Perfect Superstar 241 งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 241 งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 241 งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ

ลู่เฉินกับเลี่ยวเจี่ยไม่ได้เดินไปไกล

สาเหตุที่ต้องหนีจากที่เกิดเหตุ ประเด็นหลักก็คือฐานะของทั้งสองคนชัดเจนเกินไป ต่อให้เป็นการป้องกันตัว ก็จะถูกสื่อมองว่าเมาแล้วทะเลาะวิวาทได้ง่าย เสียภาพลักษณ์ในสายตามวลชน

หลังจากเลี่ยวเจี่ยสร่างเมาแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรศัพท์สองสามสาย

แล้วท้ายที่สุดก็พูดกับลู่เฉินว่า “ส่วนใหญ่แล้วไม่มีปัญหา เด็กพวกนั้นเป็นคนของบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ไม่มีใครบาดเจ็บ ทั้งหมดถูกตำรวจควบคุมตัวแล้ว เสี่ยวหลี่กำลังจัดการอยู่”

“ถ้ามีรูปภาพหรือวิดีโอถูกอัปโหลดลงเน็ต นายห้ามยอมรับเด็ดขาด!”

ลู่เฉินยิ้มพลางเอ่ยว่า “เรื่องนี้ผมรู้ครับ พี่เลี่ยววางใจได้”

เลี่ยวเจี่ยยื่นมือไปตบไหล่ลู่เฉินอย่างแรง แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของนายสุดยอดมาก!”

เขารู้สึกนับถือลู่เฉินอย่างจริงใจ

เลี่ยวเจี่ยเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นหมาดๆ ก็เข้ามาใช้ชีวิตในสังคมแล้ว ดังนั้นจึงมีความเป็นอันธพาลอยู่ในตัว ถ้าหากไม่ได้เจออาจารย์ผู้มีพระคุณอย่างเกาอี้ คาดว่าตอนนี้เขาถ้าไม่ตายข้างทางก็คงอยู่ในซังเตที่ไหนสักแห่ง

ตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมระดับล่าง เลี่ยวเจี่ยก็ชกต่อยท้าดวลกับคนอื่นมาหลายครั้ง ดังนั้นเวลาที่เจอใครหาเรื่องจึงไม่ตกใจกลัวจนอกสั่นขวัญแขวน แต่กลับยกขวดเหล้าขึ้นมาสู้กับอีกฝ่าย

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เขามองออกว่าลู่เฉินมีฝีมือที่แข็งแกร่งมาก คนหลังทำลายกำลังต่อสู้ของอีกฝ่ายให้ทลายลงภายในชั่วพริบตาเดียว ถึงแม้จะเป็นการลอบโจมตี แต่ก็เป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย

ลู่เฉินสูงหล่อ เลี่ยวเจี่ยแค่นหัวเราะ ลู่เฉินมากความสามารถ เลี่ยวเจี่ยจึงมองเขาในมุมที่ต่างออกไป แต่ความสามารถในการต่อสู้ของลู่เฉินกลับทำให้เลี่ยวเจี่ยรู้สึกยอมแพ้และนับถืออย่างแท้จริง

นี่คือนิสัยและประสบการณ์ในชีวิตของเขา

บวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เลี่ยวเจี่ยจึงทำอะไรปุบปับ พลันเอ่ยขึ้นว่า “ลู่เฉิน ต่อไปพวกเราเป็นพี่น้องกันแล้วนะ ถ้าหากในปักกิ่งนายเจอเรื่องอะไรที่แก้ปัญหาไม่ได้ มาหาฉันพี่ชายคนนี้ก็พอ!”

เขายืดอกและตบเสียงดัง

ลู่เฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนในวงการถึงวิพากษ์วิจารณ์เลี่ยวเจี่ยแบบนี้

ทว่าคนแบบนี้ถึงแม้จะมีนิสัยโผงผาง แต่กลับไม่ใช่คนใจแคบ ไม่เหมือนคนที่หน้าตายิ้มแย้มแล้วแทงข้างหลัง

ลู่เฉินเอ่ยว่า “พี่เลี่ยว…”

กริ๊ง~

เขาเพิ่งจะเอ่ยปาก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี “…ผมขอรับสายก่อนนะครับ”

คนที่โทรมาหาลู่เฉิน ก็คือเฉินเฟยเอ๋อร์

ดูเหมือนราชินีคนนี้จะโกรธมาก รีบถามทันที “เลี่ยวเจี่ยอยู่กับนายใช่ไหม”

ลู่เฉิน “เอ่อ…”

เฉินเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “นายเอาโทรศัพท์ให้เขาหน่อย ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับเขา!”

ลู่เฉินจึงได้แต่ยื่นโทรศัพท์ให้เลี่ยวเจี่ย “ของพี่ครับ”

เลี่ยวเจี่ยตกใจ “ใครเหรอ”

คนที่โทรหาลู่เฉินจะถามถึงเขาได้อย่างไร เขาไม่เข้าใจ

ลู่เฉินยิ้มเจื่อน

สัญชาตญาณบอกลู่เฉินว่า เฉินเฟยเอ๋อร์จะต้องรู้เรื่องทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงอยากซักถามเพื่อเอาผิด!

