Perfect Superstar 308 ข่าวดี

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 308 ข่าวดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 308 ข่าวดี

วันที่แปดหลังจากวันขึ้นปีใหม่จีน บริษัทน้อยใหญ่ในเมืองหลวงเริ่มเปิดทำการแล้ว

บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดก็เช่นกัน เพียงแต่เหนือประตูด้านหน้าของชั้นล่างยังมีป้ายยาวเขียนว่า ‘สุขสันต์วันตรุษจีน’ แขวนไว้ โคมไฟสีแดงเรียงรายเป็นแนวยาวยังคงบรรยากาศรื่นเริงของวันขึ้นปีใหม่ บนพื้นมีเศษประทัดสีแดงเกลื่อนกลาด

ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์มาเยือนที่นี่ด้วยกัน หลินจื้อเจี๋ยกับรองประธานของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดคนหนึ่งมาต้อนรับที่หน้าประตู

การต้อนรับแบบนี้ทำให้ลู่เฉินรู้สึกแปลกประหลาด

เขากับเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นเพื่อนของหลินจื้อเจี๋ย ทั้งสองฝ่ายสนิทสนมกันดี มาเยือนบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แม้ลู่เฉินมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้การต้อนรับเป็นทางการขนาดนี้

เมื่อคนปฏิบัติด้วยพิธีรีตอง แสดงว่าต้องมีเรื่องมาร้องขอ?

ลู่เฉินคิดอยู่ในใจ ถามยิ้มๆ ว่า “พี่หลิน พวกพี่ทำอะไร ทำไมต้องเกรงใจขนาดนี้ ครั้งหน้าผมไม่กล้ามาแล้ว!”

เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้ม “นั่นน่ะสิ พี่หลินเห็นเราเป็นคนอื่นคนไกลไปได้”

หลินจื้อเจี๋ยหัวเราะ “ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องเกรงใจ พวกเธอสองคนเป็นแขกกลุ่มแรกที่มาในปีใหม่นี้ แน่นอนว่าต้องให้ความสำคัญมากหน่อย ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับลู่เฉินที่ได้รางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมกับรางวัลนักประพันธ์ทำนองยอดเยี่ยมเลย ตอนนั้นไม่ได้ไป เสียดายมาก!”

หลินจื้อเจี๋ยมีสิทธิ์เข้าร่วมพิธีมอบรางวัล ‘เอเชี่ยนไชนีสซองโกลเด้นอวอร์ดส์’ ในฐานะผู้อำนวยการเพลงของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด แต่เขาเพิ่งกลับจากต่างประเทศเมื่อวาน จึงไม่ทันไปร่วมงาน

แสดงความยินดีตอนนี้ยังไม่สาย

ลู่เฉินยิ้ม “ขอบคุณครับ”

คนทั้งกลุ่มพูดคุยหัวเราะกันจนไปถึงห้องประชุมของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด

เพราะเฉินเฟยเอ๋อร์ได้แจ้งล่วงหน้า ทางบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดจึงเตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้ว ในห้องประชุมมีพนักงานที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดหลายคนนั่งรออยู่แล้ว บนหน้าจอโทรทัศน์แขวนผนังขึ้นข้อความว่า ‘งานประชุมการทำอัลบั้มใหม่ของเฉินเฟยเอ๋อร์ อัลบั้มบุปผานารี’

เมื่อเห็นว่าลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์เข้ามา คนเก่งของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดพร้อมใจกันยืนขึ้นต้อนรับทักทาย

บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดให้ความสำคัญกับอัลบั้มใหม่ที่เปลี่ยนสไตล์เพลงของเฉินเฟยเอ๋อร์มาก ตั้งใจจะให้เป็นการเริ่มต้นปี 2016 ที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงจัดตั้งทีมงานคุณภาพที่มีหลินจื้อเจี๋ยเป็นผู้นำ มารับหน้าที่ดูแลการผลิตและการจัดจำหน่ายอัลบั้มใหม่โดยเฉพาะ

อัลบั้มใหม่นี้มีชื่อเดียวกับเพลง ‘บุปผานารี’ เพลงนี้เป็นเพลงที่ลู่เฉินเขียนให้เฉินเฟยเอ๋อร์โดยเฉพาะ และเป็นเพลงหลักของอัลบั้ม ตามแผนจะเริ่มเตรียมการถ่ายทำมิวสิควิดีโอในสัปดาห์หน้า

