากนี้ ค่อยศึกษา ไม่ยากหรอก ยุยจังมีเรื่องอะไรแนะนำมั้ย”

“เอ๊ะ..อืม ลองดูเรื่อง ท้องฟ้าของเธอก็ได้นะ เห็นตอนนี้มีปล่อยตอนในเว็บนิโยะนิโยะอยู่”

“โอเค เดี๋ยวเสาร์นี้จะลองดูนะ”

ยูมะที่เฝ้าดูทั้งสามคนอยู่ห่างๆ รู้สึกโล่งใจและเหงาในเวลาเดียวกัน นี่สินะความรู้สึกแม่นกที่เห็นลูกนกบินได้แล้ว 

เพราะดูเหมือนว่าอาการสื่อสารไม่เก่งของยุยดีขึ้นมาก สามารถคุยโต้ตอบกับนาโกะและอาสึกะได้ แถมทั้งสามคนก็นิสัยน่าจะเข้ากับยุยและสนิทสนมกันมากขึ้นในเร็วๆนี้

***

ในที่สุดโรงเรียนก็เลิก ทั้งสี่คนเดินกลับด้วยกัน และแยกทางตรงสถานีรถไฟ

“พวกชั้นต้องไปขึ้นรถไฟตรงสถานีโน้น ก็แยกกันตรงนี้เลยนะ”

“ยุยจัง สิงาซากิคุง เจอกันพรุ่งนี้น้า”

“อ..อืม บายบาย”

“ไว้เจอกัน”

ยุยยกมือส่ายกล่าวลา นาโกะกับอาสึกะเดินแยกไปขึ้นอีกสถานีหายลับไปกับฝูงชน  ยุยถอนหายใจแรงๆทีหนึ่ง

“เหนื่อยเหรอ?”

“อืม คาบเรียนสุดท้ายเป็นคาบพละทดสอบสมรรภาพทางกาย  ชั้นไม่ได้ออกกำลังมานาน พรุ่งนี้คงปวดกล้ามเนื้อแน่ๆเลย”

“จะว่าไปตอนทดสอบ เห็นว่าร่างกายเธอได้คะแนนเทสความยืดหยุ่นดีเลยนี่นา”

“เห็นด้วยเหรอ”

“เปล่า แต่อาสึกะเสียงดังน่ะ  ตอนนั้นเธอตกใจจะโกนว่า”ยุยจังตัวอ่อนมากๆเลย ข้างในมีกระดูกรึเปล่านิ”

….จริงๆเขาโกหกไปงั้นแหละ ที่จริงยูมะแอบสังเกตยุยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะคาบเรียนพละ ยุยเปลี่ยนทรงผมเป็นมัดหางม้า  เขาเห็นทรงผมเธอน่ารักดีเลยจับตาดูเธอตลอด เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับไม่ให้ยุยรู้

“แต่สุดท้ายนอกจากเรื่องตัวอ่อน เรื่องอื่นนี่ยับเยินเลยนะ เล่นกีฬานี่คือนั่งยาวๆเลย”

ยุยนึกถึงวันนี้หลังทดสอบ สมรรภาพ อาจารย์จัดให้แข่งดอดจ์บอล ผลคือยุยโดนตั้งแต่ดอกแรก ไปนั่งข้างสนามแต่วันเลย 

“แต่ว่าเมงุจังนี้สุดยอดไปเลยนะ ขนาดแข่งทีมกับพวกผู้ชาย หรือแข่งสมรรถภาพเรื่องวิ่ง ฝีเท้าเธอยังกินขาดพวกผู้ชายหลายคนแน่ะ”

ยุยกล่าวจบ สูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง เพราะคุยยาวมาก หายใจไม่ทัน

“…วันนี้สนุกสินะ”

“อืม”

ยุยส่งยิ้มพยักหน้า  แค่เห็นรอยยิ้มเธอ ยูมะก็รู้แล้วว่าเธอมีความสุขจริง

ตอนนี้พวกยูมะเดืนทางมารอรถไฟที่ชานชาลาละ 

เนื่องจากวันนี้เรียนแค่ครึ่งวันเช้า ช่วงกลางวันตอนกลับบ้าน เลยไม่ค่อยมีคนออเท่าไร มีที่นั่งให้เลือกสบาย ทั้งสองคนจึงเลือกนั่งด้วยกัน

“….เอาจริงๆนะ ตอนนี้ยังคิดอยู่เลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ชั้นฝันไปรึเปล่า  ยังแอบกังวลตลอดเวลาเลยนะ”

ยุยกล่าวขณะที่รถไฟเริ่มออกวิ่ง

“ฝันเหรอ?”

“อืม ก็มัน..ยกตัวเอย่างเรื่องสื่อสารไม่เก่ง ตอนนี้ก็พัฒนาขึ้น  สามารถคุยกับคนอื่นที่ไม่ครอบครัวได้ดีขึ้น ทั้งที่หลายปีก่อนหน้าชั้นยังทำไม่ได้เลย ตั้งแต่ได้พบและเป็นเพื่อนกับยูมะ พวกโรคสื่อสารไม่เก่งมันดีขึ้นราวกับโกหก  แถมเปิดเทอมไม่ทันไรก็มีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น ทุกอย่างมันราบรื่นสวยงามเกินไปจนคิดว่าฝันไป จนชั้นไม่อยากจะคิดว่าหากหลับไปแล้วทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม ชั้นไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว”

ฟังจากที่ยุยพูด ยูมะก็เข้าใจได้ทันทีว่า เธอยังไม่ชินกับความสุข  เรื่องสมัยอดีตที่ผ่านมาฝังใจเธอมากจนทำให้ไม่กล้าจะเสพรับความสุขที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่

“ไม่ต้องห่วง ยังไงชั้นจะอยู่เคียงข้างเสมอ”

ยุยฟังยูมะพูดจบ เธอส่งยิ้มอย่างดีใจ

“อืม อยู่เคียงข้างตลอดไปนะ”

“อืม”

ยุยตอบกลับ รู้สึกเขินอายเล็กๆ

ถ้าเป็นการพูดในเชิงว่าแฟน นี่คือคำสาบานว่าอยู่ด้วยกันตราบชีวิตหาไม่เลยนะ แต่ว่าตอนนี้เธอคือเพื่อนนี่สิ มันก็แอบเฟลนิดๆ ถ้าความสัมพันธ์เราขยับดีขึ้นกว่านี้สักนิด จะเป็นยังไงบ้างนะ

ระหว่างที่ยูมะคิดเพลินๆ จู่ยุยคอเอียงข้าง ซบไหล่ยูมะ

“ย..ยุย”

“……..”

“……..ุยุย?”

ยุยหลับตาส่งเสียงฟรี้้ ฟรี้เป็นจังหวะ สรุปว่าเธอคงเหนื่อยจัดจนม่อยหลับไปซะแล้ว

ตอนแรกยูมะกะว่าจะปลุกเธอ แต่คิดอีกที ปล่อยเธอหลับต่อดีกว่า 

ถ้าเธอเหนื่อย ยูมะก็อยากจะเป็นที่พักพิงให้เธอผ่อนคลาย และตัวเขาเองก็อยากจะเก็บความทรงจำหวานๆตอนนี้ไว้  ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่เธอซบ ความอบอุ่น ยูมะอยากเก็บช่วงเวลานี้ทั้งหมดไว้ในใจ

ยูมะถอนหายใจเฮือกหนึ่งเบาๆ  ถ้ายุยบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคือความฝันรึเปล่า ส่วนตัวยูมะก็คิดไม่ต่างกัน ไปโรงเรียนกับคนที่ชอบ ได้จับมือควงแขนกับคนที่ชอบ  คนที่ชอบเขาสบายใจและเชื่อใจเมื่ออยู่กับเขาจนถึงขั้นนอนซบไหล่ข้างกาย

ถึงแม้จะรู้สึกอายนิดหน่อย แต่ยูมะก็รู้สึกมีความสุขมากเมื่อยุยนอนซบเขา เขาเลยปล่อยให้เธอนอนไปเรื่อยๆไม่ปลุกเธอจนกว่าจะถึงสถานีปลายทาง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend 13.3

Now you are reading LN Zuttomo This Is the Memory Until the Girl Who Said “Please Be My Friend Forever,” Is No Longer My Friend Chapter 13.3 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นอกจากอนิเมะ ยุยถามนาโกะว่าเล่นเกมส์แกรนด์เกทด้วยมั้ย 

คำตอบนาโกะคือเล่นอาชีพปืนใหญ่  ยุยก็จะคุยต่อว่าเลเวลเท่าไร มีเวลาก็อยากชวนไปเล่นด้วยกัน ตอนนี้ยุยมีความสุขมากเพราะเจอเพื่อนคอเดียวกันอีกคนที่่ชอบทั้งอนิเมะและเกม แชทเลยเด้งกันอยู่แค่สองคนที่คุย

อาสึกะที่มองแชทเด้งอยู่ๆห่างๆ เริ่มงอนแก้มป่อง

“ทั้งสองคนคุยแชทกันมันส์ ยุยจังขี้โกงจริงๆ ไม่ยอมมาคุยกับชั้นบ้างเลย”

“อ๊ะ อืม เอ่อ ยูมะ ให้ชวนเข้ากลุ่มได้ใช่มั้ย”

“อืม ชวนเลย รู้วิธีชวนรึเปล่าล่ะ”

“เอ่อ ไม่รู้…”

“ยุยจัง ยุยจัง นี่เลย กดตรงนี้นะ แจ๋วเลย แล้วกดเบอร์ตามนี้ โอเค ฝากตัวด้วยนะ”

“อืม ฝากตัวด้วยนะ เมงุจัง”

“เย้ ในที่ยุยจังก็เรียกชั้นว่าเมงุจังแล้ว”

อาสึกะพึงพอใจที่ยุยเรียกชื่อเธอ กระโดดกอดยุยอีกครั้ง

ในขณะที่นาโกะ เห็นรายชื่ออาสึกเพิ่มเข้ามา แต่เจ้าตัวยังคงหน้านิ่งเฉย ไม่แสดงปฏิกริยาใดๆ   กล่าวว่า

“เข้ากลุ่มก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่กลุ่มนี้เน้นคุยเรื่องเมะกับเกมส์ เธอเข้าใจเรื่องพวกนี้เหรอ”

“เอ๋ เหรอ เอาน่า เรื่องอนิเมะอย่างน้อยก็เคยดูคิเมสึไยบะ เกมส์ก็ยังรู้จักโมริโอปาร์ตี้ละกัน”

“อืม อย่างนี้นี่เอง”

“เดี๋ยวต่อจากนี้ ค่อยศึกษา ไม่ยากหรอก ยุยจังมีเรื่องอะไรแนะนำมั้ย”

“เอ๊ะ..อืม ลองดูเรื่อง ท้องฟ้าของเธอก็ได้นะ เห็นตอนนี้มีปล่อยตอนในเว็บนิโยะนิโยะอยู่”

“โอเค เดี๋ยวเสาร์นี้จะลองดูนะ”

ยูมะที่เฝ้าดูทั้งสามคนอยู่ห่างๆ รู้สึกโล่งใจและเหงาในเวลาเดียวกัน นี่สินะความรู้สึกแม่นกที่เห็นลูกนกบินได้แล้ว 

เพราะดูเหมือนว่าอาการสื่อสารไม่เก่งของยุยดีขึ้นมาก สามารถคุยโต้ตอบกับนาโกะและอาสึกะได้ แถมทั้งสามคนก็นิสัยน่าจะเข้ากับยุยและสนิทสนมกันมากขึ้นในเร็วๆนี้

***

ในที่สุดโรงเรียนก็เลิก ทั้งสี่คนเดินกลับด้วยกัน และแยกทางตรงสถานีรถไฟ

“พวกชั้นต้องไปขึ้นรถไฟตรงสถานีโน้น ก็แยกกันตรงนี้เลยนะ”

“ยุยจัง สิงาซากิคุง เจอกันพรุ่งนี้น้า”

“อ..อืม บายบาย”

“ไว้เจอกัน”

ยุยยกมือส่ายกล่าวลา นาโกะกับอาสึกะเดินแยกไปขึ้นอีกสถานีหายลับไปกับฝูงชน  ยุยถอนหายใจแรงๆทีหนึ่ง

“เหนื่อยเหรอ?”

“อืม คาบเรียนสุดท้ายเป็นคาบพละทดสอบสมรรภาพทางกาย  ชั้นไม่ได้ออกกำลังมานาน พรุ่งนี้คงปวดกล้ามเนื้อแน่ๆเลย”

“จะว่าไปตอนทดสอบ เห็นว่าร่างกายเธอได้คะแนนเทสความยืดหยุ่นดีเลยนี่นา”

“เห็นด้วยเหรอ”

“เปล่า แต่อาสึกะเสียงดังน่ะ  ตอนนั้นเธอตกใจจะโกนว่า”ยุยจังตัวอ่อนมากๆเลย ข้างในมีกระดูกรึเปล่านิ”

….จริงๆเขาโกหกไปงั้นแหละ ที่จริงยูมะแอบสังเกตยุยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะคาบเรียนพละ ยุยเปลี่ยนทรงผมเป็นมัดหางม้า  เขาเห็นทรงผมเธอน่ารักดีเลยจับตาดูเธอตลอด เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับไม่ให้ยุยรู้

“แต่สุดท้ายนอกจากเรื่องตัวอ่อน เรื่องอื่นนี่ยับเยินเลยนะ เล่นกีฬานี่คือนั่งยาวๆเลย”

ยุยนึกถึงวันนี้หลังทดสอบ สมรรภาพ อาจารย์จัดให้แข่งดอดจ์บอล ผลคือยุยโดนตั้งแต่ดอกแรก ไปนั่งข้างสนามแต่วันเลย 

“แต่ว่าเมงุจังนี้สุดยอดไปเลยนะ ขนาดแข่งทีมกับพวกผู้ชาย หรือแข่งสมรรถภาพเรื่องวิ่ง ฝีเท้าเธอยังกินขาดพวกผู้ชายหลายคนแน่ะ”

ยุยกล่าวจบ สูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง เพราะคุยยาวมาก หายใจไม่ทัน

“…วันนี้สนุกสินะ”

“อืม”

ยุยส่งยิ้มพยักหน้า  แค่เห็นรอยยิ้มเธอ ยูมะก็รู้แล้วว่าเธอมีความสุขจริง

ตอนนี้พวกยูมะเดืนทางมารอรถไฟที่ชานชาลาละ 

เนื่องจากวันนี้เรียนแค่ครึ่งวันเช้า ช่วงกลางวันตอนกลับบ้าน เลยไม่ค่อยมีคนออเท่าไร มีที่นั่งให้เลือกสบาย ทั้งสองคนจึงเลือกนั่งด้วยกัน

“….เอาจริงๆนะ ตอนนี้ยังคิดอยู่เลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ชั้นฝันไปรึเปล่า  ยังแอบกังวลตลอดเวลาเลยนะ”

ยุยกล่าวขณะที่รถไฟเริ่มออกวิ่ง

“ฝันเหรอ?”

“อืม ก็มัน..ยกตัวเอย่างเรื่องสื่อสารไม่เก่ง ตอนนี้ก็พัฒนาขึ้น  สามารถคุยกับคนอื่นที่ไม่ครอบครัวได้ดีขึ้น ทั้งที่หลายปีก่อนหน้าชั้นยังทำไม่ได้เลย ตั้งแต่ได้พบและเป็นเพื่อนกับยูมะ พวกโรคสื่อสารไม่เก่งมันดีขึ้นราวกับโกหก  แถมเปิดเทอมไม่ทันไรก็มีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น ทุกอย่างมันราบรื่นสวยงามเกินไปจนคิดว่าฝันไป จนชั้นไม่อยากจะคิดว่าหากหลับไปแล้วทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม ชั้นไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว”

ฟังจากที่ยุยพูด ยูมะก็เข้าใจได้ทันทีว่า เธอยังไม่ชินกับความสุข  เรื่องสมัยอดีตที่ผ่านมาฝังใจเธอมากจนทำให้ไม่กล้าจะเสพรับความสุขที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่

“ไม่ต้องห่วง ยังไงชั้นจะอยู่เคียงข้างเสมอ”

ยุยฟังยูมะพูดจบ เธอส่งยิ้มอย่างดีใจ

“อืม อยู่เคียงข้างตลอดไปนะ”

“อืม”

ยุยตอบกลับ รู้สึกเขินอายเล็กๆ

ถ้าเป็นการพูดในเชิงว่าแฟน นี่คือคำสาบานว่าอยู่ด้วยกันตราบชีวิตหาไม่เลยนะ แต่ว่าตอนนี้เธอคือเพื่อนนี่สิ มันก็แอบเฟลนิดๆ ถ้าความสัมพันธ์เราขยับดีขึ้นกว่านี้สักนิด จะเป็นยังไงบ้างนะ

ระหว่างที่ยูมะคิดเพลินๆ จู่ยุยคอเอียงข้าง ซบไหล่ยูมะ

“ย..ยุย”

“……..”

“……..ุยุย?”

ยุยหลับตาส่งเสียงฟรี้้ ฟรี้เป็นจังหวะ สรุปว่าเธอคงเหนื่อยจัดจนม่อยหลับไปซะแล้ว

ตอนแรกยูมะกะว่าจะปลุกเธอ แต่คิดอีกที ปล่อยเธอหลับต่อดีกว่า 

ถ้าเธอเหนื่อย ยูมะก็อยากจะเป็นที่พักพิงให้เธอผ่อนคลาย และตัวเขาเองก็อยากจะเก็บความทรงจำหวานๆตอนนี้ไว้  ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่เธอซบ ความอบอุ่น ยูมะอยากเก็บช่วงเวลานี้ทั้งหมดไว้ในใจ

ยูมะถอนหายใจเฮือกหนึ่งเบาๆ  ถ้ายุยบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคือความฝันรึเปล่า ส่วนตัวยูมะก็คิดไม่ต่างกัน ไปโรงเรียนกับคนที่ชอบ ได้จับมือควงแขนกับคนที่ชอบ  คนที่ชอบเขาสบายใจและเชื่อใจเมื่ออยู่กับเขาจนถึงขั้นนอนซบไหล่ข้างกาย

ถึงแม้จะรู้สึกอายนิดหน่อย แต่ยูมะก็รู้สึกมีความสุขมากเมื่อยุยนอนซบเขา เขาเลยปล่อยให้เธอนอนไปเรื่อยๆไม่ปลุกเธอจนกว่าจะถึงสถานีปลายทาง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+