ข่าวนี้แพร่กระจายเร็วเกินไปหรือเปล่า

เลี่ยวเจี่ยก็ไม่โง่ เห็นสีหน้าของลู่เฉินแล้วจึงเข้าใจทันที “น้องสะใภ้เหรอ”

เหอะ เฉินเฟยเอ๋อร์ถูกเรียกว่า ‘น้องสะใภ้’ ออกมาจากปากของเขาแล้ว!

เขาสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบโบกมือพูดว่า “ฉันไม่รับ นายบอกน้องสะใภ้ไปว่าฉันยอมรับผิดแล้ว รับรองว่าต่อไปจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก!”

ลู่เฉินถูกเลี่ยวเจี่ยลักตัวมา เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าหากมีผลกระทบต่อลู่เฉิน ความรับผิดชอบต้องตกอยู่กับเลี่ยวเจี่ยมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ตัวเขาเองเป็นคนนิสัยมุทะลุเอ้อระเหยลอยชาย ต่อให้มีเรื่องชกต่อยแดงออกมา จริงๆ แล้วก็ไม่ต้องสนใจเท่าไร

ทว่าลู่เฉินไม่เหมือนกัน เดิมทีชื่อเสียงของเขาดีมาตลอด และหน้าที่การงานก็อยู่ในช่วงขาขึ้น เป็นช่วงสะสมความนิยมพอดี ไม่ว่านิสัยที่บกพร่องในด้านไหนล้วนมีผลกระทบต่อเขาอย่างมาก

จึงเป็นเรื่องธรรมดามากที่เฉินเฟยเอ๋อร์จะโกรธ

เลี่ยวเจี่ยไม่เพียงไม่รับสายของเฉินเฟยเอ๋อร์ แถมยังเตรียมหนี “ฉันไปหาเสี่ยวหลี่ก่อน นายนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองนะ แล้วมาเบิกค่ารถกับฉันทีหลัง แบบนี้ถึงจะปลอดภัย”

ลู่เฉินพูดไม่ออกจริงๆ…อีตานี่เป็นมนุษย์ลุงชัดๆ!

ด้วยความจนใจ เขาจึงได้แต่พูดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ว่า “พี่ได้ยินหมดแล้วใช่ไหม พี่เลี่ยวหนีไปแล้วครับ”

“พระหนีได้แต่วัดหนีไม่ได้!”

เฉินเฟยเอ๋อร์พูดฮึดฮัดด้วยความโกรธ “หนี้บัญชีนี้ฉันจะคิดกับเขาแน่นอน ต่อไปนายเจอเขาก็เดินอ้อมไปเลย…”

พี่สาวราชินีคุยโทรศัพท์บ่นจู้จี้จุกจิกกับลู่เฉินมากมาย

เธอไม่ค่อยพอใจเลี่ยวเจี่ยอย่างเห็นได้ชัด เธอกลัวว่าต่อไปลู่เฉินจะถูกเขาทำเสียคน จึงให้ลู่เฉินระวังตัว

เฉินเฟยเอ๋อร์กระทั่งยังต่อว่าลู่เฉินว่าทำไมถึงบุ่มบ่ามอย่างนั้น

ลู่เฉินไม่พูด

ความจริงลู่เฉินรู้สึกว่าเลี่ยวเจี่ยไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร สามารถคบเป็นเพื่อนได้

แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ที่กำลังโกรธเดือดดาลอยู่

พูดตามจริง ลู่เฉินเพิ่งเคยเห็นเฉินเฟยเอ๋อร์โกรธแบบนี้เป็นครั้งแรก ถึงแม้จะถูกกั้นด้วยโทรศัพท์ก็ตาม

แต่ก็รู้สึกถึงความแปลกใหม่มาก

หลังจากเฉินเฟยเอ๋อร์ตำหนิโทษและตักเตือนเรียบร้อยแล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองเพิ่มแรงกดดันให้ลู่เฉินมากเกินไป เธอจึงเอ่ยพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ฉันจะไปรับนาย”

ลู่เฉินรีบเอ่ยว่า “ไม่ต้องยุ่งยากครับ ผมนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองดีกว่า”

เฉินเฟยเอ๋อร์คิดแล้วจึงเอ่ยว่า “งั้นนายก็กลับไปพักผ่อนเร็วๆ แล้วฉันจะช่วยติดตามเรื่องนี้ให้นาย”

ลู่เฉินกล่าวว่า “ขอบคุณครับ”

เฉินเฟยเอ๋อร์พูดเบาๆ “นายไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ ฉัน…ฉันรู้สึกคิดถึงนายนิดหน่อย”

ลู่เฉินพลันรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เลือดร้อนพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที “งั้นผมจะไปหาพี่ตอนนี้เลย”

หากรู้ว่าเป็นแบบนี้น่าจะให้เธอมารับนานแล้ว

เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “นายรีบพักผ่อนเถอะ เด็กดี”

เธอจุ๊บโทรศัพท์หนึ่งที

ลู่เฉินพูดไม่ออก

พอออกมาจากถนนซื่อหมิง เขาก็เรียกแท็กซี่แล้วนั่งกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของตัวเอง

การปะทะกันหน้าร้านอาหารเสฉวนเหล่าจู้ที่เกิดขึ้นเย็นนี้ ไม่ได้ทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ทั้งในและนอกวงการเลยสักนิด

มีบางคนโพสต์รูปภาพที่เกิดขึ้นลงในโพสต์บล็อก ส่วนใหญ่แล้วจะสงสัยว่าเป็นเลี่ยวเจี่ย

แต่เนื่องจากไม่มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังบวกกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเลี่ยวเจี่ยออกโรงจัดการ ดังนั้นโพสต์สองสามอันจึงหายไปอย่างเงียบๆ

ดาราดังตัวท็อปมักมีทีมประชาสัมพันธ์ที่เข้มแข็งอยู่เบื้องหลัง มีอิทธิพลที่ใหญ่มากต่อสื่อต่างๆ เรื่องเล็กน้อยขี้ปะติ๋วแบบนี้จึงควบคุมได้ง่ายมาก อย่างเช่นบัญชีที่โพสต์ข้อความนี้จะถูกบล็อกอย่างรวดเร็ว เหตุผลคือถูกแฮกบัญชีและโพสต์ข้อความโฆษณาที่ไม่ดี

และตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ไม่ปรากฏชื่อของลู่เฉินเลย

ตอนเย็นวันที่ 21 เดือนพฤศจิกายน เป็นวันที่ห้าที่กลับมาถึงปักกิ่ง เขาได้ปรากฏตัวในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมลี่จิง

โรงแรมลี่จิงเป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงมากในปักกิ่ง ลู่เฉินไม่ได้มาที่นี่แค่ครั้งเดียว คราวที่แล้วเขามาโรงแรมแห่งนี้เพื่อร่วมงานแต่งงานของเฉินเจี้ยนหาวและพี่น่า

ส่วนครั้งนี้ เขามาร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลองการได้รับรางวัลแพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์กับงานแฟนมีตติ้งของวงเอ็มเอสเอ็นแห่งบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด!

วันที่ 5 เดือนพฤศจิกายน วงเกิร์ลกรุ๊ปสาวสวยเอ็มเอสเอ็นภายใต้สังกัดบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดออกอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกอย่างเป็นทางการ

อัลบั้มชุดนี้ได้ออกจำหน่ายพร้อมกันทั้งบนเว็บไซต์เฟยซวิ่นมิวสิคและเว็บไซต์ระดมทุน

จนถึงตอนนี้เป็นเวลาสิบเจ็ดวัน อัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ มียอดขายรวมทะลุห้าแสน!

ยอดดาวน์โหลดในเว็บไซต์เฟยซวิ่นมิวสิคมากกว่าสามแสนห้าหมื่น ของเว็บไซต์ระดมทุนมากกว่าหนึ่งแสนสี่หมื่น!

ถือว่าเป็นผลงานที่สวยงามจริงๆ!

หากเป็นเมื่อสิบปีหรือยี่สิบปีก่อน ดารานักร้องระดับหนึ่งกระทั่งระดับสอง หากมีการโปรโมตอย่างเต็มที่ การขายเทปคาสเซ็ตต์และซีดีได้หลายแสนในเวลาครึ่งเดือนถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมาก ถ้าเป็นอัลบั้มของนักร้องซูเปอร์สตาร์ที่แท้จริงสามารถทำยอดขายรวมได้หลายล้านอย่างง่ายดายเลยด้วยซ้ำ

แต่ปัจจุบันนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อออนไลน์มีการพัฒนาที่เติบโตมาก เป็นผลให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างล้นหลาม

ต่อให้เป็นศิลปินเบอร์ใหญ่อย่างเฉินเฟยเอ๋อร์ ยอดขายของอัลบั้มในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาก็ไม่เกินหนึ่งล้าน

ความจริงแล้วการได้รับรางวัล ‘แพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์’ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

สำหรับนักร้องระดับสามระดับสี่พวกนั้น ถ้าอยากจะให้อัลบั้มมียอดขายมากกว่าหนึ่งแสน ก็ยังต้องใช้วิธีเล่นนอกเกมเข้าช่วย

เพราะฉะนั้นยอดขายแค่หลักหมื่นหรือหลักพันจึงเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก!

วงเกิร์ลกรุ๊ปสาวสวยเอ็มเอสเอ็นเป็นเกิร์ลกรุ๊ปของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดที่เพิ่งเปิดตัวปีนี้ หลังจากบริษัทแผ่นเสียงเจ้าเก่าเปลี่ยนมาเป็นบริษัทบันเทิง ก็เปิดไพ่ใบนี้ออกมาเพื่อแย่งชิงตลาดวัยรุ่น

เนื่องจากมีประสบการณ์ที่ล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นการสร้างวงเอ็มเอสเอ็นขึ้นมา บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดจึงลงทุนทรัพยากรและเงินทุนจำนวนมหาศาล แค่ต้นทุนของอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ อย่างเดียวก็ลงทุนไปเกินสิบล้านแล้ว!

การทุ่มเงินแบบนี้ แม้แต่ในเมืองหลวงอย่างปักกิ่งที่มีบริษัทบันเทิงมากมายนับไม่ถ้วนก็มีให้เห็นน้อยมาก

ดังนั้นในสายตาของคนในวงการ อัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ทำผลงานดีจึงเป็นเรื่องปกติ หากผลงานไม่ดีสิถึงจะไม่ปกติ

ทว่ากลับไม่มีใครคาดถึงว่า วงเอ็มเอสเอ็นจะดังเป็นพลุแตกแบบนี้

ยังไม่ต้องพูดถึงอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ที่มียอดขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพียงแค่งบประมาณล่วงหน้าในเว็บไซต์ระดมทุนอย่างเดียว สินค้าต่อพ่วงเซ็ตลิมิเต็ดที่ราคาสูงถึง 1,888 หยวน จำนวน 688 ชุดก็ถูกขายจนหมดเกลี้ยง!

ยอดเงินจำนวนนี้ บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดได้กำไรกลับคืนมาเกือบล้าน!

เพราะฉะนั้นถึงแม้หลายคนในวงการจะสงสัยเกี่ยวกับยอดขายที่น่าตกใจของอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ แต่บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดก็ยังจัดงานเลี้ยงฉลองสำหรับรางวัลแพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์ด้วยความพอใจเป็นอย่างมาก เชิญเพื่อนในวงการเดียวกันและเหล่าแฟนคลับของวงเอ็มเอสเอ็นมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย

ในฐานะผู้แต่งและผู้ควบคุมการผลิตเพลงหลักของอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ แน่นอนว่าลู่เฉินจะต้องถูกเชิญอยู่แล้ว

หลินจื้อเจี๋ยไปส่งบัตรเชิญที่สตูดิโอลู่เฉินด้วยตัวเอง

ผู้อำนวยการเพลงบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดคนนี้บอกลู่เฉินว่า ผลงานอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ เป็นของจริง เดิมทีบริษัทเตรียมเงินทุนจะซื้อชาร์ตเพลงแล้ว แต่ตอนหลังพบว่าไม่จำเป็นต้องใช้เลย

ยอดขายในวันแรกก็ดึงดูดสายตาของทุกคนอย่างน่าตกใจ แม้แต่คนในบริษัทก็ยังไม่อยากจะเชื่อ

รางวัลแพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์นี้เป็นของแท้แน่นอน สามารถทนรับการตรวจสอบใดๆ ได้ทุกอย่าง ดังนั้นจึงมีเหตุผลสมควรที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองเป็นอย่างยิ่ง!

หลินจื้อเจี๋ยยังบอกลู่เฉินอีกว่า ตอนนี้การแสดงโชว์ของวงเอ็มเอสเอ็นมีราคาเกินสามแสนหยวนแล้ว ค่าพรีเซ็นเตอร์โฆษณามีอย่างน้อยหนึ่งล้าน ถ้าหากให้เวลาอีกนิดหน่อยก็จะกลายเป็นเสาหลักของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด

หรือจะพูดให้ชัดเจนก็คือเป็นต้นไม้เขย่าเงิน

เพราะฉะนั้นทางเฟยสือเรคคอร์ด จึงหวังว่าจะได้ร่วมงานเชิงลึกกับสตูดิโอลู่เฉินอีก

ในอัลบั้มต่อไป ลู่เฉินจะได้ส่วนแบ่ง ซ้ำยังเป็นส่วนแบ่งจากการขาย!

งานเลี้ยงฉลองนี้ แน่นอนว่าเขาจึงเป็นแขกกิตติมศักดิ์

ตอนที่รีบมาถึงห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมลี่จิง ภายในก็มีเสียงเซ็งแซ่ของผู้คนมากมาย โต๊ะจัดเลี้ยงสิบกว่าตัวมีคนนั่งเต็มทุกที่นั่ง

เวทีใหญ่ด้านหน้าถูกตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว บนจอแอลอีดีขนาดยักษ์กำลังเผยแพร่ภาพเบื้องหลังขณะที่ถ่ายทำมิวสิควิดีโอของวงเอ็มเอสเอ็นและบันทึกชีวิตประจำวันของพวกเธอ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดต่างยืนอยู่บนพรมแดง

รอยยิ้มสดใสยินดีปรีดาล้วนอยู่บนใบหน้าของทุกคน

“อาจารย์ลู่!”

ลู่เฉินเพิ่งจะเข้ามา ก็มีคนทักทายเขาทันที

…………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Perfect Superstar 241 งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 241 งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 241 งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ

ลู่เฉินกับเลี่ยวเจี่ยไม่ได้เดินไปไกล

สาเหตุที่ต้องหนีจากที่เกิดเหตุ ประเด็นหลักก็คือฐานะของทั้งสองคนชัดเจนเกินไป ต่อให้เป็นการป้องกันตัว ก็จะถูกสื่อมองว่าเมาแล้วทะเลาะวิวาทได้ง่าย เสียภาพลักษณ์ในสายตามวลชน

หลังจากเลี่ยวเจี่ยสร่างเมาแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรศัพท์สองสามสาย

แล้วท้ายที่สุดก็พูดกับลู่เฉินว่า “ส่วนใหญ่แล้วไม่มีปัญหา เด็กพวกนั้นเป็นคนของบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ไม่มีใครบาดเจ็บ ทั้งหมดถูกตำรวจควบคุมตัวแล้ว เสี่ยวหลี่กำลังจัดการอยู่”

“ถ้ามีรูปภาพหรือวิดีโอถูกอัปโหลดลงเน็ต นายห้ามยอมรับเด็ดขาด!”

ลู่เฉินยิ้มพลางเอ่ยว่า “เรื่องนี้ผมรู้ครับ พี่เลี่ยววางใจได้”

เลี่ยวเจี่ยยื่นมือไปตบไหล่ลู่เฉินอย่างแรง แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของนายสุดยอดมาก!”

เขารู้สึกนับถือลู่เฉินอย่างจริงใจ

เลี่ยวเจี่ยเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นหมาดๆ ก็เข้ามาใช้ชีวิตในสังคมแล้ว ดังนั้นจึงมีความเป็นอันธพาลอยู่ในตัว ถ้าหากไม่ได้เจออาจารย์ผู้มีพระคุณอย่างเกาอี้ คาดว่าตอนนี้เขาถ้าไม่ตายข้างทางก็คงอยู่ในซังเตที่ไหนสักแห่ง

ตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมระดับล่าง เลี่ยวเจี่ยก็ชกต่อยท้าดวลกับคนอื่นมาหลายครั้ง ดังนั้นเวลาที่เจอใครหาเรื่องจึงไม่ตกใจกลัวจนอกสั่นขวัญแขวน แต่กลับยกขวดเหล้าขึ้นมาสู้กับอีกฝ่าย

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เขามองออกว่าลู่เฉินมีฝีมือที่แข็งแกร่งมาก คนหลังทำลายกำลังต่อสู้ของอีกฝ่ายให้ทลายลงภายในชั่วพริบตาเดียว ถึงแม้จะเป็นการลอบโจมตี แต่ก็เป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย

ลู่เฉินสูงหล่อ เลี่ยวเจี่ยแค่นหัวเราะ ลู่เฉินมากความสามารถ เลี่ยวเจี่ยจึงมองเขาในมุมที่ต่างออกไป แต่ความสามารถในการต่อสู้ของลู่เฉินกลับทำให้เลี่ยวเจี่ยรู้สึกยอมแพ้และนับถืออย่างแท้จริง

นี่คือนิสัยและประสบการณ์ในชีวิตของเขา

บวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เลี่ยวเจี่ยจึงทำอะไรปุบปับ พลันเอ่ยขึ้นว่า “ลู่เฉิน ต่อไปพวกเราเป็นพี่น้องกันแล้วนะ ถ้าหากในปักกิ่งนายเจอเรื่องอะไรที่แก้ปัญหาไม่ได้ มาหาฉันพี่ชายคนนี้ก็พอ!”

เขายืดอกและตบเสียงดัง

ลู่เฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนในวงการถึงวิพากษ์วิจารณ์เลี่ยวเจี่ยแบบนี้

ทว่าคนแบบนี้ถึงแม้จะมีนิสัยโผงผาง แต่กลับไม่ใช่คนใจแคบ ไม่เหมือนคนที่หน้าตายิ้มแย้มแล้วแทงข้างหลัง

ลู่เฉินเอ่ยว่า “พี่เลี่ยว…”

กริ๊ง~

เขาเพิ่งจะเอ่ยปาก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี “…ผมขอรับสายก่อนนะครับ”

คนที่โทรมาหาลู่เฉิน ก็คือเฉินเฟยเอ๋อร์

ดูเหมือนราชินีคนนี้จะโกรธมาก รีบถามทันที “เลี่ยวเจี่ยอยู่กับนายใช่ไหม”

ลู่เฉิน “เอ่อ…”

เฉินเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “นายเอาโทรศัพท์ให้เขาหน่อย ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับเขา!”

ลู่เฉินจึงได้แต่ยื่นโทรศัพท์ให้เลี่ยวเจี่ย “ของพี่ครับ”

เลี่ยวเจี่ยตกใจ “ใครเหรอ”

คนที่โทรหาลู่เฉินจะถามถึงเขาได้อย่างไร เขาไม่เข้าใจ

ลู่เฉินยิ้มเจื่อน

สัญชาตญาณบอกลู่เฉินว่า เฉินเฟยเอ๋อร์จะต้องรู้เรื่องทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงอยากซักถามเพื่อเอาผิด!

ข่าวนี้แพร่กระจายเร็วเกินไปหรือเปล่า

เลี่ยวเจี่ยก็ไม่โง่ เห็นสีหน้าของลู่เฉินแล้วจึงเข้าใจทันที “น้องสะใภ้เหรอ”

เหอะ เฉินเฟยเอ๋อร์ถูกเรียกว่า ‘น้องสะใภ้’ ออกมาจากปากของเขาแล้ว!

เขาสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบโบกมือพูดว่า “ฉันไม่รับ นายบอกน้องสะใภ้ไปว่าฉันยอมรับผิดแล้ว รับรองว่าต่อไปจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก!”

ลู่เฉินถูกเลี่ยวเจี่ยลักตัวมา เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าหากมีผลกระทบต่อลู่เฉิน ความรับผิดชอบต้องตกอยู่กับเลี่ยวเจี่ยมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ตัวเขาเองเป็นคนนิสัยมุทะลุเอ้อระเหยลอยชาย ต่อให้มีเรื่องชกต่อยแดงออกมา จริงๆ แล้วก็ไม่ต้องสนใจเท่าไร

ทว่าลู่เฉินไม่เหมือนกัน เดิมทีชื่อเสียงของเขาดีมาตลอด และหน้าที่การงานก็อยู่ในช่วงขาขึ้น เป็นช่วงสะสมความนิยมพอดี ไม่ว่านิสัยที่บกพร่องในด้านไหนล้วนมีผลกระทบต่อเขาอย่างมาก

จึงเป็นเรื่องธรรมดามากที่เฉินเฟยเอ๋อร์จะโกรธ

เลี่ยวเจี่ยไม่เพียงไม่รับสายของเฉินเฟยเอ๋อร์ แถมยังเตรียมหนี “ฉันไปหาเสี่ยวหลี่ก่อน นายนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองนะ แล้วมาเบิกค่ารถกับฉันทีหลัง แบบนี้ถึงจะปลอดภัย”

ลู่เฉินพูดไม่ออกจริงๆ…อีตานี่เป็นมนุษย์ลุงชัดๆ!

ด้วยความจนใจ เขาจึงได้แต่พูดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ว่า “พี่ได้ยินหมดแล้วใช่ไหม พี่เลี่ยวหนีไปแล้วครับ”

“พระหนีได้แต่วัดหนีไม่ได้!”

เฉินเฟยเอ๋อร์พูดฮึดฮัดด้วยความโกรธ “หนี้บัญชีนี้ฉันจะคิดกับเขาแน่นอน ต่อไปนายเจอเขาก็เดินอ้อมไปเลย…”

พี่สาวราชินีคุยโทรศัพท์บ่นจู้จี้จุกจิกกับลู่เฉินมากมาย

เธอไม่ค่อยพอใจเลี่ยวเจี่ยอย่างเห็นได้ชัด เธอกลัวว่าต่อไปลู่เฉินจะถูกเขาทำเสียคน จึงให้ลู่เฉินระวังตัว

เฉินเฟยเอ๋อร์กระทั่งยังต่อว่าลู่เฉินว่าทำไมถึงบุ่มบ่ามอย่างนั้น

ลู่เฉินไม่พูด

ความจริงลู่เฉินรู้สึกว่าเลี่ยวเจี่ยไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร สามารถคบเป็นเพื่อนได้

แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ที่กำลังโกรธเดือดดาลอยู่

พูดตามจริง ลู่เฉินเพิ่งเคยเห็นเฉินเฟยเอ๋อร์โกรธแบบนี้เป็นครั้งแรก ถึงแม้จะถูกกั้นด้วยโทรศัพท์ก็ตาม

แต่ก็รู้สึกถึงความแปลกใหม่มาก

หลังจากเฉินเฟยเอ๋อร์ตำหนิโทษและตักเตือนเรียบร้อยแล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองเพิ่มแรงกดดันให้ลู่เฉินมากเกินไป เธอจึงเอ่ยพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ฉันจะไปรับนาย”

ลู่เฉินรีบเอ่ยว่า “ไม่ต้องยุ่งยากครับ ผมนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองดีกว่า”

เฉินเฟยเอ๋อร์คิดแล้วจึงเอ่ยว่า “งั้นนายก็กลับไปพักผ่อนเร็วๆ แล้วฉันจะช่วยติดตามเรื่องนี้ให้นาย”

ลู่เฉินกล่าวว่า “ขอบคุณครับ”

เฉินเฟยเอ๋อร์พูดเบาๆ “นายไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ ฉัน…ฉันรู้สึกคิดถึงนายนิดหน่อย”

ลู่เฉินพลันรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เลือดร้อนพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที “งั้นผมจะไปหาพี่ตอนนี้เลย”

หากรู้ว่าเป็นแบบนี้น่าจะให้เธอมารับนานแล้ว

เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “นายรีบพักผ่อนเถอะ เด็กดี”

เธอจุ๊บโทรศัพท์หนึ่งที

ลู่เฉินพูดไม่ออก

พอออกมาจากถนนซื่อหมิง เขาก็เรียกแท็กซี่แล้วนั่งกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของตัวเอง

การปะทะกันหน้าร้านอาหารเสฉวนเหล่าจู้ที่เกิดขึ้นเย็นนี้ ไม่ได้ทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ทั้งในและนอกวงการเลยสักนิด

มีบางคนโพสต์รูปภาพที่เกิดขึ้นลงในโพสต์บล็อก ส่วนใหญ่แล้วจะสงสัยว่าเป็นเลี่ยวเจี่ย

แต่เนื่องจากไม่มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังบวกกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเลี่ยวเจี่ยออกโรงจัดการ ดังนั้นโพสต์สองสามอันจึงหายไปอย่างเงียบๆ

ดาราดังตัวท็อปมักมีทีมประชาสัมพันธ์ที่เข้มแข็งอยู่เบื้องหลัง มีอิทธิพลที่ใหญ่มากต่อสื่อต่างๆ เรื่องเล็กน้อยขี้ปะติ๋วแบบนี้จึงควบคุมได้ง่ายมาก อย่างเช่นบัญชีที่โพสต์ข้อความนี้จะถูกบล็อกอย่างรวดเร็ว เหตุผลคือถูกแฮกบัญชีและโพสต์ข้อความโฆษณาที่ไม่ดี

และตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ไม่ปรากฏชื่อของลู่เฉินเลย

ตอนเย็นวันที่ 21 เดือนพฤศจิกายน เป็นวันที่ห้าที่กลับมาถึงปักกิ่ง เขาได้ปรากฏตัวในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมลี่จิง

โรงแรมลี่จิงเป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงมากในปักกิ่ง ลู่เฉินไม่ได้มาที่นี่แค่ครั้งเดียว คราวที่แล้วเขามาโรงแรมแห่งนี้เพื่อร่วมงานแต่งงานของเฉินเจี้ยนหาวและพี่น่า

ส่วนครั้งนี้ เขามาร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลองการได้รับรางวัลแพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์กับงานแฟนมีตติ้งของวงเอ็มเอสเอ็นแห่งบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด!

วันที่ 5 เดือนพฤศจิกายน วงเกิร์ลกรุ๊ปสาวสวยเอ็มเอสเอ็นภายใต้สังกัดบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดออกอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกอย่างเป็นทางการ

อัลบั้มชุดนี้ได้ออกจำหน่ายพร้อมกันทั้งบนเว็บไซต์เฟยซวิ่นมิวสิคและเว็บไซต์ระดมทุน

จนถึงตอนนี้เป็นเวลาสิบเจ็ดวัน อัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ มียอดขายรวมทะลุห้าแสน!

ยอดดาวน์โหลดในเว็บไซต์เฟยซวิ่นมิวสิคมากกว่าสามแสนห้าหมื่น ของเว็บไซต์ระดมทุนมากกว่าหนึ่งแสนสี่หมื่น!

ถือว่าเป็นผลงานที่สวยงามจริงๆ!

หากเป็นเมื่อสิบปีหรือยี่สิบปีก่อน ดารานักร้องระดับหนึ่งกระทั่งระดับสอง หากมีการโปรโมตอย่างเต็มที่ การขายเทปคาสเซ็ตต์และซีดีได้หลายแสนในเวลาครึ่งเดือนถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมาก ถ้าเป็นอัลบั้มของนักร้องซูเปอร์สตาร์ที่แท้จริงสามารถทำยอดขายรวมได้หลายล้านอย่างง่ายดายเลยด้วยซ้ำ

แต่ปัจจุบันนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อออนไลน์มีการพัฒนาที่เติบโตมาก เป็นผลให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างล้นหลาม

ต่อให้เป็นศิลปินเบอร์ใหญ่อย่างเฉินเฟยเอ๋อร์ ยอดขายของอัลบั้มในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาก็ไม่เกินหนึ่งล้าน

ความจริงแล้วการได้รับรางวัล ‘แพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์’ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

สำหรับนักร้องระดับสามระดับสี่พวกนั้น ถ้าอยากจะให้อัลบั้มมียอดขายมากกว่าหนึ่งแสน ก็ยังต้องใช้วิธีเล่นนอกเกมเข้าช่วย

เพราะฉะนั้นยอดขายแค่หลักหมื่นหรือหลักพันจึงเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก!

วงเกิร์ลกรุ๊ปสาวสวยเอ็มเอสเอ็นเป็นเกิร์ลกรุ๊ปของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดที่เพิ่งเปิดตัวปีนี้ หลังจากบริษัทแผ่นเสียงเจ้าเก่าเปลี่ยนมาเป็นบริษัทบันเทิง ก็เปิดไพ่ใบนี้ออกมาเพื่อแย่งชิงตลาดวัยรุ่น

เนื่องจากมีประสบการณ์ที่ล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นการสร้างวงเอ็มเอสเอ็นขึ้นมา บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดจึงลงทุนทรัพยากรและเงินทุนจำนวนมหาศาล แค่ต้นทุนของอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ อย่างเดียวก็ลงทุนไปเกินสิบล้านแล้ว!

การทุ่มเงินแบบนี้ แม้แต่ในเมืองหลวงอย่างปักกิ่งที่มีบริษัทบันเทิงมากมายนับไม่ถ้วนก็มีให้เห็นน้อยมาก

ดังนั้นในสายตาของคนในวงการ อัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ทำผลงานดีจึงเป็นเรื่องปกติ หากผลงานไม่ดีสิถึงจะไม่ปกติ

ทว่ากลับไม่มีใครคาดถึงว่า วงเอ็มเอสเอ็นจะดังเป็นพลุแตกแบบนี้

ยังไม่ต้องพูดถึงอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ที่มียอดขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพียงแค่งบประมาณล่วงหน้าในเว็บไซต์ระดมทุนอย่างเดียว สินค้าต่อพ่วงเซ็ตลิมิเต็ดที่ราคาสูงถึง 1,888 หยวน จำนวน 688 ชุดก็ถูกขายจนหมดเกลี้ยง!

ยอดเงินจำนวนนี้ บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดได้กำไรกลับคืนมาเกือบล้าน!

เพราะฉะนั้นถึงแม้หลายคนในวงการจะสงสัยเกี่ยวกับยอดขายที่น่าตกใจของอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ แต่บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดก็ยังจัดงานเลี้ยงฉลองสำหรับรางวัลแพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์ด้วยความพอใจเป็นอย่างมาก เชิญเพื่อนในวงการเดียวกันและเหล่าแฟนคลับของวงเอ็มเอสเอ็นมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย

ในฐานะผู้แต่งและผู้ควบคุมการผลิตเพลงหลักของอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ แน่นอนว่าลู่เฉินจะต้องถูกเชิญอยู่แล้ว

หลินจื้อเจี๋ยไปส่งบัตรเชิญที่สตูดิโอลู่เฉินด้วยตัวเอง

ผู้อำนวยการเพลงบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดคนนี้บอกลู่เฉินว่า ผลงานอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ เป็นของจริง เดิมทีบริษัทเตรียมเงินทุนจะซื้อชาร์ตเพลงแล้ว แต่ตอนหลังพบว่าไม่จำเป็นต้องใช้เลย

ยอดขายในวันแรกก็ดึงดูดสายตาของทุกคนอย่างน่าตกใจ แม้แต่คนในบริษัทก็ยังไม่อยากจะเชื่อ

รางวัลแพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์นี้เป็นของแท้แน่นอน สามารถทนรับการตรวจสอบใดๆ ได้ทุกอย่าง ดังนั้นจึงมีเหตุผลสมควรที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองเป็นอย่างยิ่ง!

หลินจื้อเจี๋ยยังบอกลู่เฉินอีกว่า ตอนนี้การแสดงโชว์ของวงเอ็มเอสเอ็นมีราคาเกินสามแสนหยวนแล้ว ค่าพรีเซ็นเตอร์โฆษณามีอย่างน้อยหนึ่งล้าน ถ้าหากให้เวลาอีกนิดหน่อยก็จะกลายเป็นเสาหลักของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด

หรือจะพูดให้ชัดเจนก็คือเป็นต้นไม้เขย่าเงิน

เพราะฉะนั้นทางเฟยสือเรคคอร์ด จึงหวังว่าจะได้ร่วมงานเชิงลึกกับสตูดิโอลู่เฉินอีก

ในอัลบั้มต่อไป ลู่เฉินจะได้ส่วนแบ่ง ซ้ำยังเป็นส่วนแบ่งจากการขาย!

งานเลี้ยงฉลองนี้ แน่นอนว่าเขาจึงเป็นแขกกิตติมศักดิ์

ตอนที่รีบมาถึงห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมลี่จิง ภายในก็มีเสียงเซ็งแซ่ของผู้คนมากมาย โต๊ะจัดเลี้ยงสิบกว่าตัวมีคนนั่งเต็มทุกที่นั่ง

เวทีใหญ่ด้านหน้าถูกตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว บนจอแอลอีดีขนาดยักษ์กำลังเผยแพร่ภาพเบื้องหลังขณะที่ถ่ายทำมิวสิควิดีโอของวงเอ็มเอสเอ็นและบันทึกชีวิตประจำวันของพวกเธอ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดต่างยืนอยู่บนพรมแดง

รอยยิ้มสดใสยินดีปรีดาล้วนอยู่บนใบหน้าของทุกคน

“อาจารย์ลู่!”

ลู่เฉินเพิ่งจะเข้ามา ก็มีคนทักทายเขาทันที

…………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด