Perfect Superstar 216 ท่านเทพถูกปลุกให้ตื่น

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 216 ท่านเทพถูกปลุกให้ตื่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 216 ท่านเทพถูกปลุกให้ตื่น

ตอนที่เผยแพร่โครงการระดมทุนช่วยเหลือเมิ่งเมิ่งออกไป ลู่เฉินเฝ้าดูอยู่ในบริษัทระดมทุนมู่เฉิน

ภายใต้การควบคุมของหลี่มู่ซือ บริษัทใหม่แห่งนี้ที่เพิ่งตั้งขึ้นได้เพียงเดือนเดียว มีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นจนเกินกว่าร้อยคนแล้ว โครงการระดมทุนในเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์ก็เพิ่มขึ้นจากตอนแรกที่มีแค่หนึ่งโครงการเป็นหลายสิบโครงการ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตและการขยายตัวของธุรกิจ

แต่วันนี้พระเอกของการระดมทุน แน่นอนว่าคือลู่เฉินที่ต้องการทำโครงการเพื่อการกุศลครั้งนี้

บริษัทระดมทุนมู่เฉินยิ่งต้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

และผลของการระดมทุนก็ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายของทุกคน ยอดเงินบริจาคไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาพนักงานที่ทำงานล่วงเวลาในบริษัททั้งคืนต่างตาค้างตกตะลึง นักเทคนิคหลายคนก็ถึงกับงานยุ่งจนเหงื่อท่วมหัว

ปริมาณทราฟฟิกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เซิร์ฟเวอร์รับไม่ไหว

จำนวนผู้ลงชื่อเข้าเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์ยิ่งเป็นที่น่าประหลาดใจ

ตอนแรกผู้ก่อตั้งอย่างลู่เฉินก็ตกตะลึง แต่หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นซาบซึ้งใจ

เขาจำเป็นต้องติดต่อหลี่มู่ซือ ให้ท่านซีอีโอของเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์คนนี้รีบกลับมาที่บริษัท

นี่เป็นเรื่องใหญ่แล้ว!

หลี่มู่ซือผู้ซึ่งไปออกงานสังคมอยู่ข้างนอก พอได้รับข่าวก็รีบกลับมากำกับดูแลสถานการณ์

เหตุการณ์แบบนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเธอเหมือนกัน

แต่นักศึกษาดีเด่นจากโรงเรียนธุรกิจวอร์ตันคนนี้รู้ดีว่า สถานการณ์เช่นนี้มีประโยชน์ต่อการพัฒนาบริษัทระดมทุนมู่เฉินมากมายเพียงใด นี่เป็นโอกาสทองที่หาได้ยาก

ดังนั้นหลี่มู่ซือจึงขอให้ลู่เฉินดำเนินโครงการนี้ต่อไปเพื่อรักษาโมเมนตัมเช่นนี้เอาไว้

โครงการระดมทุนช่วยเหลือเมิ่งเมิ่งนั้นสำเร็จลุล่วงไปอย่างไม่มีปัญหา เพียงแต่เมื่อยอดเงินบริจาคของโครงการได้ตามเป้าหมายแล้ว การสนับสนุนของทุกคนจะต้องลดน้อยลงมากแน่นอน นี่เป็นสิ่งที่หลี่มู่ซือไม่อยากเห็น

เธอหวังอยากให้เป็นแบบนี้ติดต่อกันไปอีกหลายวัน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นอิทธิพลของเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์จะต้องแผ่ขยายออกไปกว้างขวางขึ้น ได้รับการรู้จักและทำความเข้าใจมากขึ้น เป็นการโฆษณาอย่างดีครั้งหนึ่ง

นักธุรกิจย่อมมีความคิดแบบนักธุรกิจ หลี่มู่ซือมีความคิดเช่นนี้ ลู่เฉินก็เข้าใจ

หากเป็นเขาเองก็คงเป็นเช่นนี้ไม่ต่างกัน

ด้วยเหตุนี้ลู่เฉินจึงขยายขอบเขตการระดมทุนช่วยเหลือให้กว้างขึ้น ไม่เพียงเพื่อช่วยเหลือเมิ่งเมิ่งคนเดียว แต่จะส่งต่อความช่วยเหลือไปสู่ผู้ป่วยโรคมะเร็งเลือดขาวคนอื่นๆ ด้วย เช่น เสี่ยวเฉิงเฉิงเด็กน้อยที่อยู่เตียงข้างๆ เมิ่งเมิ่ง

เขาทราบดีว่า เว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์ไม่ใช่องค์กรการกุศลที่แท้จริง และกิจกรรมเพื่อการกุศลแบบนี้ ครั้งแรกจะเป็นครั้งที่ประสบความสำเร็จที่สุด ถ้ารีบสิ้นสุดลงก็คงน่าเสียดาย

ลู่เฉินคิดถึงเสี่ยวเฉิงเฉิง คิดถึงผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวคนอื่นๆ ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือของโรงพยาบาลประชาชนแห่งที่หนึ่งประจำเมืองหนิงย่วน แล้วเขาก็โทรศัพท์หาเฉินเฟยเอ๋อร์

เธอรับสายเร็วมาก เป็นเสียงของเฉินเฟยเอ๋อร์ที่ดังออกมา “ลู่เฉิน มีอะไรเหรอ”

ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยแล้วลู่เฉินยิ้มเล็กน้อย “พี่เฟย ขอบคุณมากครับ!”

เขารู้สึกขอบคุณเฉินเฟยเอ๋อร์ที่สนับสนุนเขา ฝ่ายหลังช่วยเผยแพร่บล็อกของเขาออกไปได้มาก เทียบกันแล้วเงินบริจาคห้าหมื่นนั้นเป็นเรื่องเล็กไปเลย

เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอก มันสมควรแล้ว เมื่อวานเถียนเถียนโทรศัพท์มาหาฉัน บอกว่านายไม่ให้โอกาสเธอได้ขอบคุณเลย แม้แต่ให้เลี้ยงอาหารมื้อหนึ่งก็ยังไม่ยอม ที่แท้นายก็ไปเยี่ยมสาวน้อยที่ป่วยอยู่ใช่ไหม”

น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลฟังดูรื่นหูเช่นเคย ทำให้หัวใจของลู่เฉินสั่นไหวเบาๆ

ลู่เฉินกดเสียงลงต่ำ “ใช่แล้วครับ พี่เฟย ผมมีเรื่องอยากขอให้พี่ช่วยหน่อยครับ”

เฉินเฟยเอ๋อร์ถามด้วยความแปลกใจ “เรื่องอะไร”

ลู่เฉินตอบ “ช่วยร้องเพลงเพลงหนึ่งให้ผมหน่อยครับ คืนนี้เลย!”

ลู่เฉินคิดมาก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าอยากให้โครงการนี้ขยายใหญ่ขึ้น ก็ต้องมีจุดเด่นในการโฆษณาที่สามารถดึงดูดความสนใจและการสนับสนุนของผู้คนได้มากขึ้น

เชิญเฉินเฟยเอ๋อร์มาร้องเพลงขอบคุณผู้บริจาค เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เขาคิดออกมาได้

แน่นอนว่าต้องอาศัยความนิยมของเฉินเฟยเอ๋อร์

ถ้าเป็นนักร้องระดับซูเปอร์สตาร์คนอื่น ไม่มีความสัมพันธ์อันดีเช่นนี้ หากขอร้องไปดูจะเป็นการล่วงเกิน

แต่ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์…

เขาเชื่อว่าพี่สาวราชินีนักร้องคนนี้ต้องช่วยเขาแน่นอน!

เฉินเฟยเอ๋อร์สนใจทันที “เพลงอะไร”

ลู่เฉินจึงส่งเพลงไปให้เธอผ่านทางเฟยซวิ่น เป็นเพลงที่เขาเพิ่งเขียนเสร็จ มีชื่อเพลงว่า ‘มอบความรัก’

ทั้งสองคนคุยกันผ่านวิดีโอคอลของเฟยซวิ่น ลู่เฉินกลับมาที่สตูดิโอของตัวเอง ใช้เปียโนที่เพิ่งสั่งซื้อมาไม่นานบรรเลงเป็นเพลงพร้อมกับอัดเสียงไว้ แล้วนำเสียงร้องของเฉินเฟยเอ๋อร์มารวมเข้ากับดนตรี

นี่เป็นการทำเพลงแบบมือสมัครเล่น ราวกับการร้องเพลงแก้เบื่อกับเพื่อน แล้วใช้ไมโครโฟนอัดเสียงเล่นๆ เพื่อลดความยุ่งยากของการอัดเสียงในห้องอัดแบบมืออาชีพ เพียงแต่สุดท้ายผลงานที่ได้ออกมาดูจะหยาบไปมาก

แต่เฉินเฟยเอ๋อร์กลับสนใจมาก ทั้งยังรู้สึกทึ่งกับเพลงนี้ของลู่เฉิน

เนื้อหาเพลง ‘มอบความรัก’ นั้นเรียบง่ายไม่หวือหวา เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน จังหวะสบายๆ อบอุ่น แต่หัวข้อหลักกลับยิ่งใหญ่ ถึงขั้นแอบแฝงกลิ่นอายของธีมเพลงไว้อย่างเข้มข้น

นำมาใช้กับกิจกรรมการกุศลครั้งนี้ สมบูรณ์แบบมาก!

พรสวรรค์ในการแต่งเพลงของลู่เฉินเป็นสิ่งที่เฉินเฟยเอ๋อร์ยกย่องนับถือที่สุด เห็นได้ชัดว่าเพลงนี้ไม่ใช่ผลงานที่มีอยู่ก่อนแล้ว ความคิดที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วนก็สามารถนำมาแต่งเป็นเพลงที่มีโอกาสเป็นเพลงอมตะได้ ช่างทำให้คนอื่นพูดไม่ออกจริงๆ

หลังจากพี่สาวราชินีนักร้องฝึกร้องเพลงนี้อยู่หลายรอบ เธอก็ถึงกับเกิดความคิดว่าอยากจะไปหาลู่เฉินถึงที่ เพื่อเคาะเปิดกะโหลกของเขาออกมาดูว่าสมองที่อยู่ด้านในต่างกับคนธรรมดาอย่างไร!

และแล้วในที่สุดทั้งสองคนก็ร่วมมือกันทำเพลง ‘มอบความรัก’ ออกมาได้สำเร็จ

ลู่เฉินนำมันไปลงในบล็อกของตัวเองก่อน จากนั้นเฉินเฟยเอ๋อร์ก็โพสต์บล็อกใหม่ของตัวเองตามมา

เนื้อหาในบล็อก เฉินเฟยเอ๋อร์เล่าถึงที่มาของเพลง ‘มอบความรัก’ เพลงนี้ อธิบายว่าลู่เฉินกับเธอร่วมมือกันอย่างไร หวังว่าเพลงนี้จะทำให้ทุกคนหันมาสนใจช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวกันมากขึ้น เพื่อส่งแรงใจและการสนับสนุนให้แก่พวกเขา

คนหนึ่งโพสต์ก่อน คนหนึ่งโพสต์ตามหลัง แถมยังมีเพลงอีกหนึ่งเพลง ทำให้บล็อกแทบจะระเบิดทันที!

แม้จะเลยเวลาเที่ยงคืนแล้ว คนจำนวนมากก็ยังแชร์ต่อบล็อกของลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ ทำให้อิทธิพลของเพลง ‘มอบความรัก’ แผ่ขยายออกไปไม่หยุด ส่งผลให้ยอดการบริจาคในโครงการระดมทุนการกุศลสูงยิ่งขึ้น

เมื่อถึงเวลาหนึ่งทุ่มของวันรุ่งขึ้น โครงการระดมทุนการกุศลเพื่อช่วยเหลือเมิ่งเมิ่ง (ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว) ก็ถูกเผยแพร่ออกไปครบยี่สิบสี่ชั่วโมง ยอดบริจาคทะลุสามล้านหยวนไปแล้ว!

ในวันเดียวกันนั้น ทางบริษัทระดมทุนมู่เฉินได้ส่งตัวแทนพนักงานตรวจสอบไปถึงโรงพยาบาลประชาชนแห่งที่หนึ่งประจำเมืองหนิงย่วน และได้กำหนดตัวผู้รับบริจาครายที่สองอย่างรวดเร็ว

นั่นก็คือเด็กน้อยเสี่ยวเฉิงเฉิงที่อยู่เตียงข้างๆ เมิ่งเมิ่งนั่นเอง!

ทางช่องโทรทัศน์ประจำเมืองหนิงย่วนได้ข่าวแล้ว ก็รีบส่งนักข่าวมาสัมภาษณ์ทำข่าวทันที

วันที่สาม วันที่สี่ วันที่ห้า…

เมื่อถึงวันที่ 25 ตุลาคม โครงการระดมทุนเพื่อการกุศลดำเนินการมาเป็นวันที่หก สตูดิโอลู่เฉินได้รับการติดต่อจาก ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ที่จะขอมาสัมภาษณ์ลู่เฉิน

‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ตั้งขึ้นเมื่อปี 1950 มีประวัติยาวนานถึง 65 ปี เป็นหนึ่งในหนังสือพิมพ์กลางแห่งชาติที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมประชาสัมพันธ์กลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีวิสัยทัศน์ว่า ‘ขับเคลื่อนสังคมให้พัฒนา บริการวัยรุ่นให้เติบใหญ่’ บริการวัยรุ่นมาหลายรุ่นแล้ว

เพราะมีสถานะที่ค่อนข้างใหญ่โต ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ จึงเป็นหนังสือพิมพ์ที่มียอดผู้อ่านและมีชื่อเสียงติดอันดับหนึ่งในสามของประเทศ มีอิทธิพลในประเทศสูงมาก

การได้รับการสัมภาษณ์จาก ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูง ถ้าไม่มีเรื่องเด่นที่เป็นแบบอย่างหรือควรค่าแก่การเผยแพร่ ก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับโอกาสนี้

ดังนั้นลู่เฉินจึงให้ความสำคัญมาก ถึงขั้นตื่นเต้นเล็กน้อย

ขั้นตอนการสัมภาษณ์ ความจริงไม่ได้เข้มงวดอย่างที่ลู่เฉินคิดไว้ ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ส่งนักข่าวอายุไม่มากมาสองคน ทั้งยังค่อนข้างเข้าใจลู่เฉินดี

การสัมภาษณ์ของนักข่าวเป็นไปได้ด้วยดี เหตุผลที่ลู่เฉินสามารถดึงดูดสำนักข่าวชื่อดังอย่างหนังสือพิมพ์กลางแห่งชาติให้สนใจได้มีอยู่สามประการ

ประการแรก ลู่เฉินเป็นคนมีความสามารถในการแต่งเพลง จุดสนใจของนักข่าวไม่ใช่อัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกของเขา แต่เป็นเพลงที่รู้จักกันทั่วไปอย่างเพลง ‘ฉันรักเธอประเทศจีน’

เพลงนี้ตั้งแต่ลู่เฉินได้ร้องในงานกาล่าดินเนอร์วันชาติจีนของทางสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ก็โด่งดังไปทั่วสารทิศ ถูกนำไปร้องคัฟเวอร์ต่อมากมาย กลายเป็นเพลงที่ใช้ในงานเลี้ยงที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลายงาน เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่โด่งดังไปทั้งประเทศ

‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ถามลู่เฉินถึงแรงบันดาลใจและความรู้สึกที่มีต่อการสร้างสรรค์ผลงาน

ประการที่สอง เรื่องที่ลู่เฉินช่วยเหลือเถียนเถียนจากการสาดน้ำกรดอย่างกล้าหาญ ประการสุดท้ายคือเรื่องโครงการระดมทุนเพื่อการกุศลครั้งนี้

แม้นี่จะเป็นการให้สัมภาษณ์ใหญ่ครั้งแรก แต่ลู่เฉินผู้มีความทรงจำของคนทั้งสามจารึกไว้แล้วก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ไม่เย่อหยิ่ง ไม่ถ่อมตัว และให้ความร่วมมือกับการสัมภาษณ์เป็นอย่างดี

ความเป็นผู้ใหญ่และวุฒิภาวะของเขาทำให้นักข่าวทั้งสองจาก ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ต้องมองเขาใหม่

วันที่ 27 ตุลาคม หน้าที่สี่ของ ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ใช้พาดหัวว่า ‘วัยรุ่นยุคใหม่’ เพื่อถ่ายทอดบทสัมภาษณ์ของลู่เฉินออกมาเป็นบทความ

บทความนี้เริ่มที่การเล่าถึงประวัติของลู่เฉินคร่าวๆ จากนั้นค่อยอธิบายถึงเกียรติประวัติของเขา ชื่นชมเขาว่าเป็นตัวแทนของวัยรุ่นยุคใหม่ เป็นศิลปินหน้าใหม่ของวงการบันเทิงที่เป็นตัวอย่างที่ดี

ในเนื้อหากล่าวว่าวงการบันเทิงในปัจจุบัน ดาราศิลปินมีแต่ข่าวเสียหายไม่ขาด ภาพลักษณ์ในสายตาของประชาชนมีแต่ตกต่ำเสื่อมเสีย กำลังต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรมอย่างลู่เฉินมาเป็นพลังบวก!

หนังสือพิมพ์กลางแห่งชาติหัวนี้ประเมินลู่เฉินเอาไว้อย่างสูงส่ง เทียบลู่เฉินเป็นระดับทอง

แค่บทความไม่กี่ร้อยคำ มันไม่อาจทำให้ลู่เฉินได้เงินหรือผลประโยชน์มากขึ้น และไม่ช่วยให้ลู่เฉินได้จำนวนแฟนคลับเพิ่ม ทั้งยังมีผลต่อการเลื่อนระดับในวงการของลู่เฉินไม่มาก

แต่บทความนี้เป็นการแสดงออกถึงการยอมรับลู่เฉินจากสื่อหลักของทางการ ผลของการเผยแพร่นั้นไม่ว่าจ่ายเงินมากเท่าไรก็แลกมาไม่ได้ แล้วยังส่งผลถึงการเติบโตในด้านต่างๆ ของลู่เฉินในอนาคต

ดังคำกล่าวที่ว่าคนที่ตั้งใจมักจะไม่ได้ดังหวัง ส่วนคนที่ไม่ตั้งใจกลับได้มาอย่างง่ายดาย นี่เป็นเรื่องที่ลู่เฉินไม่เคยคาดคิดมาก่อนตอนที่ตัดสินใจว่าจะช่วยเมิ่งเมิ่ง

ลู่เฉินยิ่งคิดไม่ถึงว่าหลังจากสัมภาษณ์เสร็จแล้ว จะมี ‘ท่านเทพ’ อีกองค์หนึ่งถูกปลุกให้ตื่น

จนถึงกับส่งตัวแทนมาพูดคุยเจรจากับเขา

‘ท่านเทพ’ ผู้นี้คือสหพันธ์การกุศลเหยียนหวง!

………………………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Perfect Superstar 216 ท่านเทพถูกปลุกให้ตื่น

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 216 ท่านเทพถูกปลุกให้ตื่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 216 ท่านเทพถูกปลุกให้ตื่น

ตอนที่เผยแพร่โครงการระดมทุนช่วยเหลือเมิ่งเมิ่งออกไป ลู่เฉินเฝ้าดูอยู่ในบริษัทระดมทุนมู่เฉิน

ภายใต้การควบคุมของหลี่มู่ซือ บริษัทใหม่แห่งนี้ที่เพิ่งตั้งขึ้นได้เพียงเดือนเดียว มีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นจนเกินกว่าร้อยคนแล้ว โครงการระดมทุนในเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์ก็เพิ่มขึ้นจากตอนแรกที่มีแค่หนึ่งโครงการเป็นหลายสิบโครงการ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตและการขยายตัวของธุรกิจ

แต่วันนี้พระเอกของการระดมทุน แน่นอนว่าคือลู่เฉินที่ต้องการทำโครงการเพื่อการกุศลครั้งนี้

บริษัทระดมทุนมู่เฉินยิ่งต้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

และผลของการระดมทุนก็ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายของทุกคน ยอดเงินบริจาคไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาพนักงานที่ทำงานล่วงเวลาในบริษัททั้งคืนต่างตาค้างตกตะลึง นักเทคนิคหลายคนก็ถึงกับงานยุ่งจนเหงื่อท่วมหัว

ปริมาณทราฟฟิกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เซิร์ฟเวอร์รับไม่ไหว

จำนวนผู้ลงชื่อเข้าเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์ยิ่งเป็นที่น่าประหลาดใจ

ตอนแรกผู้ก่อตั้งอย่างลู่เฉินก็ตกตะลึง แต่หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นซาบซึ้งใจ

เขาจำเป็นต้องติดต่อหลี่มู่ซือ ให้ท่านซีอีโอของเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์คนนี้รีบกลับมาที่บริษัท

นี่เป็นเรื่องใหญ่แล้ว!

หลี่มู่ซือผู้ซึ่งไปออกงานสังคมอยู่ข้างนอก พอได้รับข่าวก็รีบกลับมากำกับดูแลสถานการณ์

เหตุการณ์แบบนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเธอเหมือนกัน

แต่นักศึกษาดีเด่นจากโรงเรียนธุรกิจวอร์ตันคนนี้รู้ดีว่า สถานการณ์เช่นนี้มีประโยชน์ต่อการพัฒนาบริษัทระดมทุนมู่เฉินมากมายเพียงใด นี่เป็นโอกาสทองที่หาได้ยาก

ดังนั้นหลี่มู่ซือจึงขอให้ลู่เฉินดำเนินโครงการนี้ต่อไปเพื่อรักษาโมเมนตัมเช่นนี้เอาไว้

โครงการระดมทุนช่วยเหลือเมิ่งเมิ่งนั้นสำเร็จลุล่วงไปอย่างไม่มีปัญหา เพียงแต่เมื่อยอดเงินบริจาคของโครงการได้ตามเป้าหมายแล้ว การสนับสนุนของทุกคนจะต้องลดน้อยลงมากแน่นอน นี่เป็นสิ่งที่หลี่มู่ซือไม่อยากเห็น

เธอหวังอยากให้เป็นแบบนี้ติดต่อกันไปอีกหลายวัน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นอิทธิพลของเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์จะต้องแผ่ขยายออกไปกว้างขวางขึ้น ได้รับการรู้จักและทำความเข้าใจมากขึ้น เป็นการโฆษณาอย่างดีครั้งหนึ่ง

นักธุรกิจย่อมมีความคิดแบบนักธุรกิจ หลี่มู่ซือมีความคิดเช่นนี้ ลู่เฉินก็เข้าใจ

หากเป็นเขาเองก็คงเป็นเช่นนี้ไม่ต่างกัน

ด้วยเหตุนี้ลู่เฉินจึงขยายขอบเขตการระดมทุนช่วยเหลือให้กว้างขึ้น ไม่เพียงเพื่อช่วยเหลือเมิ่งเมิ่งคนเดียว แต่จะส่งต่อความช่วยเหลือไปสู่ผู้ป่วยโรคมะเร็งเลือดขาวคนอื่นๆ ด้วย เช่น เสี่ยวเฉิงเฉิงเด็กน้อยที่อยู่เตียงข้างๆ เมิ่งเมิ่ง

เขาทราบดีว่า เว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์ไม่ใช่องค์กรการกุศลที่แท้จริง และกิจกรรมเพื่อการกุศลแบบนี้ ครั้งแรกจะเป็นครั้งที่ประสบความสำเร็จที่สุด ถ้ารีบสิ้นสุดลงก็คงน่าเสียดาย

ลู่เฉินคิดถึงเสี่ยวเฉิงเฉิง คิดถึงผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวคนอื่นๆ ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือของโรงพยาบาลประชาชนแห่งที่หนึ่งประจำเมืองหนิงย่วน แล้วเขาก็โทรศัพท์หาเฉินเฟยเอ๋อร์

เธอรับสายเร็วมาก เป็นเสียงของเฉินเฟยเอ๋อร์ที่ดังออกมา “ลู่เฉิน มีอะไรเหรอ”

ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยแล้วลู่เฉินยิ้มเล็กน้อย “พี่เฟย ขอบคุณมากครับ!”

เขารู้สึกขอบคุณเฉินเฟยเอ๋อร์ที่สนับสนุนเขา ฝ่ายหลังช่วยเผยแพร่บล็อกของเขาออกไปได้มาก เทียบกันแล้วเงินบริจาคห้าหมื่นนั้นเป็นเรื่องเล็กไปเลย

เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอก มันสมควรแล้ว เมื่อวานเถียนเถียนโทรศัพท์มาหาฉัน บอกว่านายไม่ให้โอกาสเธอได้ขอบคุณเลย แม้แต่ให้เลี้ยงอาหารมื้อหนึ่งก็ยังไม่ยอม ที่แท้นายก็ไปเยี่ยมสาวน้อยที่ป่วยอยู่ใช่ไหม”

น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลฟังดูรื่นหูเช่นเคย ทำให้หัวใจของลู่เฉินสั่นไหวเบาๆ

ลู่เฉินกดเสียงลงต่ำ “ใช่แล้วครับ พี่เฟย ผมมีเรื่องอยากขอให้พี่ช่วยหน่อยครับ”

เฉินเฟยเอ๋อร์ถามด้วยความแปลกใจ “เรื่องอะไร”

ลู่เฉินตอบ “ช่วยร้องเพลงเพลงหนึ่งให้ผมหน่อยครับ คืนนี้เลย!”

ลู่เฉินคิดมาก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าอยากให้โครงการนี้ขยายใหญ่ขึ้น ก็ต้องมีจุดเด่นในการโฆษณาที่สามารถดึงดูดความสนใจและการสนับสนุนของผู้คนได้มากขึ้น

เชิญเฉินเฟยเอ๋อร์มาร้องเพลงขอบคุณผู้บริจาค เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เขาคิดออกมาได้

แน่นอนว่าต้องอาศัยความนิยมของเฉินเฟยเอ๋อร์

ถ้าเป็นนักร้องระดับซูเปอร์สตาร์คนอื่น ไม่มีความสัมพันธ์อันดีเช่นนี้ หากขอร้องไปดูจะเป็นการล่วงเกิน

แต่ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์…

เขาเชื่อว่าพี่สาวราชินีนักร้องคนนี้ต้องช่วยเขาแน่นอน!

เฉินเฟยเอ๋อร์สนใจทันที “เพลงอะไร”

ลู่เฉินจึงส่งเพลงไปให้เธอผ่านทางเฟยซวิ่น เป็นเพลงที่เขาเพิ่งเขียนเสร็จ มีชื่อเพลงว่า ‘มอบความรัก’

ทั้งสองคนคุยกันผ่านวิดีโอคอลของเฟยซวิ่น ลู่เฉินกลับมาที่สตูดิโอของตัวเอง ใช้เปียโนที่เพิ่งสั่งซื้อมาไม่นานบรรเลงเป็นเพลงพร้อมกับอัดเสียงไว้ แล้วนำเสียงร้องของเฉินเฟยเอ๋อร์มารวมเข้ากับดนตรี

นี่เป็นการทำเพลงแบบมือสมัครเล่น ราวกับการร้องเพลงแก้เบื่อกับเพื่อน แล้วใช้ไมโครโฟนอัดเสียงเล่นๆ เพื่อลดความยุ่งยากของการอัดเสียงในห้องอัดแบบมืออาชีพ เพียงแต่สุดท้ายผลงานที่ได้ออกมาดูจะหยาบไปมาก

แต่เฉินเฟยเอ๋อร์กลับสนใจมาก ทั้งยังรู้สึกทึ่งกับเพลงนี้ของลู่เฉิน

เนื้อหาเพลง ‘มอบความรัก’ นั้นเรียบง่ายไม่หวือหวา เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน จังหวะสบายๆ อบอุ่น แต่หัวข้อหลักกลับยิ่งใหญ่ ถึงขั้นแอบแฝงกลิ่นอายของธีมเพลงไว้อย่างเข้มข้น

นำมาใช้กับกิจกรรมการกุศลครั้งนี้ สมบูรณ์แบบมาก!

พรสวรรค์ในการแต่งเพลงของลู่เฉินเป็นสิ่งที่เฉินเฟยเอ๋อร์ยกย่องนับถือที่สุด เห็นได้ชัดว่าเพลงนี้ไม่ใช่ผลงานที่มีอยู่ก่อนแล้ว ความคิดที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วนก็สามารถนำมาแต่งเป็นเพลงที่มีโอกาสเป็นเพลงอมตะได้ ช่างทำให้คนอื่นพูดไม่ออกจริงๆ

หลังจากพี่สาวราชินีนักร้องฝึกร้องเพลงนี้อยู่หลายรอบ เธอก็ถึงกับเกิดความคิดว่าอยากจะไปหาลู่เฉินถึงที่ เพื่อเคาะเปิดกะโหลกของเขาออกมาดูว่าสมองที่อยู่ด้านในต่างกับคนธรรมดาอย่างไร!

และแล้วในที่สุดทั้งสองคนก็ร่วมมือกันทำเพลง ‘มอบความรัก’ ออกมาได้สำเร็จ

ลู่เฉินนำมันไปลงในบล็อกของตัวเองก่อน จากนั้นเฉินเฟยเอ๋อร์ก็โพสต์บล็อกใหม่ของตัวเองตามมา

เนื้อหาในบล็อก เฉินเฟยเอ๋อร์เล่าถึงที่มาของเพลง ‘มอบความรัก’ เพลงนี้ อธิบายว่าลู่เฉินกับเธอร่วมมือกันอย่างไร หวังว่าเพลงนี้จะทำให้ทุกคนหันมาสนใจช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวกันมากขึ้น เพื่อส่งแรงใจและการสนับสนุนให้แก่พวกเขา

คนหนึ่งโพสต์ก่อน คนหนึ่งโพสต์ตามหลัง แถมยังมีเพลงอีกหนึ่งเพลง ทำให้บล็อกแทบจะระเบิดทันที!

แม้จะเลยเวลาเที่ยงคืนแล้ว คนจำนวนมากก็ยังแชร์ต่อบล็อกของลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ ทำให้อิทธิพลของเพลง ‘มอบความรัก’ แผ่ขยายออกไปไม่หยุด ส่งผลให้ยอดการบริจาคในโครงการระดมทุนการกุศลสูงยิ่งขึ้น

เมื่อถึงเวลาหนึ่งทุ่มของวันรุ่งขึ้น โครงการระดมทุนการกุศลเพื่อช่วยเหลือเมิ่งเมิ่ง (ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว) ก็ถูกเผยแพร่ออกไปครบยี่สิบสี่ชั่วโมง ยอดบริจาคทะลุสามล้านหยวนไปแล้ว!

ในวันเดียวกันนั้น ทางบริษัทระดมทุนมู่เฉินได้ส่งตัวแทนพนักงานตรวจสอบไปถึงโรงพยาบาลประชาชนแห่งที่หนึ่งประจำเมืองหนิงย่วน และได้กำหนดตัวผู้รับบริจาครายที่สองอย่างรวดเร็ว

นั่นก็คือเด็กน้อยเสี่ยวเฉิงเฉิงที่อยู่เตียงข้างๆ เมิ่งเมิ่งนั่นเอง!

ทางช่องโทรทัศน์ประจำเมืองหนิงย่วนได้ข่าวแล้ว ก็รีบส่งนักข่าวมาสัมภาษณ์ทำข่าวทันที

วันที่สาม วันที่สี่ วันที่ห้า…

เมื่อถึงวันที่ 25 ตุลาคม โครงการระดมทุนเพื่อการกุศลดำเนินการมาเป็นวันที่หก สตูดิโอลู่เฉินได้รับการติดต่อจาก ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ที่จะขอมาสัมภาษณ์ลู่เฉิน

‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ตั้งขึ้นเมื่อปี 1950 มีประวัติยาวนานถึง 65 ปี เป็นหนึ่งในหนังสือพิมพ์กลางแห่งชาติที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมประชาสัมพันธ์กลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีวิสัยทัศน์ว่า ‘ขับเคลื่อนสังคมให้พัฒนา บริการวัยรุ่นให้เติบใหญ่’ บริการวัยรุ่นมาหลายรุ่นแล้ว

เพราะมีสถานะที่ค่อนข้างใหญ่โต ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ จึงเป็นหนังสือพิมพ์ที่มียอดผู้อ่านและมีชื่อเสียงติดอันดับหนึ่งในสามของประเทศ มีอิทธิพลในประเทศสูงมาก

การได้รับการสัมภาษณ์จาก ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูง ถ้าไม่มีเรื่องเด่นที่เป็นแบบอย่างหรือควรค่าแก่การเผยแพร่ ก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับโอกาสนี้

ดังนั้นลู่เฉินจึงให้ความสำคัญมาก ถึงขั้นตื่นเต้นเล็กน้อย

ขั้นตอนการสัมภาษณ์ ความจริงไม่ได้เข้มงวดอย่างที่ลู่เฉินคิดไว้ ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ส่งนักข่าวอายุไม่มากมาสองคน ทั้งยังค่อนข้างเข้าใจลู่เฉินดี

การสัมภาษณ์ของนักข่าวเป็นไปได้ด้วยดี เหตุผลที่ลู่เฉินสามารถดึงดูดสำนักข่าวชื่อดังอย่างหนังสือพิมพ์กลางแห่งชาติให้สนใจได้มีอยู่สามประการ

ประการแรก ลู่เฉินเป็นคนมีความสามารถในการแต่งเพลง จุดสนใจของนักข่าวไม่ใช่อัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกของเขา แต่เป็นเพลงที่รู้จักกันทั่วไปอย่างเพลง ‘ฉันรักเธอประเทศจีน’

เพลงนี้ตั้งแต่ลู่เฉินได้ร้องในงานกาล่าดินเนอร์วันชาติจีนของทางสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ก็โด่งดังไปทั่วสารทิศ ถูกนำไปร้องคัฟเวอร์ต่อมากมาย กลายเป็นเพลงที่ใช้ในงานเลี้ยงที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลายงาน เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่โด่งดังไปทั้งประเทศ

‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ถามลู่เฉินถึงแรงบันดาลใจและความรู้สึกที่มีต่อการสร้างสรรค์ผลงาน

ประการที่สอง เรื่องที่ลู่เฉินช่วยเหลือเถียนเถียนจากการสาดน้ำกรดอย่างกล้าหาญ ประการสุดท้ายคือเรื่องโครงการระดมทุนเพื่อการกุศลครั้งนี้

แม้นี่จะเป็นการให้สัมภาษณ์ใหญ่ครั้งแรก แต่ลู่เฉินผู้มีความทรงจำของคนทั้งสามจารึกไว้แล้วก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ไม่เย่อหยิ่ง ไม่ถ่อมตัว และให้ความร่วมมือกับการสัมภาษณ์เป็นอย่างดี

ความเป็นผู้ใหญ่และวุฒิภาวะของเขาทำให้นักข่าวทั้งสองจาก ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ต้องมองเขาใหม่

วันที่ 27 ตุลาคม หน้าที่สี่ของ ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ใช้พาดหัวว่า ‘วัยรุ่นยุคใหม่’ เพื่อถ่ายทอดบทสัมภาษณ์ของลู่เฉินออกมาเป็นบทความ

บทความนี้เริ่มที่การเล่าถึงประวัติของลู่เฉินคร่าวๆ จากนั้นค่อยอธิบายถึงเกียรติประวัติของเขา ชื่นชมเขาว่าเป็นตัวแทนของวัยรุ่นยุคใหม่ เป็นศิลปินหน้าใหม่ของวงการบันเทิงที่เป็นตัวอย่างที่ดี

ในเนื้อหากล่าวว่าวงการบันเทิงในปัจจุบัน ดาราศิลปินมีแต่ข่าวเสียหายไม่ขาด ภาพลักษณ์ในสายตาของประชาชนมีแต่ตกต่ำเสื่อมเสีย กำลังต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรมอย่างลู่เฉินมาเป็นพลังบวก!

หนังสือพิมพ์กลางแห่งชาติหัวนี้ประเมินลู่เฉินเอาไว้อย่างสูงส่ง เทียบลู่เฉินเป็นระดับทอง

แค่บทความไม่กี่ร้อยคำ มันไม่อาจทำให้ลู่เฉินได้เงินหรือผลประโยชน์มากขึ้น และไม่ช่วยให้ลู่เฉินได้จำนวนแฟนคลับเพิ่ม ทั้งยังมีผลต่อการเลื่อนระดับในวงการของลู่เฉินไม่มาก

แต่บทความนี้เป็นการแสดงออกถึงการยอมรับลู่เฉินจากสื่อหลักของทางการ ผลของการเผยแพร่นั้นไม่ว่าจ่ายเงินมากเท่าไรก็แลกมาไม่ได้ แล้วยังส่งผลถึงการเติบโตในด้านต่างๆ ของลู่เฉินในอนาคต

ดังคำกล่าวที่ว่าคนที่ตั้งใจมักจะไม่ได้ดังหวัง ส่วนคนที่ไม่ตั้งใจกลับได้มาอย่างง่ายดาย นี่เป็นเรื่องที่ลู่เฉินไม่เคยคาดคิดมาก่อนตอนที่ตัดสินใจว่าจะช่วยเมิ่งเมิ่ง

ลู่เฉินยิ่งคิดไม่ถึงว่าหลังจากสัมภาษณ์เสร็จแล้ว จะมี ‘ท่านเทพ’ อีกองค์หนึ่งถูกปลุกให้ตื่น

จนถึงกับส่งตัวแทนมาพูดคุยเจรจากับเขา

‘ท่านเทพ’ ผู้นี้คือสหพันธ์การกุศลเหยียนหวง!

………………………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด