Perfect Superstar 251 มองดวงตาของคุณ

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 251 มองดวงตาของคุณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 251 มองดวงตาของคุณ

งานเลี้ยงต้อนรับมื้อนี้สิ้นสุดลงในเวลาสามทุ่ม

หัวหน้าจงเยวี่ยคอแข็งมาก เขาร่วมมือกับผู้ช่วยอีกสองคนช่วยกันต้านทานการผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาโจมตีของจางเต๋อ ลู่เฉิน และคนอื่นๆ ดื่มไวน์แดงหมดไปสี่ห้าขวด สุดท้ายก็เมาแค่เจ็ดแปดส่วนเท่านั้น

ทางกานเต๋อได้จองห้องพักไว้เรียบร้อยแล้ว ให้พักอยู่ในโรงแรมนี้นี่เอง

ลู่ซีเดินตามลู่เฉินมายังห้องพักเอ็กเซ็กคิวทีฟสวีทของเขา แล้วก็ยังมีเฉินเฟยเอ๋อร์ที่มาด้วย

สองสาวก็ดื่มไปไม่น้อย หน้าแดงก่ำ นั่งตาปรืออยู่บนโซฟา พูดจากระซิบกระซาบ

ถึงแม้ลู่เฉินจะดื่มไปเยอะมากเช่นกัน แต่เขาฝึกดื่มมานานจนคอแข็งแล้ว เพราะฉะนั้นจึงมีสติมาก เลยไปต้มน้ำชงชาให้พวกเธอทั้งสองเพื่อที่จะได้สร่างเมา

ขณะที่กำลังง่วนอยู่ จู่ๆ ลู่ซีก็เอ่ยว่า “ลู่เฉิน แกนั่งลงก่อน ฉันมีเรื่องจะถามแก!”

สีหน้าของเธอเคร่งขรึมมาก

ลู่เฉินประหลาดใจ แต่ก็ยังนั่งลง “มีอะไรเหรอครับพี่”

“มีอะไรงั้นเหรอ”

ใบหน้าของลู่ซีเย็นชาเล็กน้อย เธอมองเฉินเฟยเอ๋อร์ที่เมาแล้วยิ้มหวานไม่ยอมหุบ ก่อนจะถามว่า “แกพูดความจริงมาเดี๋ยวนี้ แกกับพี่เฟยเอ๋อร์กำลังคบกันอยู่ใช่ไหม”

“อ๋า!”

เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้เมาถึงขั้นฟังไม่รู้เรื่อง จึงหน้าแดงเต็มไปด้วยเลือดฝาดทันที

ถึงแม้เพื่อนที่รู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของทั้งสองคนจะมีอยู่สองสามคน แต่ลู่ซีเป็นพี่สาวของลู่เฉิน เป็นคนที่สนิทที่สุด

จึงไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

ลู่เฉินเงียบไปพักหนึ่ง ทันใดนั้นก็จับมือของเฉินเฟยเอ๋อร์ แล้วตอบอย่างจริงจังว่า “ใช่ครับ”

“เป็นแบบนี้จริงๆ ด้วย!”

จู่ๆ ลู่ซีก็หมดกำลังใจ

เธอสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมานานแล้ว ในที่สุดตอนนี้ก็ได้รับการยืนยันแล้ว

เธอรู้สึกแปลกนิดหน่อย

ในใจของลู่ซี ลู่เฉินเป็นเด็กจอมซนที่วิ่งตามก้นเธอเสมอมา ต้องการการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัว และนี่ก็คือสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เธอเดินทางไกลมาช่วยลู่เฉินที่ปักกิ่ง

ทว่าตอนนี้จู่ๆ พี่สาวก็พลันพบว่า น้องชายของตัวเองเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ ไม่เพียงแต่มีกิจการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แถมยังหาคู่ชีวิตของเขาได้แล้ว

แต่ทำไมต้องเป็นเฉินเฟยเอ๋อร์

ความรู้สึกของลู่ซีเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง…เธอกำลังจะมีน้องสะใภ้เป็นราชินีเพลงเหรอ

ถ้าหากพูดตามจริง เธอก็เป็นแฟนคลับของเฉินเฟยเอ๋อร์เช่นกัน!

ลู่ซีภูมิใจในตัวของลู่เฉิน เพราะน้องชายของเธอมีความโดดเด่นมากพอ แต่ก็รู้สึกท้อแท้และเศร้าใจเล็กน้อย

ตอนที่ลู่เฉินจับมือของเฉินเฟยเอ๋อร์ยอมรับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนกับลู่ซี ความรู้สึกหอมหวานในใจของเฉินเฟยเอ๋อร์แทบจะระเบิดออกมา ตาที่ใสแป๋วแวววาวคล้ายกับคลื่นน้ำที่ไหลเขยื้อน เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความยินดีปรีดาที่พูดออกมาไม่ถูก

ในฐานะราชินีเพลงป็อป เธอไม่เคยรู้สึกต่ำต้อยมาก่อน แต่หลังจากที่ก่อร่างสร้างรักกับลู่เฉินแล้ว เธอกลับมีความคิดวิตกกังวลเหมือนจะสูญเสียของรักอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าจะเกิดอุปสรรคของความรัก

ตอนนี้ความคิดที่ไม่น่าเชื่อถือเหล่านั้น มลายหายไปหมดแล้ว!

ลู่เฉินสัมผัสได้ถึงจิตใจของเฉินเฟยเอ๋อร์ในตอนนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะจับมือเล็กของเธอให้แน่นขึ้น

ลู่ซีเห็นอยู่ในสายตา จึงเอ่ยว่า “พี่เฟยเอ๋อร์ งั้นต่อไปพี่จะต้องดูแลลู่เฉินมากหน่อยนะคะ เขาเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ ตอนแรกที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย…”

“อะแฮ่ม!”

ลู่เฉินคันลำคอ “พี่!”

เฉินเฟยเอ๋อร์เม้มปากยิ้ม “พี่ลู่ซี ฉันจะดูแลให้ดีค่ะ”

เธอเหลือบตามองลู่เฉินหนึ่งที ราวกับกำลังพูดว่า ’คราวนี้จับจุดอ่อนของนายได้แล้ว!’

อายุของเฉินเฟยเอ๋อร์มากกว่าลู่ซีสองสามปี แต่เนื่องจากความสัมพันธ์กับลู่เฉิน เพื่อให้สนิทสนมกันมากขึ้นดังนั้นเธอจึงเรียกลู่ซีว่าพี่สาวตามลู่เฉิน ไม่จำเป็นต้องถือสาเรื่องฐานะ

เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากมือของลู่เฉิน กอดแขนของลู่ซีแล้วพูดว่า “พี่ลู่ซี เย็นนี้พี่นอนกับฉันนะคะ จะได้เล่าเรื่องของเขาให้ฉันฟัง ได้ไหมคะ”

ในที่สุดลู่ซีก็หัวเราะ “ได้!”

ดังนั้นทั้งสองคนจึงลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งลู่เฉินที่ทำท่ากระอักกระอ่วนไว้ให้อยู่คนเดียว

เช้าวันถัดมา ทุกคนมารวมตัวที่โรงแรมอีกครั้ง นั่งรถที่ทางกานเต๋อจัดไว้ให้มุ่งหน้าไปยังโรงถ่าย

เนื่องจากมีหลายฝ่ายมาด้วยกัน จงเยวี่ยจึงไปเยี่ยมเยียนที่กองถ่ายละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ก่อน จากนั้นก็ดูเนื้อหาสามตอนแรกที่ถ่ายทำเสร็จแล้วอย่างตั้งใจ

ถึงแม้กองถ่ายจะนำงานต้นฉบับที่ยังไม่ผ่านการตัดต่อและใส่เสียงประกอบใดๆ มาให้ดู แต่จงเยวี่ยในฐานะหัวหน้าฝ่ายรายการของสถานีโทรทัศน์ไห่จิน เขาเคยตรวจสอบและวินิจฉัยละครโทรทัศน์มาหลายตอน จึงมีสายตาที่เฉียบคมมาก

บทละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ รวมทั้งเนื้อหาฉบับนิยายที่อัปเดตทุกวันในบล็อกของลู่เฉิน จงเยวี่ยเคยอ่านมาหมดแล้ว แต่นิยายกับละครที่ถ่ายทำออกมานั้นเป็นคนละเรื่องกัน

บทละครกับเรื่องราวที่ดี ถูกผู้กำกับและนักแสดงทำเสียก็มีเยอะถมไป!

ถึงแม้ทางสถานีโทรทัศน์ไห่จินตัดสินใจแล้วว่าจะนำละครเรื่องนี้ไปฉาย แต่จงเยวี่ยก็ยังคงตรวจสอบด้วยสายตาที่เฉียบแหลมเหมือนเดิม…เขาต้องรับผิดชอบงานของตัวเอง

และผลของการตรวจสอบ ก็ทำให้จงเยวี่ยตกใจมาก

ละครเรื่องนี้ต้องดังเป็นพลุแตกแน่!

เรื่องราวสามตอนแรกน่าดึงดูดมาก เริ่มจากเด็กทารกถูกสลับตัว เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาทำให้คนปรารถนาที่จะดูต่อไป

สิ่งสำคัญที่สุดคือ การแสดงของลู่เฉินที่ปรากฏตัวในตอนท้ายของตอนที่สาม เขาแสดงได้สวยงามและน่าทึ่ง!

ถูกแล้ว สวยงามและน่าทึ่ง!

นับตั้งแต่ที่ลู่เฉินโปรโมตละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ซึ่งเขียนบทละครเองและแสดงบทพระเอกเองด้วยนั้น เสียงเคลือบแคลงสงสัยทั้งในและนอกวงการไม่เคยหายไป…ในฐานะนักร้องหนุ่มที่เดบิวต์ไม่นานคนหนึ่ง เขาจะสามารถแสดงละครได้เรอะ

ทุกคนต่างคิดว่า ลู่เฉินแสดงละครเรื่องนี้คงอยากจะขายหน้าตา เหมือนกับละครวัยรุ่นหลายเรื่องที่พระเอกกับตัวประกอบล้วนเป็นหนุ่มวัยละอ่อนที่ได้รับความนิยม ไม่อาศัยฝีมือการแสดงแต่อาศัยหน้าตาและรูปร่างเพื่อดึงดูดแฟนคลับ

เขาแค่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นตรงที่ได้แสดงคู่กับเฉินเฟยเอ๋อร์ก็เท่านั้น!

ตอนนี้จงเยวี่ยกลับพบว่า ความคิดแบบนี้ตลกมาก ฝีมือการแสดงของลู่เฉินไม่ด้อยไปกว่านักแสดงมีชื่อเสียงที่เรียนจบมาตรงสายเหล่านั้นเลย กระทั่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของละครเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ

เมื่อเทียบกันแล้ว ฝีมือการแสดงของเฉินเฟยเอ๋อร์กลับด้อยกว่า ล้วนอาศัยรูปร่างหน้าตาชดเชยทั้งสิ้น

นอกจากนี้ผู้กำกับฟางฮุ่ยก็จับจุดของละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ได้ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย ภาพที่ได้มีความงดงามละเอียดอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้กำกับหญิง สามารถแสดงบรรยากาศของเรื่องราวออกมาได้เป็นอย่างดี

หากจะพูดถึงข้อเสียใช่ว่าจะไม่มี แต่สามารถทำได้ถึงระดับนี้ ก็มากพอที่จะทำให้จงเยวี่ยรู้สึกทึ่งแล้ว

สิ่งนี้ทำให้เขายิ่งมีความมุ่งมั่นตัดสินใจที่จะคว้าสิทธิ์ออกอากาศเจ้าแรกให้จงได้!

หลังจากดูงานต้นฉบับแล้ว ทุกคนจึงรับประทานข้าวเที่ยงด้วยกัน จากนั้นตอนบ่ายก็ไปที่บริษัทผลิตเพลงแห่งหนึ่งในเมืองจินหลิง

ตามแผนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์สองคนจะบันทึกเสียงเพลงประกอบละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ร่วมกัน

เพลงประกอบหลักเพลงนี้จะเป็นเครื่องมือส่วนหนึ่งในการโปรโมตละคร พร้อมกับภาพถ่ายฟิตติ้งและตัวอย่างละคร

บริษัทผลิตเพลงท้องถิ่นของเมืองจินหลิงแห่งนี้มีห้องบันทึกเสียงมาตรฐานสูงห้องหนึ่ง โดยอาศัยความสัมพันธ์กับเฟยสือเรคคอร์ด ขอเวลาครึ่งวันสำหรับบันทึกเสียงเพลงนี้โดยเฉพาะ

ส่วนการเรียบเรียงเพลงกับดนตรีประกอบ ลู่เฉินก็ขอความช่วยเหลือจากหลินจื้อเจี๋ย ซึ่งทำงานล่วงเวลาที่เฟยสือเรคคอร์ดจนเสร็จ

ตอนที่ลู่เฉินและคนอื่นๆ ไปถึง ห้องบันทึกเสียงของบริษัทนั้นก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว สแตนด์บายรอทั้งสองคนเข้ามาบันทึกเสียงที่สตูดิโอ

ห้องบันทึกเสียงนี้ถึงแม้จะใหญ่ที่สุด และมีอุปกรณ์ดีที่สุดในจินหลิง แต่ก็ไม่เคยต้อนรับซูเปอร์สตาร์อย่างเฉินเฟยเอ๋อร์มาก่อน

เฉินเฟยเอ๋อร์เข้าวงการมาสิบกว่าปี ไม่รู้ว่าวิ่งเข้าห้องบันทึกเสียงไปตั้งเท่าไร แค่การต้อนรับแบบนี้ไม่มีผลกระทบอะไรกับเธอเลยสักนิด

ลู่เฉินก็ถูกฝึกมาเหมือนกัน

ทั้งสองคนเข้าไปในห้องบันทึกเสียงต่างคนต่างใส่หูฟังมอนิเตอร์ เริ่มบันทึกเสียงรอบแรกภายใต้เลนส์กล้อง

เพลงประกอบละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ลู่เฉินตั้งใจเลือกออกมาอย่างระมัดระวัง โดยยึดตามความต้องการของเฉินเฟยเอ๋อร์

และเพลงนี้ก็จะถูกบันทึกเข้าไปในอัลบั้มใหม่ของเธอเช่นกัน

เพลงคู่ชายหญิงในความทรงจำของลู่เฉินมีอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าอยากจะหาผลงานที่เหมาะสมกับเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้การเลือกในท้ายที่สุดจะไม่สมบูรณ์แบบมาก แต่อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาเรื่องสไตล์กับความรู้สึก

เพลงนี้มีชื่อว่า ‘ดวงตาของคุณ[1]’

ท่ามกลางเสียงดนตรีประกอบ ลู่เฉินเริ่มร้องก่อน

“รักคุณจนลืมที่จะลืมตา ผมยอมหลับตาดีกว่า…”

“ปล่อยชีวิตนี้ให้นอนหลับไปไม่ตื่นไปทั้งชาติ

คุณคือชาติหน้าของผม

รักคือทางตัน

ไม่มีการเดินทางไกลสำหรับคนที่มีความสุข

ฤดูใบไม้ผลิจากไปฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ค้นหาอย่างยากลำบาก

ยอมเลื่อนลอยไปพร้อมกับคุณ

ไม่ยอมให้ดวงตาของคุณ

เห็นความเจ็บปวดบนโลกนี้อีก

ประคับประคองกันท่ามกลางมรสุม

ใช้ความเจ็บปวดของผมจูบหัวใจของคุณ!

มองดวงตาของคุณ

มีน้ำตามากมายไหลไม่หยุด

สงสารความรักที่ยากลำบากทุกย่างก้าวของคุณ

ความฝันที่ทุกข์ทรมานช่างจริงใจเหลือเกิน!”

ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์สองคนขับร้องคนละท่อน จากนั้นก็ร้องพร้อมกัน ให้ความร่วมมือกันเหมือนคนรู้ใจ

เสียงของลู่เฉินใสกระจ่างราวกับสายน้ำที่ใสสะอาดวาววับ ไม่ปนเปื้อนสิ่งสกปรกเลยสักนิด

เสียงของเฉินเฟยเอ๋อร์ไพเราะเหมือนเสียงสวรรค์ เปี่ยมไปด้วยรักที่ลึกซึ้ง แฝงความรู้สึกเศร้าและทุกข์ใจอยู่จางๆ แล้วก็ยังมีการยืนหยัดในความรักไม่ตัดพ้อไม่เสียใจภายหลัง

ถึงแม้จะเป็นการอัดเสียงรอบแรก ถึงแม้จะซ้อมก่อนหน้านั้นเพียงสองสามครั้ง แต่ดูเหมือนเป็นการร้องเพลงคู่กันหลายพันครั้งแล้ว ความรู้สึกที่สะสมอยู่ในใจระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน หลอมรวมเข้าไปอยู่ในเสียงเพลงเรียบร้อย

ดังนั้นจึงมีพลังที่ทำให้คนรู้สึกซาบซึ้งเป็นธรรมดา!

เพลง ‘ดวงตาของคุณ’ ไม่ใช่การร้องเพลงรักของชายหญิงที่หวานเลี่ยนทั่วไป และก็ไม่มีการเสแสร้งดิ้นรนต่อความขมขื่นเหมือนเพลงเศร้าเหล่านั้น มีเพียงอย่างเดียวคือความทะนุถนอมทีละนิด เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของความรู้สึก

ความหมายของเพลงที่ต้องการสื่อออกมาเป็นจิตวิญญาณที่คล้ายกับเรื่องนี้ นั่นก็คือคุณมองเห็นผม ผมตามหาคุณจนเจอ โลกทั้งใบเหลือเพียงเราสองคน ภาพทิวทัศน์ทุกอย่างล้วนอยู่ในดวงตาของคุณ แค่นี้ก็พอแล้ว!

“ไม่ยอมให้ดวงตาของคุณ เห็นความเจ็บปวดบนโลกนี้อีก ประคับประคองกันท่ามกลางมรสุม…”

ความรู้สึกที่จริงใจ ก็มีเพียงเท่านี้

ภายในห้องมอนิเตอร์นอกห้องอัดเสียง ทุกคนแทบกลั้นลมหายใจ

จางเต๋อ จงเยวี่ย ลู่ซี ฟางฮุ่ย พี่หลี หลี่เฟยอวี่…แล้วก็ยังมีผู้จัดการของบริษัทผลิตเพลงรวมแล้วสิบกว่าคนเป็นอย่างน้อย ทุกคนล้วนฟังเพลงนี้อย่างตั้งใจ เพราะกลัวว่าจะพลาดโน้ตตัวไหนไป

ภายในห้องบันทึกเสียง ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์จ้องมองตาของกันและกัน มองเห็นความรักที่ลึกซึ้งอยู่ในดวงตาของทั้งสองฝ่าย

เวลานี้หัวใจของทั้งสองคนเชื่อมโยงถึงกันแล้ว

ไม่ต้องมีคำพูดใด เสียงเพลงก็มากพอที่จะแสดงออกทุกสิ่ง บางทีความรักของทั้งสองคนอาจจะเต็มไปด้วยอุปสรรคเหมือนกับเรื่องนี้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังมีความสุข ความอบอุ่น และความหวานชื่นปรากฏอยู่บ้าง!

…………………………………………………………………………

[1]《你的眼睛》เพลง ดวงตาของคุณ เนื้อร้องโดย สวี่ฉางเต๋อ (许常德) ทำนองโดยสงเทียนผิง (熊天平)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Perfect Superstar 251 มองดวงตาของคุณ

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 251 มองดวงตาของคุณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 251 มองดวงตาของคุณ

งานเลี้ยงต้อนรับมื้อนี้สิ้นสุดลงในเวลาสามทุ่ม

หัวหน้าจงเยวี่ยคอแข็งมาก เขาร่วมมือกับผู้ช่วยอีกสองคนช่วยกันต้านทานการผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาโจมตีของจางเต๋อ ลู่เฉิน และคนอื่นๆ ดื่มไวน์แดงหมดไปสี่ห้าขวด สุดท้ายก็เมาแค่เจ็ดแปดส่วนเท่านั้น

ทางกานเต๋อได้จองห้องพักไว้เรียบร้อยแล้ว ให้พักอยู่ในโรงแรมนี้นี่เอง

ลู่ซีเดินตามลู่เฉินมายังห้องพักเอ็กเซ็กคิวทีฟสวีทของเขา แล้วก็ยังมีเฉินเฟยเอ๋อร์ที่มาด้วย

สองสาวก็ดื่มไปไม่น้อย หน้าแดงก่ำ นั่งตาปรืออยู่บนโซฟา พูดจากระซิบกระซาบ

ถึงแม้ลู่เฉินจะดื่มไปเยอะมากเช่นกัน แต่เขาฝึกดื่มมานานจนคอแข็งแล้ว เพราะฉะนั้นจึงมีสติมาก เลยไปต้มน้ำชงชาให้พวกเธอทั้งสองเพื่อที่จะได้สร่างเมา

ขณะที่กำลังง่วนอยู่ จู่ๆ ลู่ซีก็เอ่ยว่า “ลู่เฉิน แกนั่งลงก่อน ฉันมีเรื่องจะถามแก!”

สีหน้าของเธอเคร่งขรึมมาก

ลู่เฉินประหลาดใจ แต่ก็ยังนั่งลง “มีอะไรเหรอครับพี่”

“มีอะไรงั้นเหรอ”

ใบหน้าของลู่ซีเย็นชาเล็กน้อย เธอมองเฉินเฟยเอ๋อร์ที่เมาแล้วยิ้มหวานไม่ยอมหุบ ก่อนจะถามว่า “แกพูดความจริงมาเดี๋ยวนี้ แกกับพี่เฟยเอ๋อร์กำลังคบกันอยู่ใช่ไหม”

“อ๋า!”

เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้เมาถึงขั้นฟังไม่รู้เรื่อง จึงหน้าแดงเต็มไปด้วยเลือดฝาดทันที

ถึงแม้เพื่อนที่รู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของทั้งสองคนจะมีอยู่สองสามคน แต่ลู่ซีเป็นพี่สาวของลู่เฉิน เป็นคนที่สนิทที่สุด

จึงไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

ลู่เฉินเงียบไปพักหนึ่ง ทันใดนั้นก็จับมือของเฉินเฟยเอ๋อร์ แล้วตอบอย่างจริงจังว่า “ใช่ครับ”

“เป็นแบบนี้จริงๆ ด้วย!”

จู่ๆ ลู่ซีก็หมดกำลังใจ

เธอสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมานานแล้ว ในที่สุดตอนนี้ก็ได้รับการยืนยันแล้ว

เธอรู้สึกแปลกนิดหน่อย

ในใจของลู่ซี ลู่เฉินเป็นเด็กจอมซนที่วิ่งตามก้นเธอเสมอมา ต้องการการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัว และนี่ก็คือสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เธอเดินทางไกลมาช่วยลู่เฉินที่ปักกิ่ง

ทว่าตอนนี้จู่ๆ พี่สาวก็พลันพบว่า น้องชายของตัวเองเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ ไม่เพียงแต่มีกิจการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แถมยังหาคู่ชีวิตของเขาได้แล้ว

แต่ทำไมต้องเป็นเฉินเฟยเอ๋อร์

ความรู้สึกของลู่ซีเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง…เธอกำลังจะมีน้องสะใภ้เป็นราชินีเพลงเหรอ

ถ้าหากพูดตามจริง เธอก็เป็นแฟนคลับของเฉินเฟยเอ๋อร์เช่นกัน!

ลู่ซีภูมิใจในตัวของลู่เฉิน เพราะน้องชายของเธอมีความโดดเด่นมากพอ แต่ก็รู้สึกท้อแท้และเศร้าใจเล็กน้อย

ตอนที่ลู่เฉินจับมือของเฉินเฟยเอ๋อร์ยอมรับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนกับลู่ซี ความรู้สึกหอมหวานในใจของเฉินเฟยเอ๋อร์แทบจะระเบิดออกมา ตาที่ใสแป๋วแวววาวคล้ายกับคลื่นน้ำที่ไหลเขยื้อน เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความยินดีปรีดาที่พูดออกมาไม่ถูก

ในฐานะราชินีเพลงป็อป เธอไม่เคยรู้สึกต่ำต้อยมาก่อน แต่หลังจากที่ก่อร่างสร้างรักกับลู่เฉินแล้ว เธอกลับมีความคิดวิตกกังวลเหมือนจะสูญเสียของรักอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าจะเกิดอุปสรรคของความรัก

ตอนนี้ความคิดที่ไม่น่าเชื่อถือเหล่านั้น มลายหายไปหมดแล้ว!

ลู่เฉินสัมผัสได้ถึงจิตใจของเฉินเฟยเอ๋อร์ในตอนนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะจับมือเล็กของเธอให้แน่นขึ้น

ลู่ซีเห็นอยู่ในสายตา จึงเอ่ยว่า “พี่เฟยเอ๋อร์ งั้นต่อไปพี่จะต้องดูแลลู่เฉินมากหน่อยนะคะ เขาเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ ตอนแรกที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย…”

“อะแฮ่ม!”

ลู่เฉินคันลำคอ “พี่!”

เฉินเฟยเอ๋อร์เม้มปากยิ้ม “พี่ลู่ซี ฉันจะดูแลให้ดีค่ะ”

เธอเหลือบตามองลู่เฉินหนึ่งที ราวกับกำลังพูดว่า ’คราวนี้จับจุดอ่อนของนายได้แล้ว!’

อายุของเฉินเฟยเอ๋อร์มากกว่าลู่ซีสองสามปี แต่เนื่องจากความสัมพันธ์กับลู่เฉิน เพื่อให้สนิทสนมกันมากขึ้นดังนั้นเธอจึงเรียกลู่ซีว่าพี่สาวตามลู่เฉิน ไม่จำเป็นต้องถือสาเรื่องฐานะ

เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากมือของลู่เฉิน กอดแขนของลู่ซีแล้วพูดว่า “พี่ลู่ซี เย็นนี้พี่นอนกับฉันนะคะ จะได้เล่าเรื่องของเขาให้ฉันฟัง ได้ไหมคะ”

ในที่สุดลู่ซีก็หัวเราะ “ได้!”

ดังนั้นทั้งสองคนจึงลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งลู่เฉินที่ทำท่ากระอักกระอ่วนไว้ให้อยู่คนเดียว

เช้าวันถัดมา ทุกคนมารวมตัวที่โรงแรมอีกครั้ง นั่งรถที่ทางกานเต๋อจัดไว้ให้มุ่งหน้าไปยังโรงถ่าย

เนื่องจากมีหลายฝ่ายมาด้วยกัน จงเยวี่ยจึงไปเยี่ยมเยียนที่กองถ่ายละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ก่อน จากนั้นก็ดูเนื้อหาสามตอนแรกที่ถ่ายทำเสร็จแล้วอย่างตั้งใจ

ถึงแม้กองถ่ายจะนำงานต้นฉบับที่ยังไม่ผ่านการตัดต่อและใส่เสียงประกอบใดๆ มาให้ดู แต่จงเยวี่ยในฐานะหัวหน้าฝ่ายรายการของสถานีโทรทัศน์ไห่จิน เขาเคยตรวจสอบและวินิจฉัยละครโทรทัศน์มาหลายตอน จึงมีสายตาที่เฉียบคมมาก

บทละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ รวมทั้งเนื้อหาฉบับนิยายที่อัปเดตทุกวันในบล็อกของลู่เฉิน จงเยวี่ยเคยอ่านมาหมดแล้ว แต่นิยายกับละครที่ถ่ายทำออกมานั้นเป็นคนละเรื่องกัน

บทละครกับเรื่องราวที่ดี ถูกผู้กำกับและนักแสดงทำเสียก็มีเยอะถมไป!

ถึงแม้ทางสถานีโทรทัศน์ไห่จินตัดสินใจแล้วว่าจะนำละครเรื่องนี้ไปฉาย แต่จงเยวี่ยก็ยังคงตรวจสอบด้วยสายตาที่เฉียบแหลมเหมือนเดิม…เขาต้องรับผิดชอบงานของตัวเอง

และผลของการตรวจสอบ ก็ทำให้จงเยวี่ยตกใจมาก

ละครเรื่องนี้ต้องดังเป็นพลุแตกแน่!

เรื่องราวสามตอนแรกน่าดึงดูดมาก เริ่มจากเด็กทารกถูกสลับตัว เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาทำให้คนปรารถนาที่จะดูต่อไป

สิ่งสำคัญที่สุดคือ การแสดงของลู่เฉินที่ปรากฏตัวในตอนท้ายของตอนที่สาม เขาแสดงได้สวยงามและน่าทึ่ง!

ถูกแล้ว สวยงามและน่าทึ่ง!

นับตั้งแต่ที่ลู่เฉินโปรโมตละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ซึ่งเขียนบทละครเองและแสดงบทพระเอกเองด้วยนั้น เสียงเคลือบแคลงสงสัยทั้งในและนอกวงการไม่เคยหายไป…ในฐานะนักร้องหนุ่มที่เดบิวต์ไม่นานคนหนึ่ง เขาจะสามารถแสดงละครได้เรอะ

ทุกคนต่างคิดว่า ลู่เฉินแสดงละครเรื่องนี้คงอยากจะขายหน้าตา เหมือนกับละครวัยรุ่นหลายเรื่องที่พระเอกกับตัวประกอบล้วนเป็นหนุ่มวัยละอ่อนที่ได้รับความนิยม ไม่อาศัยฝีมือการแสดงแต่อาศัยหน้าตาและรูปร่างเพื่อดึงดูดแฟนคลับ

เขาแค่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นตรงที่ได้แสดงคู่กับเฉินเฟยเอ๋อร์ก็เท่านั้น!

ตอนนี้จงเยวี่ยกลับพบว่า ความคิดแบบนี้ตลกมาก ฝีมือการแสดงของลู่เฉินไม่ด้อยไปกว่านักแสดงมีชื่อเสียงที่เรียนจบมาตรงสายเหล่านั้นเลย กระทั่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของละครเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ

เมื่อเทียบกันแล้ว ฝีมือการแสดงของเฉินเฟยเอ๋อร์กลับด้อยกว่า ล้วนอาศัยรูปร่างหน้าตาชดเชยทั้งสิ้น

นอกจากนี้ผู้กำกับฟางฮุ่ยก็จับจุดของละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ได้ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย ภาพที่ได้มีความงดงามละเอียดอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้กำกับหญิง สามารถแสดงบรรยากาศของเรื่องราวออกมาได้เป็นอย่างดี

หากจะพูดถึงข้อเสียใช่ว่าจะไม่มี แต่สามารถทำได้ถึงระดับนี้ ก็มากพอที่จะทำให้จงเยวี่ยรู้สึกทึ่งแล้ว

สิ่งนี้ทำให้เขายิ่งมีความมุ่งมั่นตัดสินใจที่จะคว้าสิทธิ์ออกอากาศเจ้าแรกให้จงได้!

หลังจากดูงานต้นฉบับแล้ว ทุกคนจึงรับประทานข้าวเที่ยงด้วยกัน จากนั้นตอนบ่ายก็ไปที่บริษัทผลิตเพลงแห่งหนึ่งในเมืองจินหลิง

ตามแผนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์สองคนจะบันทึกเสียงเพลงประกอบละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ร่วมกัน

เพลงประกอบหลักเพลงนี้จะเป็นเครื่องมือส่วนหนึ่งในการโปรโมตละคร พร้อมกับภาพถ่ายฟิตติ้งและตัวอย่างละคร

บริษัทผลิตเพลงท้องถิ่นของเมืองจินหลิงแห่งนี้มีห้องบันทึกเสียงมาตรฐานสูงห้องหนึ่ง โดยอาศัยความสัมพันธ์กับเฟยสือเรคคอร์ด ขอเวลาครึ่งวันสำหรับบันทึกเสียงเพลงนี้โดยเฉพาะ

ส่วนการเรียบเรียงเพลงกับดนตรีประกอบ ลู่เฉินก็ขอความช่วยเหลือจากหลินจื้อเจี๋ย ซึ่งทำงานล่วงเวลาที่เฟยสือเรคคอร์ดจนเสร็จ

ตอนที่ลู่เฉินและคนอื่นๆ ไปถึง ห้องบันทึกเสียงของบริษัทนั้นก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว สแตนด์บายรอทั้งสองคนเข้ามาบันทึกเสียงที่สตูดิโอ

ห้องบันทึกเสียงนี้ถึงแม้จะใหญ่ที่สุด และมีอุปกรณ์ดีที่สุดในจินหลิง แต่ก็ไม่เคยต้อนรับซูเปอร์สตาร์อย่างเฉินเฟยเอ๋อร์มาก่อน

เฉินเฟยเอ๋อร์เข้าวงการมาสิบกว่าปี ไม่รู้ว่าวิ่งเข้าห้องบันทึกเสียงไปตั้งเท่าไร แค่การต้อนรับแบบนี้ไม่มีผลกระทบอะไรกับเธอเลยสักนิด

ลู่เฉินก็ถูกฝึกมาเหมือนกัน

ทั้งสองคนเข้าไปในห้องบันทึกเสียงต่างคนต่างใส่หูฟังมอนิเตอร์ เริ่มบันทึกเสียงรอบแรกภายใต้เลนส์กล้อง

เพลงประกอบละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ลู่เฉินตั้งใจเลือกออกมาอย่างระมัดระวัง โดยยึดตามความต้องการของเฉินเฟยเอ๋อร์

และเพลงนี้ก็จะถูกบันทึกเข้าไปในอัลบั้มใหม่ของเธอเช่นกัน

เพลงคู่ชายหญิงในความทรงจำของลู่เฉินมีอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าอยากจะหาผลงานที่เหมาะสมกับเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้การเลือกในท้ายที่สุดจะไม่สมบูรณ์แบบมาก แต่อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาเรื่องสไตล์กับความรู้สึก

เพลงนี้มีชื่อว่า ‘ดวงตาของคุณ[1]’

ท่ามกลางเสียงดนตรีประกอบ ลู่เฉินเริ่มร้องก่อน

“รักคุณจนลืมที่จะลืมตา ผมยอมหลับตาดีกว่า…”

“ปล่อยชีวิตนี้ให้นอนหลับไปไม่ตื่นไปทั้งชาติ

คุณคือชาติหน้าของผม

รักคือทางตัน

ไม่มีการเดินทางไกลสำหรับคนที่มีความสุข

ฤดูใบไม้ผลิจากไปฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ค้นหาอย่างยากลำบาก

ยอมเลื่อนลอยไปพร้อมกับคุณ

ไม่ยอมให้ดวงตาของคุณ

เห็นความเจ็บปวดบนโลกนี้อีก

ประคับประคองกันท่ามกลางมรสุม

ใช้ความเจ็บปวดของผมจูบหัวใจของคุณ!

มองดวงตาของคุณ

มีน้ำตามากมายไหลไม่หยุด

สงสารความรักที่ยากลำบากทุกย่างก้าวของคุณ

ความฝันที่ทุกข์ทรมานช่างจริงใจเหลือเกิน!”

ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์สองคนขับร้องคนละท่อน จากนั้นก็ร้องพร้อมกัน ให้ความร่วมมือกันเหมือนคนรู้ใจ

เสียงของลู่เฉินใสกระจ่างราวกับสายน้ำที่ใสสะอาดวาววับ ไม่ปนเปื้อนสิ่งสกปรกเลยสักนิด

เสียงของเฉินเฟยเอ๋อร์ไพเราะเหมือนเสียงสวรรค์ เปี่ยมไปด้วยรักที่ลึกซึ้ง แฝงความรู้สึกเศร้าและทุกข์ใจอยู่จางๆ แล้วก็ยังมีการยืนหยัดในความรักไม่ตัดพ้อไม่เสียใจภายหลัง

ถึงแม้จะเป็นการอัดเสียงรอบแรก ถึงแม้จะซ้อมก่อนหน้านั้นเพียงสองสามครั้ง แต่ดูเหมือนเป็นการร้องเพลงคู่กันหลายพันครั้งแล้ว ความรู้สึกที่สะสมอยู่ในใจระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน หลอมรวมเข้าไปอยู่ในเสียงเพลงเรียบร้อย

ดังนั้นจึงมีพลังที่ทำให้คนรู้สึกซาบซึ้งเป็นธรรมดา!

เพลง ‘ดวงตาของคุณ’ ไม่ใช่การร้องเพลงรักของชายหญิงที่หวานเลี่ยนทั่วไป และก็ไม่มีการเสแสร้งดิ้นรนต่อความขมขื่นเหมือนเพลงเศร้าเหล่านั้น มีเพียงอย่างเดียวคือความทะนุถนอมทีละนิด เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของความรู้สึก

ความหมายของเพลงที่ต้องการสื่อออกมาเป็นจิตวิญญาณที่คล้ายกับเรื่องนี้ นั่นก็คือคุณมองเห็นผม ผมตามหาคุณจนเจอ โลกทั้งใบเหลือเพียงเราสองคน ภาพทิวทัศน์ทุกอย่างล้วนอยู่ในดวงตาของคุณ แค่นี้ก็พอแล้ว!

“ไม่ยอมให้ดวงตาของคุณ เห็นความเจ็บปวดบนโลกนี้อีก ประคับประคองกันท่ามกลางมรสุม…”

ความรู้สึกที่จริงใจ ก็มีเพียงเท่านี้

ภายในห้องมอนิเตอร์นอกห้องอัดเสียง ทุกคนแทบกลั้นลมหายใจ

จางเต๋อ จงเยวี่ย ลู่ซี ฟางฮุ่ย พี่หลี หลี่เฟยอวี่…แล้วก็ยังมีผู้จัดการของบริษัทผลิตเพลงรวมแล้วสิบกว่าคนเป็นอย่างน้อย ทุกคนล้วนฟังเพลงนี้อย่างตั้งใจ เพราะกลัวว่าจะพลาดโน้ตตัวไหนไป

ภายในห้องบันทึกเสียง ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์จ้องมองตาของกันและกัน มองเห็นความรักที่ลึกซึ้งอยู่ในดวงตาของทั้งสองฝ่าย

เวลานี้หัวใจของทั้งสองคนเชื่อมโยงถึงกันแล้ว

ไม่ต้องมีคำพูดใด เสียงเพลงก็มากพอที่จะแสดงออกทุกสิ่ง บางทีความรักของทั้งสองคนอาจจะเต็มไปด้วยอุปสรรคเหมือนกับเรื่องนี้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังมีความสุข ความอบอุ่น และความหวานชื่นปรากฏอยู่บ้าง!

…………………………………………………………………………

[1]《你的眼睛》เพลง ดวงตาของคุณ เนื้อร้องโดย สวี่ฉางเต๋อ (许常德) ทำนองโดยสงเทียนผิง (熊天平)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด