Perfect Superstar 323 พูดจาเหลวไหล

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 323 พูดจาเหลวไหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 323 พูดจาเหลวไหล

หลังเวทีมีนักร้องมากมาย ส่วนใหญ่เป็นนักร้องในแวดวงที่อยู่ปักกิ่ง

ไม่เหมือนกับนักร้องที่มาจากที่อื่น นักร้องเจ้าถิ่นมักไม่ค่อยตั้งเต็นท์ในสวนสาธารณะ แบ่งแยกจากพวกนักร้องที่มาจากต่างถิ่นจนแบ่งเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน

ทว่าทั้งสองกลุ่มไม่ได้แบ่งแยกกันถึงขั้นไม่ข้องเกี่ยวกันเหมือนน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง ระหว่างทั้งสองกลุ่มมีคนที่รู้จักกันพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน มีที่เป็นเพื่อน มีที่เป็นเพื่อนของเพื่อน ไม่มีใครตั้งตัวเป็นอริกันให้เห็น

แต่ความแตกต่างยังคงมีอยู่

เช่น หากพูดถึงซูเปอร์สตาร์นักร้องที่มีชื่อเสียงในวงการ เลี่ยวเจี่ยกับลู่เฉินเป็นสองคนที่อยู่ในอันดับต้น นักร้องในเมืองหลวงล้วนเคารพและให้ความสำคัญกับคนทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง ไม่เหมือนนักร้องที่มาจากต่างถิ่นที่คาดหวังว่าจะมาท้าทายพวกเขาบนเวที

เลี่ยวเจี่ยเป็นใคร เขาคือพี่ใหญ่แห่งวงการเพลงป็อประดับประเทศ ขึ้นชื่อเรื่องความเปิดเผยมีน้ำใจ

ส่วนลู่เฉินที่เป็นนักร้องนักแต่งเพลงหน้าใหม่ เขากลายเป็นตำนานเรื่องเล่าแห่งวงการนักร้องในเมืองหลวง เพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ที่ทำให้วงเฮสิเทชั่นโด่งดัง จนวันนี้ยังมีแต่คนพูดถึง

ดังนั้นบทสนทนาของทั้งสองจึงถูกคนจำนวนมากจับตามอง โดยเฉพาะเรื่องที่เลี่ยวเจี่ยกับลู่เฉินเดิมพันกัน ทุกคนไม่หันไปสนใจหน้าจอโทรทัศน์แล้ว

ทางนี้มีละครสนุกๆ น่าดูมากกว่า!

ลู่เฉินสังเกตเห็นสายตาของคนรอบข้าง จึงหัวเราะและกล่าวว่า “แค่เลี้ยงข้าวผมคนเดียวไม่พอ ต้องเลี้ยงข้าวทุกคนด้วย ทุกคนว่าดีไหมครับ”

นักร้องเจ้าถิ่นในปักกิ่งคล้อยตาม ไม่ว่าจะได้ยินชัดหรือไม่ ก็ตอบว่าดีไว้ก่อน

เอาเป็นว่าไม่มีทางเสียเปรียบแน่นอน

เลี่ยวเจี่ยบ่นใหญ่ “เจ้าเด็กนี่จ้องจะกินเงินฉันให้ได้เลยใช่ไหม ฝันไปเถอะ เลี้ยงข้าวทุกคนน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ใครแพ้ต้องเลี้ยงที่โรงแรมรีเจนซี่นะ มีกี่คนก็ต้องเปิดโต๊ะตามจำนวนคน ทุกคนต้องได้กินหมด!”

ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้ว หลายคนหัวเราะชอบใจ ร้องสรรเสริญเสียงดัง “พี่เลี่ยวเจี่ยจงเจริญ!”

โรงแรมรีเจนซี่เป็นโรงแรมห้าดาวอันเลื่องชื่อของเมืองปักกิ่ง การรับประทานบุฟเฟ่ต์ที่นั่นหัวละสามร้อยแปดสิบแปดหยวน ค่าเปิดโต๊ะยิ่งแพงเข้าไปอีก ตอนนี้คนที่อยู่หลังเวทีมีอย่างน้อยเป็นร้อยคน อย่างน้อยต้องเปิดสักสิบโต๊ะ!

เลี่ยวเจี่ยมองลู่เฉินอย่างได้ใจ…เจ้าหนูอยากลองดีกับฉัน ฉันจะกินเงินนายให้เรียบเลย!

ลู่เฉินยิ้ม “ตกลงตามนี้!”

เขายื่นมือออกไปตบมือทำสัญญากับเลี่ยวเจี่ย

เพียะ!

ฝ่ามือทั้งสองตบเข้าหากันอย่างหนัก กลายเป็นเรื่องน่าสนใจประจำเทศกาลดนตรี 72H ครั้งนี้

ความจริงไม่ว่าจะเป็นลู่เฉินหรือว่าเลี่ยวเจี่ย การเปิดโต๊ะสิบกว่าโต๊ะในโรงแรมห้าด้าวเลี้ยงข้าวแขกนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ทั้งสองคนแค่อยากสร้างสีสันและความเร้าใจเฉยๆ

ดังนั้นข่าวนี้จึงถูกแพร่ออกไปทั่วทั้งงานเทศกาลดนตรีอย่างรวดเร็ว

เลี่ยวเจี่ยซดเบียร์หมดไปสองขวด เริ่มวิจารณ์นักร้องและวงดนตรีที่ขึ้นเวทีด้วยความเมาเล็กน้อย เนื้อหาครอบคลุมหลายด้านรวมถึงการแสดงบนเวที ผลงาน และการร้องของฝ่ายนั้น

คนที่อยู่ในนั้น มีเพียงเขาที่ทำเช่นนี้ได้ ลู่เฉินเองยังทำไม่ได้เลย

เลี่ยวเจี่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา ถ้าเขาคิดว่าไม่เลวก็คือไม่แย่ ถ้าคิดว่าไม่ดีก็คือไม่ดี ไม่กล่าวถ้อยคำตามมารยาทและไม่พูดจาอ้อมค้อมเพื่อถนอมน้ำใจ วิจารณ์ได้อย่างถึงแก่นแท้

ลู่เฉินฟังมากกว่าพูด และเสวนากับเลี่ยวเจี่ยอยู่หลายประโยค

นักร้องที่อยู่รอบข้างถูกดึงดูดเข้ามา จุดประสงค์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเทศกาลดนตรี 72H คือการแลกเปลี่ยนความรู้ การได้รับฟังความคิดเห็นของนักร้องระดับซูเปอร์สตาร์คนนี้สดๆ เป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากของพวกเขา และเป็นโอกาสที่ดีมากในการเพิ่มพูนประสบการณ์และความรู้ของพวกเขา

หินจากภูเขาลูกอื่นก็นำมาเจียระไนหยกได้ เรียนรู้จุดเด่นและเปรียบเทียบจุดด้อยของคนอื่น สามารถนำมาพัฒนาตัวเองได้!

ตามเวลาที่คล้อยไป เลี่ยวเจี่ยไม่เหนื่อยหน่ายเลย นักร้องที่รายล้อมเขากับลู่เฉินอยู่นั้นมีทั้งคนที่ปลีกตัวไปขึ้นเวที มีทั้งคนใหม่ที่เพิ่มเข้ามา กลายเป็นวงล้อมพิเศษอยู่หลังเวที

ประเภทของนักร้องที่งานเทศกาลดนตรี 72H ได้เชิญมานั้นซับซ้อนมาก ย่อมต้องมีนักร้องหลายคนที่คุมเวทีอยู่ เช่น นักร้องระดับซูเปอร์สตาร์อย่างเลี่ยวเจี่ยและลู่เฉิน ยังมีนักร้องเจ้าถิ่นที่มีชื่อเสียงอีกสองสามคน

