Perfect Superstar 360 เปลืองสมอง

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 360 เปลืองสมอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 360 เปลืองสมอง

นักข่าวของ ‘นิตยสารเอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี’ ถามคำถามกับลู่เฉินด้วยเจตนาที่ไม่ดีจริงๆ และก็ไม่ได้ปั้นน้ำเป็นตัวอย่างไม่มีมูล

‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ทำลายสถิติเรตติ้งในประเทศ แถมยังออกอากาศประสบความสำเร็จในเกาหลีใต้ ขยายอิทธิพลไปยังญี่ปุ่นและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่เพียงแต่ทำให้ฝ่ายนักลงทุนได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ แม้แต่คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปไม่น้อย

ทุกคนเห็นแล้วจะไม่อิจฉาตาร้อนได้อย่างไร

คนในวงการพลันพบว่า ที่แท้ละครดราม่าแนวความรักของคนเมืองที่นำแสดงโดยไอดอล ก็มีตลาดที่ใหญ่มากเช่นกัน!

เพราะฉะนั้นหลังจาก ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ออกอากาศในประเทศจบแล้ว จึงมีบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์หลายรายตัดสินใจทำละครใหม่ที่มีสไตล์คล้ายๆ กันทันที รวมทั้งสถานีโทรทัศน์เซียงหนานด้วย

สถานีโทรทัศน์เซียงหนานแข็งแกร่งด้านการทำรายการวาไรตี้ ด้านการถ่ายทำละครก็ไม่ด้อยเช่นกัน มิหนำซ้ำยังชอบนำละครญี่ปุ่นและเกาหลีที่ประสบความสำเร็จมารีเมค หรือจะพูดให้จริงจังก็คือ กระแสความนิยมไอดอลวัยรุ่นในตลาดละครของประเทศจีน สถานีโทรทัศน์เซียงหนานเป็นผู้ชักนำมา

ทว่าละครโทรทัศน์ประเภทเดียวกันในทุกวันนี้มีเยอะมาก สถานีโทรทัศน์เซียงหนานก็ใช้มุกเดิมๆ ไม่ได้แล้ว คราวที่แล้วละครแห่งปีของพวกเขาชนกับ ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ พอดี ผลปรากฏว่าพ่ายแพ้ยับเยิน

แต่สถานีโทรทัศน์เซียงหนานก็มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่คนต้องนับถือ นั่นก็คือความหน้าด้าน และความสามารถในการลอกเลียนแบบที่สุดยอด พวกเขาไม่สนใจเสียงก่นด่าของคนอื่นด้วยซ้ำ ไม่ช้าก็จับตามองผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจาก ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เข้าสู่ตลาด

หากจะพูดถึงการลอกเลียนแบบ ยังไม่มีใครเทียบกับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานได้จริงๆ

ละครใหม่ ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานออกมาสดๆ ร้อนๆ ภายใต้เบื้องหลังเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าอยากขึ้นเวทีประลองกับลู่เฉิน เพราะละครเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะชนกับ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ของลู่เฉินในช่วงฤดูร้อน

ฉะนั้นจึงต้องเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงแน่นอน ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ต่อให้สู้ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ไม่ได้ ก็ถือว่าได้กำไรแล้ว

เพราะว่ามีประเด็นให้เล่น ทักษะการสร้างกระแสของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานมีความลึกล้ำมาก และก็ไม่กลัวที่จะถูกฟ้องร้อง

การเขียนบทของพวกเขาฉลาดหลักแหลมมากทีเดียว

ลู่เฉินรู้อยู่แล้วว่าคำถามนี้ตอบไม่ง่ายเลย จริงจังไปก็ไม่ดี ไม่จริงจังก็ไม่ถูก เขาคิดครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ผมไม่มีความคิดเห็นอะไรครับ เพราะผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบได้ครับ”

ลู่เฉินไม่ใช่คนไร้สมอง เขาจะหลงกลของนักข่าวได้อย่างไร

เวลานี้ตอบเลี่ยงๆ ไปเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

แต่เห็นได้ชัดว่านักข่าวไม่ยอมปล่อยลู่เฉินไปง่ายๆ เขาถามต่อว่า “ละครเรื่องใหม่นี้ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานเชิญจางลี่เวยกับหูหยางมารับบทพระเอกนางเอก ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้ยังไงบ้างครับ”

สถานีโทรทัศน์เซียงหนานเดินเกมได้ชาญฉลาดมาก ละครใหม่ไม่เพียงแต่เลียนแบบ ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ แต่ยังดึงตัวนักแสดงสำคัญสองคนของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ไปอีกด้วย ระดับความสามารถในการหยิบยืมกระแสแบบนี้ต้องนับถือพวกเขาจริงๆ

ลู่เฉินรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว อันที่จริงเดิมทีจางลี่เวยกับหูหยางอยากจะร่วมงานกับเขาต่อ แต่หลังจากที่ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาคิดว่าล้มเลิกไปดีกว่า

อย่างแรกเนื่องจาก ‘ฟูลเฮ้าส์’ ไม่ใช่ภาคต่อของ ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ การใช้ทีมงานชุดเดิมเยอะเกินไปจะทำให้คนดูเบื่อ หรือไม่ก็รู้ว่าเป็นนักแสดงสมัครเล่น ไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาของตัวละคร

อีกอย่างก็คือคนใหม่ทั้งสองคนนี้มีค่าตัวสูงเกินไป

เงินลงทุนของ ‘ฟูลเฮ้าส์’ มากถึงห้าสิบล้านหยวน เกินกว่า ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ หลายเท่า แต่ในนั้นมีส่วนใหญ่ที่เป็นค่าตัวของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ ค่าตัวของทั้งสองคนรวมกันก็กินงบประมาณไปหนึ่งในสามส่วนแล้ว

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าให้ค่าตัวที่สูงมากกับจางลี่เวยและหูหยางอีก เช่นนั้นต้นทุนการผลิตก็จะถูกบีบอย่างหนัก หรือไม่ก็เกินงบประมาณการลงทุน นี่คือสิ่งที่ลู่เฉินและนักลงทุนไม่อยากเห็น

ดังนั้นการถ่ายทำละครเรื่องใหม่นี้ หลังจากลู่เฉินได้ปรึกษากับนักลงทุนเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่อยากจะเลือกใช้เด็กหน้าใหม่

ฉะนั้นเขาจึงได้แต่กล่าวขอโทษจางลี่เวยกับหูหยาง

แน่นอนว่าจางลี่เวยกับหูหยางไปถ่ายละคร ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานก็ไม่อาจตำหนิได้ ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “จางลี่เวยกับหูหยางเป็นนักแสดงที่ดีมาก แต่ก่อนร่วมงานกับพวกเขาก็มีความสุขมาก ผมขออวยพร ณ ที่นี้ขอให้พวกเขาประสบความสำเร็จอีกครั้งครับ!”

ไม่มีช่องโหว่เลยสักนิด!

นักข่าวที่ถามคำถามลู่เฉินรู้สึกหมดแรง ตามหลักแล้วศิลปินหนุ่มที่เพิ่งเดบิวต์ไม่นานเหมือนอย่างลู่เฉิน น่าจะถูกยั่วโมโหได้ง่าย แต่เขากลับเป็นเหมือนคนรุ่นเก่าที่ขลุกอยู่ในวงการนานนับสิบปี

นักข่าวของ ‘นิตยสารเอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี’ ยังไม่ยอมแพ้ รีบเอ่ยทันที “งั้นขอถามว่าคุณมีความคิดเห็นยังไงกับหูหยางที่เซ็นสัญญาใหม่กับบริษัทเอเจนซี่จวี่ซิงครับ เป็นเพราะบริษัทจวี่ซิงหรือเปล่า คุณถึงไม่อยากร่วมงานกับเขาต่อ”

หลังจากที่หูหยางร่วมแสดง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ และดังเพียงข้ามคืน ไม่ช้าก็ยกเลิกสัญญากับบริษัทเอเจนซี่เกรดสองเกรดสามที่เคยอยู่ แล้วเปลี่ยนบริษัทใหม่

เขาเซ็นสัญญากับบริษัทเอเจนซี่จวี่ซิงของจินหงเหว่ย ความแค้นระหว่างจินหงเหว่ยกับลู่เฉิน คนในวงการมากมายล้วนรับรู้

แต่นักข่าวคนนี้ไม่รู้ว่าเจตนาหรือไม่ ดึงเรื่องเหล่านี้มาเกี่ยวโยงกัน หูหยางเซ็นสัญญากับบริษัทเอเจนซี่จวี่ซิงเมื่อไม่นานมานี้ กับลู่เฉินปฏิเสธไม่ให้เขาร่วมแสดง ‘ฟูลเฮ้าส์’ นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันเลย

ถึงแม้การควบคุมอารมณ์ของลู่เฉินจะสูงมากแล้ว แต่เมื่อถูกอีกฝ่ายถามด้วยเจตนาที่ไม่ดีเช่นนี้ก็โกรธเป็นเหมือนกัน

เขาไม่ได้สติหลุด แต่เหลือบมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชา แล้วกล่าวว่า “การพูดแบบนี้ถือว่าไม่มีความรับผิดชอบมากเลยนะครับ ผมคิดว่าหูหยางก็คงไม่เห็นด้วย”

ถูกลู่เฉินกวาดตามอง ในใจของนักข่าว ‘นิตยสารเอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี’ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียด

แน่นอนว่าเขาฟังออกถึงคำเตือนที่อยู่ในคำพูดของลู่เฉิน รู้สึกกลัวหัวหดขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หากถามแบบนี้ต่อไปคงจะผิดใจกับลู่เฉินจริงๆ แถมลู่เฉินยังเป็นศิลปินดาราที่มีอนาคตไร้ขีดจำกัดคนหนึ่ง ต่อให้บรรลุผลได้ชั่วขณะ แต่หลังจากนี้เกรงว่าจะคลุกคลีอยู่ในวงการนี้ยากยิ่งขึ้น

เพราะเขามาเพื่อรับอั่งเปา และในวงการก็มีกฎระเบียบของมัน ได้ผลประโยชน์แล้วยังจะทำให้คนอื่นลำบากใจคนแบบนี้ไม่สมควรได้รับการปฏิบัติที่ดี…เว้นเสียแต่ว่าหน้าด้าน

นักข่าวของ ‘นิตยสารเอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี’ ยังหน้าบางอยู่บ้าง จึงหัวเราะและพูดอย่างเคอะเขิน “ผมไม่มีคำถามแล้วครับ”

ลู่เฉินพยักหน้า ตอบคำถามของคนอื่นอย่างสงบเยือกเย็น

ถูกนักข่าวสัมภาษณ์แบบนี้ เขารู้สึกว่าเหนื่อยกว่าการสู้รบเสียอีก

นักข่าวพวกนี้แต่ละคนไม่ใช่คนที่รับมือง่ายเลย ถามแต่ละคำถามค่อนข้างกลับกลอกปลิ้นปล้อน หากไม่ระวังก็อาจจะหลงกลได้ ดังนั้นลู่เฉินจึงต้องรับมืออย่างมีสติ

“คราวหน้าจะไม่จัดพิธีเปิดกล้องแบบนี้อีกแล้ว…”

พอจบงานแล้ว ลู่เฉินจึงพูดกับเฉินเฟยเอ๋อร์กึ่งล้อเล่นกึ่งจริงจัง “เปลืองสมองมากจริงๆ”

เฉินเฟยเอ๋อริ์เอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “ถ้าชินก็โอเคแล้ว”

ลู่เฉินส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “ผมยอมเสียเวลาไปถ่ายละครกับร้องเพลงจะดีกว่า”

ละครใหม่ของเขา ‘ฟูลเฮ้าส์’ จะเริ่มถ่ายทำอย่างเป็นทางการในคืนนี้ หลังจากถ่ายฉากที่เมืองหลวงเสร็จแล้ว ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ก็จะตามกองถ่ายบินไปที่เกาหลีใต้

ทั้งสองคนจะเก็บฉากที่ถ่ายทำในต่างประเทศทั้งหมดที่เกาะเชจู ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเกาหลีใต้!

…………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด