Perfect Superstar 163 หลี่มู่ซือ

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 163 หลี่มู่ซือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 163 หลี่มู่ซือ

ณ ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง

โบอิ้ง 747 ลำหนึ่งกำลังจอดนิ่งอยู่บนลานจอดอากาศยาน

เที่ยวบิน CA897 ลำนี้เพิ่งบินมาจากนิวยอร์กสหรัฐอเมริกามาถึงปักกิ่ง หลังจากใช้เวลาบินสิบสามชั่วโมง

ภายในห้องโถงชั้นหนึ่งของอาคารผู้โดยสารขาเข้า T1 ลู่เฉิน ลู่ซีและหลี่มู่ไป๋กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูท่ามกลางฝูงชน

พวกเขามารอต้อนรับหลี่มู่ซือพี่สาวของหลี่มู่ไป๋กลับประเทศ

ผ่านไปสักพัก นักท่องเที่ยวจำนวนมากก็ปรากฏตัวอยู่ในช่องทางเดินด้านหน้า ทำให้ห้องโถงมีเสียงดังจ๊อกแจ๊กจอแจเต็มไปหมด

“พี่สาว!”

หลี่มู่ไป๋เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยอยู่ท่ามกลางบรรดานักท่องเที่ยว เขาจึงรีบโบกมือทักทายไม่หยุด

นั่นคือสาวสวยอายุยี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง ดวงตาเรียวแหลมดั่งนกการเวกคิ้วใบหลิวดวงตาสดใสฟันขาวสะอาด เห็นเธอสวมเพียงชุดชาเนลคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วงสีขาวครีม รูปร่างเพรียวบางมีเสน่ห์ยั่วยวน ขาเรียวยาวทั้งสองข้างดึงดูดความสนใจจากผู้คนเป็นพิเศษ

จากสายตาของนักท่องเที่ยวที่มองมาไม่ขาดสายสามารถดูออกว่า เธอเป็นคนที่โดดเด่นมากแค่ไหน

หลี่มู่ซือ พี่สาวคนรองของหลี่มู่ไป๋ เรียนจบปริญญาโทจากโรงเรียนธุรกิจวอร์ตัน!

ถึงแม้จะผ่านการบินทางไกลระหว่างประเทศ หลี่มู่ซือก็ยังคงสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีความอ่อนเพลียเลยสักนิด

หลังจากได้ยินเสียงทักทายของหลี่มู่ไป๋ เธอจึงหันมาตามเสียง แล้วจึงเผยรอยยิ้มมีเสน่ห์บนใบหน้าเรียวเล็กของเธอ

หลี่มู่ซือลากกระเป๋าเดินทางสีน้ำเงินเข้ม เดินออกมาจากประตูกั้นทางเดินและมาหยุดอยู่ตรงหน้าลู่เฉินกับคนอื่นๆ ในไม่ช้า

“เสี่ยวไป๋!”

เธอวางกระเป๋าเดินทางลง ทันใดนั้นก็ยื่นสองมือออกไป จากนั้นก็จับไปที่แก้มข้างซ้ายและข้างขวาของหลี่มู่ไป๋อย่างรวดเร็ว

เธอใช้แรงหยิกแก้มอิ่มเอิบของน้องชายตัวเอง แล้วยิ้มถามว่า “คิดถึงพี่สาวมากใช่ไหม”

“เจ็บๆๆ!”

หลี่มู่ไป๋แยกเขี้ยวยิงฟัน ไม่กล้าดิ้นมาก จึงได้แต่พูดขอร้องอย่างลวกๆ “ผมผิดไปแล้วครับ!”

หลี่มู่ซือปล่อยมือ ถามเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “นายทำผิดตรงไหนเหรอ”

หลี่มู่ไป๋นวดแก้มของตัวเองด้วยใบหน้าระทมทุกข์ แล้วเอ่ยว่า “พี่สาวครับ เรื่องนี้พวกเรากลับบ้านแล้วค่อยคุยกันดีกว่า ผมขอแนะนำให้พี่รู้จักก่อน นี่คือลู่เฉินเพื่อนรักของผมครับ”

“สวัสดีค่ะ!”

หลี่มู่ซือเป็นฝ่ายยื่นมือไปหาลู่เฉินก่อน แล้วยิ้มพูดว่า “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ!”

ต่อหน้าหลี่มู่ไป๋ เธอคือพี่สาวที่เปรียบเสมือนราชินี เมื่อเจอกับลู่เฉิน เธอกลับกลายเป็นพนักงานออฟฟิศที่มีความสามารถในการทำงาน

“ยินดีต้อนรับกลับประเทศครับ!”

ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยและจับมือกับเธอ ขณะเดียวกันก็แนะนำพี่สาวของตัวเองไปด้วย “นี่คือลู่ซีพี่สาวของผมครับ”

รอยยิ้มของหลี่มู่ซือเปลี่ยนเป็นมีเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ อ้าแขนทั้งสองข้างสวมกอดลู่ซีเอาไว้ “ตอนที่ฉันอยู่อเมริกาก็เคยคิดว่า คุณจะเป็นคนยังไงกันแน่ ตอนนี้ได้เจอหน้าแล้ว ไม่ผิดหวังจริงๆ ค่ะ!”

เธอยื่นหน้าเข้าไปแล้วหอมแก้มลู่ซีหนึ่งที

ลู่ซีคิดไม่ถึงว่าเธอจะกระตือรือร้นขนาดนี้ เธออึ้งไปพักหนึ่งแล้วถึงได้สติกลับมา “สวัสดีค่ะ”

ก่อนหน้านั้นทั้งสองคนเคยโทรศัพท์ทางไกลหากันอยู่หลายครั้ง และได้ปรึกษาเรื่องเว็บไซต์ระดมทุนบนอินเทอร์เน็ต

หลี่มู่ซือกับลู่ซีมีอายุเท่ากันและยังเรียนคณะเดียวกันอีกด้วย จึงมีเรื่องที่คุยกันได้อยู่ไม่น้อย

ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นการพบกันครั้งแรกก็จริง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเป็นคนแปลกหน้า

ลู่เฉินช่วยถือกระเป๋าเดินทาง แล้วทุกคนก็เดินออกมาจากอาคารผู้โดยสารพร้อมกัน

หลี่มู่ไป๋ขับรถสปอร์ตสี่ประตูปอร์เช่พานาเมร่า รุ่นเอฟ17 ที่วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดของเขาออกมา

พอขึ้นรถ หลี่มู่ซือก็ดูการตกแต่งภายใน ทำเสียงจึ๊กๆ แล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวไป๋ รถสปอร์ตคันนี้จ่ายเงินไปหลายล้านใช่ไหม ตอนนี้ที่บ้านตัดเงินค่าขนมของนายแล้ว นายคงเลี้ยงตัวเองไม่ไหว ลดสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้วเอามาให้ฉันสิ”

แม้ว่าปอร์เช่พานาเมร่า รุ่นเอฟ17 จะเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด แต่ค่าบำรุงรักษาและค่าประกันโดยปกติแล้วก็ยังสูงมาก หากรถสุดหรูคันนี้เป็นรอยขูดขีด ก็ต้องเสียเงินสองสามแสนทำสีใหม่ทั้งคัน

การเย้ยหยันของหลี่มู่ซือมันแทงใจดำของหลี่มู่ไป๋จริงๆ

เขากับลู่เฉินเป็นหุ้นส่วนทำเว็บไซต์ระดมทุน โดยใช้เงินทุนจากที่บ้านทั้งหมด แต่มีเงื่อนไขว่า หลังจากนี้ไปหลี่มู่ไป๋จะต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง หากเว็บไซต์ระดมทุนทำกำไรได้เขาก็จะได้โบนัส ถ้าหากขาดทุนอย่างนั้นก็ต้องกินแกลบ!

นอกจากนี้เรื่องนี้ไม่สามารถต่อรองได้ หลี่มู่ไป๋ขึ้นเรือลำนี้แล้วอย่าคิดแม้แต่จะลงมา

เขายิ้มพูดหน้าเจื่อนๆ ว่า “สามสิบเปอร์เซ็นต์โหดจริงๆ พี่สาวครับ ถ้าพี่อยากได้จริงๆ ผมยอมลดให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลย”

หลังจากถูกตัดเงินค่าขนมจากที่บ้าน คุณชายสามที่องอาจผึ่งผายก็ดูแลรถสปอร์ตคันนี้ไม่ไหวจริงๆ

ถ้าหากหลี่มู่ซืออยากได้จริงๆ เขาก็ยอมปล่อยให้

ว่าแต่สามสิบเปอร์เซ็นต์มันโหดเกินไปจริงๆ นี่ยังเป็นรถใหม่อยู่เลย!

หลี่มู่ซือแสดงออกว่าไม่คุยเรื่องนี้ต่อแล้ว

ลู่เฉินที่นั่งฟังอยู่ข้างตำแหน่งคนขับ รู้สึกว่าพี่สาวกับน้องชายคู่นี้ตลกดี

แต่ในใจของลู่ซีกลับรู้สึกว่าพี่สาวของหลี่มู่ไป๋คนนี้ดูแปลกๆ พิลึก แต่เป็นอย่างไรนั้นกลับพูดไม่ถูก

ทว่านิสัยของหลี่มู่ซือนั้นไม่ต้องพูดถึง เธอไม่มีมาดเอาแต่ใจของคุณหนูบ้านรวยเลยสักนิด แถมยังสวยใจกว้างมีมารยาทและตรงไปตรงมา

ทั้งสี่คนพูดคุยหัวเราะกันมาตลอดทาง แล้วจึงมาถึงสตูดิโอลู่เฉินที่อยู่ในศูนย์ความคิดสร้างสรรค์หลันเทียน

ถึงแม้ความคิดของเว็บไซต์ระดมทุนจะมาจากฝีมือของลู่เฉิน การลงทะเบียนเว็บไซต์และยื่นเสนอการคุ้มครองความคิดสร้างสรรค์ก็ใช้ในนามของสตูดิโอก็ตาม แต่หลังจากมีการร่วมมือกับหลี่มู่ไป๋ เว็บไซต์ระดมทุนก็กำลังจะแยกตัวออกมาเป็นบริษัท

พลังของตระกูลหลี่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมาก พวกเขาเช่าตึกสำนักงานที่มีพื้นที่ขนาดห้าร้อยตารางเมตร ชั้นยี่สิบเก้าของตึกใหญ่อันเดียวกันเพื่อใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทใหม่ ตอนนี้กำลังเริ่มปรับปรุงใหม่อยู่

หลี่มู่ซือเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เธอไม่ได้รีบกลับบ้านทันที และตัวเองก็เป็นฝ่ายเสนอว่าอยากไปดูสตูดิโอกับบริษัทใหม่ก่อน

ผลลัพธ์จากการเจรจาของทั้งสี่ฝ่ายโดยลู่เฉิน หลี่มู่ไป๋ ลู่ซีและหลี่มู่ซือ ลู่เฉินมีหุ้นส่วนของเว็บไซต์ระดมทุนอยู่ที่ห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ และทำหน้าที่เป็นตัวแทนนิติบุคคล

หลี่มู่ไป๋ร่วมถือหุ้นเป็นเงินสดห้าล้านหยวน ถือหุ้นสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์ ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการธุรกิจ

เท่ากับว่าตระกูลหลี่ให้การประเมินมูลค่าของหุ้นเว็บไซต์ระดมทุนมากถึงสิบล้านหยวน!

มูลค่าแบบนี้สามารถพูดได้ว่ามีความซื่อสัตย์และจริงใจเป็นอย่างมาก ล้วนนึกถึงมิตรภาพระหว่างลู่เฉินกับหลี่มู่ไป๋

มิฉะนั้นแค่ความคิดของลู่เฉินเพียงอย่างเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีบริษัทร่วมลงทุนใดๆ ให้การประเมินมูลค่าที่สูงเช่นนี้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เงินมาลงทุนสักแดงเดียว

หนำซ้ำตระกูลหลี่ยังรับผิดชอบการยื่นเสนอการคุ้มครองลิขสิทธิ์ความคิดสร้างสรรค์

ตามเงื่อนไขการร่วมมือกัน หลี่มู่ซือจึงรับหน้าที่เป็น CEO ของเว็บไซต์ระดมทุน รับผิดชอบบริหารงานประจำวันของเว็บไซต์

สำหรับผลลัพธ์แบบนี้ ความจริงลู่เฉินพอใจเป็นอย่างมาก

เดิมทีเขาเตรียมที่จะใช้เว็บไซต์ระดมทุนเป็นแค่แพลตฟอร์มช่องทางหนึ่งสำหรับกิจการของตัวเองเท่านั้น เขาไม่ได้คิดที่จะลงทุนเวลา จิตใจ กำลังและเงินทองจำนวนมหาศาลในเว็บไซต์ เพื่อทำให้มันยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น

ดังนั้นการเอาแต่ชี้นิ้วสั่งโดยไม่ทำอะไรเลยคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของเขา

หลังจากเดินตรวจตราอย่างละเอียดไปหนึ่งรอบแล้วก็กลับมาที่สตูดิโอ หลี่มู่ซือจึงถามถึงอัลบั้มของลู่เฉิน

อัลบั้มแรกของลู่เฉิน ก็จะเป็นโปรเจคแรกของเว็บไซต์ระดมทุน!

“อัลบั้มของผมจะวางจำหน่ายในเฟยซวิ่นมิวสิควันพรุ่งนี้ครับ…”

ลู่เฉินกล่าวว่า “วันพรุ่งนี้เว็บไซต์ระดมทุนก็จะดำเนินการอย่างเป็นทางการเช่นกันครับ สำหรับโปรเจคนี้ของผม ผมยังพอมีความมั่นใจอยู่นิดหน่อย เป้าหมายที่คาดการณ์เอาไว้คือห้าแสนหยวนครับ ส่วนใหญ่จะเป็นการระดมทุนจากแฟนคลับครับ”

“นายมีความมั่นใจก็ดีแล้ว!”

หลี่มู่ซือพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “พี่ชายของฉันเชื่อใจนายมาก ฉันเองก็จะคอยดูแพลตฟอร์มระดมทุนนี้เหมือนกัน หวังว่าหลังจากนี้ทุกคนจะร่วมงานกันอย่างมีความสุขนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันค่อยมาอีกที”

ลู่เฉินยิ้มพูด “ครับ ลำบากคุณแล้วครับ”

หลี่มู่ไป๋ไปส่งหลี่มู่ซือกลับบ้าน ก่อนจะกลับ หลี่มู่ซือยังจับมือของลู่ซีและพูดคุยกับเธอไม่น้อย

จากนั้นสองคนพี่น้องก็กลับไปที่ออฟฟิศ

ลู่เฉินสังเกตเห็นสีหน้าที่ผิดปกติของลู่ซี เขาจึงอดถามไม่ได้ “พี่ เป็นอะไรครับ”

ลู่ซียิ้มเจื่อนๆ แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร ฉันอาจจะคิดมากไปก็ได้ พวกเราให้ความสำคัญกับสถานการณ์ของเว็บไซต์ก่อนดีกว่า!”

ลู่เฉินก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เปิดคอมพิวเตอร์ล็อกอินเข้าบล็อกของตัวเอง

แค่เวลาสั้นๆ หนึ่งวันกว่าๆ แฟนคลับในบล็อกของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงสามแสนคน นอกจากนี้ก็ล้วนเป็นแฟนคลับที่มีการแอคทีฟ

นี่คือผลลัพธ์ที่มาจากการสร้างกระแสโปรโมทบนอินเทอร์เน็ต

เดิมทีลู่เฉินไม่อยากจะเสียค่าใช้จ่ายในการโปรโมทอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ของตัวเองมากนักด้านหนึ่งคือตอนนี้เงินทุนที่ใช้ได้ของสตูดิโอมีไม่มาก จะต้องประหยัดเงินทุกเม็ดใช้จ่ายมั่วซั่วไม่ได้

อีกด้านหนึ่งคือการลงทุนเงินโฆษณาทางสื่อมีเดียเหมือนกับหลุมที่ถมไม่เต็ม ตอนนี้เขาไม่ออกรายการและรับงานแสดงโชว์ การทุ่มเงินในด้านนี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มต้นทุนของอัลบั้มแล้ว ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย ไม่แน่สุดท้ายอาจจะต้องขาดทุน

เหตุที่ลู่เฉินออกอัลบั้มอย่างแรกเพื่อเพิ่มระดับของตัวเอง ใช้แผ่นเสียงคุณภาพยอดเยี่ยมเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการยกตำแหน่งในวงการให้สูงขึ้นอีกด้วย แบบนี้เวลาร่วมงานกับบริษัทอื่นก็จะเต็มไปด้วยความมั่นใจ

เมื่อเทียบกับการจำหน่ายทางออนไลน์ของเฟยซวิ่นมิวสิค ลู่เฉินให้ความสำคัญกับการจำหน่ายแผ่นซีดีมากกว่า

เว็บไซต์ระดมทุนเกิดมาเพื่อการจำหน่ายแผ่นซีดี!

แต่การท้าทายของชุยเจิ้งจื้อก็กระตุ้นความโกรธของเขาได้สำเร็จ หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือเจตนาท้ารบ

ถูกคนตบหน้าอย่างแรง ถ้าหากไม่โต้กลับบ้าง อย่างนั้นยังจะพูดถึงชื่อเสียงและตำแหน่งในวงการได้อย่างไร

ดังนั้นลู่เฉินจึงขอความช่วยเหลือจากเฉินเจี้ยนหาว หาบริษัทการตลาดบนอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่ง แล้วดำเนินการโปรโมทโฆษณา

การเคลื่อนไหวของเขาจริงๆ แล้วสายไปนิดหน่อย เดิมทีการตลาดบนอินเทอร์เน็ตจำเป็นต้องใช้เวลาในการเตรียมตัว วันพรุ่งนี้ก็จะออกจำหน่ายอัลบั้มแล้ว แต่ดันมาสร้างกระแสเอาตอนนี้ดูเหมือนจะเร่งรีบเกินไป ผลลัพธ์ที่ได้จึงแย่กว่ามาก

บริษัทการตลาดบนอินเทอร์เน็ตเจ้านั้นก็พูดแบบนี้ แต่ลู่เฉินมีความคิดและความยืนหยัดของตัวเอง และเขายังให้ข้อมูลสองอย่างแก่อีกฝ่ายเพื่อใช้ในการสร้างกระแส

ข้อมูลอันแรกก็คือ ‘มาสู้กัน’ สามคำ ใช้เป็นคำยอดฮิตร้อนแรงบนอินเทอร์เน็ต เพื่อเปิดบุญคุณความแค้นระหว่างเขากับชุยเจิ้งจื้อโดยตรง และใช้โอกาสนี้ดึงดูดความสนใจจากบรรดาแฟนคลับขาจร

ข้อมูลอันที่สอง นั่นก็คือบันทึกวีดีโองานเลี้ยงจบการศึกษาที่ลู่เฉินได้มาจากฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยเจียงไห่

วีดีโอชุดนี้มีมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นแค่ไม่เคยแตะต้องมัน

เขาตัดต่อส่วนของการร้องเพลงในงานเลี้ยงของตัวเอง แล้วส่งให้บริษัทการตลาดดำเนินการโปรโมท ประเด็นสำคัญคือให้โพสต์ลงฟอรัมใหญ่ต่างๆ และกระทู้ เพื่อดึงดูดความสนใจของเด็กวัยรุ่นโดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนนักศึกษา

ในยุคอินเทอร์เน็ตปัจจุบันนี้ เหตุการณ์ใหญ่ๆ บนอินเทอร์เน็ตล้วนมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แค่อาศัยพลังของลู่เฉินกับการช่วยเหลือของแฟนคลับเพียงอย่างเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะโปรโมทอัลบั้มของเขาไปในวงกว้างภายในระยะเวลาอันสั้น

ด้วยเหตุนี้ ต้นทุนของอัลบั้มชุดนี้ของลู่เฉินจึงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว!

แต่ก็ได้ผลดีมาก ไม่ว่าจะเป็นคำฮอตฮิต ‘มาสู้กัน’ หรือว่าโพสต์วิดีโองานเลี้ยงวันจบการศึกษา ซึ่งเป็นเหมือนไวรัสที่แพร่กระจายไปทั่วบล็อก กระทู้ ฟอรัมหรือในกลุ่มเฟยซวิ่น

เชื่อว่าจากการผลักดันของเวลา ผลที่มาจากการโฆษณาจะดีขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะดึงยอดการขายอัลบั้มให้สูงขึ้น!

แน่นอนว่านี่คือสถานะในอุดมคติ แต่ผลที่แท้จริงจะเป็นอย่างไรยังต้องรอพิสูจน์อีกที

เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้!

วันที่ 8 เดือนกันยายน เวลาเย็นหนึ่งทุ่ม อัลบั้มแรกของลู่เฉิน ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ จะวางจำหน่ายบนเฟยซวิ่นมิวสิคแล้ว!

…………………………………………………………………………

ไอคอนเหรียญทอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Perfect Superstar 163 หลี่มู่ซือ

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 163 หลี่มู่ซือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 163 หลี่มู่ซือ

ณ ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง

โบอิ้ง 747 ลำหนึ่งกำลังจอดนิ่งอยู่บนลานจอดอากาศยาน

เที่ยวบิน CA897 ลำนี้เพิ่งบินมาจากนิวยอร์กสหรัฐอเมริกามาถึงปักกิ่ง หลังจากใช้เวลาบินสิบสามชั่วโมง

ภายในห้องโถงชั้นหนึ่งของอาคารผู้โดยสารขาเข้า T1 ลู่เฉิน ลู่ซีและหลี่มู่ไป๋กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูท่ามกลางฝูงชน

พวกเขามารอต้อนรับหลี่มู่ซือพี่สาวของหลี่มู่ไป๋กลับประเทศ

ผ่านไปสักพัก นักท่องเที่ยวจำนวนมากก็ปรากฏตัวอยู่ในช่องทางเดินด้านหน้า ทำให้ห้องโถงมีเสียงดังจ๊อกแจ๊กจอแจเต็มไปหมด

“พี่สาว!”

หลี่มู่ไป๋เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยอยู่ท่ามกลางบรรดานักท่องเที่ยว เขาจึงรีบโบกมือทักทายไม่หยุด

นั่นคือสาวสวยอายุยี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง ดวงตาเรียวแหลมดั่งนกการเวกคิ้วใบหลิวดวงตาสดใสฟันขาวสะอาด เห็นเธอสวมเพียงชุดชาเนลคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วงสีขาวครีม รูปร่างเพรียวบางมีเสน่ห์ยั่วยวน ขาเรียวยาวทั้งสองข้างดึงดูดความสนใจจากผู้คนเป็นพิเศษ

จากสายตาของนักท่องเที่ยวที่มองมาไม่ขาดสายสามารถดูออกว่า เธอเป็นคนที่โดดเด่นมากแค่ไหน

หลี่มู่ซือ พี่สาวคนรองของหลี่มู่ไป๋ เรียนจบปริญญาโทจากโรงเรียนธุรกิจวอร์ตัน!

ถึงแม้จะผ่านการบินทางไกลระหว่างประเทศ หลี่มู่ซือก็ยังคงสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีความอ่อนเพลียเลยสักนิด

หลังจากได้ยินเสียงทักทายของหลี่มู่ไป๋ เธอจึงหันมาตามเสียง แล้วจึงเผยรอยยิ้มมีเสน่ห์บนใบหน้าเรียวเล็กของเธอ

หลี่มู่ซือลากกระเป๋าเดินทางสีน้ำเงินเข้ม เดินออกมาจากประตูกั้นทางเดินและมาหยุดอยู่ตรงหน้าลู่เฉินกับคนอื่นๆ ในไม่ช้า

“เสี่ยวไป๋!”

เธอวางกระเป๋าเดินทางลง ทันใดนั้นก็ยื่นสองมือออกไป จากนั้นก็จับไปที่แก้มข้างซ้ายและข้างขวาของหลี่มู่ไป๋อย่างรวดเร็ว

เธอใช้แรงหยิกแก้มอิ่มเอิบของน้องชายตัวเอง แล้วยิ้มถามว่า “คิดถึงพี่สาวมากใช่ไหม”

“เจ็บๆๆ!”

หลี่มู่ไป๋แยกเขี้ยวยิงฟัน ไม่กล้าดิ้นมาก จึงได้แต่พูดขอร้องอย่างลวกๆ “ผมผิดไปแล้วครับ!”

หลี่มู่ซือปล่อยมือ ถามเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “นายทำผิดตรงไหนเหรอ”

หลี่มู่ไป๋นวดแก้มของตัวเองด้วยใบหน้าระทมทุกข์ แล้วเอ่ยว่า “พี่สาวครับ เรื่องนี้พวกเรากลับบ้านแล้วค่อยคุยกันดีกว่า ผมขอแนะนำให้พี่รู้จักก่อน นี่คือลู่เฉินเพื่อนรักของผมครับ”

“สวัสดีค่ะ!”

หลี่มู่ซือเป็นฝ่ายยื่นมือไปหาลู่เฉินก่อน แล้วยิ้มพูดว่า “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ!”

ต่อหน้าหลี่มู่ไป๋ เธอคือพี่สาวที่เปรียบเสมือนราชินี เมื่อเจอกับลู่เฉิน เธอกลับกลายเป็นพนักงานออฟฟิศที่มีความสามารถในการทำงาน

“ยินดีต้อนรับกลับประเทศครับ!”

ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยและจับมือกับเธอ ขณะเดียวกันก็แนะนำพี่สาวของตัวเองไปด้วย “นี่คือลู่ซีพี่สาวของผมครับ”

รอยยิ้มของหลี่มู่ซือเปลี่ยนเป็นมีเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ อ้าแขนทั้งสองข้างสวมกอดลู่ซีเอาไว้ “ตอนที่ฉันอยู่อเมริกาก็เคยคิดว่า คุณจะเป็นคนยังไงกันแน่ ตอนนี้ได้เจอหน้าแล้ว ไม่ผิดหวังจริงๆ ค่ะ!”

เธอยื่นหน้าเข้าไปแล้วหอมแก้มลู่ซีหนึ่งที

ลู่ซีคิดไม่ถึงว่าเธอจะกระตือรือร้นขนาดนี้ เธออึ้งไปพักหนึ่งแล้วถึงได้สติกลับมา “สวัสดีค่ะ”

ก่อนหน้านั้นทั้งสองคนเคยโทรศัพท์ทางไกลหากันอยู่หลายครั้ง และได้ปรึกษาเรื่องเว็บไซต์ระดมทุนบนอินเทอร์เน็ต

หลี่มู่ซือกับลู่ซีมีอายุเท่ากันและยังเรียนคณะเดียวกันอีกด้วย จึงมีเรื่องที่คุยกันได้อยู่ไม่น้อย

ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นการพบกันครั้งแรกก็จริง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเป็นคนแปลกหน้า

ลู่เฉินช่วยถือกระเป๋าเดินทาง แล้วทุกคนก็เดินออกมาจากอาคารผู้โดยสารพร้อมกัน

หลี่มู่ไป๋ขับรถสปอร์ตสี่ประตูปอร์เช่พานาเมร่า รุ่นเอฟ17 ที่วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดของเขาออกมา

พอขึ้นรถ หลี่มู่ซือก็ดูการตกแต่งภายใน ทำเสียงจึ๊กๆ แล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวไป๋ รถสปอร์ตคันนี้จ่ายเงินไปหลายล้านใช่ไหม ตอนนี้ที่บ้านตัดเงินค่าขนมของนายแล้ว นายคงเลี้ยงตัวเองไม่ไหว ลดสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้วเอามาให้ฉันสิ”

แม้ว่าปอร์เช่พานาเมร่า รุ่นเอฟ17 จะเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด แต่ค่าบำรุงรักษาและค่าประกันโดยปกติแล้วก็ยังสูงมาก หากรถสุดหรูคันนี้เป็นรอยขูดขีด ก็ต้องเสียเงินสองสามแสนทำสีใหม่ทั้งคัน

การเย้ยหยันของหลี่มู่ซือมันแทงใจดำของหลี่มู่ไป๋จริงๆ

เขากับลู่เฉินเป็นหุ้นส่วนทำเว็บไซต์ระดมทุน โดยใช้เงินทุนจากที่บ้านทั้งหมด แต่มีเงื่อนไขว่า หลังจากนี้ไปหลี่มู่ไป๋จะต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง หากเว็บไซต์ระดมทุนทำกำไรได้เขาก็จะได้โบนัส ถ้าหากขาดทุนอย่างนั้นก็ต้องกินแกลบ!

นอกจากนี้เรื่องนี้ไม่สามารถต่อรองได้ หลี่มู่ไป๋ขึ้นเรือลำนี้แล้วอย่าคิดแม้แต่จะลงมา

เขายิ้มพูดหน้าเจื่อนๆ ว่า “สามสิบเปอร์เซ็นต์โหดจริงๆ พี่สาวครับ ถ้าพี่อยากได้จริงๆ ผมยอมลดให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลย”

หลังจากถูกตัดเงินค่าขนมจากที่บ้าน คุณชายสามที่องอาจผึ่งผายก็ดูแลรถสปอร์ตคันนี้ไม่ไหวจริงๆ

ถ้าหากหลี่มู่ซืออยากได้จริงๆ เขาก็ยอมปล่อยให้

ว่าแต่สามสิบเปอร์เซ็นต์มันโหดเกินไปจริงๆ นี่ยังเป็นรถใหม่อยู่เลย!

หลี่มู่ซือแสดงออกว่าไม่คุยเรื่องนี้ต่อแล้ว

ลู่เฉินที่นั่งฟังอยู่ข้างตำแหน่งคนขับ รู้สึกว่าพี่สาวกับน้องชายคู่นี้ตลกดี

แต่ในใจของลู่ซีกลับรู้สึกว่าพี่สาวของหลี่มู่ไป๋คนนี้ดูแปลกๆ พิลึก แต่เป็นอย่างไรนั้นกลับพูดไม่ถูก

ทว่านิสัยของหลี่มู่ซือนั้นไม่ต้องพูดถึง เธอไม่มีมาดเอาแต่ใจของคุณหนูบ้านรวยเลยสักนิด แถมยังสวยใจกว้างมีมารยาทและตรงไปตรงมา

ทั้งสี่คนพูดคุยหัวเราะกันมาตลอดทาง แล้วจึงมาถึงสตูดิโอลู่เฉินที่อยู่ในศูนย์ความคิดสร้างสรรค์หลันเทียน

ถึงแม้ความคิดของเว็บไซต์ระดมทุนจะมาจากฝีมือของลู่เฉิน การลงทะเบียนเว็บไซต์และยื่นเสนอการคุ้มครองความคิดสร้างสรรค์ก็ใช้ในนามของสตูดิโอก็ตาม แต่หลังจากมีการร่วมมือกับหลี่มู่ไป๋ เว็บไซต์ระดมทุนก็กำลังจะแยกตัวออกมาเป็นบริษัท

พลังของตระกูลหลี่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมาก พวกเขาเช่าตึกสำนักงานที่มีพื้นที่ขนาดห้าร้อยตารางเมตร ชั้นยี่สิบเก้าของตึกใหญ่อันเดียวกันเพื่อใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทใหม่ ตอนนี้กำลังเริ่มปรับปรุงใหม่อยู่

หลี่มู่ซือเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เธอไม่ได้รีบกลับบ้านทันที และตัวเองก็เป็นฝ่ายเสนอว่าอยากไปดูสตูดิโอกับบริษัทใหม่ก่อน

ผลลัพธ์จากการเจรจาของทั้งสี่ฝ่ายโดยลู่เฉิน หลี่มู่ไป๋ ลู่ซีและหลี่มู่ซือ ลู่เฉินมีหุ้นส่วนของเว็บไซต์ระดมทุนอยู่ที่ห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ และทำหน้าที่เป็นตัวแทนนิติบุคคล

หลี่มู่ไป๋ร่วมถือหุ้นเป็นเงินสดห้าล้านหยวน ถือหุ้นสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์ ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการธุรกิจ

เท่ากับว่าตระกูลหลี่ให้การประเมินมูลค่าของหุ้นเว็บไซต์ระดมทุนมากถึงสิบล้านหยวน!

มูลค่าแบบนี้สามารถพูดได้ว่ามีความซื่อสัตย์และจริงใจเป็นอย่างมาก ล้วนนึกถึงมิตรภาพระหว่างลู่เฉินกับหลี่มู่ไป๋

มิฉะนั้นแค่ความคิดของลู่เฉินเพียงอย่างเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีบริษัทร่วมลงทุนใดๆ ให้การประเมินมูลค่าที่สูงเช่นนี้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เงินมาลงทุนสักแดงเดียว

หนำซ้ำตระกูลหลี่ยังรับผิดชอบการยื่นเสนอการคุ้มครองลิขสิทธิ์ความคิดสร้างสรรค์

ตามเงื่อนไขการร่วมมือกัน หลี่มู่ซือจึงรับหน้าที่เป็น CEO ของเว็บไซต์ระดมทุน รับผิดชอบบริหารงานประจำวันของเว็บไซต์

สำหรับผลลัพธ์แบบนี้ ความจริงลู่เฉินพอใจเป็นอย่างมาก

เดิมทีเขาเตรียมที่จะใช้เว็บไซต์ระดมทุนเป็นแค่แพลตฟอร์มช่องทางหนึ่งสำหรับกิจการของตัวเองเท่านั้น เขาไม่ได้คิดที่จะลงทุนเวลา จิตใจ กำลังและเงินทองจำนวนมหาศาลในเว็บไซต์ เพื่อทำให้มันยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น

ดังนั้นการเอาแต่ชี้นิ้วสั่งโดยไม่ทำอะไรเลยคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของเขา

หลังจากเดินตรวจตราอย่างละเอียดไปหนึ่งรอบแล้วก็กลับมาที่สตูดิโอ หลี่มู่ซือจึงถามถึงอัลบั้มของลู่เฉิน

อัลบั้มแรกของลู่เฉิน ก็จะเป็นโปรเจคแรกของเว็บไซต์ระดมทุน!

“อัลบั้มของผมจะวางจำหน่ายในเฟยซวิ่นมิวสิควันพรุ่งนี้ครับ…”

ลู่เฉินกล่าวว่า “วันพรุ่งนี้เว็บไซต์ระดมทุนก็จะดำเนินการอย่างเป็นทางการเช่นกันครับ สำหรับโปรเจคนี้ของผม ผมยังพอมีความมั่นใจอยู่นิดหน่อย เป้าหมายที่คาดการณ์เอาไว้คือห้าแสนหยวนครับ ส่วนใหญ่จะเป็นการระดมทุนจากแฟนคลับครับ”

“นายมีความมั่นใจก็ดีแล้ว!”

หลี่มู่ซือพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “พี่ชายของฉันเชื่อใจนายมาก ฉันเองก็จะคอยดูแพลตฟอร์มระดมทุนนี้เหมือนกัน หวังว่าหลังจากนี้ทุกคนจะร่วมงานกันอย่างมีความสุขนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันค่อยมาอีกที”

ลู่เฉินยิ้มพูด “ครับ ลำบากคุณแล้วครับ”

หลี่มู่ไป๋ไปส่งหลี่มู่ซือกลับบ้าน ก่อนจะกลับ หลี่มู่ซือยังจับมือของลู่ซีและพูดคุยกับเธอไม่น้อย

จากนั้นสองคนพี่น้องก็กลับไปที่ออฟฟิศ

ลู่เฉินสังเกตเห็นสีหน้าที่ผิดปกติของลู่ซี เขาจึงอดถามไม่ได้ “พี่ เป็นอะไรครับ”

ลู่ซียิ้มเจื่อนๆ แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร ฉันอาจจะคิดมากไปก็ได้ พวกเราให้ความสำคัญกับสถานการณ์ของเว็บไซต์ก่อนดีกว่า!”

ลู่เฉินก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เปิดคอมพิวเตอร์ล็อกอินเข้าบล็อกของตัวเอง

แค่เวลาสั้นๆ หนึ่งวันกว่าๆ แฟนคลับในบล็อกของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงสามแสนคน นอกจากนี้ก็ล้วนเป็นแฟนคลับที่มีการแอคทีฟ

นี่คือผลลัพธ์ที่มาจากการสร้างกระแสโปรโมทบนอินเทอร์เน็ต

เดิมทีลู่เฉินไม่อยากจะเสียค่าใช้จ่ายในการโปรโมทอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ของตัวเองมากนักด้านหนึ่งคือตอนนี้เงินทุนที่ใช้ได้ของสตูดิโอมีไม่มาก จะต้องประหยัดเงินทุกเม็ดใช้จ่ายมั่วซั่วไม่ได้

อีกด้านหนึ่งคือการลงทุนเงินโฆษณาทางสื่อมีเดียเหมือนกับหลุมที่ถมไม่เต็ม ตอนนี้เขาไม่ออกรายการและรับงานแสดงโชว์ การทุ่มเงินในด้านนี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มต้นทุนของอัลบั้มแล้ว ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย ไม่แน่สุดท้ายอาจจะต้องขาดทุน

เหตุที่ลู่เฉินออกอัลบั้มอย่างแรกเพื่อเพิ่มระดับของตัวเอง ใช้แผ่นเสียงคุณภาพยอดเยี่ยมเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการยกตำแหน่งในวงการให้สูงขึ้นอีกด้วย แบบนี้เวลาร่วมงานกับบริษัทอื่นก็จะเต็มไปด้วยความมั่นใจ

เมื่อเทียบกับการจำหน่ายทางออนไลน์ของเฟยซวิ่นมิวสิค ลู่เฉินให้ความสำคัญกับการจำหน่ายแผ่นซีดีมากกว่า

เว็บไซต์ระดมทุนเกิดมาเพื่อการจำหน่ายแผ่นซีดี!

แต่การท้าทายของชุยเจิ้งจื้อก็กระตุ้นความโกรธของเขาได้สำเร็จ หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือเจตนาท้ารบ

ถูกคนตบหน้าอย่างแรง ถ้าหากไม่โต้กลับบ้าง อย่างนั้นยังจะพูดถึงชื่อเสียงและตำแหน่งในวงการได้อย่างไร

ดังนั้นลู่เฉินจึงขอความช่วยเหลือจากเฉินเจี้ยนหาว หาบริษัทการตลาดบนอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่ง แล้วดำเนินการโปรโมทโฆษณา

การเคลื่อนไหวของเขาจริงๆ แล้วสายไปนิดหน่อย เดิมทีการตลาดบนอินเทอร์เน็ตจำเป็นต้องใช้เวลาในการเตรียมตัว วันพรุ่งนี้ก็จะออกจำหน่ายอัลบั้มแล้ว แต่ดันมาสร้างกระแสเอาตอนนี้ดูเหมือนจะเร่งรีบเกินไป ผลลัพธ์ที่ได้จึงแย่กว่ามาก

บริษัทการตลาดบนอินเทอร์เน็ตเจ้านั้นก็พูดแบบนี้ แต่ลู่เฉินมีความคิดและความยืนหยัดของตัวเอง และเขายังให้ข้อมูลสองอย่างแก่อีกฝ่ายเพื่อใช้ในการสร้างกระแส

ข้อมูลอันแรกก็คือ ‘มาสู้กัน’ สามคำ ใช้เป็นคำยอดฮิตร้อนแรงบนอินเทอร์เน็ต เพื่อเปิดบุญคุณความแค้นระหว่างเขากับชุยเจิ้งจื้อโดยตรง และใช้โอกาสนี้ดึงดูดความสนใจจากบรรดาแฟนคลับขาจร

ข้อมูลอันที่สอง นั่นก็คือบันทึกวีดีโองานเลี้ยงจบการศึกษาที่ลู่เฉินได้มาจากฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยเจียงไห่

วีดีโอชุดนี้มีมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นแค่ไม่เคยแตะต้องมัน

เขาตัดต่อส่วนของการร้องเพลงในงานเลี้ยงของตัวเอง แล้วส่งให้บริษัทการตลาดดำเนินการโปรโมท ประเด็นสำคัญคือให้โพสต์ลงฟอรัมใหญ่ต่างๆ และกระทู้ เพื่อดึงดูดความสนใจของเด็กวัยรุ่นโดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนนักศึกษา

ในยุคอินเทอร์เน็ตปัจจุบันนี้ เหตุการณ์ใหญ่ๆ บนอินเทอร์เน็ตล้วนมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แค่อาศัยพลังของลู่เฉินกับการช่วยเหลือของแฟนคลับเพียงอย่างเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะโปรโมทอัลบั้มของเขาไปในวงกว้างภายในระยะเวลาอันสั้น

ด้วยเหตุนี้ ต้นทุนของอัลบั้มชุดนี้ของลู่เฉินจึงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว!

แต่ก็ได้ผลดีมาก ไม่ว่าจะเป็นคำฮอตฮิต ‘มาสู้กัน’ หรือว่าโพสต์วิดีโองานเลี้ยงวันจบการศึกษา ซึ่งเป็นเหมือนไวรัสที่แพร่กระจายไปทั่วบล็อก กระทู้ ฟอรัมหรือในกลุ่มเฟยซวิ่น

เชื่อว่าจากการผลักดันของเวลา ผลที่มาจากการโฆษณาจะดีขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะดึงยอดการขายอัลบั้มให้สูงขึ้น!

แน่นอนว่านี่คือสถานะในอุดมคติ แต่ผลที่แท้จริงจะเป็นอย่างไรยังต้องรอพิสูจน์อีกที

เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้!

วันที่ 8 เดือนกันยายน เวลาเย็นหนึ่งทุ่ม อัลบั้มแรกของลู่เฉิน ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ จะวางจำหน่ายบนเฟยซวิ่นมิวสิคแล้ว!

…………………………………………………………………………

ไอคอนเหรียญทอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+