แต่ไม่ว่าจะเป็นเลี่ยวเจี่ย ลู่เฉิน หรือคนอื่นๆ ล้วนถูกจัดอันดับการแสดงไว้ตอนท้าย ถ้าเป็นไปตามเวลาที่คำนวณไว้ เลี่ยวเจี่ยจะได้ขึ้นเวทีในคืนนี้ประมาณทุ่มครึ่ง

ลู่เฉินแสดงถัดจากเขาไปอีกหนึ่งชั่วโมง

แต่เวลานี้ไม่แน่นอน เทศกาลดนตรี 72H ไม่เหมือนงานแสดงดนตรีอื่น อย่างแรกเพราะเวลาจัดงานยาวนานมาก อย่างที่สองคือเวลาของนักร้องที่จะขึ้นเวทีนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมาก

อันนี้ขึ้นอยู่กับการถูกเรียกให้กลับมาบนเวทีอีกครั้ง

บนเวทีแห่งนี้ นักร้องคนหนึ่งหรือวงดนตรีวงหนึ่งแม้จะเป็นวงที่โนเนมไร้ชื่อ ไม่มีใครรู้ชื่อของพวกเขา ขอเพียงแค่นำผลงานเพลงที่สุดยอดออกมาได้ หรือเผยความสามารถในการร้องเพลงที่เหนือกว่าคนทั่วไป ก็จะได้รับการยอมรับ ได้รับความชื่นชอบ และได้รับการเรียกร้องให้กลับขึ้นเวทีใหม่อีกครั้งจากผู้ชม

การประเมินจากผู้ชมเป็นตัวชี้วัดระดับการแสดงของนักร้อง ถ้าผู้ชมปรบมืออย่างรุนแรงและยาวนาน เสียงกรี๊ดดังสนั่น ถูกเรียกให้กลับขึ้นสู่เวทีใหม่อีกครั้งอย่างจริงจัง นักร้องคนนั้นถือว่าได้รับเกียรติยศสูงสุดแล้ว

แม้ว่าเทศกาลดนตรี 72H จะไม่มีการตัดสินรางวัล ไม่มีถ้วยหรือเหรียญรางวัล แต่ที่นี่เป็นสถานที่ที่ทำให้โด่งดังภายในชั่วข้ามคืนได้!

ดังนั้นนักร้องและวงดนตรีที่มีโอกาสขึ้นเวที ส่วนใหญ่แล้วจะแสดงความสามารถทั้งหมดของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่

ในบรรดานักร้องสิบกว่าคนกับวงดนตรีอีกสี่วงที่ได้ขึ้นไปแสดงบนเวทีมาแล้ว มีเพียงนักร้องหนึ่งคนกับวงดนตรีอีกหนึ่งวงที่ดูโดดเด่นกว่าใคร จนได้รับการประเมินที่ยอดเยี่ยมจากเลี่ยวเจี่ย

โดยเฉพาะนักร้องสาวคนนั้นที่ชื่อมู่มู่ เธอร้องและเล่นดนตรีเองในเพลง ‘น้ำค้าง’ ที่ทำให้เลี่ยวเจี่ยชมว่าสุดยอด พร้อมกับได้รับความชื่นชอบจากผู้ชมอย่างบ้าคลั่ง ผู้ชมปรบมือและตะโกนเรียกร้องให้เธอร้องเพลงที่สอง

เลี่ยวเจี่ยพูดกับลู่เฉินว่า “นายจับเธอเซ็นสัญญาสิ!”

ลู่เฉินพูดไม่ออก

เขาคิดว่านักร้องสาวมู่มู่คนนี้มีความสามารถเก่งกล้า แต่ตอนนี้สตูดิโอของเขายังไม่ต้องการนักร้องเซ็นสัญญา

ก้าวหน้ามากเกินไปยิ่งง่ายต่อความพลาดพลั้ง!

อีกอย่างต่อให้ไม่พูดถึงงานเทศกาลดนตรี นักร้องที่เก่งแต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาก็มีมากมาย ถ้าสตูดิโอลู่เฉินปล่อยข่าวออกไป จะต้องมีคนเก่งมากมายวิ่งเข้ามาขอให้รับพวกเขาไว้ในสังกัด

ดังนั้นแม้จะพลาดจากมู่มู่ไปก็ไม่น่าเสียดาย

สำหรับการที่ลู่เฉินมองข้ามข้อเสนอแนะของเขา เลี่ยวเจี่ยแสดงท่าทางดูแคลนอย่างแรง “นายต้องกลัวคนของนายหึงแน่นอน ถึงไม่กล้าเซ็นสัญญากับนักร้องสาว!”

เขาฮึ่มฮั่มในคอ “คนของนายก็ร้ายกาจไม่เบา”

ลู่เฉินไร้คำพูดกับเรื่องนี้

ไม่ง่ายเลยกว่าเวลาจะเดินมาถึงหนึ่งทุ่ม ในที่สุดเลี่ยวเจี่ยก็ได้ขึ้นเวทีสักที

เร็วกว่าเวลาเดิมไม่ได้ล่าช้าไปแต่อย่างใด เพราะนักร้องหลายคนก่อนหน้าขอถอนตัวออกไป หรือไม่ก็ขอจัดตารางเวลาการขึ้นเวทีใหม่ นี่เป็นเรื่องปกติในงานเทศกาลดนตรี

พอเลี่ยวเจี่ยขึ้นเวที ผู้ชมทั้งหมดให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

เขาไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง แค่เพลงแรกก็เอาเพลงออริจินัลของตัวเองออกมาร้องแล้ว…เพลง ‘วันรำลึก’

เป็นเพลงร็อกเลือดบริสุทธิ์ของประเทศ!

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Perfect Superstar 323 พูดจาเหลวไหล

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 323 พูดจาเหลวไหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 323 พูดจาเหลวไหล

หลังเวทีมีนักร้องมากมาย ส่วนใหญ่เป็นนักร้องในแวดวงที่อยู่ปักกิ่ง

ไม่เหมือนกับนักร้องที่มาจากที่อื่น นักร้องเจ้าถิ่นมักไม่ค่อยตั้งเต็นท์ในสวนสาธารณะ แบ่งแยกจากพวกนักร้องที่มาจากต่างถิ่นจนแบ่งเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน

ทว่าทั้งสองกลุ่มไม่ได้แบ่งแยกกันถึงขั้นไม่ข้องเกี่ยวกันเหมือนน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง ระหว่างทั้งสองกลุ่มมีคนที่รู้จักกันพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน มีที่เป็นเพื่อน มีที่เป็นเพื่อนของเพื่อน ไม่มีใครตั้งตัวเป็นอริกันให้เห็น

แต่ความแตกต่างยังคงมีอยู่

เช่น หากพูดถึงซูเปอร์สตาร์นักร้องที่มีชื่อเสียงในวงการ เลี่ยวเจี่ยกับลู่เฉินเป็นสองคนที่อยู่ในอันดับต้น นักร้องในเมืองหลวงล้วนเคารพและให้ความสำคัญกับคนทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง ไม่เหมือนนักร้องที่มาจากต่างถิ่นที่คาดหวังว่าจะมาท้าทายพวกเขาบนเวที

เลี่ยวเจี่ยเป็นใคร เขาคือพี่ใหญ่แห่งวงการเพลงป็อประดับประเทศ ขึ้นชื่อเรื่องความเปิดเผยมีน้ำใจ

ส่วนลู่เฉินที่เป็นนักร้องนักแต่งเพลงหน้าใหม่ เขากลายเป็นตำนานเรื่องเล่าแห่งวงการนักร้องในเมืองหลวง เพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ที่ทำให้วงเฮสิเทชั่นโด่งดัง จนวันนี้ยังมีแต่คนพูดถึง

ดังนั้นบทสนทนาของทั้งสองจึงถูกคนจำนวนมากจับตามอง โดยเฉพาะเรื่องที่เลี่ยวเจี่ยกับลู่เฉินเดิมพันกัน ทุกคนไม่หันไปสนใจหน้าจอโทรทัศน์แล้ว

ทางนี้มีละครสนุกๆ น่าดูมากกว่า!

ลู่เฉินสังเกตเห็นสายตาของคนรอบข้าง จึงหัวเราะและกล่าวว่า “แค่เลี้ยงข้าวผมคนเดียวไม่พอ ต้องเลี้ยงข้าวทุกคนด้วย ทุกคนว่าดีไหมครับ”

นักร้องเจ้าถิ่นในปักกิ่งคล้อยตาม ไม่ว่าจะได้ยินชัดหรือไม่ ก็ตอบว่าดีไว้ก่อน

เอาเป็นว่าไม่มีทางเสียเปรียบแน่นอน

เลี่ยวเจี่ยบ่นใหญ่ “เจ้าเด็กนี่จ้องจะกินเงินฉันให้ได้เลยใช่ไหม ฝันไปเถอะ เลี้ยงข้าวทุกคนน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ใครแพ้ต้องเลี้ยงที่โรงแรมรีเจนซี่นะ มีกี่คนก็ต้องเปิดโต๊ะตามจำนวนคน ทุกคนต้องได้กินหมด!”

ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้ว หลายคนหัวเราะชอบใจ ร้องสรรเสริญเสียงดัง “พี่เลี่ยวเจี่ยจงเจริญ!”

โรงแรมรีเจนซี่เป็นโรงแรมห้าดาวอันเลื่องชื่อของเมืองปักกิ่ง การรับประทานบุฟเฟ่ต์ที่นั่นหัวละสามร้อยแปดสิบแปดหยวน ค่าเปิดโต๊ะยิ่งแพงเข้าไปอีก ตอนนี้คนที่อยู่หลังเวทีมีอย่างน้อยเป็นร้อยคน อย่างน้อยต้องเปิดสักสิบโต๊ะ!

เลี่ยวเจี่ยมองลู่เฉินอย่างได้ใจ…เจ้าหนูอยากลองดีกับฉัน ฉันจะกินเงินนายให้เรียบเลย!

ลู่เฉินยิ้ม “ตกลงตามนี้!”

เขายื่นมือออกไปตบมือทำสัญญากับเลี่ยวเจี่ย

เพียะ!

ฝ่ามือทั้งสองตบเข้าหากันอย่างหนัก กลายเป็นเรื่องน่าสนใจประจำเทศกาลดนตรี 72H ครั้งนี้

ความจริงไม่ว่าจะเป็นลู่เฉินหรือว่าเลี่ยวเจี่ย การเปิดโต๊ะสิบกว่าโต๊ะในโรงแรมห้าด้าวเลี้ยงข้าวแขกนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ทั้งสองคนแค่อยากสร้างสีสันและความเร้าใจเฉยๆ

ดังนั้นข่าวนี้จึงถูกแพร่ออกไปทั่วทั้งงานเทศกาลดนตรีอย่างรวดเร็ว

เลี่ยวเจี่ยซดเบียร์หมดไปสองขวด เริ่มวิจารณ์นักร้องและวงดนตรีที่ขึ้นเวทีด้วยความเมาเล็กน้อย เนื้อหาครอบคลุมหลายด้านรวมถึงการแสดงบนเวที ผลงาน และการร้องของฝ่ายนั้น

คนที่อยู่ในนั้น มีเพียงเขาที่ทำเช่นนี้ได้ ลู่เฉินเองยังทำไม่ได้เลย

เลี่ยวเจี่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา ถ้าเขาคิดว่าไม่เลวก็คือไม่แย่ ถ้าคิดว่าไม่ดีก็คือไม่ดี ไม่กล่าวถ้อยคำตามมารยาทและไม่พูดจาอ้อมค้อมเพื่อถนอมน้ำใจ วิจารณ์ได้อย่างถึงแก่นแท้

ลู่เฉินฟังมากกว่าพูด และเสวนากับเลี่ยวเจี่ยอยู่หลายประโยค

นักร้องที่อยู่รอบข้างถูกดึงดูดเข้ามา จุดประสงค์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเทศกาลดนตรี 72H คือการแลกเปลี่ยนความรู้ การได้รับฟังความคิดเห็นของนักร้องระดับซูเปอร์สตาร์คนนี้สดๆ เป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากของพวกเขา และเป็นโอกาสที่ดีมากในการเพิ่มพูนประสบการณ์และความรู้ของพวกเขา

หินจากภูเขาลูกอื่นก็นำมาเจียระไนหยกได้ เรียนรู้จุดเด่นและเปรียบเทียบจุดด้อยของคนอื่น สามารถนำมาพัฒนาตัวเองได้!

ตามเวลาที่คล้อยไป เลี่ยวเจี่ยไม่เหนื่อยหน่ายเลย นักร้องที่รายล้อมเขากับลู่เฉินอยู่นั้นมีทั้งคนที่ปลีกตัวไปขึ้นเวที มีทั้งคนใหม่ที่เพิ่มเข้ามา กลายเป็นวงล้อมพิเศษอยู่หลังเวที

ประเภทของนักร้องที่งานเทศกาลดนตรี 72H ได้เชิญมานั้นซับซ้อนมาก ย่อมต้องมีนักร้องหลายคนที่คุมเวทีอยู่ เช่น นักร้องระดับซูเปอร์สตาร์อย่างเลี่ยวเจี่ยและลู่เฉิน ยังมีนักร้องเจ้าถิ่นที่มีชื่อเสียงอีกสองสามคน

แต่ไม่ว่าจะเป็นเลี่ยวเจี่ย ลู่เฉิน หรือคนอื่นๆ ล้วนถูกจัดอันดับการแสดงไว้ตอนท้าย ถ้าเป็นไปตามเวลาที่คำนวณไว้ เลี่ยวเจี่ยจะได้ขึ้นเวทีในคืนนี้ประมาณทุ่มครึ่ง

ลู่เฉินแสดงถัดจากเขาไปอีกหนึ่งชั่วโมง

แต่เวลานี้ไม่แน่นอน เทศกาลดนตรี 72H ไม่เหมือนงานแสดงดนตรีอื่น อย่างแรกเพราะเวลาจัดงานยาวนานมาก อย่างที่สองคือเวลาของนักร้องที่จะขึ้นเวทีนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมาก

อันนี้ขึ้นอยู่กับการถูกเรียกให้กลับมาบนเวทีอีกครั้ง

บนเวทีแห่งนี้ นักร้องคนหนึ่งหรือวงดนตรีวงหนึ่งแม้จะเป็นวงที่โนเนมไร้ชื่อ ไม่มีใครรู้ชื่อของพวกเขา ขอเพียงแค่นำผลงานเพลงที่สุดยอดออกมาได้ หรือเผยความสามารถในการร้องเพลงที่เหนือกว่าคนทั่วไป ก็จะได้รับการยอมรับ ได้รับความชื่นชอบ และได้รับการเรียกร้องให้กลับขึ้นเวทีใหม่อีกครั้งจากผู้ชม

การประเมินจากผู้ชมเป็นตัวชี้วัดระดับการแสดงของนักร้อง ถ้าผู้ชมปรบมืออย่างรุนแรงและยาวนาน เสียงกรี๊ดดังสนั่น ถูกเรียกให้กลับขึ้นสู่เวทีใหม่อีกครั้งอย่างจริงจัง นักร้องคนนั้นถือว่าได้รับเกียรติยศสูงสุดแล้ว

แม้ว่าเทศกาลดนตรี 72H จะไม่มีการตัดสินรางวัล ไม่มีถ้วยหรือเหรียญรางวัล แต่ที่นี่เป็นสถานที่ที่ทำให้โด่งดังภายในชั่วข้ามคืนได้!

ดังนั้นนักร้องและวงดนตรีที่มีโอกาสขึ้นเวที ส่วนใหญ่แล้วจะแสดงความสามารถทั้งหมดของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่

ในบรรดานักร้องสิบกว่าคนกับวงดนตรีอีกสี่วงที่ได้ขึ้นไปแสดงบนเวทีมาแล้ว มีเพียงนักร้องหนึ่งคนกับวงดนตรีอีกหนึ่งวงที่ดูโดดเด่นกว่าใคร จนได้รับการประเมินที่ยอดเยี่ยมจากเลี่ยวเจี่ย

โดยเฉพาะนักร้องสาวคนนั้นที่ชื่อมู่มู่ เธอร้องและเล่นดนตรีเองในเพลง ‘น้ำค้าง’ ที่ทำให้เลี่ยวเจี่ยชมว่าสุดยอด พร้อมกับได้รับความชื่นชอบจากผู้ชมอย่างบ้าคลั่ง ผู้ชมปรบมือและตะโกนเรียกร้องให้เธอร้องเพลงที่สอง

เลี่ยวเจี่ยพูดกับลู่เฉินว่า “นายจับเธอเซ็นสัญญาสิ!”

ลู่เฉินพูดไม่ออก

เขาคิดว่านักร้องสาวมู่มู่คนนี้มีความสามารถเก่งกล้า แต่ตอนนี้สตูดิโอของเขายังไม่ต้องการนักร้องเซ็นสัญญา

ก้าวหน้ามากเกินไปยิ่งง่ายต่อความพลาดพลั้ง!

อีกอย่างต่อให้ไม่พูดถึงงานเทศกาลดนตรี นักร้องที่เก่งแต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาก็มีมากมาย ถ้าสตูดิโอลู่เฉินปล่อยข่าวออกไป จะต้องมีคนเก่งมากมายวิ่งเข้ามาขอให้รับพวกเขาไว้ในสังกัด

ดังนั้นแม้จะพลาดจากมู่มู่ไปก็ไม่น่าเสียดาย

สำหรับการที่ลู่เฉินมองข้ามข้อเสนอแนะของเขา เลี่ยวเจี่ยแสดงท่าทางดูแคลนอย่างแรง “นายต้องกลัวคนของนายหึงแน่นอน ถึงไม่กล้าเซ็นสัญญากับนักร้องสาว!”

เขาฮึ่มฮั่มในคอ “คนของนายก็ร้ายกาจไม่เบา”

ลู่เฉินไร้คำพูดกับเรื่องนี้

ไม่ง่ายเลยกว่าเวลาจะเดินมาถึงหนึ่งทุ่ม ในที่สุดเลี่ยวเจี่ยก็ได้ขึ้นเวทีสักที

เร็วกว่าเวลาเดิมไม่ได้ล่าช้าไปแต่อย่างใด เพราะนักร้องหลายคนก่อนหน้าขอถอนตัวออกไป หรือไม่ก็ขอจัดตารางเวลาการขึ้นเวทีใหม่ นี่เป็นเรื่องปกติในงานเทศกาลดนตรี

พอเลี่ยวเจี่ยขึ้นเวที ผู้ชมทั้งหมดให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

เขาไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง แค่เพลงแรกก็เอาเพลงออริจินัลของตัวเองออกมาร้องแล้ว…เพลง ‘วันรำลึก’

เป็นเพลงร็อกเลือดบริสุทธิ์ของประเทศ!

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+