Perfect Superstar 327 ช่วยเหลือ

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 327 ช่วยเหลือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 327 ช่วยเหลือ

ภายใต้การเรียกร้องของแฟนเพลงมากมายหลายหลาก ลู่เฉินกลับมาร้องเพลงที่สามบนเวทีอีกครั้ง

ทว่าเขาไม่ได้หยิบผลงานเพลงใหม่ออกมาทั้งหมด แต่ร้องเพลงบัลลาดของตัวเองเพลงหนึ่ง…‘วัยเจิดจรัส’

เนื่องจากอารมณ์ของผู้ชมในงานถูกสองเพลงแรกของเขากระตุ้นจนถึงจุดสูงสุดแล้ว ถ้าหากร้องเพลงที่กระตุ้นอารมณ์ฮึกเหิมขึ้นมาอีก อาจจะเกิดความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นได้

ควรทราบว่าในสวนสาธารณะเหยี่ยซานแห่งนี้มีแฟนเพลงสองหมื่นคนรวมตัวกันเป็นอย่างน้อย ถึงแม้จะไม่ได้มารวมตัวกันอยู่หน้าเวทีทั้งหมด แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ ถ้าหากมีแฟนเพลงสูญเสียการควบคุมอารมณ์ทำเรื่องที่ไร้สติออกมา เช่นนั้นก็จะเกิดผลลัพธ์ที่รุนแรงได้ง่าย

และนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครอยากเห็น

การควบคุมอารมณ์ของแฟนเพลงอย่างระมัดระวัง คือหนึ่งในข้อบังคับที่คณะกรรมการจัดงานเทศกาลดนตรีมีต่อนักร้อง

เพลงบัลลาดที่มีท่วงทำนองดนตรีสบายๆ ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ สามารถปลอบขวัญแฟนเพลงได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย ปลอบประโลมเลือดลมที่พลุ่งพล่านของพวกเขาให้สงบลง และยังทำให้อารมณ์ของพวกเขากลับคืนสู่ปกติ

ความจริงแล้วฟังเพลงนี้ก็รู้สึกสบายมาก เหมือนกับได้รับการปลอบใจหลังจากอารมณ์พุ่งถึงจุดสูงสุด เป็นความสุขที่ผ่อนคลายอย่างสมดุลกัน

ร้องเพลง ‘วัยเจิดจรัส’ จบแล้ว ลู่เฉินจึงพาวงนิพพานออกจากเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนเพลงมากมาย มอบเวทีนี้ให้กับคนถัดไป

ค่ำคืนที่ยาวนาน งานเทศกาลดนตรีเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น แต่สำหรับลู่เฉิน การแสดงของเขาสิ้นสุดลงแล้ว

แน่นอนว่าความฝันและความปรารถนาที่เคยมี ก็สมหวังแล้วเช่นกัน

“ร้องได้ดีมาก!”

กลับมาที่ด้านหลังเวที เลี่ยวเจี่ยกำหมัดชกไปที่ไหล่ของลู่เฉินไม่หนักไม่เบาจนเกินไป “เพลงก็ดีเหมือนกัน!”

“ฉันแพ้แล้ว!”

ลู่เฉินลูบจมูกไปมา แล้วเอ่ยว่า “พี่เลี่ยวเจี่ย ความจริง…”

“ความจริงอะไร”

เลี่ยวเจี่ยตาโตเท่าเหรียญ ถามดุว่า “นายอยากพูดว่าฉันเป็นคนไม่รักษาคำพูดใช่ไหม”

โอเค! ลู่เฉินยอมแล้ว

เลี่ยวเจี่ยเปลี่ยนจากความโกรธเป็นดีใจ ตบไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “วันพรุ่งนี้ตอนเย็น ที่โรงแรมรีเจนซี่ พวกนายมากันทุกคนนะ!”

ประโยคสุดท้ายเขาพูดกับสมาชิกของวงนิพพาน

หวังจิ้งและคนอื่นๆ รู้สึกเหมือนได้รับความเมตตา คนนี้คือเลี่ยวเจี่ย เป็นไอดอลระดับรุ่นพี่อย่างแท้จริง!

จากนั้นเหล่านักร้องที่อยู่ด้านหลังเวที ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก ต่างก็ทยอยเข้ามาทักทายลู่เฉิน

ได้เห็นการพิสูจน์ความสามารถของลู่เฉินด้วยตาตัวเอง ท่าทางของพวกเขาจึงเปลี่ยนไปมาก

ทุกคนหาข้ออ้างทำตัวสนิทกับลู่เฉิน เพราะอยากขอบคุณลู่เฉินที่ทำให้พวกเขาได้กินอาหารมื้อใหญ่ สถานที่ที่เลี่ยวเจี่ยเลี้ยงข้าวคือโรงแรมรีเจนซี่ระดับห้าดาวเชียวนะ!

เพียงครู่เดียวบรรยากาศด้านหลังเวทีก็กลมกลืนและปรองดองกันมาก

“สวัสดีลู่เฉิน!”

และในเวลานี้ ผู้ชายวัยสามสิบกว่าคนหนึ่งเดินมาอยู่ตรงหน้าลู่เฉิน แล้วยื่นมือไปหาเขา

ลู่เฉินรีบจับมือกับเขาทันที “สวัสดีครับ พี่กังจื่อ”

ผู้ชายคนนี้ก็คือสือกังนักร้องนำของวงเวนส์เดย์ เขาตกใจมาก “คุณรู้จักผม”

ลู่เฉินยิ้มพลางพูดว่า “พี่เลี่ยวเจี่ยบอกผมครับ”

เลี่ยวเจี่ยที่คุยกับคนอื่นอยู่ข้างๆ หันหน้ามา แล้วพูดกับสือกังว่า “กังจื่อ เย็นนี้ดื่มเหล้าด้วยกันนะ!”

สือกังรีบตอบทันที “ครับพี่เลี่ยว”

ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน เลี่ยวเจี่ยวคือคนที่เขาเคารพและเลื่อมใสศรัทธามาตลอด

เลี่ยวเจี่ยเชิญเขาไปดื่มเหล้าด้วยกัน คือการให้เกียรติเป็นอย่างมาก เดิมทีทั้งสองคนไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างสิ้นเชิง

เลี่ยวเจี่ยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เย็นนี้นายก็ร้องเพลงได้ไม่เลวนะ”

สือกังหน้าแดง ไม่ใช่เพราะอายแต่ซาบซึ้งต่างหาก

หลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว เขาจึงถามลู่เฉิน “ลู่เฉิน ขอคุยกับคุณสักสองสามประโยคได้ไหม”

ลู่เฉินพยักหน้า “ได้อยู่แล้วครับ”

ทั้งสองคนไปนั่งคุยกันที่มุมหนึ่งหลังเวที ถึงแม้คนอื่นจะเห็นก็ไม่เข้ามารบกวน

สือกังถูมือไปมา แล้วถามว่า “ลู่เฉิน ผมอยากถามคุณว่า สตูดิโอของคุณเซ็นสัญญาศิลปินไหมครับ”

เซ็นสัญญาศิลปิน?

ลู่เฉินตกตะลึง “ความหมายของพี่คือ?”

สือกังกล่าวอย่างเปิดเผย “ถ้าหากคุณยินดี ผมอยากให้วงเวนส์เดย์เซ็นสัญญากับสตูดิโอของคุณครับ”

ลู่เฉินตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าสือกังอยากจะเข้ามาอยู่ใต้สังกัดของตัวเอง

วงเวนส์เดย์ไม่ได้ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ถึงแม้จะหมดความฮอตไปแล้ว แต่ในสายตาของแฟนเพลงส่วนหนึ่งยังคงมีพลังมาก และผลงานที่ยอดเยี่ยมในงานคอนเสิร์ตค่ำคืนนี้ ก็ทำให้มีแววว่าจะหวนกลับมามีอำนาจอีกครั้ง

วงดนตรีที่เติบโตและมีรากฐานที่ดีแบบนี้ เชื่อว่าบริษัทเอเจนซี่หลายแห่งยินดีที่จะเซ็นสัญญาแน่นอน

ลู่เฉินกลับเสียใจ “พี่กังจื่อ ต้องขอโทษจริงๆ ครับ ทางผมยังไม่คิดจะเซ็นสัญญาศิลปินเป็นการชั่วคราวครับ”

เขาเพิ่งจะควบกิจการของสตูดิโอเนี่ยผานไปหมาดๆ มีวงดนตรีหนึ่งวงแล้ว ยิ่งบวกกับหัวใจหลักของการทำงานด้วยแล้ว ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเซ็นสัญญาอีกหนึ่งวง ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีศักยภาพในการฝึกหัดก็ตาม

สำหรับการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลของลู่เฉิน สือกังไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เขาแค่อยากลองดูเท่านั้น

สือกังในวันนี้ ไม่ใช่เด็กฮิปสเตอร์ในตอนนั้น การขัดเกลาต่อสู้กับชีวิตขึ้นๆ ลงๆ ทำให้เขาเข้าใจความสำคัญของโอกาสอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าตัวเองหรือพี่น้องร่วมวงของเขา ก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมด

การกลับมาครั้งนี้ สือกังวางแผนจะพาวงเวนส์เดย์เข้าไปลงหลักปักฐานที่ปักกิ่งอีกครั้ง จากนั้นก็จะไม่ไปไหนอีก

ในมุมมองของเขา สตูดิโอลู่เฉินเป็นตัวเลือกที่ดีมาก

สือกังพอทำความเข้าใจลู่เฉินมาบ้างแล้ว รู้ดีว่าคนหลังมีความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานและปั้นดารา ถ้าหากได้รับการสนับสนุนจากอัจฉริยะทางดนตรีคนนี้ วงเวนส์เดย์จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

จะว่าไปแล้วตอนนั้นสือกังก็เคยถูกเรียกขานว่าเป็น ‘อัจฉริยะทางดนตรี’ เหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับลู่เฉินแล้วยังห่างอีกไกลนัก!

“น่าเสียดายจริงๆ ครับ หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันนะครับ”

สือกังเอ่ยด้วยน้ำใสใจจริง

ลู่เฉินฉุกคิดขึ้นได้จึงเอ่ยว่า “พี่กังจื่อ ผมจะแนะนำบริษัทแผ่นเสียงแห่งหนึ่งให้ครับ!”

สือกังตาเป็นประกาย “บริษัทไหนเหรอ”

ลู่เฉินกล่าวว่า “เฟยสือเรคคอร์ดครับ!”

เขารู้สึกว่าสไตล์ของเฟยสือเรคคอร์ดน่าจะเหมาะสมกับวงเวนส์เดย์มาก

สือกังรู้จักเฟยสือเรคคอร์ดอยู่แล้ว แต่เขากลับพูดอย่างขมขื่นว่า “เฟยสือเรคคอร์ดไม่น่าจะชอบพวกเรานะครับ”

เฟยสือเรคคอร์ดเคยเป็นพี่ใหญ่เป็นหัวมังกรของอุตสาหกรรมแผ่นเสียงภายในประเทศมาก่อน เคยเสื่อมทรุดถดถอยไปช่วงหนึ่ง ตอนนี้กลับมาผงาดและฟื้นฟูพลังความสามารถมาอยู่ในช่วงสูงสุดอีกครั้ง ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของวงการ

เมื่อเทียบกันแล้ว น้ำหนักของวงเวนส์เดย์อาจจะไม่พอ…เพราะที่นั่นชอบฝึกหัดเด็กใหม่มากกว่า

ลู่เฉินยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ผมกับพี่หลินจื้อเจี๋ยผู้อำนวยการเพลงของเฟยสือมีความสัมพันธ์พอได้ครับ ผมจะแนะนำให้พวกพี่รู้จักกัน ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามีหรือไม่มีโอกาส”

สือกังขอบคุณ “ลู่เฉิน ขอบคุณนะครับ!”

ความจริงเขากับลู่เฉินไม่มีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวข้องกันเลย และทั้งสองคนก็เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรก ลู่เฉินยินดีช่วยเหลือแนะนำให้รู้จักกับหลินจื้อเจี๋ย เขาจึงรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ

คนในวงการบันเทิงไม่ค่อยมีน้ำใจ ยากที่จะหาคนที่ใจดีแบบนี้

ลู่เฉินคลำเอาโทรศัพท์ออกมา “ผมจะโทรหาพี่หลินตอนนี้ ดูว่าเขาว่างไหม”

โทรศัพท์ถูกโทรออกอย่างรวดเร็ว และคืนนี้หลินจื้อเจี๋ยก็ว่างจริงๆ

ดังนั้นลู่เฉินจึงเรียกเลี่ยวเจี่ย วงเวนส์เดย์ และวงนิพพานของตัวเอง ออกไปกินอาหารมื้อดึกข้างนอกด้วยกัน และถือโอกาสเชื่อมสายสัมพันธ์กับหลินจื้อเจี๋ย

ออกมาจากสวนสาธารณะเหยี่ยซาน งานเทศกาลดนตรี 72H สำหรับลู่เฉิน ถือเป็นอดีตไปแล้ว

…………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Perfect Superstar 327 ช่วยเหลือ

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 327 ช่วยเหลือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 327 ช่วยเหลือ

ภายใต้การเรียกร้องของแฟนเพลงมากมายหลายหลาก ลู่เฉินกลับมาร้องเพลงที่สามบนเวทีอีกครั้ง

ทว่าเขาไม่ได้หยิบผลงานเพลงใหม่ออกมาทั้งหมด แต่ร้องเพลงบัลลาดของตัวเองเพลงหนึ่ง…‘วัยเจิดจรัส’

เนื่องจากอารมณ์ของผู้ชมในงานถูกสองเพลงแรกของเขากระตุ้นจนถึงจุดสูงสุดแล้ว ถ้าหากร้องเพลงที่กระตุ้นอารมณ์ฮึกเหิมขึ้นมาอีก อาจจะเกิดความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นได้

ควรทราบว่าในสวนสาธารณะเหยี่ยซานแห่งนี้มีแฟนเพลงสองหมื่นคนรวมตัวกันเป็นอย่างน้อย ถึงแม้จะไม่ได้มารวมตัวกันอยู่หน้าเวทีทั้งหมด แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ ถ้าหากมีแฟนเพลงสูญเสียการควบคุมอารมณ์ทำเรื่องที่ไร้สติออกมา เช่นนั้นก็จะเกิดผลลัพธ์ที่รุนแรงได้ง่าย

และนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครอยากเห็น

การควบคุมอารมณ์ของแฟนเพลงอย่างระมัดระวัง คือหนึ่งในข้อบังคับที่คณะกรรมการจัดงานเทศกาลดนตรีมีต่อนักร้อง

เพลงบัลลาดที่มีท่วงทำนองดนตรีสบายๆ ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ สามารถปลอบขวัญแฟนเพลงได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย ปลอบประโลมเลือดลมที่พลุ่งพล่านของพวกเขาให้สงบลง และยังทำให้อารมณ์ของพวกเขากลับคืนสู่ปกติ

ความจริงแล้วฟังเพลงนี้ก็รู้สึกสบายมาก เหมือนกับได้รับการปลอบใจหลังจากอารมณ์พุ่งถึงจุดสูงสุด เป็นความสุขที่ผ่อนคลายอย่างสมดุลกัน

ร้องเพลง ‘วัยเจิดจรัส’ จบแล้ว ลู่เฉินจึงพาวงนิพพานออกจากเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนเพลงมากมาย มอบเวทีนี้ให้กับคนถัดไป

ค่ำคืนที่ยาวนาน งานเทศกาลดนตรีเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น แต่สำหรับลู่เฉิน การแสดงของเขาสิ้นสุดลงแล้ว

แน่นอนว่าความฝันและความปรารถนาที่เคยมี ก็สมหวังแล้วเช่นกัน

“ร้องได้ดีมาก!”

กลับมาที่ด้านหลังเวที เลี่ยวเจี่ยกำหมัดชกไปที่ไหล่ของลู่เฉินไม่หนักไม่เบาจนเกินไป “เพลงก็ดีเหมือนกัน!”

“ฉันแพ้แล้ว!”

ลู่เฉินลูบจมูกไปมา แล้วเอ่ยว่า “พี่เลี่ยวเจี่ย ความจริง…”

“ความจริงอะไร”

เลี่ยวเจี่ยตาโตเท่าเหรียญ ถามดุว่า “นายอยากพูดว่าฉันเป็นคนไม่รักษาคำพูดใช่ไหม”

โอเค! ลู่เฉินยอมแล้ว

เลี่ยวเจี่ยเปลี่ยนจากความโกรธเป็นดีใจ ตบไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “วันพรุ่งนี้ตอนเย็น ที่โรงแรมรีเจนซี่ พวกนายมากันทุกคนนะ!”

ประโยคสุดท้ายเขาพูดกับสมาชิกของวงนิพพาน

หวังจิ้งและคนอื่นๆ รู้สึกเหมือนได้รับความเมตตา คนนี้คือเลี่ยวเจี่ย เป็นไอดอลระดับรุ่นพี่อย่างแท้จริง!

จากนั้นเหล่านักร้องที่อยู่ด้านหลังเวที ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก ต่างก็ทยอยเข้ามาทักทายลู่เฉิน

ได้เห็นการพิสูจน์ความสามารถของลู่เฉินด้วยตาตัวเอง ท่าทางของพวกเขาจึงเปลี่ยนไปมาก

ทุกคนหาข้ออ้างทำตัวสนิทกับลู่เฉิน เพราะอยากขอบคุณลู่เฉินที่ทำให้พวกเขาได้กินอาหารมื้อใหญ่ สถานที่ที่เลี่ยวเจี่ยเลี้ยงข้าวคือโรงแรมรีเจนซี่ระดับห้าดาวเชียวนะ!

เพียงครู่เดียวบรรยากาศด้านหลังเวทีก็กลมกลืนและปรองดองกันมาก

“สวัสดีลู่เฉิน!”

และในเวลานี้ ผู้ชายวัยสามสิบกว่าคนหนึ่งเดินมาอยู่ตรงหน้าลู่เฉิน แล้วยื่นมือไปหาเขา

ลู่เฉินรีบจับมือกับเขาทันที “สวัสดีครับ พี่กังจื่อ”

ผู้ชายคนนี้ก็คือสือกังนักร้องนำของวงเวนส์เดย์ เขาตกใจมาก “คุณรู้จักผม”

ลู่เฉินยิ้มพลางพูดว่า “พี่เลี่ยวเจี่ยบอกผมครับ”

เลี่ยวเจี่ยที่คุยกับคนอื่นอยู่ข้างๆ หันหน้ามา แล้วพูดกับสือกังว่า “กังจื่อ เย็นนี้ดื่มเหล้าด้วยกันนะ!”

สือกังรีบตอบทันที “ครับพี่เลี่ยว”

ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน เลี่ยวเจี่ยวคือคนที่เขาเคารพและเลื่อมใสศรัทธามาตลอด

เลี่ยวเจี่ยเชิญเขาไปดื่มเหล้าด้วยกัน คือการให้เกียรติเป็นอย่างมาก เดิมทีทั้งสองคนไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างสิ้นเชิง

เลี่ยวเจี่ยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เย็นนี้นายก็ร้องเพลงได้ไม่เลวนะ”

สือกังหน้าแดง ไม่ใช่เพราะอายแต่ซาบซึ้งต่างหาก

หลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว เขาจึงถามลู่เฉิน “ลู่เฉิน ขอคุยกับคุณสักสองสามประโยคได้ไหม”

ลู่เฉินพยักหน้า “ได้อยู่แล้วครับ”

ทั้งสองคนไปนั่งคุยกันที่มุมหนึ่งหลังเวที ถึงแม้คนอื่นจะเห็นก็ไม่เข้ามารบกวน

สือกังถูมือไปมา แล้วถามว่า “ลู่เฉิน ผมอยากถามคุณว่า สตูดิโอของคุณเซ็นสัญญาศิลปินไหมครับ”

เซ็นสัญญาศิลปิน?

ลู่เฉินตกตะลึง “ความหมายของพี่คือ?”

สือกังกล่าวอย่างเปิดเผย “ถ้าหากคุณยินดี ผมอยากให้วงเวนส์เดย์เซ็นสัญญากับสตูดิโอของคุณครับ”

ลู่เฉินตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าสือกังอยากจะเข้ามาอยู่ใต้สังกัดของตัวเอง

วงเวนส์เดย์ไม่ได้ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ถึงแม้จะหมดความฮอตไปแล้ว แต่ในสายตาของแฟนเพลงส่วนหนึ่งยังคงมีพลังมาก และผลงานที่ยอดเยี่ยมในงานคอนเสิร์ตค่ำคืนนี้ ก็ทำให้มีแววว่าจะหวนกลับมามีอำนาจอีกครั้ง

วงดนตรีที่เติบโตและมีรากฐานที่ดีแบบนี้ เชื่อว่าบริษัทเอเจนซี่หลายแห่งยินดีที่จะเซ็นสัญญาแน่นอน

ลู่เฉินกลับเสียใจ “พี่กังจื่อ ต้องขอโทษจริงๆ ครับ ทางผมยังไม่คิดจะเซ็นสัญญาศิลปินเป็นการชั่วคราวครับ”

เขาเพิ่งจะควบกิจการของสตูดิโอเนี่ยผานไปหมาดๆ มีวงดนตรีหนึ่งวงแล้ว ยิ่งบวกกับหัวใจหลักของการทำงานด้วยแล้ว ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเซ็นสัญญาอีกหนึ่งวง ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีศักยภาพในการฝึกหัดก็ตาม

สำหรับการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลของลู่เฉิน สือกังไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เขาแค่อยากลองดูเท่านั้น

สือกังในวันนี้ ไม่ใช่เด็กฮิปสเตอร์ในตอนนั้น การขัดเกลาต่อสู้กับชีวิตขึ้นๆ ลงๆ ทำให้เขาเข้าใจความสำคัญของโอกาสอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าตัวเองหรือพี่น้องร่วมวงของเขา ก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมด

การกลับมาครั้งนี้ สือกังวางแผนจะพาวงเวนส์เดย์เข้าไปลงหลักปักฐานที่ปักกิ่งอีกครั้ง จากนั้นก็จะไม่ไปไหนอีก

ในมุมมองของเขา สตูดิโอลู่เฉินเป็นตัวเลือกที่ดีมาก

สือกังพอทำความเข้าใจลู่เฉินมาบ้างแล้ว รู้ดีว่าคนหลังมีความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานและปั้นดารา ถ้าหากได้รับการสนับสนุนจากอัจฉริยะทางดนตรีคนนี้ วงเวนส์เดย์จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

จะว่าไปแล้วตอนนั้นสือกังก็เคยถูกเรียกขานว่าเป็น ‘อัจฉริยะทางดนตรี’ เหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับลู่เฉินแล้วยังห่างอีกไกลนัก!

“น่าเสียดายจริงๆ ครับ หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันนะครับ”

สือกังเอ่ยด้วยน้ำใสใจจริง

ลู่เฉินฉุกคิดขึ้นได้จึงเอ่ยว่า “พี่กังจื่อ ผมจะแนะนำบริษัทแผ่นเสียงแห่งหนึ่งให้ครับ!”

สือกังตาเป็นประกาย “บริษัทไหนเหรอ”

ลู่เฉินกล่าวว่า “เฟยสือเรคคอร์ดครับ!”

เขารู้สึกว่าสไตล์ของเฟยสือเรคคอร์ดน่าจะเหมาะสมกับวงเวนส์เดย์มาก

สือกังรู้จักเฟยสือเรคคอร์ดอยู่แล้ว แต่เขากลับพูดอย่างขมขื่นว่า “เฟยสือเรคคอร์ดไม่น่าจะชอบพวกเรานะครับ”

เฟยสือเรคคอร์ดเคยเป็นพี่ใหญ่เป็นหัวมังกรของอุตสาหกรรมแผ่นเสียงภายในประเทศมาก่อน เคยเสื่อมทรุดถดถอยไปช่วงหนึ่ง ตอนนี้กลับมาผงาดและฟื้นฟูพลังความสามารถมาอยู่ในช่วงสูงสุดอีกครั้ง ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของวงการ

เมื่อเทียบกันแล้ว น้ำหนักของวงเวนส์เดย์อาจจะไม่พอ…เพราะที่นั่นชอบฝึกหัดเด็กใหม่มากกว่า

ลู่เฉินยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ผมกับพี่หลินจื้อเจี๋ยผู้อำนวยการเพลงของเฟยสือมีความสัมพันธ์พอได้ครับ ผมจะแนะนำให้พวกพี่รู้จักกัน ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามีหรือไม่มีโอกาส”

สือกังขอบคุณ “ลู่เฉิน ขอบคุณนะครับ!”

ความจริงเขากับลู่เฉินไม่มีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวข้องกันเลย และทั้งสองคนก็เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรก ลู่เฉินยินดีช่วยเหลือแนะนำให้รู้จักกับหลินจื้อเจี๋ย เขาจึงรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ

คนในวงการบันเทิงไม่ค่อยมีน้ำใจ ยากที่จะหาคนที่ใจดีแบบนี้

ลู่เฉินคลำเอาโทรศัพท์ออกมา “ผมจะโทรหาพี่หลินตอนนี้ ดูว่าเขาว่างไหม”

โทรศัพท์ถูกโทรออกอย่างรวดเร็ว และคืนนี้หลินจื้อเจี๋ยก็ว่างจริงๆ

ดังนั้นลู่เฉินจึงเรียกเลี่ยวเจี่ย วงเวนส์เดย์ และวงนิพพานของตัวเอง ออกไปกินอาหารมื้อดึกข้างนอกด้วยกัน และถือโอกาสเชื่อมสายสัมพันธ์กับหลินจื้อเจี๋ย

ออกมาจากสวนสาธารณะเหยี่ยซาน งานเทศกาลดนตรี 72H สำหรับลู่เฉิน ถือเป็นอดีตไปแล้ว

…………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+