Perfect Superstar 187 อาหารมื้อนี้มูลค่าเป็นล้าน!

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 187 อาหารมื้อนี้มูลค่าเป็นล้าน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

p>ออกจากบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์ยังคงนั่งรถของลู่เฉิน

การเดินทางไปบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดครั้งนี้ ลู่เฉินได้รับสิ่งต่างๆ มากมาย

อย่างแรก ลู่เฉินได้เจรจากับบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดอย่างเป็นทางการ ฝ่ายนั้นจัดหาเวลาว่างเพื่อที่จะทำซีดี อัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ รวมทั้งโปสเตอร์และยูเอสบี เป็นต้น

ทางด้านราคา บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดลดให้ลู่เฉิน 5% เป็นราคาพิเศษ

อย่าดูถูกส่วนลด 5% เพราะกำไรจากการจองสินค้าและการจัดจำหน่ายของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดความจริงแล้วไม่สูงมาก

โดยเฉพาะการขนส่ง พวกเขาร่วมมือกันกับสำนักพิมพ์ซินหวา

เส้นทางการเงินเส้นนี้จึงถูกสำนักพิมพ์ซินหวาเอาไปหมด

นอกจากนี้หลินจื้อเจี๋ยยังขอให้ลู่เฉินช่วยเขียนเพลงหลักให้วงเอ็มเอสเอ็นอีกสองเพลง ทั้งยังให้เขาช่วยดูแลการผลิตเพลงด้วย

การทำอัลบั้มเพลงชุดหนึ่งกับการขอให้แต่งเพลงสักเพลงนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างหลังคือการเขียนผลงานเพลงออกมา เมื่อเขียนเพลงออกมาก็ได้เงินไป อย่างมากแค่ให้คำแนะนำด้านทำนองของเพลงบ้าง เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ

ในธุรกิจด้านดนตรี ความรับผิดชอบหลักในการทำเพลงเป็นของฝ่ายจัดทำเพลง

การอำนวยการทำเพลงต้องมีการศึกษาด้านดนตรีและความสามารถในการปฏิบัติการจริง อาศัยเทคนิคเฉพาะกับประสบการณ์ เพื่อให้การทำแผ่นเพลงออกมาให้ได้เสียงที่ดีที่สุด ใกล้เคียงกับระดับเสียงของภาพยนตร์!

หน้าที่ของผู้อำนวยการเพลงคือเมื่ออยู่ในห้องอัดเสียง จะต้องแนะนำนักดนตรีและนักร้องก่อนเวลาอัดเสียงเมื่อเกิดความผิดพลาดและชี้นำนักอัดสียงในการจัดการมิกซ์เสียงในภายหลัง

ดังนั้นบนบ่าของผู้อำนวยการเพลงจึงแบกรับความรับผิดชอบที่หนักอึ้งเอาไว้ ผู้อำนวยการเพลงจะต้องรับผิดชอบทั้งอัลบั้ม ในขณะที่อัดเสียงลงแผ่นของนักร้อง จะต้องมีอำนาจสั่งการและอำนาจในการตัดสินใจ

ต่อให้เป็นการช่วยเหลือ สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดแล้ว ยังมีน้อยมาก

เพราะลู่เฉินไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด และทางบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดเองก็มีคนมีความสามารถด้านนี้อยู่แล้วมากมาย อย่างเช่นหลินจื้อเจี๋ยเอง การทำเพลงของผู้อำนวยการเพลงอย่างเขาอย่างน้อยก็เคยทำมาแล้วเป็นร้อยๆ แผ่น มีประสบการณ์โชกโชน

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดหรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นคือหลินจื้อเจี๋ยให้ความสำคัญแก่ลู่เฉินมาก

แม้แต่ลู่เฉินเองก็คิดไม่ถึง ผู้อำนวยการเพลงของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดคนนี้ตั้งใจมาเชิญตัวเองให้เป็นผู้อำนวยการเพลงให้แก่วงเอ็มเอสเอ็นในอัลบั้มนี้

ถ้าเอ่ยถึงเรื่องประสบการณ์ ตัวลู่เฉินเองเพิ่งได้ทำอัลบั้ม’เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ เสร็จสิ้นเป็นอัลบั้ม

การรับเป็นผู้อำนวยการเพลงครั้งนี้ไม่ใช่รับมาเฉยๆ ทั้งต้องเขียนเพลงสองเพลงและอำนวยการทำเพลงด้วย บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดตั้งราคาเริ่มต้นให้ที่หนึ่งล้านหยวน!

ราคาเท่านี้สามารถเชิญผู้จัดทำระดับสูงของวงการมาได้เลย

แน่นอนว่าลู่เฉินตอบตกลง

นอกจากค่าเหนื่อยที่อู้ฟู่แล้ว การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางนี้ก็สำคัญกับเขาไม่น้อย

ความจริงแล้วลู่เฉินไม่รู้ว่า ถ้าเขาไม่ได้เขียนเพลงบุปผานารีให้เฉินเฟยเอ๋อร์ จนกำราบผู้ที่ต่อต้านหลินจื้อเจี๋ยได้อย่างอยู่หมัด เกรงว่าสัญญาฉบับนี้เขาอาจจะไม่ได้มันมา

บริษัทใหญ่โตมักดื้อดึงและหยิ่งยะโส ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะเข้าไปแตะต้อง!

“พี่เฟย…”

ลู่เฉินขับรถไปถามไป “เมื่อครู่หูซวี่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

ก่อนหน้านี้ในห้องอัด ตอนที่ลู่เฉินคุยกับหูซวี่ เฉินเฟยเอ๋อร์ส่งสายตาให้เขา

สายตานั้นลู่เฉินเข้าใจ แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินเฟยเอ๋อร์ต้องแอบบอกเขา

ข่าวของหูซวี่ส่วนใหญ่ดีมาตลอด ตัวเขาเองก็ดูดี กิริยาคำพูดคำจามีมารยาท

เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ “หูซวี่คนนี้…จะว่ายังไงดี นายมองไม่ออกหรอกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เรื่องที่เขาทำล้วนเพื่อหวังผลอย่างแรงกล้า เพียงแต่ปิดบังเอาไว้อย่างดี คนอื่นมองไม่ออก”

“เมื่อครู่ฉันกังวลว่านายจะถูกเขาชมจนหน้ามืดตาลาย รับปากเขาง่ายเกินไป”

ผลประโยชน์ หน้าซื่อใจคด!

นี่คือคำสรุปที่เฉินเฟยเอ๋อร์ประเมินหูซวี่

ลู่เฉินเข้าใจแล้ว “ขอบคุณพี่เฟยที่เตือน ผมจะระวัง”

เมื่อเทียบกับหูซวี่ ลู่เฉินต้องเชื่อเฉินเฟยเอ๋อร์อยู่แล้ว

เฉินเฟยเอ๋อร์ถ้าไม่ได้เป็นห่วงเขา คงจะไม่พูดเรื่องพวกนี้ให้เขาฟัง โดยเฉพาะการเตือน

เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้นินทาว่าร้ายหูซวี่ลับหลัง เรื่องที่พูดต้องเป็นจริง

คนแบบหูซวี่จะต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ ชื่นชมอยู่ห่างๆ ถึงเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด

เฉินเฟยเอ๋อร์ทอดถอนใจเบาๆ “วงการบันเทิงซับซ้อนมาก ใจคนคาดเดายาก บางคนต่อหน้ายิ้มแย้ม แต่ลับหลังถือมีดอยู่ หากไม่ระวังจะถูกคนเขาหลอกใช้…”

เธออยู่ในวงการนี้มาสิบกว่าปี เคยพบมาแล้วทั้งดีทั้งเลว เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ดีที่สุด

“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว!”

เธอส่ายหน้าหัวเราะ “นายดูสิ ฉันนินทาคนลับหลังให้นายฟังเลยนะ คิดจะขอบคุณฉันยังไง?”

รอยยิ้มของราชินีเพลงรักส่อแววเจ้าเล่ห์

ลู่เฉินยิ้มแหย “พี่เฟย ถ้าจะให้ขอบคุณ พี่ก็ว่ามาเลยจะให้ผมทำยังไง!”

เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ ถามว่า “คืนนี้นายว่างไหม?”

“คืนนี้เหรอ?”

“คืนนี้ผมไม่มีเวลาจริงๆ ผมต้องไปปาร์ตี้สละโสด”

“ปาร์ตี้สละโสด?”

เฉินเฟยเอ๋อร์ตกใจ “เพื่อนนายจะแต่งงานพรุ่งนี้เหรอ?”

ปาร์ตี้สละโสดก็คือธรรมเนียมการเลี้ยงฉลองในคืนก่อนงานแต่งงานที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ พวกเพื่อนฝูงจะจัดปาร์ตี้ให้กับเจ้าบ่าวเพื่ออำลาความโสด มักจะมีรายการเล่นสนุกแบบต่างๆ

แน่นอนว่าในประเทศจีน ปาร์ตี้สละโสดไม่มีระบำเปลื้องผ้าหรอกนะ

ลู่เฉินอธิบาย “เจ้าบ่าวคือเถ้าแก่บาร์ที่ผมเคยทำงานด้วย ชื่อเฉินเจี้ยนหาว ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว เจ้าสาวคือจางน่าน่าแห่งวงเฮสิเทชั่น ผมเรียกเธอว่าพี่น่า”

เฉินเจี้ยวหาว? จางน่าน่า?”

เฉินเฟยเอ๋อร์คิดเล็กน้อยเอ่ยว่า “เฉินเจี้ยนหาวชื่อนี้คุ้นหูมาก เมื่อก่อนเป็นคนในวงการ จางน่าน่าพักก่อนฉันเคยเจอครั้งหนึ่ง เธอร้องเพลงที่นายเขียนใช่ไหม”

ลู่เฉินพยักหน้า

เฉินเฟยเอ๋อร์เกิดความคิดพิเรนทร์บางอย่าง “เล่าเรื่องของนายให้ฉันฟังได้ไหม”

ลู่เฉินเกาหัว “ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ถ้าพี่เฟยอยากรู้ เราหาร้านนั่งคุยกันก่อนก็ได้ กินไปคุยไป มื้อเที่ยงผมเลี้ยงเอง”

เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มตาหยีจนเป็นรูปสระอิ “ได้เลย…”

เธอคิดต่อแล้วพูดว่า “พี่สาวอย่างฉันไม่กินข้าวของนายฟรีหรอก แผ่นซีดี อัลบั้มใหม่ของฉันกับของที่ระลึกประกอบอย่างอื่นให้บริษัทระดมทุนออนไลน์ของนายไปทำด้วย ฉันรู้สึกว่าน่าสนใจดี”

“พี่เฟย พี่พูดจริงเหรอ”

ลู่เฉินดีใจ แทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง

นี่เป็นเหมือนขนมใส่ไส้ชิ้นใหญ่ที่ตกลงมาจากฟ้าเชียวนะ!

อัลบั้มของเขาประสบความสำเร็จอย่างสูงในการระดมทุนออนไลน์ แต่การระดมทุนอนไลน์เมื่อเปิดอย่างเป็นทางการ ก็ได้ดึงดูดความสนใจของคนมากมาย เห็นได้ชัดว่าต้องการการโฆษณาและการร่วมทุน

เฉินเฟยเอ๋อร์เปลี่ยนแนวเพลง ถ้าใส่ลงไปในการระดมทุนด้วย ก็จะยิ่งดึงดูดแฟนคลับจำนวนมาก มากกว่าลู่เฉินหลายเท่าตัว แค่เธอออกเสียงในบล็อกครั้งเดียว ยังให้ผลมากกว่าการโฆษณาใดๆ ทั้งหมด!

นอกจากนี้ยังไม่ต้องพูดถึงรายได้ที่ได้จากการระดมทุน!

ที่จริงลู่เฉินต่อให้ไม่ต้องการเงินส่วนนี้ เขาก็ปรารถนาจะได้ช่วยเฉินเฟยเอ๋อร์ทำอัลบั้มอยู่ดี

หากชื่อเสียงและแบรนด์ ขจรขจายออกไป ต้องมีผู้ร่วมทุนหลั่งไหลเข้ามาถึงที่ ถึงตอนนั้นเขาจะขายหุ้นส่วนหนึ่งทิ้ง ก็เพียงพอที่จะคืนหนี้ของครอบครัวที่เหลืออยู่ได้แล้ว

เป็นเรื่องที่ดีมากจริง!

อาหารมื้อนี้มีมูลค่าสูงเป็นล้านหยวน?

เฉินเฟยเอ๋อร์ปรายตามองลู่เฉินที่ตะลึงอ้าปากค้าง “นี่เป็นเรื่องจริง ฉันจะหลอกนายทำไม?”

ลู่เฉินยิ้ม “ขอบคุณพี่เฟย!”

เขารีบเปิดสัญญาณจีพีเอส นำทางไปที่ร้านอาหารตะวันตกระดับสูง เพื่อพาเฉินเฟยเอ๋อร์ไปกินข้าว

อาหารมื้อนี้ต้องเลี้ยงให้ดี!

ซูเปอร์สตาร์จะรับประทานอาหารสักมื้อไม่ง่ายเลย เมื่อไปถึงที่ เฉินเฟยเอ๋อร์ยังต้องไปรถพี่เลี้ยงที่ขับตามมา หาหมวกและแว่นกันแดดใส่เพื่อปิดบังใบหน้าของตัวเอง ป้องกันไม่ให้มีใครจำเธอได้ แล้วมุงกันเข้ามา

สถานที่ๆ ลู่เฉินเลือกนั้นไม่เลว สภาพแวดล้อมเงียบสงบ บริกรและอาหารล้วนชั้นเลิศ

มื้อนี้ทั้งสองรับประทานอาหารอย่างมีความสุข

ลู่เฉินเล่าเรื่องของตัวเองให้เธอฟังว่าเคยทำงานร้องเพลงในบาร์เดย์ลิลลี่

เฉินเฟยเอ๋อร์เสียดาย ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นปาร์ตี้สละโสดแล้วละก็ คืนนี้เธอคงไปด้วยกันกับเขา

หลังจากอาหารมื้อเที่ยง ลู่เฉินส่งเฉินเฟยเอ๋อร์กลับไปที่ออฟฟิศของเธอ จากนั้นก็ขับรถไปที่บาร์เดย์ลิลลี่

งานแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ลู่เฉินอยากเข้าไปช่วย แต่ถูกเฉินเจี้ยนหาวห้ามไว้

ตามที่เขาบอก ตอนนี้เวลาของลู่เฉินเป็นเงินเป็นทอง ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้

แม้ลู่เฉินจะไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่อก็เถอะ

บนบานประตูของบาร์เดย์ลิลลี่ได้แขวนป้ายเอาไว้ว่า “เจ้าของร้านมีงานมงคล ปิดร้านชั่วคราว” ตอนที่ลู่เฉินเข้าไป บริกรในนั้นกำลังจัดสถานที่ปาร์ตี้กันอยู่

บาร์เทนเดอร์เดวิด[Wk1] เห็นลู่เฉินเข้าไปก็ดีใจ “โอ้โห ดูสิใครมา ดาราดังของเรามาแล้ว!”

ลู่เฉินหัวเราะแลกหมัดกับเขาหมัดหนึ่ง แล้วพุ่งตัวเข้าไปที่หลังบาร์

ในนั้นยังคงคุ้นเคยเหมือนก่อน ภาพวันเก่าผุดขึ้นมาทำให้เขาระลึกถึง

ตอนบ่าย ลู่เฉินช่วยจัดงานปาร์ตี้อยู่ในบาร์

ของเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องให้ลู่เฉินทำเองกับมือ เขาเพียงแต่อยากใช้วิธีการนี้เพื่อบอกลาบาร์เดย์ลิลลี่!

ที่นี่ มีความทรงจำมากมาย

เมื่อค่ำคืนมาเยือน เพื่อนๆ ของเฉินเจี้ยนหาวก็ทยอยกันมาถึง

วงเฮสิเทชั่นมาแล้ว หัวหน้าวงฉินฮั่นหยางดูเปลี่ยนไปจากเดิมมากมาย

มีออร่าของดาราจับต้องแล้ว

เจ้าของบาร์บลูโลตัสฉางเหว่ยก็มา ยังพาวงเข็มทิศมาด้วย

เป็นที่กล่าวขวัญกันว่าวงเข็มทิศได้เพลงของลู่เฉินไปสองเพลง แต่อัลบั้มใหม่ของพวกเขายังไม่ออกตลาด แม้ว่าจะได้ทำสัญญากับบริษัทชิงอวี่มีเดียแล้วก็ตาม แต่ถูกวงเฮสิเทชั่นบดบังไปหมด

อย่างไรก็ตามหัวหน้าวงเข็มทิศกานหลางยังอารมณ์ดีเหมือนเดิม เมื่อเห็นลู่เฉินเขารีบเข้าไปทักทายก่อน ขอบคุณสำหรับเพลงที่ลู่เฉินเขียนให้ด้วยความอบอุ่น ทั้งยังเปิดเผยว่าอัลบั้มใหม่ของวงเข็มทิศกำลังจะเปิดตัวในไม่ช้า

เวลาล่วงเลยไป ผู้ที่เข้ามาในบาร์ยิ่งเยอะขึ้น

ส่วนใหญ่ลู่เฉินไม่รู้จัก น่าจะเป็นเพื่อนร่วมวงการในสมัยก่อน ในนั้นมีนักร้องนักดนตรีอยู่หลายคน กลับกลายเป็นมีหลายคนที่รู้จักลู่เฉิน เข้ามาพูดคุยทักทายกันใหญ่

ตอนนี้ในแวดวงบาร์ในย่านโฮ่วไห่ ลู่เฉินกลายเป็นตำนานไปแล้ว!

นักร้องในบาร์หลายคนยกให้เขาเป็นแบบอย่าง

ตอนสองทุ่มตรง เจ้าภาพของงานก็ปรากฏตัว…เถ้าแก่เฉิน เฉินเจี้ยนหาวผู้กำลังจะบอกลาความโสด!

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Perfect Superstar 187 อาหารมื้อนี้มูลค่าเป็นล้าน!

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 187 อาหารมื้อนี้มูลค่าเป็นล้าน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

p>ออกจากบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์ยังคงนั่งรถของลู่เฉิน

การเดินทางไปบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดครั้งนี้ ลู่เฉินได้รับสิ่งต่างๆ มากมาย

อย่างแรก ลู่เฉินได้เจรจากับบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดอย่างเป็นทางการ ฝ่ายนั้นจัดหาเวลาว่างเพื่อที่จะทำซีดี อัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ รวมทั้งโปสเตอร์และยูเอสบี เป็นต้น

ทางด้านราคา บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดลดให้ลู่เฉิน 5% เป็นราคาพิเศษ

อย่าดูถูกส่วนลด 5% เพราะกำไรจากการจองสินค้าและการจัดจำหน่ายของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดความจริงแล้วไม่สูงมาก

โดยเฉพาะการขนส่ง พวกเขาร่วมมือกันกับสำนักพิมพ์ซินหวา

เส้นทางการเงินเส้นนี้จึงถูกสำนักพิมพ์ซินหวาเอาไปหมด

นอกจากนี้หลินจื้อเจี๋ยยังขอให้ลู่เฉินช่วยเขียนเพลงหลักให้วงเอ็มเอสเอ็นอีกสองเพลง ทั้งยังให้เขาช่วยดูแลการผลิตเพลงด้วย

การทำอัลบั้มเพลงชุดหนึ่งกับการขอให้แต่งเพลงสักเพลงนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างหลังคือการเขียนผลงานเพลงออกมา เมื่อเขียนเพลงออกมาก็ได้เงินไป อย่างมากแค่ให้คำแนะนำด้านทำนองของเพลงบ้าง เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ

ในธุรกิจด้านดนตรี ความรับผิดชอบหลักในการทำเพลงเป็นของฝ่ายจัดทำเพลง

การอำนวยการทำเพลงต้องมีการศึกษาด้านดนตรีและความสามารถในการปฏิบัติการจริง อาศัยเทคนิคเฉพาะกับประสบการณ์ เพื่อให้การทำแผ่นเพลงออกมาให้ได้เสียงที่ดีที่สุด ใกล้เคียงกับระดับเสียงของภาพยนตร์!

หน้าที่ของผู้อำนวยการเพลงคือเมื่ออยู่ในห้องอัดเสียง จะต้องแนะนำนักดนตรีและนักร้องก่อนเวลาอัดเสียงเมื่อเกิดความผิดพลาดและชี้นำนักอัดสียงในการจัดการมิกซ์เสียงในภายหลัง

ดังนั้นบนบ่าของผู้อำนวยการเพลงจึงแบกรับความรับผิดชอบที่หนักอึ้งเอาไว้ ผู้อำนวยการเพลงจะต้องรับผิดชอบทั้งอัลบั้ม ในขณะที่อัดเสียงลงแผ่นของนักร้อง จะต้องมีอำนาจสั่งการและอำนาจในการตัดสินใจ

ต่อให้เป็นการช่วยเหลือ สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดแล้ว ยังมีน้อยมาก

เพราะลู่เฉินไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด และทางบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดเองก็มีคนมีความสามารถด้านนี้อยู่แล้วมากมาย อย่างเช่นหลินจื้อเจี๋ยเอง การทำเพลงของผู้อำนวยการเพลงอย่างเขาอย่างน้อยก็เคยทำมาแล้วเป็นร้อยๆ แผ่น มีประสบการณ์โชกโชน

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดหรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นคือหลินจื้อเจี๋ยให้ความสำคัญแก่ลู่เฉินมาก

แม้แต่ลู่เฉินเองก็คิดไม่ถึง ผู้อำนวยการเพลงของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดคนนี้ตั้งใจมาเชิญตัวเองให้เป็นผู้อำนวยการเพลงให้แก่วงเอ็มเอสเอ็นในอัลบั้มนี้

ถ้าเอ่ยถึงเรื่องประสบการณ์ ตัวลู่เฉินเองเพิ่งได้ทำอัลบั้ม’เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ เสร็จสิ้นเป็นอัลบั้ม

การรับเป็นผู้อำนวยการเพลงครั้งนี้ไม่ใช่รับมาเฉยๆ ทั้งต้องเขียนเพลงสองเพลงและอำนวยการทำเพลงด้วย บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดตั้งราคาเริ่มต้นให้ที่หนึ่งล้านหยวน!

ราคาเท่านี้สามารถเชิญผู้จัดทำระดับสูงของวงการมาได้เลย

แน่นอนว่าลู่เฉินตอบตกลง

นอกจากค่าเหนื่อยที่อู้ฟู่แล้ว การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางนี้ก็สำคัญกับเขาไม่น้อย

ความจริงแล้วลู่เฉินไม่รู้ว่า ถ้าเขาไม่ได้เขียนเพลงบุปผานารีให้เฉินเฟยเอ๋อร์ จนกำราบผู้ที่ต่อต้านหลินจื้อเจี๋ยได้อย่างอยู่หมัด เกรงว่าสัญญาฉบับนี้เขาอาจจะไม่ได้มันมา

บริษัทใหญ่โตมักดื้อดึงและหยิ่งยะโส ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะเข้าไปแตะต้อง!

“พี่เฟย…”

ลู่เฉินขับรถไปถามไป “เมื่อครู่หูซวี่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

ก่อนหน้านี้ในห้องอัด ตอนที่ลู่เฉินคุยกับหูซวี่ เฉินเฟยเอ๋อร์ส่งสายตาให้เขา

สายตานั้นลู่เฉินเข้าใจ แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินเฟยเอ๋อร์ต้องแอบบอกเขา

ข่าวของหูซวี่ส่วนใหญ่ดีมาตลอด ตัวเขาเองก็ดูดี กิริยาคำพูดคำจามีมารยาท

เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ “หูซวี่คนนี้…จะว่ายังไงดี นายมองไม่ออกหรอกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เรื่องที่เขาทำล้วนเพื่อหวังผลอย่างแรงกล้า เพียงแต่ปิดบังเอาไว้อย่างดี คนอื่นมองไม่ออก”

“เมื่อครู่ฉันกังวลว่านายจะถูกเขาชมจนหน้ามืดตาลาย รับปากเขาง่ายเกินไป”

ผลประโยชน์ หน้าซื่อใจคด!

นี่คือคำสรุปที่เฉินเฟยเอ๋อร์ประเมินหูซวี่

ลู่เฉินเข้าใจแล้ว “ขอบคุณพี่เฟยที่เตือน ผมจะระวัง”

เมื่อเทียบกับหูซวี่ ลู่เฉินต้องเชื่อเฉินเฟยเอ๋อร์อยู่แล้ว

เฉินเฟยเอ๋อร์ถ้าไม่ได้เป็นห่วงเขา คงจะไม่พูดเรื่องพวกนี้ให้เขาฟัง โดยเฉพาะการเตือน

เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้นินทาว่าร้ายหูซวี่ลับหลัง เรื่องที่พูดต้องเป็นจริง

คนแบบหูซวี่จะต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ ชื่นชมอยู่ห่างๆ ถึงเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด

เฉินเฟยเอ๋อร์ทอดถอนใจเบาๆ “วงการบันเทิงซับซ้อนมาก ใจคนคาดเดายาก บางคนต่อหน้ายิ้มแย้ม แต่ลับหลังถือมีดอยู่ หากไม่ระวังจะถูกคนเขาหลอกใช้…”

เธออยู่ในวงการนี้มาสิบกว่าปี เคยพบมาแล้วทั้งดีทั้งเลว เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ดีที่สุด

“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว!”

เธอส่ายหน้าหัวเราะ “นายดูสิ ฉันนินทาคนลับหลังให้นายฟังเลยนะ คิดจะขอบคุณฉันยังไง?”

รอยยิ้มของราชินีเพลงรักส่อแววเจ้าเล่ห์

ลู่เฉินยิ้มแหย “พี่เฟย ถ้าจะให้ขอบคุณ พี่ก็ว่ามาเลยจะให้ผมทำยังไง!”

เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ ถามว่า “คืนนี้นายว่างไหม?”

“คืนนี้เหรอ?”

“คืนนี้ผมไม่มีเวลาจริงๆ ผมต้องไปปาร์ตี้สละโสด”

“ปาร์ตี้สละโสด?”

เฉินเฟยเอ๋อร์ตกใจ “เพื่อนนายจะแต่งงานพรุ่งนี้เหรอ?”

ปาร์ตี้สละโสดก็คือธรรมเนียมการเลี้ยงฉลองในคืนก่อนงานแต่งงานที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ พวกเพื่อนฝูงจะจัดปาร์ตี้ให้กับเจ้าบ่าวเพื่ออำลาความโสด มักจะมีรายการเล่นสนุกแบบต่างๆ

แน่นอนว่าในประเทศจีน ปาร์ตี้สละโสดไม่มีระบำเปลื้องผ้าหรอกนะ

ลู่เฉินอธิบาย “เจ้าบ่าวคือเถ้าแก่บาร์ที่ผมเคยทำงานด้วย ชื่อเฉินเจี้ยนหาว ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว เจ้าสาวคือจางน่าน่าแห่งวงเฮสิเทชั่น ผมเรียกเธอว่าพี่น่า”

เฉินเจี้ยวหาว? จางน่าน่า?”

เฉินเฟยเอ๋อร์คิดเล็กน้อยเอ่ยว่า “เฉินเจี้ยนหาวชื่อนี้คุ้นหูมาก เมื่อก่อนเป็นคนในวงการ จางน่าน่าพักก่อนฉันเคยเจอครั้งหนึ่ง เธอร้องเพลงที่นายเขียนใช่ไหม”

ลู่เฉินพยักหน้า

เฉินเฟยเอ๋อร์เกิดความคิดพิเรนทร์บางอย่าง “เล่าเรื่องของนายให้ฉันฟังได้ไหม”

ลู่เฉินเกาหัว “ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ถ้าพี่เฟยอยากรู้ เราหาร้านนั่งคุยกันก่อนก็ได้ กินไปคุยไป มื้อเที่ยงผมเลี้ยงเอง”

เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มตาหยีจนเป็นรูปสระอิ “ได้เลย…”

เธอคิดต่อแล้วพูดว่า “พี่สาวอย่างฉันไม่กินข้าวของนายฟรีหรอก แผ่นซีดี อัลบั้มใหม่ของฉันกับของที่ระลึกประกอบอย่างอื่นให้บริษัทระดมทุนออนไลน์ของนายไปทำด้วย ฉันรู้สึกว่าน่าสนใจดี”

“พี่เฟย พี่พูดจริงเหรอ”

ลู่เฉินดีใจ แทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง

นี่เป็นเหมือนขนมใส่ไส้ชิ้นใหญ่ที่ตกลงมาจากฟ้าเชียวนะ!

อัลบั้มของเขาประสบความสำเร็จอย่างสูงในการระดมทุนออนไลน์ แต่การระดมทุนอนไลน์เมื่อเปิดอย่างเป็นทางการ ก็ได้ดึงดูดความสนใจของคนมากมาย เห็นได้ชัดว่าต้องการการโฆษณาและการร่วมทุน

เฉินเฟยเอ๋อร์เปลี่ยนแนวเพลง ถ้าใส่ลงไปในการระดมทุนด้วย ก็จะยิ่งดึงดูดแฟนคลับจำนวนมาก มากกว่าลู่เฉินหลายเท่าตัว แค่เธอออกเสียงในบล็อกครั้งเดียว ยังให้ผลมากกว่าการโฆษณาใดๆ ทั้งหมด!

นอกจากนี้ยังไม่ต้องพูดถึงรายได้ที่ได้จากการระดมทุน!

ที่จริงลู่เฉินต่อให้ไม่ต้องการเงินส่วนนี้ เขาก็ปรารถนาจะได้ช่วยเฉินเฟยเอ๋อร์ทำอัลบั้มอยู่ดี

หากชื่อเสียงและแบรนด์ ขจรขจายออกไป ต้องมีผู้ร่วมทุนหลั่งไหลเข้ามาถึงที่ ถึงตอนนั้นเขาจะขายหุ้นส่วนหนึ่งทิ้ง ก็เพียงพอที่จะคืนหนี้ของครอบครัวที่เหลืออยู่ได้แล้ว

เป็นเรื่องที่ดีมากจริง!

อาหารมื้อนี้มีมูลค่าสูงเป็นล้านหยวน?

เฉินเฟยเอ๋อร์ปรายตามองลู่เฉินที่ตะลึงอ้าปากค้าง “นี่เป็นเรื่องจริง ฉันจะหลอกนายทำไม?”

ลู่เฉินยิ้ม “ขอบคุณพี่เฟย!”

เขารีบเปิดสัญญาณจีพีเอส นำทางไปที่ร้านอาหารตะวันตกระดับสูง เพื่อพาเฉินเฟยเอ๋อร์ไปกินข้าว

อาหารมื้อนี้ต้องเลี้ยงให้ดี!

ซูเปอร์สตาร์จะรับประทานอาหารสักมื้อไม่ง่ายเลย เมื่อไปถึงที่ เฉินเฟยเอ๋อร์ยังต้องไปรถพี่เลี้ยงที่ขับตามมา หาหมวกและแว่นกันแดดใส่เพื่อปิดบังใบหน้าของตัวเอง ป้องกันไม่ให้มีใครจำเธอได้ แล้วมุงกันเข้ามา

สถานที่ๆ ลู่เฉินเลือกนั้นไม่เลว สภาพแวดล้อมเงียบสงบ บริกรและอาหารล้วนชั้นเลิศ

มื้อนี้ทั้งสองรับประทานอาหารอย่างมีความสุข

ลู่เฉินเล่าเรื่องของตัวเองให้เธอฟังว่าเคยทำงานร้องเพลงในบาร์เดย์ลิลลี่

เฉินเฟยเอ๋อร์เสียดาย ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นปาร์ตี้สละโสดแล้วละก็ คืนนี้เธอคงไปด้วยกันกับเขา

หลังจากอาหารมื้อเที่ยง ลู่เฉินส่งเฉินเฟยเอ๋อร์กลับไปที่ออฟฟิศของเธอ จากนั้นก็ขับรถไปที่บาร์เดย์ลิลลี่

งานแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ลู่เฉินอยากเข้าไปช่วย แต่ถูกเฉินเจี้ยนหาวห้ามไว้

ตามที่เขาบอก ตอนนี้เวลาของลู่เฉินเป็นเงินเป็นทอง ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้

แม้ลู่เฉินจะไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่อก็เถอะ

บนบานประตูของบาร์เดย์ลิลลี่ได้แขวนป้ายเอาไว้ว่า “เจ้าของร้านมีงานมงคล ปิดร้านชั่วคราว” ตอนที่ลู่เฉินเข้าไป บริกรในนั้นกำลังจัดสถานที่ปาร์ตี้กันอยู่

บาร์เทนเดอร์เดวิด[Wk1] เห็นลู่เฉินเข้าไปก็ดีใจ “โอ้โห ดูสิใครมา ดาราดังของเรามาแล้ว!”

ลู่เฉินหัวเราะแลกหมัดกับเขาหมัดหนึ่ง แล้วพุ่งตัวเข้าไปที่หลังบาร์

ในนั้นยังคงคุ้นเคยเหมือนก่อน ภาพวันเก่าผุดขึ้นมาทำให้เขาระลึกถึง

ตอนบ่าย ลู่เฉินช่วยจัดงานปาร์ตี้อยู่ในบาร์

ของเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องให้ลู่เฉินทำเองกับมือ เขาเพียงแต่อยากใช้วิธีการนี้เพื่อบอกลาบาร์เดย์ลิลลี่!

ที่นี่ มีความทรงจำมากมาย

เมื่อค่ำคืนมาเยือน เพื่อนๆ ของเฉินเจี้ยนหาวก็ทยอยกันมาถึง

วงเฮสิเทชั่นมาแล้ว หัวหน้าวงฉินฮั่นหยางดูเปลี่ยนไปจากเดิมมากมาย

มีออร่าของดาราจับต้องแล้ว

เจ้าของบาร์บลูโลตัสฉางเหว่ยก็มา ยังพาวงเข็มทิศมาด้วย

เป็นที่กล่าวขวัญกันว่าวงเข็มทิศได้เพลงของลู่เฉินไปสองเพลง แต่อัลบั้มใหม่ของพวกเขายังไม่ออกตลาด แม้ว่าจะได้ทำสัญญากับบริษัทชิงอวี่มีเดียแล้วก็ตาม แต่ถูกวงเฮสิเทชั่นบดบังไปหมด

อย่างไรก็ตามหัวหน้าวงเข็มทิศกานหลางยังอารมณ์ดีเหมือนเดิม เมื่อเห็นลู่เฉินเขารีบเข้าไปทักทายก่อน ขอบคุณสำหรับเพลงที่ลู่เฉินเขียนให้ด้วยความอบอุ่น ทั้งยังเปิดเผยว่าอัลบั้มใหม่ของวงเข็มทิศกำลังจะเปิดตัวในไม่ช้า

เวลาล่วงเลยไป ผู้ที่เข้ามาในบาร์ยิ่งเยอะขึ้น

ส่วนใหญ่ลู่เฉินไม่รู้จัก น่าจะเป็นเพื่อนร่วมวงการในสมัยก่อน ในนั้นมีนักร้องนักดนตรีอยู่หลายคน กลับกลายเป็นมีหลายคนที่รู้จักลู่เฉิน เข้ามาพูดคุยทักทายกันใหญ่

ตอนนี้ในแวดวงบาร์ในย่านโฮ่วไห่ ลู่เฉินกลายเป็นตำนานไปแล้ว!

นักร้องในบาร์หลายคนยกให้เขาเป็นแบบอย่าง

ตอนสองทุ่มตรง เจ้าภาพของงานก็ปรากฏตัว…เถ้าแก่เฉิน เฉินเจี้ยนหาวผู้กำลังจะบอกลาความโสด!

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+