Perfect Superstar 176 พาราชินีออกไปเที่ยวเล่น

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 176 พาราชินีออกไปเที่ยวเล่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 176 พาราชินีออกไปเที่ยวเล่น

ฟ้าค่อยๆ มืดลง ไฟส่องทางสองฟากฝั่งถนนสว่างขึ้น ค่ำคืนใกล้เข้ามาแล้ว

ลู่เฉินขับรถเอสยูวีจงหวารุ่นเอ็กซ์7ของตัวเอง ด้วยความเร็วไม่เกินสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง รถค่อยๆ เคลื่อนตัวไปตามท้องถนน

เมื่อหลายปีก่อน เมืองหลวงแห่งนี้ได้ถูกถอดชื่อจากเมืองที่มีรถติดที่สุดแห่งหนึ่งไปได้ แต่เมื่อถึงเวลาเลิกงานตอนเย็น เขตวงแหวนรอบที่สองและสามของปักกิ่งก็ยังคงมีรถเบียดเสียดกันเหมือนเดิม มักมีภาพของการจราจรที่ติดขัดให้เห็นอยู่เป็นประจำ ประชาชนทำอะไรไม่ได้

“สวัสดีท่านผู้ฟังทุกท่าน ที่นี่คือสถานีวิทยุปักกิ่งเรดิโอ FM102.6…”

“เพลงต่อไปเป็นเพลงทูตสวรรค์แสนสุขของเฉินเฟยเอ๋อร์ หวังว่าทุกคนจะมีค่ำคืนที่สวยงาม!”

ฟังเสียงวิทยุจากเครื่องเสียงในรถยนต์ แล้วลู่เฉินก็อดไม่ไหวต้องหันไปมองด้านขวา

ที่นั่งข้างคนขับ หญิงสาวสวมกางเกงยีนส์และเสื้อทีเชิ้ต

บนเสื้อทีเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ยักษ์เหมือนปีกค้างคาวพิมพ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเล็กตัวใหญ่ เต็มเปี่ยมด้วยความเหนือจริงแบบแนวคิดหลังสมัยใหม่ ท่ามกลางการขับเน้นของสีสันหลากหลายในรูปแบบการสาดสีหมึก กำลังเป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยมของวัยรุ่นคลื่นลูกใหม่ในตอนนี้

ส่วนกางเกงยีนส์สีน้ำเงินดำเนื้อผ้าบางมาก ด้านบนทำเป็นรอยขาดหลายรอย เผยให้เห็นผิวขาวผ่องดุจหยก

เธอมัดผมเป็นหางม้านุ่มฟู แต่งสีตาด้วยอายแชร์โดว์สีม่วงหนา แว่นทรงแบนวางอยู่บนสันจมูกเรียวสวย ริมฝีปากแต่งแต้มด้วยสีแดงสดราวกับเปลวเพลิง ติ่งหูซ้ายขวาห้อยด้วยต่างหูสายสร้อยยาวสีม่วงทอง ระยิบระยับล้อกับแสงไฟหน้ารถ

รูปแบบการแต่งตัวเช่นนี้เห็นได้บ่อยในกลุ่มเฟยซวิ่นและเฟยซิ่นส่วนตัว โดยพื้นฐานแล้วเป็นแบบฉบับของหญิงสาวที่ชอบเซลฟี่รูปของตัวเองที่เกิดหลังยุค 90 พวกเธอจะไขว่คว้าตามแฟชั่นและความทันสมัย ชอบการแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์

แม้จะดูว่ามากเกินไป

แต่เธอคนนี้…

ลู่เฉินถึงกับพูดไม่ออก เขาฝันก็ยังไม่คิดมาก่อนเลยว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะแต่งตัวแนวนี้!

ถ้านักข่าวบันเทิงได้ถ่ายรูปการแต่งตัวของเธอแนวนี้ แล้วยังละทิ้งผู้ช่วยผู้ติดตามทั้งหมดของเธอเพื่อออกไปกินข้าวเที่ยวเล่นกับเขา พรุ่งนี้จะต้องตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่นอน

ภาพลักษณ์เสียหายหมด!

ราชินีเพลงหวานซึ้งยังมีอยู่ไหม? เจ้าสำนักนางฟ้ายังมีอยู่ไหม? เทพธิดาของประชาชนยังมีตัวตนอยู่ไหม?

ทุกสิ่งถูกทำลายไปหมดแล้ว!

ลู่เฉินรู้สึกเบื่อหน่าย และรู้สึกถึงภาระกดดันอย่างมาก

เขารับปากไปได้ยังไง?

เอาเถอะ ลู่เฉินไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ความเย้ายวนใจที่เขาจะได้พาราชินีเพลงรักออกไปเที่ยวเล่นนั้นทำให้เขาไม่มีทางปฏิเสธได้

เฉินเฟยเอ๋อร์เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเล่นแบบนี้ เขาลงจากรถเบนซ์คันนั้น มารออยู่ข้างนอกถึงครึ่งชั่วโมงเต็ม ก็เห็นราชินีสาวสวยที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ต่อให้เดินโทงๆไปตามท้องถนน ก็คงไม่มีใครจำเธอได้!

เฉินเฟยเอ๋อร์สังเกตเห็นสายตาของลู่เฉินราวกับเดาความคิดของเขาได้ พูดเสียงเบาว่า “คนอย่างฉันไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง รู้สึกว่าต้องมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น ภายนอกดูสวยงาม แต่เบื้องหลังกลับมีความกดดันไม่น้อย”

“ตอนที่พี่หวังปินเกิดเรื่อง ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิด เพราะเขาเป็นแบบนั้นมานานแล้ว ควบคุมไม่ได้”

“ฉันไม่อยากใช้วิธีการแบบนั้นมาปลดปล่อยความเครียดของตัวเอง ดังนั้นเมื่อมีโอกาสก็อยากเป็นคนธรรมดาบ้าง ออกไปช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้า กินในสิ่งที่ไม่ปกติไม่กล้ากิน ออกไปเที่ยวสวนสนุก ไปปีนเขา ไปเล่นเกมส์ในร้านเกมส์…”

เธอเล่าเรื่องของตัวเองอย่างน่าประทับใจ พร้อมกับเพลงที่ดังออกมาจากวิทยุ เป็นเพลงที่เธอร้อง

ลู่เฉินนิ่งเงียบ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถามอย่างสงสัยว่า “พี่เฟย พี่ออกมากับผมแบบนี้จะไม่…”

เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่กลัวไม่กังเวลเลยเหรอ? เพราะเขาเองก็เป็นชายหนุ่มทั้งแท่งคนหนึ่ง!

จะทำให้เธอเสียหาย เขาได้แต่กลืนคำพูดนี้ลงไป

“นายคิดอะไร?”

เฉินเฟยเอ๋อร์บ่นพร้อมกับเหลือกตามองบน “ฉันเห็นนายเป็นน้องชาย น้องชายของฉันอายุเท่านาย!”

เธอบิดปากยิ้ม “ถ้าฉันเด็กกว่านี้สักสิบปี ก็อาจจะรับนายไว้พิจารณา”

เฉินเฟยเอ๋อร์บอกอายุของเธอโดยไม่เอียงอาย ปีนี้เธออายุ 30 แล้ว แก่กว่าลู่เฉินตั้ง 8 ปี

เธอรู้สึกดีกับลู่เฉิน ชื่นชมความสามารถของเขา และเชื่อในตัวตนของเขา

ลู่เฉินถูจมูกยิ้มแหย ไม่กล้าเถียงต่อ

เฉินเฟยเอ๋อร์กระพริบตา ถามว่า “ลู่เฉิน นายยังไม่มีแฟนใช่ไหม?”

ลู่เฉินพยักหน้า “ใช่ครับ ตอนนี้ผมยังไม่มีใจไปคิดเรื่องนั้น”

เฉินเฟยเอ๋อร์ทอดถอนใจ “ก็จริง ศิลปินอย่างเราจะมีความรักทีก็ไม่เหมือนคนอื่น จะต้องเปิดเผยต่อสาธารณชน ทั้งยังอยู่ห่างกันมากกว่าอยู่ด้วยกัน มักจะคบๆ เลิกๆ”

เธอโพล่งขึ้นมา “เสี่ยวชูชอบนายมากนี่ นายไม่ลองคิดดูหน่อยเหรอ? เธอเป็นเด็กสาวที่น่ารักมากคนหนึ่ง!”

เสี่ยวชู?

ลู่เฉินอึ้งไป แล้วนึกขึ้นได้ว่าที่เฉินเฟยเอ๋อร์พูดถึงก็คือมู่เสี่ยวชู

เขาส่ายหัว “ผมเห็นเธอเป็นน้องสาว”

ฟังคำตอบของลู่เฉินแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์แค่นหัวเราะ…เมื่อครู่ตัวเธอเองก็เพิ่งบอกไปว่าคิดกับลู่เฉินแค่น้องชาย!

ราชินีเพลงรักคนนี้ยิ้มสวยมาก แม้จะมีเครื่องสำอางชั้นหนาปกปิดอยู่ก็ตาม

บรรยากาศในห้องโดยสารกลายเป็นความอบอุ่มและเข้ากันได้ดี

รถที่ติดขัด เริ่มทยอยเคลื่อนตัว

เมื่อลู่เฉินจอดรถในที่จอดรถของย่านเสิ่นซาไห่ ฟ้าก็ได้มืดลงแล้ว

คืนนี้คุยกันไว้แล้วว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าว แต่เธอไม่อยากไปร้านอาหารในโรงแรมหรูห้าดาว กลับอยากรับประทานของว่างในย่านเขตเมืองเก่า จึงได้มาถึงย่านเสิ่นซาไห่แห่งนี้

ถนนสายที่ขายอาหารว่างแห่งนี้ของเสิ่นซาไห่ขึ้นชื่อที่สุดในปักกิ่ง เป็นแหล่งรวมของร้านอาหาร ร้านอาหารอิสลามเยว่เซิ่งไจ ร้านเป้าตู่เฝิง ร้านฉาทังหลี่ ร้านเฉียนขนมเหนียนเกา ร้านเว่ยขนมใส่ชีส ร้านหยางโถวหม่า ร้านเต้าฮวยโต้วฝูเหน่า เป็นต้น แต่ละร้านเก่าแก่มีชื่อมาเป็นร้อยปี

แต่เดิมถนนอาหารว่างเสิ่นซาไห่แอบซ่อนอยู่ในซอยเสี้ยวโหย่วข้างบ้านเก่าของซ่งชิ่งหลิง เป็นเรือนสี่ประสานทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ อย่างมากรองรับลูกค้าที่มารับประทานอาหารได้แค่ไม่กี่ร้อยคน

ต่อมากิจการรุ่งเรืองขึ้น ทางรัฐบาลต้องการบูรณะอาคารเก่าแก่ จึงเชื่อมตัวซอยกับถนนคนเดินใหม่เข้าด้วยกัน เพิ่มร้านอาหารเก่าแก่มีชื่อจากแต่ละสถานที่ทั่วประเทศและร้านอาหารชื่อดังต่างชาติเข้าไปอีกหลายร้าน แล้วเพิ่มศูนย์การค้าสมัยใหม่เข้าไปรอบด้าน กลายเป็นแหล่งรวมของที่กินที่เที่ยวอยู่ในย่านเดียวกัน

ที่นี่กิจการเฟื่องฟูทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเวลาหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม คนมากเสียจนไม่อยากรับ

“ฉันอยากกินเป้าตู้ ขนมเหนียนเกา เต้าฮวยเค็ม…”

เฉินเฟยเอ๋อร์คล้องแขนลู่เฉินอย่างไม่ถือตัว พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด “แล้วก็แพะเสียบไม้ย่าง ขนมจีบซาวม่าย ซาลาเปามีน้ำซุป น้ำเลม่อน!”

เมื่อเดินในย่านถนนที่บรรยากาศเก่าแก่ ทั้งสองเดินปะปนไปกับผู้คน เหมือนคู่รักธรรมดาคู่หนึ่ง

เฉินเฟยเอ๋อสูง 170 กว่าเซนติเมตร แม้ไม่ได้สวมรองเท้าส้นสูงยังดูเหมาะกับความสูงของลู่เฉิน

ลู่เฉินตกใจ “พี่กินหมดเหรอ? ไม่กลัวอ้วนหรือไง?”

เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ “ไม่กลัวหรอก หลายเดือนกินครั้งหนึ่ง”

ลู่เฉินปล่อยเลยตามเลย “ไม่กลัวก็ดี ถ้าอย่างนั้นเรากินกันให้พุงกางไปเลย อยากกินก็กิน!”

เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่กลัว แล้วเขาจะกลัวอะไร?

“แบบนี้สิถึงจะถูก”

เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ “เราออกมาผ่อนคลาย อย่าไปคิดมาก ความสุขของตัวเองสำคัญที่สุด”

สรุปออกมาได้คำเดียวว่า เอาแต่ใจ!

คนเอาแต่ใจสองคนวิ่งเข้าไปที่ร้านขายเนื้อแพะย่างก่อน ลู่เฉินบอกเถ้าแก่ว่าเอา 10 ไม้

“เพิ่มพริกหน่อย!”

“ได้เลย!”

เถ้าแก่รีบหยิบเนื้อแพะที่เพิ่งย่างเสร็จออกมา 10 ไม้ สาดพริกป่นใส่ลงไปอย่างคล่องแคล่ว “ทั้งหมดห้าสิบ”

เนื้อแพะย่าง ไม้ละห้าหยวน ลู่เฉินรับมาแต่ไม่จ่ายเงิน

คนที่ควักกระเป๋าคือเฉินเฟยเอ๋อร์

เธอล้วงธนบัตรออกมาจากกระเป๋าคาวาอี้ใบเล็กๆราคาไม่เกิน 50 หยวนใบนั้น ยื่นเงินให้เถ้าแก่

“ขอบคุณมากครับ!”

เถ้าแก่รับธนบัตรมาแล้วมองลู่เฉินด้วยสายตาดูถูกทีหนึ่ง

ชายหนุ่มสูงใหญ่หล่อเหลา ออกมาเที่ยวกินอาหารยังให้หญิงสาวควักเงินเลี้ยง?

ถ้าไม่ใช่พวกไม่ได้เรื่องก็เป็นพวกไม่เอาถ่าน

เกิดมาหน้าตาดีเสียเปล่าจริงๆ!

ลู่เฉินทำหน้าไม่ถูก

ระหว่างทางเฉินเฟยเอ๋อร์กำชับเขาไว้ว่า เขาซื้อของอย่างเดียว เธอจ่ายเงินอย่างเดียว

สุดท้ายก็ถูกคนดูถูกเอา

เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มตาหยีรับเนื้อแพะย่างที่ลู่เฉินแบ่งให้ รีบส่งเนื้อเข้าปากอย่างทนรอไม่ไหว

เพิ่งเข้าปากไปได้ไม่กี่คำ เธอก็อ้าปากหายใจ “เผ็ดจัง เผ็ดมากเลย!”

มีใบหน้าที่ดูทรมาน

ลู่เฉินรีบส่งน้ำเลม่อนคั้นสดใหม่ที่ซื้อจากข้างร้านเนื้อแพะย่างให้เฉินเฟยเอ๋อร์

“สะใจ!”

เฉินเฟยเอ๋อร์เห็นได้ชัดว่ากินเผ็ดไม่ได้ แต่ซดน้ำเข้าไปอึกใหญ่แล้วเธอยังแทะเล็มเนื้อแพะย่างต่อไป

ด้วยความไม่กลัวเผ็ด ทำให้ลู่เฉินนับถือ

เพียงแต่การกระทำที่ไม่คิดหน้าคิดหลังของเธอ ดูไม่มีความเป็นกุลสตรีอยู่เลย เธอกินดื่มด้วยคำใหญ่ ถ้าถูกแฟนคลับเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะทำให้คนเหล่านั้นใจสลายไปเท่าไหร่!

ทั้งสองเดินไปกินเนื้อแพะย่างไป เมื่อเห็นอาหารที่อยากกินก็จะหยุด

ขนมเหนียเกา เต้าฮวยเค็ม ขนมจีบซาวม่าย ซาลาเปามีน้ำซุป…

กินให้หมดไม่ต้องคิดอะไรมาก กินไปเถอะ ผลก็คือถนนสายอาหารเพิ่งเดินได้เพียงครึ่งทาง เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ได้รับประทานอิ่มจนพุงกางเดินไม่ไหวแล้ว!

เธอยังเสียดาย “ข้างหน้ายังมีของอร่อยอีกตั้งเยอะ”

ลู่เฉินหัวเราะ “ครั้งหน้าค่อยมากันใหม่เถอะ เราไปทางถนนคนเดินทางนั้นพักผ่อนสักหน่อย”

ด้านหน้าเป็นสี่แยกที่บรรจบกันของถนนสายอาหารกับถนนคนเดิน เลี้ยวขวาไปเป็นศูนย์การค้า

เดินตรงไปที่ศูนย์การค้าในย่านถนนคนเดิน ความพลุกพล่านน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองฝั่งเป็นร้านขายชาและคอฟฟี่ช็อป

ยังมีม้านั่งยาวให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อน

ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์หาม้านั่งยาวที่ว่างแล้วนั่งลง ไม่ได้รู้สึกเหนื่อย แต่กินอิ่มจนจุก

เฉินเฟยเอ๋อร์สั่งอาหารอย่างโลภมาก แล้วเธอก็เพียงชิมอาหารอย่างละเล็กน้อยเท่านั้น ที่เหลือให้ลู่เฉินกิน

ท้องของลู่เฉินมีความจุที่จำกัดเหมือนกัน

“เอ๋?”

อยู่ๆ เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ตาลุกวาว ใช้ข้อศอกสะกิดลู่เฉิน “นายฟังสิ!”

ลู่เฉินได้ยินแล้ว

“ดาวส่องแสงสุดสว่างกลางฟ้า จะได้ยินหรือไม่ คนที่แหงนมองคนนั้น ยังอ้างว้างและทอดถอนใจ…”

เพลงที่ร้องคือเพลง ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรี!

เขาอดไม่ได้หันไปมองตามทิศที่เสียงเพลงลอยมา

ห่างออกไปสิบกว่าเมตร ใจกลางถนนคนเดิน มีนักร้องข้างทางกำลังร้องเพลงอยู่

ร้องเพลงของลู่เฉิน

“ดาวส่องแสงสุดสว่างกลางฟ้า ยังนึกออกไหมว่าเคยเดินทางร่วมไปกับฉัน เงานั้นหายไปในสายลม!”

ลู่เฉินยิ้มออกมา

…………………………………………………………………………………………

ไอคอนเหรียญทอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Perfect Superstar 176 พาราชินีออกไปเที่ยวเล่น

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 176 พาราชินีออกไปเที่ยวเล่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 176 พาราชินีออกไปเที่ยวเล่น

ฟ้าค่อยๆ มืดลง ไฟส่องทางสองฟากฝั่งถนนสว่างขึ้น ค่ำคืนใกล้เข้ามาแล้ว

ลู่เฉินขับรถเอสยูวีจงหวารุ่นเอ็กซ์7ของตัวเอง ด้วยความเร็วไม่เกินสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง รถค่อยๆ เคลื่อนตัวไปตามท้องถนน

เมื่อหลายปีก่อน เมืองหลวงแห่งนี้ได้ถูกถอดชื่อจากเมืองที่มีรถติดที่สุดแห่งหนึ่งไปได้ แต่เมื่อถึงเวลาเลิกงานตอนเย็น เขตวงแหวนรอบที่สองและสามของปักกิ่งก็ยังคงมีรถเบียดเสียดกันเหมือนเดิม มักมีภาพของการจราจรที่ติดขัดให้เห็นอยู่เป็นประจำ ประชาชนทำอะไรไม่ได้

“สวัสดีท่านผู้ฟังทุกท่าน ที่นี่คือสถานีวิทยุปักกิ่งเรดิโอ FM102.6…”

“เพลงต่อไปเป็นเพลงทูตสวรรค์แสนสุขของเฉินเฟยเอ๋อร์ หวังว่าทุกคนจะมีค่ำคืนที่สวยงาม!”

ฟังเสียงวิทยุจากเครื่องเสียงในรถยนต์ แล้วลู่เฉินก็อดไม่ไหวต้องหันไปมองด้านขวา

ที่นั่งข้างคนขับ หญิงสาวสวมกางเกงยีนส์และเสื้อทีเชิ้ต

บนเสื้อทีเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ยักษ์เหมือนปีกค้างคาวพิมพ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเล็กตัวใหญ่ เต็มเปี่ยมด้วยความเหนือจริงแบบแนวคิดหลังสมัยใหม่ ท่ามกลางการขับเน้นของสีสันหลากหลายในรูปแบบการสาดสีหมึก กำลังเป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยมของวัยรุ่นคลื่นลูกใหม่ในตอนนี้

ส่วนกางเกงยีนส์สีน้ำเงินดำเนื้อผ้าบางมาก ด้านบนทำเป็นรอยขาดหลายรอย เผยให้เห็นผิวขาวผ่องดุจหยก

เธอมัดผมเป็นหางม้านุ่มฟู แต่งสีตาด้วยอายแชร์โดว์สีม่วงหนา แว่นทรงแบนวางอยู่บนสันจมูกเรียวสวย ริมฝีปากแต่งแต้มด้วยสีแดงสดราวกับเปลวเพลิง ติ่งหูซ้ายขวาห้อยด้วยต่างหูสายสร้อยยาวสีม่วงทอง ระยิบระยับล้อกับแสงไฟหน้ารถ

รูปแบบการแต่งตัวเช่นนี้เห็นได้บ่อยในกลุ่มเฟยซวิ่นและเฟยซิ่นส่วนตัว โดยพื้นฐานแล้วเป็นแบบฉบับของหญิงสาวที่ชอบเซลฟี่รูปของตัวเองที่เกิดหลังยุค 90 พวกเธอจะไขว่คว้าตามแฟชั่นและความทันสมัย ชอบการแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์

แม้จะดูว่ามากเกินไป

แต่เธอคนนี้…

ลู่เฉินถึงกับพูดไม่ออก เขาฝันก็ยังไม่คิดมาก่อนเลยว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะแต่งตัวแนวนี้!

ถ้านักข่าวบันเทิงได้ถ่ายรูปการแต่งตัวของเธอแนวนี้ แล้วยังละทิ้งผู้ช่วยผู้ติดตามทั้งหมดของเธอเพื่อออกไปกินข้าวเที่ยวเล่นกับเขา พรุ่งนี้จะต้องตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่นอน

ภาพลักษณ์เสียหายหมด!

ราชินีเพลงหวานซึ้งยังมีอยู่ไหม? เจ้าสำนักนางฟ้ายังมีอยู่ไหม? เทพธิดาของประชาชนยังมีตัวตนอยู่ไหม?

ทุกสิ่งถูกทำลายไปหมดแล้ว!

ลู่เฉินรู้สึกเบื่อหน่าย และรู้สึกถึงภาระกดดันอย่างมาก

เขารับปากไปได้ยังไง?

เอาเถอะ ลู่เฉินไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ความเย้ายวนใจที่เขาจะได้พาราชินีเพลงรักออกไปเที่ยวเล่นนั้นทำให้เขาไม่มีทางปฏิเสธได้

เฉินเฟยเอ๋อร์เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเล่นแบบนี้ เขาลงจากรถเบนซ์คันนั้น มารออยู่ข้างนอกถึงครึ่งชั่วโมงเต็ม ก็เห็นราชินีสาวสวยที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ต่อให้เดินโทงๆไปตามท้องถนน ก็คงไม่มีใครจำเธอได้!

เฉินเฟยเอ๋อร์สังเกตเห็นสายตาของลู่เฉินราวกับเดาความคิดของเขาได้ พูดเสียงเบาว่า “คนอย่างฉันไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง รู้สึกว่าต้องมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น ภายนอกดูสวยงาม แต่เบื้องหลังกลับมีความกดดันไม่น้อย”

“ตอนที่พี่หวังปินเกิดเรื่อง ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิด เพราะเขาเป็นแบบนั้นมานานแล้ว ควบคุมไม่ได้”

“ฉันไม่อยากใช้วิธีการแบบนั้นมาปลดปล่อยความเครียดของตัวเอง ดังนั้นเมื่อมีโอกาสก็อยากเป็นคนธรรมดาบ้าง ออกไปช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้า กินในสิ่งที่ไม่ปกติไม่กล้ากิน ออกไปเที่ยวสวนสนุก ไปปีนเขา ไปเล่นเกมส์ในร้านเกมส์…”

เธอเล่าเรื่องของตัวเองอย่างน่าประทับใจ พร้อมกับเพลงที่ดังออกมาจากวิทยุ เป็นเพลงที่เธอร้อง

ลู่เฉินนิ่งเงียบ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถามอย่างสงสัยว่า “พี่เฟย พี่ออกมากับผมแบบนี้จะไม่…”

เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่กลัวไม่กังเวลเลยเหรอ? เพราะเขาเองก็เป็นชายหนุ่มทั้งแท่งคนหนึ่ง!

จะทำให้เธอเสียหาย เขาได้แต่กลืนคำพูดนี้ลงไป

“นายคิดอะไร?”

เฉินเฟยเอ๋อร์บ่นพร้อมกับเหลือกตามองบน “ฉันเห็นนายเป็นน้องชาย น้องชายของฉันอายุเท่านาย!”

เธอบิดปากยิ้ม “ถ้าฉันเด็กกว่านี้สักสิบปี ก็อาจจะรับนายไว้พิจารณา”

เฉินเฟยเอ๋อร์บอกอายุของเธอโดยไม่เอียงอาย ปีนี้เธออายุ 30 แล้ว แก่กว่าลู่เฉินตั้ง 8 ปี

เธอรู้สึกดีกับลู่เฉิน ชื่นชมความสามารถของเขา และเชื่อในตัวตนของเขา

ลู่เฉินถูจมูกยิ้มแหย ไม่กล้าเถียงต่อ

เฉินเฟยเอ๋อร์กระพริบตา ถามว่า “ลู่เฉิน นายยังไม่มีแฟนใช่ไหม?”

ลู่เฉินพยักหน้า “ใช่ครับ ตอนนี้ผมยังไม่มีใจไปคิดเรื่องนั้น”

เฉินเฟยเอ๋อร์ทอดถอนใจ “ก็จริง ศิลปินอย่างเราจะมีความรักทีก็ไม่เหมือนคนอื่น จะต้องเปิดเผยต่อสาธารณชน ทั้งยังอยู่ห่างกันมากกว่าอยู่ด้วยกัน มักจะคบๆ เลิกๆ”

เธอโพล่งขึ้นมา “เสี่ยวชูชอบนายมากนี่ นายไม่ลองคิดดูหน่อยเหรอ? เธอเป็นเด็กสาวที่น่ารักมากคนหนึ่ง!”

เสี่ยวชู?

ลู่เฉินอึ้งไป แล้วนึกขึ้นได้ว่าที่เฉินเฟยเอ๋อร์พูดถึงก็คือมู่เสี่ยวชู

เขาส่ายหัว “ผมเห็นเธอเป็นน้องสาว”

ฟังคำตอบของลู่เฉินแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์แค่นหัวเราะ…เมื่อครู่ตัวเธอเองก็เพิ่งบอกไปว่าคิดกับลู่เฉินแค่น้องชาย!

ราชินีเพลงรักคนนี้ยิ้มสวยมาก แม้จะมีเครื่องสำอางชั้นหนาปกปิดอยู่ก็ตาม

บรรยากาศในห้องโดยสารกลายเป็นความอบอุ่มและเข้ากันได้ดี

รถที่ติดขัด เริ่มทยอยเคลื่อนตัว

เมื่อลู่เฉินจอดรถในที่จอดรถของย่านเสิ่นซาไห่ ฟ้าก็ได้มืดลงแล้ว

คืนนี้คุยกันไว้แล้วว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าว แต่เธอไม่อยากไปร้านอาหารในโรงแรมหรูห้าดาว กลับอยากรับประทานของว่างในย่านเขตเมืองเก่า จึงได้มาถึงย่านเสิ่นซาไห่แห่งนี้

ถนนสายที่ขายอาหารว่างแห่งนี้ของเสิ่นซาไห่ขึ้นชื่อที่สุดในปักกิ่ง เป็นแหล่งรวมของร้านอาหาร ร้านอาหารอิสลามเยว่เซิ่งไจ ร้านเป้าตู่เฝิง ร้านฉาทังหลี่ ร้านเฉียนขนมเหนียนเกา ร้านเว่ยขนมใส่ชีส ร้านหยางโถวหม่า ร้านเต้าฮวยโต้วฝูเหน่า เป็นต้น แต่ละร้านเก่าแก่มีชื่อมาเป็นร้อยปี

แต่เดิมถนนอาหารว่างเสิ่นซาไห่แอบซ่อนอยู่ในซอยเสี้ยวโหย่วข้างบ้านเก่าของซ่งชิ่งหลิง เป็นเรือนสี่ประสานทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ อย่างมากรองรับลูกค้าที่มารับประทานอาหารได้แค่ไม่กี่ร้อยคน

ต่อมากิจการรุ่งเรืองขึ้น ทางรัฐบาลต้องการบูรณะอาคารเก่าแก่ จึงเชื่อมตัวซอยกับถนนคนเดินใหม่เข้าด้วยกัน เพิ่มร้านอาหารเก่าแก่มีชื่อจากแต่ละสถานที่ทั่วประเทศและร้านอาหารชื่อดังต่างชาติเข้าไปอีกหลายร้าน แล้วเพิ่มศูนย์การค้าสมัยใหม่เข้าไปรอบด้าน กลายเป็นแหล่งรวมของที่กินที่เที่ยวอยู่ในย่านเดียวกัน

ที่นี่กิจการเฟื่องฟูทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเวลาหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม คนมากเสียจนไม่อยากรับ

“ฉันอยากกินเป้าตู้ ขนมเหนียนเกา เต้าฮวยเค็ม…”

เฉินเฟยเอ๋อร์คล้องแขนลู่เฉินอย่างไม่ถือตัว พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด “แล้วก็แพะเสียบไม้ย่าง ขนมจีบซาวม่าย ซาลาเปามีน้ำซุป น้ำเลม่อน!”

เมื่อเดินในย่านถนนที่บรรยากาศเก่าแก่ ทั้งสองเดินปะปนไปกับผู้คน เหมือนคู่รักธรรมดาคู่หนึ่ง

เฉินเฟยเอ๋อสูง 170 กว่าเซนติเมตร แม้ไม่ได้สวมรองเท้าส้นสูงยังดูเหมาะกับความสูงของลู่เฉิน

ลู่เฉินตกใจ “พี่กินหมดเหรอ? ไม่กลัวอ้วนหรือไง?”

เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ “ไม่กลัวหรอก หลายเดือนกินครั้งหนึ่ง”

ลู่เฉินปล่อยเลยตามเลย “ไม่กลัวก็ดี ถ้าอย่างนั้นเรากินกันให้พุงกางไปเลย อยากกินก็กิน!”

เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่กลัว แล้วเขาจะกลัวอะไร?

“แบบนี้สิถึงจะถูก”

เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ “เราออกมาผ่อนคลาย อย่าไปคิดมาก ความสุขของตัวเองสำคัญที่สุด”

สรุปออกมาได้คำเดียวว่า เอาแต่ใจ!

คนเอาแต่ใจสองคนวิ่งเข้าไปที่ร้านขายเนื้อแพะย่างก่อน ลู่เฉินบอกเถ้าแก่ว่าเอา 10 ไม้

“เพิ่มพริกหน่อย!”

“ได้เลย!”

เถ้าแก่รีบหยิบเนื้อแพะที่เพิ่งย่างเสร็จออกมา 10 ไม้ สาดพริกป่นใส่ลงไปอย่างคล่องแคล่ว “ทั้งหมดห้าสิบ”

เนื้อแพะย่าง ไม้ละห้าหยวน ลู่เฉินรับมาแต่ไม่จ่ายเงิน

คนที่ควักกระเป๋าคือเฉินเฟยเอ๋อร์

เธอล้วงธนบัตรออกมาจากกระเป๋าคาวาอี้ใบเล็กๆราคาไม่เกิน 50 หยวนใบนั้น ยื่นเงินให้เถ้าแก่

“ขอบคุณมากครับ!”

เถ้าแก่รับธนบัตรมาแล้วมองลู่เฉินด้วยสายตาดูถูกทีหนึ่ง

ชายหนุ่มสูงใหญ่หล่อเหลา ออกมาเที่ยวกินอาหารยังให้หญิงสาวควักเงินเลี้ยง?

ถ้าไม่ใช่พวกไม่ได้เรื่องก็เป็นพวกไม่เอาถ่าน

เกิดมาหน้าตาดีเสียเปล่าจริงๆ!

ลู่เฉินทำหน้าไม่ถูก

ระหว่างทางเฉินเฟยเอ๋อร์กำชับเขาไว้ว่า เขาซื้อของอย่างเดียว เธอจ่ายเงินอย่างเดียว

สุดท้ายก็ถูกคนดูถูกเอา

เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มตาหยีรับเนื้อแพะย่างที่ลู่เฉินแบ่งให้ รีบส่งเนื้อเข้าปากอย่างทนรอไม่ไหว

เพิ่งเข้าปากไปได้ไม่กี่คำ เธอก็อ้าปากหายใจ “เผ็ดจัง เผ็ดมากเลย!”

มีใบหน้าที่ดูทรมาน

ลู่เฉินรีบส่งน้ำเลม่อนคั้นสดใหม่ที่ซื้อจากข้างร้านเนื้อแพะย่างให้เฉินเฟยเอ๋อร์

“สะใจ!”

เฉินเฟยเอ๋อร์เห็นได้ชัดว่ากินเผ็ดไม่ได้ แต่ซดน้ำเข้าไปอึกใหญ่แล้วเธอยังแทะเล็มเนื้อแพะย่างต่อไป

ด้วยความไม่กลัวเผ็ด ทำให้ลู่เฉินนับถือ

เพียงแต่การกระทำที่ไม่คิดหน้าคิดหลังของเธอ ดูไม่มีความเป็นกุลสตรีอยู่เลย เธอกินดื่มด้วยคำใหญ่ ถ้าถูกแฟนคลับเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะทำให้คนเหล่านั้นใจสลายไปเท่าไหร่!

ทั้งสองเดินไปกินเนื้อแพะย่างไป เมื่อเห็นอาหารที่อยากกินก็จะหยุด

ขนมเหนียเกา เต้าฮวยเค็ม ขนมจีบซาวม่าย ซาลาเปามีน้ำซุป…

กินให้หมดไม่ต้องคิดอะไรมาก กินไปเถอะ ผลก็คือถนนสายอาหารเพิ่งเดินได้เพียงครึ่งทาง เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ได้รับประทานอิ่มจนพุงกางเดินไม่ไหวแล้ว!

เธอยังเสียดาย “ข้างหน้ายังมีของอร่อยอีกตั้งเยอะ”

ลู่เฉินหัวเราะ “ครั้งหน้าค่อยมากันใหม่เถอะ เราไปทางถนนคนเดินทางนั้นพักผ่อนสักหน่อย”

ด้านหน้าเป็นสี่แยกที่บรรจบกันของถนนสายอาหารกับถนนคนเดิน เลี้ยวขวาไปเป็นศูนย์การค้า

เดินตรงไปที่ศูนย์การค้าในย่านถนนคนเดิน ความพลุกพล่านน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองฝั่งเป็นร้านขายชาและคอฟฟี่ช็อป

ยังมีม้านั่งยาวให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อน

ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์หาม้านั่งยาวที่ว่างแล้วนั่งลง ไม่ได้รู้สึกเหนื่อย แต่กินอิ่มจนจุก

เฉินเฟยเอ๋อร์สั่งอาหารอย่างโลภมาก แล้วเธอก็เพียงชิมอาหารอย่างละเล็กน้อยเท่านั้น ที่เหลือให้ลู่เฉินกิน

ท้องของลู่เฉินมีความจุที่จำกัดเหมือนกัน

“เอ๋?”

อยู่ๆ เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ตาลุกวาว ใช้ข้อศอกสะกิดลู่เฉิน “นายฟังสิ!”

ลู่เฉินได้ยินแล้ว

“ดาวส่องแสงสุดสว่างกลางฟ้า จะได้ยินหรือไม่ คนที่แหงนมองคนนั้น ยังอ้างว้างและทอดถอนใจ…”

เพลงที่ร้องคือเพลง ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรี!

เขาอดไม่ได้หันไปมองตามทิศที่เสียงเพลงลอยมา

ห่างออกไปสิบกว่าเมตร ใจกลางถนนคนเดิน มีนักร้องข้างทางกำลังร้องเพลงอยู่

ร้องเพลงของลู่เฉิน

“ดาวส่องแสงสุดสว่างกลางฟ้า ยังนึกออกไหมว่าเคยเดินทางร่วมไปกับฉัน เงานั้นหายไปในสายลม!”

ลู่เฉินยิ้มออกมา

…………………………………………………………………………………………

ไอคอนเหรียญทอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+