Perfect Superstar 479 โผล่ขึ้น

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 479 โผล่ขึ้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 479 โผล่ขึ้น

ฮ่องกงเป็นหนึ่งในเขตปกครองพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นขนาดพื้นที่หรือว่าจำนวนประชากรไม่สามารถเทียบเมืองหลวงได้ แต่ความหนาแน่นของประชากรกลับมากกว่าเมืองหลวงมากนัก การเติบโตของเศรษฐกิจมีความเจริญรุ่งเรือง สื่อมีเดียผุดขึ้นเยอะเหมือนดอกเห็ด

ลำพังแค่สถานีโทรทัศน์อย่างเดียวก็มีสองสถานีไร้สายยักษ์ใหญ่อย่างสถานีโทรทัศน์เซียงเจียงและสถานีเอทีวี สถานีเคเบิลขาดกลางและขนาดเล็กก็มีเยอะมาก ดังนั้นการแข่งขันกันด้านเนื้อหารายการจึงยิ่งดุเดือด ต่อให้เรตติ้งห่างกันแค่ 0.1% การจัดอันดับก็ต่างกันหลายตำแหน่ง

สถานีโทรทัศน์เซียงเจียงและสถานีเอทีวีถึงแม้จะยึดส่วนแบ่งสองในสามอย่างมั่นคง ส่วนแบ่งทางการตลาดร่วมกันของทั้งสองเจ้าไม่เคยน้อยกว่า 70% เลย แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ก็เจอการท้ารบที่แข็งแกร่งจากสถานีทีวีบีเพิร์ลและเคเบิลทีวีฮ่องกง ไม่ว่าจะด้านทรัพยากรรายการหรือว่าเรตติ้งล้วนถูกกลืนกินไปทีละนิด

การแข่งขันระหว่างสถานีโทรทัศน์เซียงเจียงและสถานีเอทีวียิ่งไม่ต้องพูดถึง บุญคุณความแค้นระหว่างสองสถานีใหญ่ สามารถนำไปถ่ายทำละครความยาวหนึ่งร้อยตอนได้เลยทีเดียว และด้านเรตติ้งต่างก็อิจฉาตาร้อนกันมานานแล้ว

สถานีเอทีวีที่มีชื่อเสียงเก่าแก่อยู่ท่ามกลางการต่อสู้ครั้งใหญ่นี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ยังไม่มีความเหนือกว่าเลย

อีกทั้งปัญหาภายในของสถานีเอทีวีก็เยอะ การแก่งแย่งทรัพยากรระหว่างช่องก็รุนแรง คนในไม่สามัคคีกันสิ้นเปลืองพลังภายใน ‘สนทนาสามบันเทิง’ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในรายการวาไรตี้เก่าแก่ของสถานี ก็เผชิญบททดสอบหนักเช่นกัน

ในฐานะรายการทอล์กโชว์ที่ออกอากาศในช่วงเวลายอดนิยม เรตติ้งเฉลี่ยของรายการ ‘สนทนาสามบันเทิง’ อยู่ที่ประมาณ 3% แต่ข้อมูลนั้นคำนวณมาจากเรตติ้งตลอดสิบปี หากเป็นช่วงเวลาสั้นๆ สามปีนี้ คงจะลดลงเหลือประมาณ 2.2% บางครั้งก็ต่ำกว่า 2%

นี่คือสัญญาณอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย เสิ่นซูหลิงพิธีกรรายการ ‘สนทนาสามบันเทิง’ รู้อยู่แก่ใจ เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มคุณภาพของรายการ ไม่อยากตกลงไปอยู่ลำดับสุดท้ายแล้วจบลงด้วยการถูกถอดออก

ตลาดคือความโหดร้ายที่สุด ส่วนสถานีเอทีวีก็เป็นบ้านพักคนชรา กลุ่มคนที่อยากเลื่อนตำแหน่งคอยจ้องตาเป็นมัน เสิ่นซูหลิงดูผิวเผินเหมือนจะสง่า แต่ลับหลังแล้วเธอก็กลัวตัวสั่นงันงกมาตลอดเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงกล้าแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้ง เชิญลู่เฉินบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในช่วงนี้มาออกรายการ ‘สนทนาสามบันเทิง’ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับนโยบายสนับสนุนภาพยนตร์ใหม่ของรัฐบาลฮ่องกง

