Perfect Superstar 363 อับอายขายหน้า

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 363 อับอายขายหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 363 อับอายขายหน้า

ถ่ายฉากจูบบนจุดชมวิวทะเลเสร็จแล้ว ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ต้องไปที่หาดทรายขาวยาวนับพันเมตรเพื่อถ่ายทำฉากสุดท้ายบนเกาะเชจู เมื่อถ่ายจบแล้วก็ย้ายไปถ่ายที่โซลอีกครั้ง ก็เป็นอันว่าจบทริปการเดินทางที่เกาหลีใต้แล้ว

เจียงฟางถูกคนผลักล้มศีรษะแตก ลู่เฉินได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอตั้งแต่แรก

เพียงแต่ตอนที่ลู่เฉินพบว่าเกิดเรื่องผิดปกติและรีบมาถึงนั้น ก็เห็นทีมงานละครถูกต่อยจนน่วมไปแล้ว มีสองสามคนถูกต่อยลงไปนอนบนพื้นอย่างสะบักสะบอม!

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ลู่เฉินจึงไม่ลังเล รีบพุ่งเข้าไปอย่างเร็วที่สุด ช่วยชีวิตทีมงานเคราะห์ร้ายอีกคนได้ทันท่วงที

ขาที่เตะลอยมาของผู้ชายชุดสูทถูกลู่เฉินใช้แขนกันเอาไว้ บนใบหน้าบิดเบี้ยวนั้นอดเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาไม่ได้ แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดอย่างเห็นได้ชัด รีบหันข้างบิดสะโพกอีกครั้งในทันที และขาขวาก็ลอยขึ้นมาอีก

ครั้งนี้ผู้ชายชุดสูทไม่ได้ยั้งมือ เขาไม่เชื่อว่าลู่เฉินจะสามารถสกัดขาของตัวเองได้อีกครั้ง!

แต่การโต้กลับของลู่เฉินเร็วยิ่งกว่า ผู้ชายชุดสูทเพิ่งจะยกขา ลู่เฉินก็ก้าวเท้าพุ่งไปข้างหน้าทันใด แขนสองข้างวางเป็นแนวราบผลักออกไปด้านหน้าอย่างฉับพลัน ซัดไปที่ตัวของคนหลังเร็วปานสายฟ้าแลบ

กระบวนท่า ‘ปัดเมฆา’ นี้ใช้พลังของแขนทั้งสองข้าง หน้าอก หน้าท้อง และเอว ดูเหมือนจะธรรมดา แต่กำลังของฝ่ามือทั้งสองข้างที่ซัดออกไปนั้นเต็มแรง ได้ยินแค่เสียง ‘พลั่ก’ เท่านั้น ผู้ชายชุดสูทก็ถูกตบกระเด็นออกไปไกลหลายก้าว ล้มฟุบแขนขาชี้ฟ้า ส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาจากปาก

อันที่จริงลู่เฉินออมมือไว้ ถ้าหากเขาเปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นหมัดปะทะตรงตำแหน่งส่วนหน้า ทำซี่โครงของอีกฝ่ายหักหนึ่งท่อนก็ไม่ใช่ปัญหา ทว่าหากเป็นเช่นนั้นเรื่องก็จะใหญ่โตเกินไป

ถึงกระนั้นลู่เฉินก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายรอดไปได้ เมื่อผู้ชายชุดสูทคนนั้นล้มลงไปบนพื้นแล้วก็ลุกไม่ขึ้นอีก

แต่ลู่เฉินก็ไม่หยุดแค่นี้ เขาเดินพุ่งไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็จับคอเสื้อของชายชุดสูทอีกคน ใช้แรงดึงไปข้างหลังกะทันหัน แล้วเหวี่ยงลอยออกไปในทันทีทันใด

“ไปตายซะ!”

ชายชุดสูทคนหนึ่งเห็นการเคลื่อนไหวของลู่เฉิน จึงตกใจและตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็ทิ้งคู่ต่อสู้ที่กำลังสู้กันอยู่ในทันที อ้าแขนทั้งสองข้างกระโจนไปหาลู่เฉิน

ท่าโจมตีของเขาคือคิกบ็อกซิ่ง ใช้กำลัง น้ำหนัก และความเร็วของตัวเองในการกระโจนเข้าไปกดทับคู่ต่อสู้ หากจับได้ก็ใช้กำลังแขนรัดคอ ซึ่งโหดเหี้ยมและดุดันมาก!

ถ้าหากเป็นคนทั่วไป เจอการเข้าใกล้ระยะประชิดขนาดนี้คงหลบไม่ทันด้วยซ้ำ

น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของเขาคือลู่เฉิน

เมื่อเจอการตะปบของคู่ต่อสู้ ลู่เฉินก็พลิกตัวอย่างไม่รีบร้อน สองมือจับไปที่แขนขวาของชายชุดสูท ยืมแรงของอีกฝ่ายทำให้เขาเบี่ยงไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นก็ผลักออกไปเลย

ชายชุดสูทถูกลู่เฉินซัดจนมึน สูญเสียการควบคุมร่างกาย เดินโซเซไปชนกับเพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ผลสรุปคือทั้งสองคนชนกันล้มกลิ้งราวกับเป็นน้ำเต้า!

ภายในเวลาอันรวดเร็ว ลู่เฉินจัดการชายชุดสูทไปแล้วสี่คน แก้ไขวิกฤตการณ์ที่ทีมงานต้องเผชิญหน้า เพียงหนึ่งการกระทำก็พลิกสถานการณ์การสู้รบของทั้งสองฝ่าย

และเบื้องหน้าของเขา ก็เหลือเพียงชายชุดสูทสองคนที่กำลังปกป้องชายหนุ่มผอมเพรียวอยู่

บอดี้การ์ดสองคนนี้คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะแข็งแรงถึงเพียงนี้ เมื่อเห็นชัยชนะของลู่เฉินใกล้เข้ามาทุกที สีหน้าของพวกเขาจึงเผยความตกใจออกมา

แต่เนื่องจากหน้าที่ บอดี้การ์ดทั้งสองคนจึงไม่ถอยหลัง พุ่งไปหาลู่เฉินพร้อมกัน

ลู่เฉินเตรียมตัวป้องกันไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาเคลื่อนย้ายเปลี่ยนตำแหน่งอย่างใจเย็น วาดขาขวาออกไปเตะน่องซ้ายของบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ทำให้คนหลังสูญเสียการทรงตัวในทันที ล้มหน้าคว่ำลงอย่างไม่เป็นท่า!

ส่วนบอดี้การ์ดอีกคนหนึ่งก็รีบหมุนตัว แต่ลู่เฉินกลับหันข้างในเวลานี้ ใช้ไหล่กระแทกไปที่หน้าอกของเขาอย่างแรง จนเขากระเด็นออกไปในทันใด

น็อกเอาต์คู่ต่อสู้อย่างสวยงาม!

ครานี้ ลู่เฉินจึงเผชิญหน้ากับชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียวสวมแว่นกันแดดคนนั้นโดยตรง

ถ้าหากเขาเดาไม่ผิดละก็ อีกฝ่ายน่าจะเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในกลุ่มคนญี่ปุ่น และมีความเป็นไปได้สูงว่าน่าจะเป็นดาราดังที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกันกับเขา

เหตุผลง่ายมาก นอกจากบอดี้การ์ดที่ถูกเขาอัดจนน่วมแล้ว อีกฝ่ายยังมีตากล้องและผู้ช่วยอีกหลายคน จะต้องมาถ่ายภาพที่จุดชมวิวทะเลอย่างแน่นอน

คนพวกนั้นอยากเข้ามาห้ามลู่เฉิน แต่ทีมงานของลู่เฉินก็ไม่โง่ จึงสกัดกั้นพวกเขาเอาไว้ หนึ่งคนในนั้นที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบเมื่อครู่ ถีบผู้ชายชุดสูทสองสามทีด้วยความโมโหโกรธา

ฝ่ายของลู่เฉินอยู่เหนือกว่าอย่างสิ้นเชิง

ชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียวคนนั้นกลัวลู่เฉินจะต่อยเขา เมื่อเห็นลู่เฉินเดินใกล้เข้ามา เขาพูดอะไรไม่รู้หนึ่งประโยค พลางถอยหลังไปอย่างลนลาน

แต่เขาคาดไม่ถึงว่าด้านหลังเป็นบันไดแล้ว ผลสรุปคือขาข้างหนึ่งเกือบเหยียบล้ม สองมือจับกิ่งไม้ที่ปลูกไว้ข้างๆ ได้อย่างหวุดหวิด สุดท้ายก้นจ้ำเบ้าตรงขอบท่อระบายน้ำข้างบันได

ชายหนุ่มผอมเพรียวคนนั้นสภาพดูไม่ได้สุดๆ แม้แต่แว่นกันแดดที่สวมไว้ก็หล่นลงมา เผยดวงตาที่งดงามคู่หนึ่ง

ชายตุ้งติ้ง!

ลู่เฉินแสยะยิ้มมุมปากอย่างดูถูก อีกฝ่ายมีร่างกายที่ผอมมาก ผิวขาวจั๊ว คางแหลม บนใบหน้าแต่งหน้าอย่างเห็นได้ชัดแถมยังเขียนอายไลน์เนอร์อีก ใส่ต่างหูข้างซ้าย ความรู้สึกที่ให้แก่ผู้คนคือมีความเป็น ‘สาว’ เป็น ‘ตุ๊ด’ มาก

ในวงการบันเทิงของญี่ปุ่นนิยมไอดอลรุ่นใหม่ประเภทนี้เป็นอย่างมาก

คาดว่าคงสัมผัสได้ถึงสายตาดูถูกของลู่เฉิน หรือไม่ก็รู้สึกว่าเจอความอัปยศเป็นที่สุด สีหน้าของชายหนุ่มผอมเพรียวคนนี้แดงมาก เม้มริมฝีปากเรียวบางด้วยความแค้นเคือง

“หยุดตีกันได้แล้ว หยุดตีกันได้แล้ว!”

ในยามนี้ ล่ามเกาหลีของกองถ่ายก็วิ่งตามมา เอ่ยพูดเสียงดัง “ผมแจ้งความแล้ว แจ้งตำรวจแล้ว!”

ล่ามเกาหลีคนนี้ถูกส่งมาจากทางเอสพีจี หน้าที่หลักคือช่วยประสานงานในกองถ่าย

เมื่อควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ลู่เฉินก็ไม่ก่อเรื่องให้ใหญ่โตอีก ความจริงเขาก็สังเกตเห็นนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยมุงล้อมเข้ามาถ่ายรูป ดังนั้นเขาจึงโบกมือเอ่ยว่า “ทุกคนหยุด ไม่ต้องตีกันแล้ว”

ลู่เฉินไม่เพียงแต่เป็นพระเอกของ ‘ฟูลเฮ้าส์’ เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ลงทุนหลักอีกด้วย เขามีอำนาจมากกว่าผู้กำกับเสียอีก ยามที่พูดจาจึงมีน้ำหนักมากกว่าเป็นธรรมดา

และที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อครู่เพราะอาศัยการลงมือของลู่เฉิน เป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้ล้มคว่ำอีกฝ่าย แสดงพลังต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ออกมา บารมีในกลุ่มคนหนุ่มสาวของกองถ่ายจึงทวีคูณเพิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนจึงไม่พัวพันกับอีกฝ่ายต่อ ทยอยเดินถอยหลังไปตามๆ กัน

ทุกคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง คอยระวังตัวอยู่เสมอ เตรียมพร้อมที่จะลงมืออีกได้ทุกเมื่อ

คนญี่ปุ่นพวกนั้นพุ่งเข้าไปพูดกันโขมงโฉงเฉง ช่วยกันพยุงชายหนุ่มผอมเพรียวคนนั้นที่อยู่บนพื้นคนละไม้ละมือแต่คนหลังกลับสะบัดมือของพวกเขาอย่างแรง ตะคอกด่าเสียงดัง

พวกผู้ชายชุดสูทที่ถูกลู่เฉินซัดจนล้มต่างคลานขึ้นมา แต่ละคนถูกชายหนุ่มผอมเพรียวอบรมสั่งสอนจนไม่กล้าเงยหน้า และมีบางคนมองไปทางลู่เฉินด้วยสีหน้าเคียดแค้น

แต่พวกเขาก็ไม่กล้าลงมืออีก เมื่อครู่พลังต่อสู้ของลู่เฉินได้สร้างความประทับใจที่ลึกซึ้งให้กับพวกเขาแล้ว

หากลงมืออีก ก็เท่ากับสร้างความอับอายขายหน้าให้ตัวเอง!

ส่วนทีมงานในกองถ่ายที่ได้รับชัยชนะต่างก็โห่ร้องไชโยขึ้นมา มีบางคนร้องว่า “พี่เฉินสุดยอด!”

“ลู่เฉิน นายไม่เป็นไรใช่ไหม”

มีคนมากมายที่มองลงมาจากจุดชมวิวทะเล รวมทั้งเฉินเฟยเอ๋อร์

“ผมไม่เป็นไร…”

ลู่เฉินส่ายหน้า แล้วเอ่ยว่า “ไปดูเสี่ยวฟางก่อนว่าเป็นไรหรือเปล่า ต้องเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินไหม”

เจียงฟางถูกเพื่อนร่วมงานประคองขึ้นมาแล้ว ท่าทางของเธอก็แย่พอสมควร ศีรษะแตกเลือดออกยังไม่ต้องพูดถึง มือและเท้าก็ถลอกปอกเปิก แต่สติยังดีอยู่ โชคดีที่สมองไม่ได้รับบาดเจ็บ

มีเพื่อนร่วมงานผู้หญิงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมากดห้ามเลือดให้เธอ

เฉินเฟยเอ๋อร์รีบเดินเข้าไปเพื่อปลอบขวัญเธอ

ทีมงานกองถ่ายแต่ละคนต่างรู้สึกไม่พอใจ สบถด่ากันอีกครั้ง

ตำรวจเกาหลีมาเร็วมาก

จุดชมวิวทะเลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเกาะเชจู ปกตินักท่องเที่ยวเยอะอยู่แล้ว เพื่อรับประกันความปลอดภัย ทางสถานีตำรวจของเกาหลีจึงจัดกำลังตำรวจมารักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ไม่น้อย

ดังนั้นเมื่อได้รับแจ้งความแล้ว ไม่ช้าตำรวจตรวจการณ์จึงมายังจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงไซเรนดังมาก

ล่ามกองถ่ายกับผู้รับผิดชอบของเอสพีจีเข้าไปเจรจาสื่อสารกับตำรวจด้วยหน้าที่ และอีกฝ่ายก็มีล่ามเข้าร่วมเช่นกัน

เมื่อเจรจากันได้สองสามนาที ล่ามกองถ่ายกับตำรวจเกาหลีคนหนึ่งจึงไปหาลู่เฉิน

ล่ามพูดอย่างถ่อมตัวว่า “คุณลู่ครับ คนนี้คือคุณตำรวจปาร์ค ปาร์คจีซอง เนื่องจากคุณมีส่วนร่วมในการทะเลาะกันครั้งนี้ ดังนั้นเขาจึงอยากให้คุณไปสถานีตำรวจเพื่อบันทึกคำให้การ ต้องขอประทานโทษจริงๆ ครับ!”

พูดจบเขาก็โค้งคำนับให้ลู่เฉินหนึ่งที

คนของเอสพีจีถือโทรศัพท์พลางกล่าวว่า “คุณลู่ ผมแจ้งบริษัทแล้ว ทางบริษัทจะส่งทนายมาอย่างเร็วที่สุด คุณวางใจได้ครับ!”

เอสพีจีมีผลประโยชน์โดยตรงใน ‘ฟูลเอาส์’ ละครเรื่องใหม่ของลู่เฉิน กองถ่ายสามารถใช้โลเคชั่นที่เกาหลีใต้ได้นั้นก็เพราะได้รับแรงสนับสนุนของพวกเขา

เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ แน่นอนว่าทางเอสพีจีจะนิ่งดูดายไม่ได้ ถึงแม้ที่นี่จะเป็นเกาะเชจู แต่ด้วยศักยภาพและสายสัมพันธ์ของเอสพีจีแล้ว การปกป้องลู่เฉินไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

ที่สำคัญที่สุดคือ สาเหตุของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายของลู่เฉิน แต่เป็นคนญี่ปุ่นพวกนั้นที่หาเรื่องก่อน

ลู่เฉินก็พอจะเดาเรื่องนี้ได้อยู่ ในเมื่อเลือกที่จะลงมือ เช่นนั้นก็ต้องยอมรับผลเสียที่ตามมาจากสิ่งที่ทำลงไป

เขาไม่เสียใจอยู่แล้ว ถ้าหากมีอีกครั้งไม่แน่เขาอาจจะลงมือหนักกว่านี้

ลู่เฉินพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ได้ครับ”

เฉินเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ร้อนใจทันที “ฉันจะไปกับนายด้วย!”

ลู่เฉินยิ้มแล้วเอ่ยว่า “คุณจะไปทำอะไรที่สถานีตำรวจครับ ผมก็แค่ไปบันทึกปากคำเท่านั้น กองถ่ายยังต้องการคนนะ”

เฉินเฟยเอ๋อร์ยืนกราน “ไม่ได้ ฉันไม่วางใจ!”

ท่าทางของเธอยืนหยัดเช่นนี้ ลู่เฉินก็หมดหนทางจึงได้แต่ยอมตกลง “งั้นคุณไปกับล่ามนะครับ”

นอกจากลู่เฉินแล้ว ทีมงานกองถ่ายคนอื่นที่มีส่วนร่วมก็ต้องไปด้วย คนเราอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ทุกคนต่างกลัวว่าเพื่อนร่วมงานของตัวเองจะเสียเปรียบ ฉะนั้นคนที่อยากตามไปด้วยจึงเยอะมาก

แต่ฝ่ายโปรดักชั่นและผู้กำกับฟางฮุ่ยได้เกลี้ยกล่อมพวกเขา ทางนี้ถึงแม้จะไม่สามารถถ่ายทำได้ต่อ แต่กองถ่ายจะไม่มีคนไม่ได้ อีกอย่างไปกันเยอะๆ ก็ไม่ดี

ส่วนคนญี่ปุ่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ถูกนำตัวไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดเช่นกัน

และตอนที่ลู่เฉินกำลังลงบันทึกคำให้การที่สถานีตำรวจ สื่อออนไลน์ในประเทศจีนก็ระเบิดตู้ม!

………………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด