Perfect Superstar 128 วิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 128 วิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 128 วิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์

การร้องเพลงสิ้นสุดลง เสียงปรบมือดังกระหึ่ม

ผลงานเพลง ‘เกาะไร้ผู้คน’ ที่แต่งโดยสีเจียคือจุดกระจายแสงที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มการแข่งขันในย่านปี้ไห่ของค่ำคืนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย หัวหน้าของสิบสุดยอดนักร้องต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง เธอจึงหยิบท่าไม้ตายของตัวเองออกมา และเอาชนะใจผู้ชมทุกคนได้ในทันที

ด้วยเส้นเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ การร้องที่ทรงพลัง เนื้อเพลงที่ลื่นไหล บวกกับทำนองดนตรีคึกคักสดใส…

ภายใต้การบรรเลงดนตรีที่อบอุ่นของวงดนตรีสด เพลงใหม่นี้เหมือนกับฝนเม็ดใหญ่ที่ตกลงมาบนเกาะกลางทะเลยามฤดูร้อนอย่างกะทันหัน พิชิตจิตใจของผู้ชมจำนวนห้าพันคนได้ทันที

ผู้ชมจำนวนมากลุกขึ้นมา ออกแรงปรบมือขอบคุณสีเจีย ขอบคุณที่เธอมอบบทเพลงที่ดีเพลงหนึ่งให้กับทุกคน

เหล่าแฟนเพลงของสีเจียต่างก็ชูป้ายไฟเรืองแสงกันยกใหญ่ ร้องตะโกนเรียกชื่อของเธอเสียงดัง

บรรยากาศภายในงานเข้าสู่ความสนุกสุดยอดแบบใหม่!

การเผชิญหน้ากับเสียงไชโยโห่ร้องของผู้ชมนับพัน ทรวงอกของสีเจียกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงสองสามที สีแดงระเรื่อปรากฏบนใบหน้าที่ขาวผ่องของเธอ หางตาแวววาวเล็กน้อย

เธอกอดกีตาร์ไฟฟ้า โน้มตัวลงอย่างเต็มที่ให้กับผู้ชมที่สนับสนุนเธอ

จากนั้นจึงหมุนตัวไปขอบคุณวงดนตรี

ตอนที่เธอยืดตัวขึ้นมา น้ำตาเป็นสายสองข้างอยู่บนใบหน้าของเธอแล้ว แต่ก็ยังยิ้มด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

เฉินเฟยเอ๋อร์หนึ่งในกรรมการทั้งสี่คนลุกขึ้นปรบมือให้เธอ

หลังจากนั่งลงแล้ว ราชินีเสียงหวานคนนี้ยิ้มถามว่า “ร้องได้ดีมากจริงๆ สีเจีย ฉันจำได้ว่าการแข่งขันก่อนหน้านี้คุณร้องแต่เพลงของคนอื่น ทำไมคืนนี้ถึงเอาเพลงที่แต่งเองออกมาร้องล่ะคะ”

สีเจียเช็ดน้ำตา พูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “เพราะว่าฉันใช้เวลาแต่งเพลงนี้นานมากๆ ไม่มีโอกาสที่เหมาะสมที่จะร้องให้คนอื่นฟังค่ะ แต่คืนนี้ไม่เหมือนกัน…”

เธอหยุดเล็กน้อย ก่อนพูดต่อว่า “คืนนี้เป็นการแข่งขันของสุดยอดนักร้องย่านปี้ไห่ ฉันอยากใช้เพลงนี้แสดงออกถึงความรักบ้านเกิดของฉัน ขอบคุณการสนับสนุนของแฟนเพลง เพื่อนๆ และผู้ชมทุกคนค่ะ!”

“ขอบคุณทุกคนค่ะ!”

เสียงปรบมือที่เงียบสงบเมื่อครู่ดังขึ้นมาอีกครั้ง

เฉินเฟยเอ๋อร์พูดให้กำลังใจ “พูดได้ดีมาก ฉันให้เธอสิบคะแนนเลย!”

เธอกดปุ่มให้คะแนน บวกให้สีเจียสิบคะแนน

ท่ามกลางเสียงปรบมือที่อบอุ่น สีเจียโน้มตัวคำนับอีกครั้ง

“ขอบคุณอาจารย์เฉินค่ะ”

จากนั้นถานหง หลินจื้อเจี๋ย และเจินเจินก็ให้คะแนนเป็นลำดับดังนี้ เก้า เก้า และสิบคะแนน!

เมื่อบวกคะแนนของทั้งสี่คน สีเจียได้คะแนนรวมทั้งหมดสามสิบแปดคะแนน เป็นคะแนนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มการแข่งขันเป็นต้นมา

เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วงาน

เพลง ‘เกาะไร้ผู้คน’ เป็นเพลงคลาสสิกที่เร็ว เข้ากับรสนิยมของเด็กวัยรุ่นในยุคนี้มาก

นอกจากเนื้อเพลงและทำนองดนตรีจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว หากนำมาปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์และโปรโมทใหม่ จะติดชาร์ตเพลงร้องเองแต่งเองก็ไม่มีปัญหา ไม่แน่อาจจะมีโอกาสเข้าไปติดสิบอันดับแรกก็เป็นได้

แต่ถ้าจะพูดว่ามีความโดดเด่นและคลาสสิกก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะเพลงนี้ขาดความหมายแฝงอันลึกซึ้ง แต่เป็นเพราะการแสดงที่สมบูรณ์แบบของสีเจีย เธอถึงได้คะแนนที่สูงเช่นนี้

เพลงที่แต่งเองได้คะแนนเพิ่มเป็นธรรมดา แต่ความสามารถในการร้องโชว์ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน อย่างไรเสียรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ก็ไม่ใช่รายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ ดังนั้นการแสดงของสีเจียจึงเป็นจุดสำคัญที่ได้คะแนน

เธอได้รับคะแนนสูงที่สุดจากกรรมการเช่นนี้ นำความกดดันมาให้ลู่เฉินที่ต้องแสดงเป็นคนถัดไปเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะสีเจียอาศัยผลงานเพลงต้นฉบับของตัวเองด้วย

พอถึงรอบการเดินทางแข่งขัน มาตรฐานการให้คะแนนของกรรมการทั้งสี่คนสูงขึ้นไม่น้อย จะไม่ให้คะแนนเต็มง่ายๆ

ต่อให้เป็นลู่เฉิน คะแนนรวมในสองรอบที่ผ่านมาก็มีเพียงสามสิบหกและสามสิบเจ็ดคะแนน แค่สูงกว่าคู่แข่งเท่านั้น

ตอนนี้สีเจียได้สามสิบแปดคะแนน เธอยืนอยู่ในจุดที่เหนือกว่า ดังนั้นจึงเป็นการข่มขู่ลู่เฉินไปโดยปริยาย

การข่มขวัญและแรงกดดันแบบนี้ส่งผลกระทบต่อห้องถ่ายทอดสดใน ‘จิงอวี๋ทีวี’ เหล่าแฟนคลับของลู่เฉินไม่อาจใจเย็นได้

“สีเจียเก่งมากจริงๆ ถึงฉันจะเป็นแฟนคลับของผู้ดำเนินรายการ แต่ก็ต้องบอกว่าเพลงนี้ไม่เลวจริงๆ”

“เพราะมากจริงแหละ เฉินเฟยเอ๋อร์ให้ตั้งสิบคะแนน”

“พวกคุณคิดว่าถ้าหาก…”

“อะไรกัน! ยอมใจพวกเธอจริงๆ ใช่ว่าท่านลู่เฟยไม่เคยเจอคู่แข่งที่เก่งกว่ามาก่อนซะหน่อย”

“ไม่มีถ้าหาก ลู่สุดหล่อต้องชนะเท่านั้น!”

“ถ้าผู้ดำเนินรายการแพ้ ฉันจะยอมกินคีย์บอร์ดเลย!”

“คีย์บอร์ดช็อกโกแลตใช่ไหม”

“ถุยๆๆ พวกเธออย่าปากพล่อยสิ ฉันเชื่อว่าท่านลู่เฟย ต้องชนะแน่นอน!”

“สนับสนุนผู้ดำเนินรายการ…”

ท่ามกลางความคิดเห็นมากมาย หลี่ไป๋แฟนคลับหมายเลขหนึ่งของห้องถ่ายทอดสดลู่เฟยจู่ๆ ก็มอบเรือบรรทุกเครื่องบินห้าลำติดต่อกัน

หลังจากการลงทุนที่น่าตื่นตะลึงแล้ว เขาจึงพูดเท่ๆ ว่า “ลู่สุดหล่อต้องชนะแน่นอน ไม่จำเป็นต้องสงสัย พอชนะการแข่งขันนี้แล้ว ทุกคนก็มารับอั่งเปาในกลุ่มนะ!”

ภายในห้องถ่ายทอดสดเกิดการประจบเอาใจทันที

คนรวยออกหน้า มีมาดที่ไม่เหมือนกันจริงๆ สามารถกลบเสียงนกเสียงกาได้ภายในชั่วพริบตาเดียว

การแข่งขันในงาน หลังจากกรรมการทั้งสี่แสดงคะแนนเรียบร้อยแล้ว สีเจียจึงลงไปก่อนชั่วคราว เปลี่ยนเป็นลู่เฉินขึ้นเวทีแทน

กฎของการเดินทางแข่งขันต่างกับการแข่งขันแต่ละรอบของนักร้องเสียงดีในแต่ละเขต นอกจากคะแนนของกรรมการ ยังมีคะแนนโหวตของคนที่อยู่ในสนามกับนอกสนามที่ต้องประกาศผลพร้อมกัน แน่นอนว่าเวลาในการนับคะแนนของผู้แข่งขันทั้งสองเหมือนกันทุกอย่าง

ลู่เฉินนำกีตาร์ของตัวเองเดินขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง

“สวัสดีครับ คณะกรรมการทั้งสี่ท่าน ผู้ชมที่อยู่ที่นี่และผู้ชมที่อยู่หน้าจอทีวีด้วยนะครับ สวัสดีทุกคนครับ!”

“ผมชื่อลู่เฉิน!”

พูดจบ เขาก็โน้มตัวคำนับ

ผู้ชมที่อยู่ในงานก็ยังรู้จักไว้หน้าเขา ปรบมือเสียงดังอย่างคึกคัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับสีเจียได้

ทว่าแฟนคลับสาวๆ ที่นั่งอยู่แถวหน้าพยายามชูป้ายไฟเรืองแสงในมือส่ายไปมา

บนนั้นเขียนว่า ‘ลู่เฉิน’ สองคำน่ารักๆ ที่สะดุดตามาก

“สวัสดีครับ…”

ถานหงพยักหน้า เขายิ้มถามว่า “ลู่เฉิน ทุกคนต่างก็รอคอยการแสดงของคุณในคืนนี้ ก่อนหน้านี้สีเจียได้ไปสามสิบแปดคะแนน คุณรู้สึกกดดันบ้างไหมครับ”

นับตั้งแต่ถานหงปรากฏตัวในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ จะประเมินอย่างเป็นมืออาชีพและเข้มงวด จึงกลายเป็นหัวหน้ากรรมการอย่างไร้ข้อกังขา ถึงแม้จะมีชาวเน็ตพูดว่าเขาเข้มงวดกับนักร้องเกินไปหน่อย แต่ก็ไม่มีใครพูดว่าเขาไม่ยุติธรรม

ถานหงไม่ค่อยชอบพูดคุยกับผู้แข่งขันมากนัก แต่มักจะชี้แนะให้คำปรึกษาด้านดนตรีมากกว่า

แต่การถามเล่นๆ แบบนี้ ก่อนหน้านั้นแทบจะไม่เคยปรากฏ

เป็นเพราะลู่เฉินจริงๆ

ลู่เฉินตอบอย่างไม่ตื่นเต้น “ต้องรู้สึกกดดันอยู่แล้วครับ การแสดงของสีเจียดีมากจริงๆ ผลงานของเธอเยี่ยมยอด ถ้าสามารถเลือกได้ ผมไม่อยากแข่งกับเธอครับ”

“อืม พวกเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ!”

เสียงหัวเราะดังขึ้นในงานทันที พร้อมกับเสียงปรบมือ

คำตอบของลู่เฉินถ่อมตัวมากอย่างเห็นได้ชัด และไม่ขาดอารมณ์ขัน ผู้คนจึงรู้สึกดีอย่างเลี่ยงไม่ได้

เลนส์ของกล้องการถ่ายทอดสดถูกเปลี่ยนไปทันที โฟกัสไปที่สีเจียที่ยืนอยู่บริเวณนั่งรอ

คำพูดของลู่เฉินทำให้เธอเม้มปากหัวเราะ พอเห็นกล้องหมุนมาทางนี้ จึงชูมือทำท่าชนะ

เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มพูดว่า “ถ้าหากจะพูดว่าพวกคุณเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจริงๆ คุณยินดีที่จะมอบตำแหน่งสิบคนสุดยอดแห่งประเทศให้เธอเพื่อมิตรภาพไหมคะ”

ราชินีเสียงหวานคนนี้กะพริบตา นัยน์ตาฉายแววเจ้าเล่ห์เล็กน้อยออกมา

คำถามนี้…

ลู่เฉินพูดไม่ออกเล็กน้อย รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ กลายเป็นรายการ ‘ตอบปัญหาเชาวน์’ ไปตั้งแต่เมื่อไร

แต่การตอบสนองของเขาก็ไวมาก ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ผมคิดว่ามิตรภาพที่แท้จริงสร้างมาจากพื้นฐานของการเข้าใจกันและเคารพซึ่งกันกันครับ มิตรภาพไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ ไม่เกี่ยวกับฐานะและตำแหน่งครับ”

“ดังนั้นผมคิดว่า ผู้แข่งขันสีเจียจะไม่ยอมรับการมอบตำแหน่งจากผม เธอจะต้องชนะด้วยความมั่นใจครับ!”

คำพูดของลู่เฉินเพิ่งจบลง เสียงปรบมือก็ดังขึ้นทั้งงานอีกครั้ง เป็นเสียงที่จริงใจและอบอุ่นมากขึ้นกว่าตอนแรก

เพราะชื่นชมคำตอบของเขา

สีเจียกัดริมฝีปาก ดวงตาเป็นประกาย

เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มพูดว่า “พูดได้ดีมาก อย่างนั้นก็เริ่มการแสดงของคุณได้แล้วค่ะ ฉันรอคอยมานานมาก!”

ไม่ใช่แค่เธอที่รอคอยเท่านั้น เหล่าผู้ชมที่นั่งอยู่ในงานและหน้าคอมพิวเตอร์ กับแฟนคลับนับแสนในห้องถ่ายทอดสดออนไลน์ ต่างก็รอคอยการแสดงในคืนนี้ของลู่เฉิน

เขาจะใช้ผลงานเพลงแบบไหนมารับมือกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งคนนี้

ลู่เฉินกอดกีตาร์ยืนหน้าไมค์อย่างเงียบสงบมาก

เขาผ่านการแข่งขันมาหลายครั้ง ถูกฝึกฝนขัดเกลาอย่างแท้จริง เมื่อเจอเวทีที่ใหญ่กว่านี้ก็ไม่กลัว

แต่ตอนนี้เวลานี้ ในใจของเขาไม่อาจสงบได้อีก

แค่เพียงกระดิกนิ้ว ลู่เฉินก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตมากมายที่ปรากฏอยู่ในหัวของเขา

เขานึกถึงช่วงเวลาอันมืดมิดที่ตัวเองเคยประสบ นึกถึงจิตใจที่ตกต่ำหลังจากพ่อตายไป นึกถึงความลำบากยากแค้นที่มาจากการเปลี่ยนแปลงชีวิตอันใหญ่หลวง นึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวหลังจากเลิกกับแฟน…

เขานึกถึงวันเวลาของคนหลงกรุง ต้องทำงานหนักวิ่งหาเงินมากขึ้น ใช้ชีวิตเหมือนศพเดินได้

เขานึกถึงการถูกบล็อกบัญชีจากลานแสงดาว นึกถึงการกดขี่เพราะปฏิเสธการเซ็นสัญญา…

เขายิ่งไม่ลืมการใส่ร้ายป้ายสีของชาวเน็ตถึงสองครั้งสองครา กระทั่งสร้างข่าวลือทำลายชื่อเสียง!

ถึงแม้ลู่เฉินจะฝ่าฟันความลำบากและอันตรายมาตลอดทาง ถึงแม้ความยุ่งยากวุ่นวายจะถูกแก้ไขแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดเสียงที่อยู่ในหัวใจตัวเองออกมา ไม่ได้ใช้การโต้กลับของตัวเอง

ความโกรธสะสมอยู่ในหัวใจนานแล้ว รอแค่เวลาระเบิดออกมา!

และที่นี่ก็คือเวทีที่ดีที่สุด

ลู่เฉินอกผึ่งไหล่ผาย เปลวไฟเล็กๆ จุดประกายอยู่ในดวงตาของเขา

เขากอดกีตาร์ไว้ในอ้อมอก จากนั้นหมุนตัวชูนิ้วโป้งให้กับวงดนตรี

เริ่มได้แล้ว

ให้ทั่วทั้งโลกมาฟังเสียงของฉันกันเถอะ!

เพลงนี้มีชื่อว่าวิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์!

“โลกที่เต็มไปด้วยดอกไม้อยู่ที่ไหนกันแน่

ถ้าหากมันมีอยู่จริงฉันจะไปแน่นอน

ฉันอยากไปยืนอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุด

ไม่สนใจว่ามันจะเป็นหน้าผาที่สูงชันหรือไม่!

ด้วยพลังชีวิตและพลังความรักที่มี ต่อให้ต้องสละชีวิตตัวเอง

ไม่ขอให้ผู้ใดพอใจ ขอแค่ให้ไม่ละอายใจต่อตัวเอง

เกี่ยวกับอุดมการณ์ฉันไม่เคยเลือกยอมแพ้

แม้จะอยู่ในวันที่สิ้นหวัง

บางทีฉันอาจจะไม่มีพรสวรรค์

แต่ฉันก็มีฝันที่ไร้เดียงสา

ฉันจะพิสูจน์ด้วยชีวิตของฉัน

บางทีฉันอาจจะมีมือเท้าที่งุ่มง่าม

แต่ฉันจะไม่ยอมหยุดการค้นหา

ทุ่มเทวัยหนุ่มสาวทั้งหมดอย่างไม่เสียใจ!

วิ่งไปข้างหน้า ต้อนรับสายตาดูถูกและหัวเราะเยาะ!

ความกว้างใหญ่ของชีวิตหากไม่เจออุปสรรคจะรู้สึกได้ยังไง

โชคชะตาไม่มีทางทำให้พวกเราคุกเข่าขอร้องได้

ต่อให้เลือดสาดเต็มอ้อมแขน!

วิ่งต่อไป พาจิตใจอันเย่อหยิ่งที่บริสุทธิ์ไปด้วย!

ความเจิดจรัสของชีวิตหากไม่ยืนหยัดจะมองเห็นได้ยังไง

ฝืนยืดลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่สู้ปล่อยให้มันสิ้นสุดเองดีกว่า

ต้นกล้าจะงอกขึ้นมาใหม่สักวันหนึ่ง!

…”

…………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Perfect Superstar 128 วิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 128 วิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 128 วิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์

การร้องเพลงสิ้นสุดลง เสียงปรบมือดังกระหึ่ม

ผลงานเพลง ‘เกาะไร้ผู้คน’ ที่แต่งโดยสีเจียคือจุดกระจายแสงที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มการแข่งขันในย่านปี้ไห่ของค่ำคืนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย หัวหน้าของสิบสุดยอดนักร้องต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง เธอจึงหยิบท่าไม้ตายของตัวเองออกมา และเอาชนะใจผู้ชมทุกคนได้ในทันที

ด้วยเส้นเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ การร้องที่ทรงพลัง เนื้อเพลงที่ลื่นไหล บวกกับทำนองดนตรีคึกคักสดใส…

ภายใต้การบรรเลงดนตรีที่อบอุ่นของวงดนตรีสด เพลงใหม่นี้เหมือนกับฝนเม็ดใหญ่ที่ตกลงมาบนเกาะกลางทะเลยามฤดูร้อนอย่างกะทันหัน พิชิตจิตใจของผู้ชมจำนวนห้าพันคนได้ทันที

ผู้ชมจำนวนมากลุกขึ้นมา ออกแรงปรบมือขอบคุณสีเจีย ขอบคุณที่เธอมอบบทเพลงที่ดีเพลงหนึ่งให้กับทุกคน

เหล่าแฟนเพลงของสีเจียต่างก็ชูป้ายไฟเรืองแสงกันยกใหญ่ ร้องตะโกนเรียกชื่อของเธอเสียงดัง

บรรยากาศภายในงานเข้าสู่ความสนุกสุดยอดแบบใหม่!

การเผชิญหน้ากับเสียงไชโยโห่ร้องของผู้ชมนับพัน ทรวงอกของสีเจียกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงสองสามที สีแดงระเรื่อปรากฏบนใบหน้าที่ขาวผ่องของเธอ หางตาแวววาวเล็กน้อย

เธอกอดกีตาร์ไฟฟ้า โน้มตัวลงอย่างเต็มที่ให้กับผู้ชมที่สนับสนุนเธอ

จากนั้นจึงหมุนตัวไปขอบคุณวงดนตรี

ตอนที่เธอยืดตัวขึ้นมา น้ำตาเป็นสายสองข้างอยู่บนใบหน้าของเธอแล้ว แต่ก็ยังยิ้มด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

เฉินเฟยเอ๋อร์หนึ่งในกรรมการทั้งสี่คนลุกขึ้นปรบมือให้เธอ

หลังจากนั่งลงแล้ว ราชินีเสียงหวานคนนี้ยิ้มถามว่า “ร้องได้ดีมากจริงๆ สีเจีย ฉันจำได้ว่าการแข่งขันก่อนหน้านี้คุณร้องแต่เพลงของคนอื่น ทำไมคืนนี้ถึงเอาเพลงที่แต่งเองออกมาร้องล่ะคะ”

สีเจียเช็ดน้ำตา พูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “เพราะว่าฉันใช้เวลาแต่งเพลงนี้นานมากๆ ไม่มีโอกาสที่เหมาะสมที่จะร้องให้คนอื่นฟังค่ะ แต่คืนนี้ไม่เหมือนกัน…”

เธอหยุดเล็กน้อย ก่อนพูดต่อว่า “คืนนี้เป็นการแข่งขันของสุดยอดนักร้องย่านปี้ไห่ ฉันอยากใช้เพลงนี้แสดงออกถึงความรักบ้านเกิดของฉัน ขอบคุณการสนับสนุนของแฟนเพลง เพื่อนๆ และผู้ชมทุกคนค่ะ!”

“ขอบคุณทุกคนค่ะ!”

เสียงปรบมือที่เงียบสงบเมื่อครู่ดังขึ้นมาอีกครั้ง

เฉินเฟยเอ๋อร์พูดให้กำลังใจ “พูดได้ดีมาก ฉันให้เธอสิบคะแนนเลย!”

เธอกดปุ่มให้คะแนน บวกให้สีเจียสิบคะแนน

ท่ามกลางเสียงปรบมือที่อบอุ่น สีเจียโน้มตัวคำนับอีกครั้ง

“ขอบคุณอาจารย์เฉินค่ะ”

จากนั้นถานหง หลินจื้อเจี๋ย และเจินเจินก็ให้คะแนนเป็นลำดับดังนี้ เก้า เก้า และสิบคะแนน!

เมื่อบวกคะแนนของทั้งสี่คน สีเจียได้คะแนนรวมทั้งหมดสามสิบแปดคะแนน เป็นคะแนนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มการแข่งขันเป็นต้นมา

เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วงาน

เพลง ‘เกาะไร้ผู้คน’ เป็นเพลงคลาสสิกที่เร็ว เข้ากับรสนิยมของเด็กวัยรุ่นในยุคนี้มาก

นอกจากเนื้อเพลงและทำนองดนตรีจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว หากนำมาปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์และโปรโมทใหม่ จะติดชาร์ตเพลงร้องเองแต่งเองก็ไม่มีปัญหา ไม่แน่อาจจะมีโอกาสเข้าไปติดสิบอันดับแรกก็เป็นได้

แต่ถ้าจะพูดว่ามีความโดดเด่นและคลาสสิกก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะเพลงนี้ขาดความหมายแฝงอันลึกซึ้ง แต่เป็นเพราะการแสดงที่สมบูรณ์แบบของสีเจีย เธอถึงได้คะแนนที่สูงเช่นนี้

เพลงที่แต่งเองได้คะแนนเพิ่มเป็นธรรมดา แต่ความสามารถในการร้องโชว์ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน อย่างไรเสียรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ก็ไม่ใช่รายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ ดังนั้นการแสดงของสีเจียจึงเป็นจุดสำคัญที่ได้คะแนน

เธอได้รับคะแนนสูงที่สุดจากกรรมการเช่นนี้ นำความกดดันมาให้ลู่เฉินที่ต้องแสดงเป็นคนถัดไปเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะสีเจียอาศัยผลงานเพลงต้นฉบับของตัวเองด้วย

พอถึงรอบการเดินทางแข่งขัน มาตรฐานการให้คะแนนของกรรมการทั้งสี่คนสูงขึ้นไม่น้อย จะไม่ให้คะแนนเต็มง่ายๆ

ต่อให้เป็นลู่เฉิน คะแนนรวมในสองรอบที่ผ่านมาก็มีเพียงสามสิบหกและสามสิบเจ็ดคะแนน แค่สูงกว่าคู่แข่งเท่านั้น

ตอนนี้สีเจียได้สามสิบแปดคะแนน เธอยืนอยู่ในจุดที่เหนือกว่า ดังนั้นจึงเป็นการข่มขู่ลู่เฉินไปโดยปริยาย

การข่มขวัญและแรงกดดันแบบนี้ส่งผลกระทบต่อห้องถ่ายทอดสดใน ‘จิงอวี๋ทีวี’ เหล่าแฟนคลับของลู่เฉินไม่อาจใจเย็นได้

“สีเจียเก่งมากจริงๆ ถึงฉันจะเป็นแฟนคลับของผู้ดำเนินรายการ แต่ก็ต้องบอกว่าเพลงนี้ไม่เลวจริงๆ”

“เพราะมากจริงแหละ เฉินเฟยเอ๋อร์ให้ตั้งสิบคะแนน”

“พวกคุณคิดว่าถ้าหาก…”

“อะไรกัน! ยอมใจพวกเธอจริงๆ ใช่ว่าท่านลู่เฟยไม่เคยเจอคู่แข่งที่เก่งกว่ามาก่อนซะหน่อย”

“ไม่มีถ้าหาก ลู่สุดหล่อต้องชนะเท่านั้น!”

“ถ้าผู้ดำเนินรายการแพ้ ฉันจะยอมกินคีย์บอร์ดเลย!”

“คีย์บอร์ดช็อกโกแลตใช่ไหม”

“ถุยๆๆ พวกเธออย่าปากพล่อยสิ ฉันเชื่อว่าท่านลู่เฟย ต้องชนะแน่นอน!”

“สนับสนุนผู้ดำเนินรายการ…”

ท่ามกลางความคิดเห็นมากมาย หลี่ไป๋แฟนคลับหมายเลขหนึ่งของห้องถ่ายทอดสดลู่เฟยจู่ๆ ก็มอบเรือบรรทุกเครื่องบินห้าลำติดต่อกัน

หลังจากการลงทุนที่น่าตื่นตะลึงแล้ว เขาจึงพูดเท่ๆ ว่า “ลู่สุดหล่อต้องชนะแน่นอน ไม่จำเป็นต้องสงสัย พอชนะการแข่งขันนี้แล้ว ทุกคนก็มารับอั่งเปาในกลุ่มนะ!”

ภายในห้องถ่ายทอดสดเกิดการประจบเอาใจทันที

คนรวยออกหน้า มีมาดที่ไม่เหมือนกันจริงๆ สามารถกลบเสียงนกเสียงกาได้ภายในชั่วพริบตาเดียว

การแข่งขันในงาน หลังจากกรรมการทั้งสี่แสดงคะแนนเรียบร้อยแล้ว สีเจียจึงลงไปก่อนชั่วคราว เปลี่ยนเป็นลู่เฉินขึ้นเวทีแทน

กฎของการเดินทางแข่งขันต่างกับการแข่งขันแต่ละรอบของนักร้องเสียงดีในแต่ละเขต นอกจากคะแนนของกรรมการ ยังมีคะแนนโหวตของคนที่อยู่ในสนามกับนอกสนามที่ต้องประกาศผลพร้อมกัน แน่นอนว่าเวลาในการนับคะแนนของผู้แข่งขันทั้งสองเหมือนกันทุกอย่าง

ลู่เฉินนำกีตาร์ของตัวเองเดินขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง

“สวัสดีครับ คณะกรรมการทั้งสี่ท่าน ผู้ชมที่อยู่ที่นี่และผู้ชมที่อยู่หน้าจอทีวีด้วยนะครับ สวัสดีทุกคนครับ!”

“ผมชื่อลู่เฉิน!”

พูดจบ เขาก็โน้มตัวคำนับ

ผู้ชมที่อยู่ในงานก็ยังรู้จักไว้หน้าเขา ปรบมือเสียงดังอย่างคึกคัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับสีเจียได้

ทว่าแฟนคลับสาวๆ ที่นั่งอยู่แถวหน้าพยายามชูป้ายไฟเรืองแสงในมือส่ายไปมา

บนนั้นเขียนว่า ‘ลู่เฉิน’ สองคำน่ารักๆ ที่สะดุดตามาก

“สวัสดีครับ…”

ถานหงพยักหน้า เขายิ้มถามว่า “ลู่เฉิน ทุกคนต่างก็รอคอยการแสดงของคุณในคืนนี้ ก่อนหน้านี้สีเจียได้ไปสามสิบแปดคะแนน คุณรู้สึกกดดันบ้างไหมครับ”

นับตั้งแต่ถานหงปรากฏตัวในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ จะประเมินอย่างเป็นมืออาชีพและเข้มงวด จึงกลายเป็นหัวหน้ากรรมการอย่างไร้ข้อกังขา ถึงแม้จะมีชาวเน็ตพูดว่าเขาเข้มงวดกับนักร้องเกินไปหน่อย แต่ก็ไม่มีใครพูดว่าเขาไม่ยุติธรรม

ถานหงไม่ค่อยชอบพูดคุยกับผู้แข่งขันมากนัก แต่มักจะชี้แนะให้คำปรึกษาด้านดนตรีมากกว่า

แต่การถามเล่นๆ แบบนี้ ก่อนหน้านั้นแทบจะไม่เคยปรากฏ

เป็นเพราะลู่เฉินจริงๆ

ลู่เฉินตอบอย่างไม่ตื่นเต้น “ต้องรู้สึกกดดันอยู่แล้วครับ การแสดงของสีเจียดีมากจริงๆ ผลงานของเธอเยี่ยมยอด ถ้าสามารถเลือกได้ ผมไม่อยากแข่งกับเธอครับ”

“อืม พวกเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ!”

เสียงหัวเราะดังขึ้นในงานทันที พร้อมกับเสียงปรบมือ

คำตอบของลู่เฉินถ่อมตัวมากอย่างเห็นได้ชัด และไม่ขาดอารมณ์ขัน ผู้คนจึงรู้สึกดีอย่างเลี่ยงไม่ได้

เลนส์ของกล้องการถ่ายทอดสดถูกเปลี่ยนไปทันที โฟกัสไปที่สีเจียที่ยืนอยู่บริเวณนั่งรอ

คำพูดของลู่เฉินทำให้เธอเม้มปากหัวเราะ พอเห็นกล้องหมุนมาทางนี้ จึงชูมือทำท่าชนะ

เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มพูดว่า “ถ้าหากจะพูดว่าพวกคุณเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจริงๆ คุณยินดีที่จะมอบตำแหน่งสิบคนสุดยอดแห่งประเทศให้เธอเพื่อมิตรภาพไหมคะ”

ราชินีเสียงหวานคนนี้กะพริบตา นัยน์ตาฉายแววเจ้าเล่ห์เล็กน้อยออกมา

คำถามนี้…

ลู่เฉินพูดไม่ออกเล็กน้อย รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ กลายเป็นรายการ ‘ตอบปัญหาเชาวน์’ ไปตั้งแต่เมื่อไร

แต่การตอบสนองของเขาก็ไวมาก ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ผมคิดว่ามิตรภาพที่แท้จริงสร้างมาจากพื้นฐานของการเข้าใจกันและเคารพซึ่งกันกันครับ มิตรภาพไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ ไม่เกี่ยวกับฐานะและตำแหน่งครับ”

“ดังนั้นผมคิดว่า ผู้แข่งขันสีเจียจะไม่ยอมรับการมอบตำแหน่งจากผม เธอจะต้องชนะด้วยความมั่นใจครับ!”

คำพูดของลู่เฉินเพิ่งจบลง เสียงปรบมือก็ดังขึ้นทั้งงานอีกครั้ง เป็นเสียงที่จริงใจและอบอุ่นมากขึ้นกว่าตอนแรก

เพราะชื่นชมคำตอบของเขา

สีเจียกัดริมฝีปาก ดวงตาเป็นประกาย

เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มพูดว่า “พูดได้ดีมาก อย่างนั้นก็เริ่มการแสดงของคุณได้แล้วค่ะ ฉันรอคอยมานานมาก!”

ไม่ใช่แค่เธอที่รอคอยเท่านั้น เหล่าผู้ชมที่นั่งอยู่ในงานและหน้าคอมพิวเตอร์ กับแฟนคลับนับแสนในห้องถ่ายทอดสดออนไลน์ ต่างก็รอคอยการแสดงในคืนนี้ของลู่เฉิน

เขาจะใช้ผลงานเพลงแบบไหนมารับมือกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งคนนี้

ลู่เฉินกอดกีตาร์ยืนหน้าไมค์อย่างเงียบสงบมาก

เขาผ่านการแข่งขันมาหลายครั้ง ถูกฝึกฝนขัดเกลาอย่างแท้จริง เมื่อเจอเวทีที่ใหญ่กว่านี้ก็ไม่กลัว

แต่ตอนนี้เวลานี้ ในใจของเขาไม่อาจสงบได้อีก

แค่เพียงกระดิกนิ้ว ลู่เฉินก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตมากมายที่ปรากฏอยู่ในหัวของเขา

เขานึกถึงช่วงเวลาอันมืดมิดที่ตัวเองเคยประสบ นึกถึงจิตใจที่ตกต่ำหลังจากพ่อตายไป นึกถึงความลำบากยากแค้นที่มาจากการเปลี่ยนแปลงชีวิตอันใหญ่หลวง นึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวหลังจากเลิกกับแฟน…

เขานึกถึงวันเวลาของคนหลงกรุง ต้องทำงานหนักวิ่งหาเงินมากขึ้น ใช้ชีวิตเหมือนศพเดินได้

เขานึกถึงการถูกบล็อกบัญชีจากลานแสงดาว นึกถึงการกดขี่เพราะปฏิเสธการเซ็นสัญญา…

เขายิ่งไม่ลืมการใส่ร้ายป้ายสีของชาวเน็ตถึงสองครั้งสองครา กระทั่งสร้างข่าวลือทำลายชื่อเสียง!

ถึงแม้ลู่เฉินจะฝ่าฟันความลำบากและอันตรายมาตลอดทาง ถึงแม้ความยุ่งยากวุ่นวายจะถูกแก้ไขแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดเสียงที่อยู่ในหัวใจตัวเองออกมา ไม่ได้ใช้การโต้กลับของตัวเอง

ความโกรธสะสมอยู่ในหัวใจนานแล้ว รอแค่เวลาระเบิดออกมา!

และที่นี่ก็คือเวทีที่ดีที่สุด

ลู่เฉินอกผึ่งไหล่ผาย เปลวไฟเล็กๆ จุดประกายอยู่ในดวงตาของเขา

เขากอดกีตาร์ไว้ในอ้อมอก จากนั้นหมุนตัวชูนิ้วโป้งให้กับวงดนตรี

เริ่มได้แล้ว

ให้ทั่วทั้งโลกมาฟังเสียงของฉันกันเถอะ!

เพลงนี้มีชื่อว่าวิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์!

“โลกที่เต็มไปด้วยดอกไม้อยู่ที่ไหนกันแน่

ถ้าหากมันมีอยู่จริงฉันจะไปแน่นอน

ฉันอยากไปยืนอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุด

ไม่สนใจว่ามันจะเป็นหน้าผาที่สูงชันหรือไม่!

ด้วยพลังชีวิตและพลังความรักที่มี ต่อให้ต้องสละชีวิตตัวเอง

ไม่ขอให้ผู้ใดพอใจ ขอแค่ให้ไม่ละอายใจต่อตัวเอง

เกี่ยวกับอุดมการณ์ฉันไม่เคยเลือกยอมแพ้

แม้จะอยู่ในวันที่สิ้นหวัง

บางทีฉันอาจจะไม่มีพรสวรรค์

แต่ฉันก็มีฝันที่ไร้เดียงสา

ฉันจะพิสูจน์ด้วยชีวิตของฉัน

บางทีฉันอาจจะมีมือเท้าที่งุ่มง่าม

แต่ฉันจะไม่ยอมหยุดการค้นหา

ทุ่มเทวัยหนุ่มสาวทั้งหมดอย่างไม่เสียใจ!

วิ่งไปข้างหน้า ต้อนรับสายตาดูถูกและหัวเราะเยาะ!

ความกว้างใหญ่ของชีวิตหากไม่เจออุปสรรคจะรู้สึกได้ยังไง

โชคชะตาไม่มีทางทำให้พวกเราคุกเข่าขอร้องได้

ต่อให้เลือดสาดเต็มอ้อมแขน!

วิ่งต่อไป พาจิตใจอันเย่อหยิ่งที่บริสุทธิ์ไปด้วย!

ความเจิดจรัสของชีวิตหากไม่ยืนหยัดจะมองเห็นได้ยังไง

ฝืนยืดลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่สู้ปล่อยให้มันสิ้นสุดเองดีกว่า

ต้นกล้าจะงอกขึ้นมาใหม่สักวันหนึ่ง!

…”

…………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+