งานประชุมในวันนี้เป็นการปรึกษาหารือเรื่องการทำอัลบั้ม การโปรโมต เป็นต้น เพราะเฉินเฟยเอ๋อร์มีสตูดิโอของตัวเอง อัลบั้มใหม่จึงจ้างงานนอกให้บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดเป็นผู้จัดการ ซึ่งย่อมมีปัญหาเรื่องความร่วมมืออยู่มาก

เมื่อมีลู่เฉินเข้าร่วมด้วย ยิ่งต้องการการประสานงานด้านต่างๆ

ผู้เข้าร่วมประชุมนอกจากลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ และหลินจื้อเจี๋ยแล้ว ยังมีโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักเรียบเรียงเพลง ฝ่ายห้องอัด และฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด

การประชุมใช้เวลาไปประมาณสองชั่วโมง บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นด้วยมิตรภาพ

ลู่เฉินไม่พูดมาก แต่ไม่มีใครกล้าละเลยการมีตัวตนของเขา เขาคนเดียวรับผิดชอบเพลงครึ่งอัลบั้ม ทั้งยังร่วมดูแลเรื่องการเรียบเรียงเพลงและการควบคุมการผลิตด้วย ความสำคัญของเขามากกว่าหลินจื้อเจี๋ยเสียอีก

หลังจบการประชุม หลินจื้อเจี๋ยพาลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ไปที่ห้องทำงานของตัวเอง

ผู้อำนวยการเพลงแห่งบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดชงกาแฟให้กับทั้งคู่ด้วยตัวเอง

เขาใช้เมล็ดกาแฟชั้นดีที่สุด กลิ่นหอมหวนเข้มข้น ที่แปลกคือรสชาติกลับไม่ขมอย่างที่คิด ดื่มเข้าไปแล้วรสชาตินุ่มละมุนลิ้น

แม้แต่ลู่เฉินที่ไม่ใช่คอกาแฟ ก็ยังรู้สึกได้ถึงความพิเศษ

เทียบกันแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์มีความรู้มากกว่า เมื่อดื่มเข้าไปไม่กี่คำก็แสดงความชอบ “พี่หลิน นี่เป็นกาแฟบลูเมาน์เทนแบบต้นตำรับใช่ไหม”

หลินจื้อเจี๋ยยิ้ม “ใช่แล้ว ฉันเพิ่งซื้อกาแฟบลูเมาน์เทนกลับมาจากญี่ปุ่น มีแค่สองปอนด์ ถ้าเธอชอบ เอากลับไปด้วยปอนด์หนึ่ง”

กาแฟบลูเมาน์เทนเป็นกาแฟที่ดีที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง แต่ก็เป็นกาแฟที่ถูกหลายยี่ห้อลอกเลียนแบบมากที่สุด ในประเทศจีนกลับถูกด้อยค่าจนเทียบเท่าชานมไข่มุก ไม่ว่าเข้าไปในร้านกาแฟไหนก็สามารถหาซื้อกาแฟแก้วละไม่กี่สิบหยวนที่ถูกอ้างว่าเป็นกาแฟบลูเมาน์เทนได้

ความจริงแล้วกาแฟบลูเมาน์เทนที่มาจากจาเมกา ทุกปีผลิตได้แค่ไม่เกินร้อยตัน ส่วนใหญ่ถูกส่งไปขายที่ยุโรปและอเมริกา เข้ามาในประเทศจีนน้อยมาก

เนื่องจากคนญี่ปุ่นลงทุนในอุตสาหกรรมกาแฟบลูเมาน์เทนสูงมาก ได้รับส่วนแบ่งการตลาดไม่น้อย ดังนั้นในญี่ปุ่นจึงหากาแฟบลูเมาน์เทนของแท้ต้นตำรับได้ เพียงแต่ราคาสูงเป็นพิเศษ

“หนึ่งปอนด์เลยเหรอ”

เฉินเฟยเอ๋อร์เม้มปากยิ้ม “พี่หลินเกรงใจเกินไปแล้ว พี่มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ”

เธอฉลาดขนาดนี้ มีหรือจะดูไม่ออกว่าหลินจื้อเจี๋ยมีเรื่องขอร้อง ถึงได้เกรงอกเกรงใจขนาดนี้

“ปิดบังเฟยเอ๋อร์ไม่ได้เลยจริงๆ…”

หลินจื้อเจี๋ยไม่ได้เสียหน้าที่ถูกจับได้ เขาหัวเราะบอกว่า “ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องของฉันหรอก แค่อยากถามลู่เฉินว่าปีนี้นายมีแผนจะถ่ายละครเรื่องใหม่บ้างไหม”

ลู่เฉินเข้าใจทันที บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดจับตามองละครเรื่องใหม่ของเขาอยู่

ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ลู่เฉินกลายเป็นคนดังมาแรงในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์ภายในเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน ละครแนวความรักของคนเมืองความยาวยี่สิบตอนเรื่องนี้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไห่จิน สร้างสถิติเรตติ้งสูงที่สุดในบรรดาละครโทรทัศน์แนวเดียวกัน ช่วยให้คนหน้าใหม่หลายคนรวมทั้งลู่เฉินโด่งดังขึ้น

เช่นหูหยางที่รับบทเป็นหานไท่ซีตัวประกอบชายอันดับหนึ่ง จางลี่เวยที่รับบทเป็นชุยซินอ้ายตัวประกอบหญิงอันดับหนึ่ง ล้วนเป็นดาราหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการไม่นาน ก่อนที่ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จะออกอากาศ จะมีสักกี่คนที่เคยได้ยินชื่อของสองคนนี้

ตอนนี้หูหยางมีค่าโชว์ตัวครั้งละไม่ต่ำกว่าสองแสนหยวน ค่าพรีเซ็นเตอร์สินค้าอย่างน้อยสามล้านหยวน ราคาค่าตัวสูงขึ้นหลายสิบเท่า ไม่รู้ว่ามีคนอิจฉาตาร้อนตั้งเท่าไร

ยังมีจางจวิ้นจื้อและเยี่ยหมิงเม่ยที่แสดงเป็นจวิ้นซีและเอินซีตอนเด็ก ก็ได้เป็นดาราดังตั้งแต่อายุยังน้อย

ส่วนบริษัทกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สที่ร่วมลงทุนในการถ่ายทำละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ยิ่งธุรกิจก้าวหน้า

ความสำเร็จอันเป็นปรากฏการณ์ของเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ส่งผลกระทบอย่างมากทั้งในและนอกวงการ นอกจากนี้สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งและสถานีโทรทัศน์เจ้อตงได้นำละครไปออกอากาศซ้ำอีกครั้ง เรตติ้งตอนแรกทะลุหนึ่งเปอร์เซ็นต์ทั้งสองสถานี เพียงพอที่จะบอกว่าละครเรื่องนี้กระแสแรงไม่ตก

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ละครเรื่องใหม่ของลู่เฉินในปีนี้จึงเป็นจุดสนใจของคนทั้งวงการ คนในวงการหลายคนคิดว่าลู่เฉินอาจจะถ่ายทำละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ภาคสอง

หลังจากตรุษจีน โทรศัพท์ของลู่ซีและสตูดิโอลู่เฉินแทบจะระเบิด มีคนเข้ามาขอร่วมงานและแนะนำนักแสดงให้ไม่หยุดหย่อน ถึงขั้นมีดาราหลายคนสืบข่าวคราวจากช่องทางต่างๆ

แม้แต่เฉินเฟยเอ๋อร์ยังถูกคนรบกวนไม่น้อย…เพราะความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เฉินไม่ได้เป็นความลับในวงการบันเทิง

ทางบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดอยากเข้ามาร่วมวงสนุกด้วย จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สุด

ลู่เฉินตอบ “พี่หลิน ในเมื่อพี่ถามผม กาแฟนั่นก็ต้องให้ผมไม่ใช่เหรอ”

แน่นอนว่าลู่เฉินล้อเล่น

หลินจื้อเจี๋ยส่งสายตาสัพยอกเขา…ให้เฉินเฟยเอ๋อร์หรือให้นายมันจะแตกต่างกันตรงไหน

ก็ได้ ไม่ต่างกัน!

ลู่เฉินถอนใจ “ตามแผนจะเริ่มเตรียมงานเดือนหน้า ถ้าทุกอย่างไปได้สวย เดือนเมษายนจะเปิดกล้องอย่างเป็นทางการ”

หลินจื้อเจี๋ยตาวาว “ใช่เรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ภาคสองหรือเปล่า”

ลู่เฉินส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ ละครเรื่องนี้จะไม่ทำภาคต่อ ผมคิดละครเรื่องใหม่ไว้แล้ว”

ตอนนี้แม้แต่เฉินเฟยเอ๋อร์ก็แสดงความสนใจขึ้นมา “เนื้อเรื่องเป็นยังไง”

ละครเรื่องใหม่ลู่เฉินเคยบอกเธอว่าเขาจะถ่ายทำ แต่ไม่ได้บอกเรื่องอื่น เช่นรายละเอียดของเนื้อเรื่อง

ลู่เฉินหัวเราะ “เก็บเป็นความลับไว้ก่อน แต่ละครเรื่องนี้ไม่ใช่ละครดราม่า คุณยังเป็นนางเอกเหมือนเดิม”

เฉินเฟยเอ๋อร์ตวัดตาค้อนใส่เขา แต่ในใจหวานชื่น

เนื่องจากกลัวสิ่งที่คาดไม่ถึงที่จะตามมา ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์จึงไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ต่อสาธารณชน แต่ความลับนี้จะเก็บงำไว้ตลอดไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือให้บรรดาแฟนคลับซึมซับความรักของทั้งสองและยอมรับไปโดยปริยาย

หลังจากละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ออกอากาศจบ ในสายตาของแฟนคลับมากมายมองว่าพวกเขาทั้งสองเป็นพระนางที่เคมีเข้ากันที่สุด

“ธุรกิจของนายใหญ่โตขึ้นทุกที…”

หลินจื้อเจี๋ยทอดถอนใจ ในฐานะหนึ่งในสี่กรรมการจากเวที ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เขาสามารถพูดได้ว่าเขาเห็นลู่เฉินบนเส้นทางบันเทิงตั้งแต่ก้าวแรกจนมีชื่อเสียงในวันนี้

ผู้อำนวยการเพลงแห่งบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดถามว่า “พี่สาวนายบอกฉันว่า นายอยากจะย้ายสตูดิโอ?”

ลู่เฉินตอบตามตรง “ใช่ครับ ผมควบรวมสตูดิโอดนตรีแห่งหนึ่งเข้ามา เตรียมสร้างห้องอัดดีๆ ด้วย ตอนนี้ที่เดิมคับแคบเกินไป ถ้าที่นี่มีสถานที่เหมาะสมก็ดีสิครับ”

“ผู้ชายที่ทำดนตรีควรจะมีห้องอัดเป็นของตัวเอง!”

หลินจื้อเจี๋ยหัวเราะ “นี่เป็นคำที่อาจารย์ที่ปรึกษาของฉันเคยพูดไว้ ฉันละอิจฉานายจริงๆ”

“นายโชคดีมาก ฉันรู้จักเพื่อนคนหนึ่งเปิดสตูดิโอศิลปะขนาดใหญ่อยู่ที่นี่ ตอนนี้กำลังคิดจะแบ่งให้เช่าพื้นที่ครึ่งหนึ่ง ค่าเช่าไม่ถูกหรอกนะ แต่เนื้อที่เพียงพอที่จะรองรับสตูดิโอใหม่ของนาย”

“ถือว่าเป็นข่าวดีหรือเปล่า”

ลู่เฉินดีใจ “จริงเหรอครับ”

เดิมทีเขาไม่ได้หวังว่าจะได้ลงหลักปักฐานที่ศูนย์ศิลปะยุคใหม่ เพราะที่นี่มีการแก่งแย่งมากเกินไป ไม่มีพื้นที่ว่างเหลือ ดังนั้นถึงจะเป็นการเช่าร่วมก็ยังถือว่าโชคดี

หลินจื้อเจี๋ยเป็นมืออาชีพ ถ้าเขาบอกว่าเพียงพอแสดงว่าเพียงพอจริง

หลินจื้อเจี๋ยพยักหน้า “จริงสิ จะว่าไปก็บังเอิญ เพื่อนของฉันคนนั้นช่วงนี้ต้องการใช้เงิน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตัดสินใจแบ่งให้เช่าพื้นที่ของตัวเองครึ่งหนึ่งหรอก”

“เลือกวันดีสู้มาถูกวันไม่ได้ ในเมื่อนายมาแล้ว ฉันจะพานายไปเจรจากับเขาตอนนี้เลย”

ลู่เฉินซาบซึ้งใจ “ขอบคุณพี่หลินครับ รบกวนพี่จริงๆ”

ในใจของเขาแอบเลื่อมใส เมื่อครู่หลินจื้อเจี๋ยถามว่าเขามีแผนจะถ่ายละครเรื่องใหม่หรือไม่ ถามแล้วก็ไม่ได้บอกว่าคิดอย่างไร แต่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้ก่อน

ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ เขาจะติดค้างหลินจื้อเจี๋ยเรื่องหนึ่ง

การกระทำของหลินจื้อเจี๋ยมีกลิ่นอายของการมอบความชุ่มฉ่ำให้กับสรรพสิ่งอย่างเงียบๆ ควรค่าแก่การเรียนรู้

แน่นอนว่าลู่เฉินเองย่อมดีใจมากอยู่แล้ว และรู้ซึ้งถึงความสำคัญของการมีเส้นสายที่ดี

ถ้าไม่มีหลินจื้อเจี๋ย เรื่องที่มีคนอยากแบ่งพื้นที่ให้เช่าช่วงต่อ เขาคงไม่มีทางรู้ข่าวอะไรเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเจรจา

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Perfect Superstar 308 ข่าวดี

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 308 ข่าวดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 308 ข่าวดี

วันที่แปดหลังจากวันขึ้นปีใหม่จีน บริษัทน้อยใหญ่ในเมืองหลวงเริ่มเปิดทำการแล้ว

บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดก็เช่นกัน เพียงแต่เหนือประตูด้านหน้าของชั้นล่างยังมีป้ายยาวเขียนว่า ‘สุขสันต์วันตรุษจีน’ แขวนไว้ โคมไฟสีแดงเรียงรายเป็นแนวยาวยังคงบรรยากาศรื่นเริงของวันขึ้นปีใหม่ บนพื้นมีเศษประทัดสีแดงเกลื่อนกลาด

ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์มาเยือนที่นี่ด้วยกัน หลินจื้อเจี๋ยกับรองประธานของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดคนหนึ่งมาต้อนรับที่หน้าประตู

การต้อนรับแบบนี้ทำให้ลู่เฉินรู้สึกแปลกประหลาด

เขากับเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นเพื่อนของหลินจื้อเจี๋ย ทั้งสองฝ่ายสนิทสนมกันดี มาเยือนบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แม้ลู่เฉินมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้การต้อนรับเป็นทางการขนาดนี้

เมื่อคนปฏิบัติด้วยพิธีรีตอง แสดงว่าต้องมีเรื่องมาร้องขอ?

ลู่เฉินคิดอยู่ในใจ ถามยิ้มๆ ว่า “พี่หลิน พวกพี่ทำอะไร ทำไมต้องเกรงใจขนาดนี้ ครั้งหน้าผมไม่กล้ามาแล้ว!”

เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้ม “นั่นน่ะสิ พี่หลินเห็นเราเป็นคนอื่นคนไกลไปได้”

หลินจื้อเจี๋ยหัวเราะ “ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องเกรงใจ พวกเธอสองคนเป็นแขกกลุ่มแรกที่มาในปีใหม่นี้ แน่นอนว่าต้องให้ความสำคัญมากหน่อย ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับลู่เฉินที่ได้รางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมกับรางวัลนักประพันธ์ทำนองยอดเยี่ยมเลย ตอนนั้นไม่ได้ไป เสียดายมาก!”

หลินจื้อเจี๋ยมีสิทธิ์เข้าร่วมพิธีมอบรางวัล ‘เอเชี่ยนไชนีสซองโกลเด้นอวอร์ดส์’ ในฐานะผู้อำนวยการเพลงของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด แต่เขาเพิ่งกลับจากต่างประเทศเมื่อวาน จึงไม่ทันไปร่วมงาน

แสดงความยินดีตอนนี้ยังไม่สาย

ลู่เฉินยิ้ม “ขอบคุณครับ”

คนทั้งกลุ่มพูดคุยหัวเราะกันจนไปถึงห้องประชุมของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด

เพราะเฉินเฟยเอ๋อร์ได้แจ้งล่วงหน้า ทางบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดจึงเตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้ว ในห้องประชุมมีพนักงานที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดหลายคนนั่งรออยู่แล้ว บนหน้าจอโทรทัศน์แขวนผนังขึ้นข้อความว่า ‘งานประชุมการทำอัลบั้มใหม่ของเฉินเฟยเอ๋อร์ อัลบั้มบุปผานารี’

เมื่อเห็นว่าลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์เข้ามา คนเก่งของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดพร้อมใจกันยืนขึ้นต้อนรับทักทาย

บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดให้ความสำคัญกับอัลบั้มใหม่ที่เปลี่ยนสไตล์เพลงของเฉินเฟยเอ๋อร์มาก ตั้งใจจะให้เป็นการเริ่มต้นปี 2016 ที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงจัดตั้งทีมงานคุณภาพที่มีหลินจื้อเจี๋ยเป็นผู้นำ มารับหน้าที่ดูแลการผลิตและการจัดจำหน่ายอัลบั้มใหม่โดยเฉพาะ

อัลบั้มใหม่นี้มีชื่อเดียวกับเพลง ‘บุปผานารี’ เพลงนี้เป็นเพลงที่ลู่เฉินเขียนให้เฉินเฟยเอ๋อร์โดยเฉพาะ และเป็นเพลงหลักของอัลบั้ม ตามแผนจะเริ่มเตรียมการถ่ายทำมิวสิควิดีโอในสัปดาห์หน้า

งานประชุมในวันนี้เป็นการปรึกษาหารือเรื่องการทำอัลบั้ม การโปรโมต เป็นต้น เพราะเฉินเฟยเอ๋อร์มีสตูดิโอของตัวเอง อัลบั้มใหม่จึงจ้างงานนอกให้บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดเป็นผู้จัดการ ซึ่งย่อมมีปัญหาเรื่องความร่วมมืออยู่มาก

เมื่อมีลู่เฉินเข้าร่วมด้วย ยิ่งต้องการการประสานงานด้านต่างๆ

ผู้เข้าร่วมประชุมนอกจากลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ และหลินจื้อเจี๋ยแล้ว ยังมีโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง นักเรียบเรียงเพลง ฝ่ายห้องอัด และฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด

การประชุมใช้เวลาไปประมาณสองชั่วโมง บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นด้วยมิตรภาพ

ลู่เฉินไม่พูดมาก แต่ไม่มีใครกล้าละเลยการมีตัวตนของเขา เขาคนเดียวรับผิดชอบเพลงครึ่งอัลบั้ม ทั้งยังร่วมดูแลเรื่องการเรียบเรียงเพลงและการควบคุมการผลิตด้วย ความสำคัญของเขามากกว่าหลินจื้อเจี๋ยเสียอีก

หลังจบการประชุม หลินจื้อเจี๋ยพาลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ไปที่ห้องทำงานของตัวเอง

ผู้อำนวยการเพลงแห่งบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดชงกาแฟให้กับทั้งคู่ด้วยตัวเอง

เขาใช้เมล็ดกาแฟชั้นดีที่สุด กลิ่นหอมหวนเข้มข้น ที่แปลกคือรสชาติกลับไม่ขมอย่างที่คิด ดื่มเข้าไปแล้วรสชาตินุ่มละมุนลิ้น

แม้แต่ลู่เฉินที่ไม่ใช่คอกาแฟ ก็ยังรู้สึกได้ถึงความพิเศษ

เทียบกันแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์มีความรู้มากกว่า เมื่อดื่มเข้าไปไม่กี่คำก็แสดงความชอบ “พี่หลิน นี่เป็นกาแฟบลูเมาน์เทนแบบต้นตำรับใช่ไหม”

หลินจื้อเจี๋ยยิ้ม “ใช่แล้ว ฉันเพิ่งซื้อกาแฟบลูเมาน์เทนกลับมาจากญี่ปุ่น มีแค่สองปอนด์ ถ้าเธอชอบ เอากลับไปด้วยปอนด์หนึ่ง”

กาแฟบลูเมาน์เทนเป็นกาแฟที่ดีที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง แต่ก็เป็นกาแฟที่ถูกหลายยี่ห้อลอกเลียนแบบมากที่สุด ในประเทศจีนกลับถูกด้อยค่าจนเทียบเท่าชานมไข่มุก ไม่ว่าเข้าไปในร้านกาแฟไหนก็สามารถหาซื้อกาแฟแก้วละไม่กี่สิบหยวนที่ถูกอ้างว่าเป็นกาแฟบลูเมาน์เทนได้

ความจริงแล้วกาแฟบลูเมาน์เทนที่มาจากจาเมกา ทุกปีผลิตได้แค่ไม่เกินร้อยตัน ส่วนใหญ่ถูกส่งไปขายที่ยุโรปและอเมริกา เข้ามาในประเทศจีนน้อยมาก

เนื่องจากคนญี่ปุ่นลงทุนในอุตสาหกรรมกาแฟบลูเมาน์เทนสูงมาก ได้รับส่วนแบ่งการตลาดไม่น้อย ดังนั้นในญี่ปุ่นจึงหากาแฟบลูเมาน์เทนของแท้ต้นตำรับได้ เพียงแต่ราคาสูงเป็นพิเศษ

“หนึ่งปอนด์เลยเหรอ”

เฉินเฟยเอ๋อร์เม้มปากยิ้ม “พี่หลินเกรงใจเกินไปแล้ว พี่มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ”

เธอฉลาดขนาดนี้ มีหรือจะดูไม่ออกว่าหลินจื้อเจี๋ยมีเรื่องขอร้อง ถึงได้เกรงอกเกรงใจขนาดนี้

“ปิดบังเฟยเอ๋อร์ไม่ได้เลยจริงๆ…”

หลินจื้อเจี๋ยไม่ได้เสียหน้าที่ถูกจับได้ เขาหัวเราะบอกว่า “ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องของฉันหรอก แค่อยากถามลู่เฉินว่าปีนี้นายมีแผนจะถ่ายละครเรื่องใหม่บ้างไหม”

ลู่เฉินเข้าใจทันที บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดจับตามองละครเรื่องใหม่ของเขาอยู่

ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ลู่เฉินกลายเป็นคนดังมาแรงในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์ภายในเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน ละครแนวความรักของคนเมืองความยาวยี่สิบตอนเรื่องนี้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไห่จิน สร้างสถิติเรตติ้งสูงที่สุดในบรรดาละครโทรทัศน์แนวเดียวกัน ช่วยให้คนหน้าใหม่หลายคนรวมทั้งลู่เฉินโด่งดังขึ้น

เช่นหูหยางที่รับบทเป็นหานไท่ซีตัวประกอบชายอันดับหนึ่ง จางลี่เวยที่รับบทเป็นชุยซินอ้ายตัวประกอบหญิงอันดับหนึ่ง ล้วนเป็นดาราหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการไม่นาน ก่อนที่ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จะออกอากาศ จะมีสักกี่คนที่เคยได้ยินชื่อของสองคนนี้

ตอนนี้หูหยางมีค่าโชว์ตัวครั้งละไม่ต่ำกว่าสองแสนหยวน ค่าพรีเซ็นเตอร์สินค้าอย่างน้อยสามล้านหยวน ราคาค่าตัวสูงขึ้นหลายสิบเท่า ไม่รู้ว่ามีคนอิจฉาตาร้อนตั้งเท่าไร

ยังมีจางจวิ้นจื้อและเยี่ยหมิงเม่ยที่แสดงเป็นจวิ้นซีและเอินซีตอนเด็ก ก็ได้เป็นดาราดังตั้งแต่อายุยังน้อย

ส่วนบริษัทกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สที่ร่วมลงทุนในการถ่ายทำละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ยิ่งธุรกิจก้าวหน้า

ความสำเร็จอันเป็นปรากฏการณ์ของเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ส่งผลกระทบอย่างมากทั้งในและนอกวงการ นอกจากนี้สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งและสถานีโทรทัศน์เจ้อตงได้นำละครไปออกอากาศซ้ำอีกครั้ง เรตติ้งตอนแรกทะลุหนึ่งเปอร์เซ็นต์ทั้งสองสถานี เพียงพอที่จะบอกว่าละครเรื่องนี้กระแสแรงไม่ตก

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ละครเรื่องใหม่ของลู่เฉินในปีนี้จึงเป็นจุดสนใจของคนทั้งวงการ คนในวงการหลายคนคิดว่าลู่เฉินอาจจะถ่ายทำละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ภาคสอง

หลังจากตรุษจีน โทรศัพท์ของลู่ซีและสตูดิโอลู่เฉินแทบจะระเบิด มีคนเข้ามาขอร่วมงานและแนะนำนักแสดงให้ไม่หยุดหย่อน ถึงขั้นมีดาราหลายคนสืบข่าวคราวจากช่องทางต่างๆ

แม้แต่เฉินเฟยเอ๋อร์ยังถูกคนรบกวนไม่น้อย…เพราะความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เฉินไม่ได้เป็นความลับในวงการบันเทิง

ทางบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดอยากเข้ามาร่วมวงสนุกด้วย จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สุด

ลู่เฉินตอบ “พี่หลิน ในเมื่อพี่ถามผม กาแฟนั่นก็ต้องให้ผมไม่ใช่เหรอ”

แน่นอนว่าลู่เฉินล้อเล่น

หลินจื้อเจี๋ยส่งสายตาสัพยอกเขา…ให้เฉินเฟยเอ๋อร์หรือให้นายมันจะแตกต่างกันตรงไหน

ก็ได้ ไม่ต่างกัน!

ลู่เฉินถอนใจ “ตามแผนจะเริ่มเตรียมงานเดือนหน้า ถ้าทุกอย่างไปได้สวย เดือนเมษายนจะเปิดกล้องอย่างเป็นทางการ”

หลินจื้อเจี๋ยตาวาว “ใช่เรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ภาคสองหรือเปล่า”

ลู่เฉินส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ ละครเรื่องนี้จะไม่ทำภาคต่อ ผมคิดละครเรื่องใหม่ไว้แล้ว”

ตอนนี้แม้แต่เฉินเฟยเอ๋อร์ก็แสดงความสนใจขึ้นมา “เนื้อเรื่องเป็นยังไง”

ละครเรื่องใหม่ลู่เฉินเคยบอกเธอว่าเขาจะถ่ายทำ แต่ไม่ได้บอกเรื่องอื่น เช่นรายละเอียดของเนื้อเรื่อง

ลู่เฉินหัวเราะ “เก็บเป็นความลับไว้ก่อน แต่ละครเรื่องนี้ไม่ใช่ละครดราม่า คุณยังเป็นนางเอกเหมือนเดิม”

เฉินเฟยเอ๋อร์ตวัดตาค้อนใส่เขา แต่ในใจหวานชื่น

เนื่องจากกลัวสิ่งที่คาดไม่ถึงที่จะตามมา ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์จึงไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ต่อสาธารณชน แต่ความลับนี้จะเก็บงำไว้ตลอดไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือให้บรรดาแฟนคลับซึมซับความรักของทั้งสองและยอมรับไปโดยปริยาย

หลังจากละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ออกอากาศจบ ในสายตาของแฟนคลับมากมายมองว่าพวกเขาทั้งสองเป็นพระนางที่เคมีเข้ากันที่สุด

“ธุรกิจของนายใหญ่โตขึ้นทุกที…”

หลินจื้อเจี๋ยทอดถอนใจ ในฐานะหนึ่งในสี่กรรมการจากเวที ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เขาสามารถพูดได้ว่าเขาเห็นลู่เฉินบนเส้นทางบันเทิงตั้งแต่ก้าวแรกจนมีชื่อเสียงในวันนี้

ผู้อำนวยการเพลงแห่งบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดถามว่า “พี่สาวนายบอกฉันว่า นายอยากจะย้ายสตูดิโอ?”

ลู่เฉินตอบตามตรง “ใช่ครับ ผมควบรวมสตูดิโอดนตรีแห่งหนึ่งเข้ามา เตรียมสร้างห้องอัดดีๆ ด้วย ตอนนี้ที่เดิมคับแคบเกินไป ถ้าที่นี่มีสถานที่เหมาะสมก็ดีสิครับ”

“ผู้ชายที่ทำดนตรีควรจะมีห้องอัดเป็นของตัวเอง!”

หลินจื้อเจี๋ยหัวเราะ “นี่เป็นคำที่อาจารย์ที่ปรึกษาของฉันเคยพูดไว้ ฉันละอิจฉานายจริงๆ”

“นายโชคดีมาก ฉันรู้จักเพื่อนคนหนึ่งเปิดสตูดิโอศิลปะขนาดใหญ่อยู่ที่นี่ ตอนนี้กำลังคิดจะแบ่งให้เช่าพื้นที่ครึ่งหนึ่ง ค่าเช่าไม่ถูกหรอกนะ แต่เนื้อที่เพียงพอที่จะรองรับสตูดิโอใหม่ของนาย”

“ถือว่าเป็นข่าวดีหรือเปล่า”

ลู่เฉินดีใจ “จริงเหรอครับ”

เดิมทีเขาไม่ได้หวังว่าจะได้ลงหลักปักฐานที่ศูนย์ศิลปะยุคใหม่ เพราะที่นี่มีการแก่งแย่งมากเกินไป ไม่มีพื้นที่ว่างเหลือ ดังนั้นถึงจะเป็นการเช่าร่วมก็ยังถือว่าโชคดี

หลินจื้อเจี๋ยเป็นมืออาชีพ ถ้าเขาบอกว่าเพียงพอแสดงว่าเพียงพอจริง

หลินจื้อเจี๋ยพยักหน้า “จริงสิ จะว่าไปก็บังเอิญ เพื่อนของฉันคนนั้นช่วงนี้ต้องการใช้เงิน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตัดสินใจแบ่งให้เช่าพื้นที่ของตัวเองครึ่งหนึ่งหรอก”

“เลือกวันดีสู้มาถูกวันไม่ได้ ในเมื่อนายมาแล้ว ฉันจะพานายไปเจรจากับเขาตอนนี้เลย”

ลู่เฉินซาบซึ้งใจ “ขอบคุณพี่หลินครับ รบกวนพี่จริงๆ”

ในใจของเขาแอบเลื่อมใส เมื่อครู่หลินจื้อเจี๋ยถามว่าเขามีแผนจะถ่ายละครเรื่องใหม่หรือไม่ ถามแล้วก็ไม่ได้บอกว่าคิดอย่างไร แต่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้ก่อน

ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ เขาจะติดค้างหลินจื้อเจี๋ยเรื่องหนึ่ง

การกระทำของหลินจื้อเจี๋ยมีกลิ่นอายของการมอบความชุ่มฉ่ำให้กับสรรพสิ่งอย่างเงียบๆ ควรค่าแก่การเรียนรู้

แน่นอนว่าลู่เฉินเองย่อมดีใจมากอยู่แล้ว และรู้ซึ้งถึงความสำคัญของการมีเส้นสายที่ดี

ถ้าไม่มีหลินจื้อเจี๋ย เรื่องที่มีคนอยากแบ่งพื้นที่ให้เช่าช่วงต่อ เขาคงไม่มีทางรู้ข่าวอะไรเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเจรจา

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+