ควรทราบว่า ตอนนั้นทีมงานรายการรวมทั้งคนของสถานีจำนวนไม่น้อยคิดว่าลู่เฉินเป็นศิลปินใหม่ที่เพิ่งมาจากประเทศจีน ไม่มีรากฐานความนิยมในฮ่องกง ด้วยฐานะและตำแหน่งของเขาไม่สอดคล้องกับความต้องการของ ‘สนทนาสามบันเทิง’ และกังวลว่าจะถูกผู้ชมและคนในวงการต่อว่าว่าลดระดับของตัวเอง

ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้ว ความเสี่ยงของเสิ่นซูหลิงนั้นถูกต้อง บางทีผู้ชมชาวฮ่องกงอาจจะสนใจซูเปอร์สตาร์หนุ่มหล่อที่มาจากประเทศจีนคนนี้เป็นอย่างมาก หรือบางทีการแข่งขันที่มาจากนโยบายสนับสนุนภาพยนตร์ใหม่ได้ไปสัมผัสจุดที่อ่อนไหวของใครหลายคน เรตติ้งของรายการจึงเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และช่วงสุดท้ายจึงทะลุถึง 5%!

5%!

นี่คือผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก มากพอที่จะเทียบกับรายการดังตัวจริงพวกนั้นได้ ครั้งก่อนที่รายการ ‘สนทนาสามบันเทิง’ ได้เรตติ้งแบบนี้ เป็นผลมาจากเชิญเยี่ยนนีราชินีแห่งวงการเพลง ภาพยนตร์ และละครมาออกรายการ

นอกจากเรตติ้งที่สูงแล้ว ลู่เฉินซึ่งเป็นแขกรับเชิญคนสำคัญก็แสดงออกได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเรื่องเล่านิทานปลาดุกของเขา เป็นความแปลกใหม่มาก ทำให้ผู้ชมได้ยินเสียงและแนวคิดที่ต่างออกไป

ลู่เฉินออกรายการ ‘สนทนาสามบันเทิง’ ไม่เพียงแต่ไม่ลดระดับของรายการ แต่ยังนำพลังและความมีชีวิตชีวาแบบใหม่เข้ามาอีกด้วย

เสิ่นซูหลิงเชื่อว่า ความหล่อ ความดูดี และกิริยาท่าทางของเขา จะกลายเป็นประเด็นร้อนของผู้คนแน่นอน

พิธีกรรายการของสถานีเอทีวีคนนี้เหมือนมองเห็นดาวดวงใหม่ที่กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าของฮ่องกง!

รายการยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็มาถึงช่วงท้ายรายการแล้ว

เสิ่นซูหลิงกล่าวว่า “ความจริงฉันเห็นลู่เฉินครั้งแรกในบล็อกเกาะฮ่องกง จากนั้นคนอื่นก็แชร์วิดีโอมาให้ฉัน ตอนนั้นคุณอยู่ที่บาร์แถวลานไควฟงใช่ไหมคะ”

ลู่เฉินพยักหน้า “ใช่ครับ นั่นคือมาฮ่องกงเป็นครั้งแรก เพื่อนแนะนำบอกว่าลานไควฟงน่าสนุกดี”

เสิ่นซูหลิงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “จากนั้นคุณก็ร่วมแข่งขันร้องเพลงที่บาร์ลาดอลเซ่วิต้า 97 ร้องเพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ ที่ทุกคนคุ้นหู ได้ยินว่าคุณเป็นคนแต่งเอง และแต่งให้แฟนใช่ไหมคะ”

ลู่เฉินพยักหน้า “ใช่ครับ”

ก่อนหน้านั้นคือการปะทะและโต้เถียงกันส่วนใหญ่ ตอนนี้ใกล้จบรายการแล้ว บรรยากาศผ่อนคลายลงไม่น้อย จึงพูดคุยกันเรื่องอื่น เสิ่นซูหลิงควบคุมจังหวะการพูดคุยได้ดีมาก

แน่นอนว่าเขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

เกรงว่าจะมีจวงต้งแขกรับเชิญอีกหนึ่งคนที่ไม่พอใจอยู่คนเดียว หลังจากที่ถูกลู่เฉินโจมตีกลับสองสามครั้งจนต้องล่าถอย เขาก็เงียบไปเลย ไม่มีท่าทางถามฉอดๆ เหมือนตอนแรกอีก

สายตาของทุกคนเป็นประกาย อภิปรายแพ้ก็ต้องยอมรับ ถ้าหากขืนดึงดันเกาะไม่ปล่อยต่อไป เช่นนั้นรังแต่จะทำให้ตัวเองขายหน้าต่อหน้าสาธารณชน กลายเป็นตัวตลกของอีกฝ่าย

เสิ่นซูหลิงก็สังเกตเห็นความกระอักกระอ่วนใจของจวงต้งอย่างชัดเจน ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนไปสู่หัวข้อสนทนาที่เบาขึ้น

เธอหันไปพูดกับกล้อง ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เพื่อนผู้ชมที่อยู่หน้าจอทีวีหลายคนคงยังไม่รู้ว่า แฟนของคุณลู่เฉินคือคุณเฉินเฟยเอ๋อร์ราชินีแห่งวงการเพลงป็อปของประเทศจีน และคุณเฉินเฟยเอ๋อร์ตอนนี้ก็ถ่ายละครสองเรื่องที่สร้างปรากฏการณ์เรตติ้งทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศอีกด้วย”

“และจำเป็นต้องอธิบายหน่อยว่า คนเขียนบทละครสองเรื่องนี้กับผู้ที่รับบทพระเอกก็คือลู่เฉิน”

“เช่นนั้นลู่เฉิน ภาพยนตร์เรื่องแรกของคุณ นางเอกยังเป็นคุณเฉินเฟยเอ๋อร์หรือไม่คะ”

ครั้งนี้ลู่เฉินส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ นางเอกเป็นนักแสดงหน้าใหม่คนหนึ่งของฮ่องกง ภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ เรื่องนี้นอกจากผมที่รับบทพระเอกและผู้กำกับแล้ว นักแสดงคนอื่นล้วนเป็นเพื่อนสายอาชีพเดียวกันในฮ่องกง รวมทั้งหุ้นส่วนของพวกเราด้วยครับ”

นโยบายสนับสนุนภาพยนตร์ใหม่ของรัฐบาลฮ่องกงมีข้อกำหนดอยู่ อย่างเช่นในภาพยนตร์ที่ส่งเอกสารไปตรวจสอบ จะต้องมีสัดส่วนนักแสดงท้องถิ่นมากถึง 60% นี่คือกฎที่แข็งแกร่ง

แต่ ‘โปเยโปโลเย’ ไม่ได้เลือกเฉินเฟยเอ๋อร์ ประเด็นสำคัญคือปัญหาเรื่องคิว

เสิ่นซูหลิงกล่าวว่า “อย่างนั้นพวกเราจะรอดู รอหนังของคุณเข้าฉาย นอกจากนี้ก่อนจบรายการ เพื่อตอบสนองต่อคำเรียกร้องของผู้ชม คุณช่วยร้องเพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ อีกครั้งในรายการได้ไหมคะ”

เธอเสริมอีกหนึ่งประโยค “เพลงนี้ฉันก็ชอบมากเหมือนกันค่ะ!”

ลู่เฉินยินดีมาก “ขอบคุณครับ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

นี่คือสิ่งที่ทีมงานรายการเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ใช่การจู่โจมลู่เฉินแบบกะทันหัน และอยู่ในความคาดเดาของเขาแล้วเช่นกัน

เพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ ไม่ได้ปล่อยเวอร์ชันอย่างเป็นทางการออกมา อาศัยเพียงคลิปวิดีโอที่บันทึกจากโทรศัพท์มือถือก็ดังไปทั่วฮ่องกง จนตอนนี้เกือบจะกลายเป็นตราสินค้าของลู่เฉินไปแล้ว

เพลงภาษาจีนกวางตุ้งระดับคลาสสิคเพลงนี้เรียกได้ว่าช่วยให้เขาเข้าสู่วงการบันเทิงของฮ่องกงได้มาก มีอิทธิพลในกลุ่มคนหนุ่มสาวชาวฮ่องกง ถือว่าได้แสดงบทบาทที่ใหญ่ที่สุด

ดังนั้น ‘สนทนาสามบันเทิง’ สัปดาห์นี้ จึงจบลงด้วยการเล่นและร้องเพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ ของลู่เฉิน

หลังจากรายการออกอากาศอย่างเป็นทางการแล้ว จึงเกิดเสียงสะท้อนทั้งในและนอกวงการของฮ่องกงเป็นอย่างมาก!

…………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด