Perfect Superstar 357 เดอะวอยซ์ไชน่า

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 357 เดอะวอยซ์ไชน่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 357 เดอะวอยซ์ไชน่า

รายการประกวดร้องเพลง

เถียนถียนตั้งความหวังไว้มากมายต่อลู่เฉิน จึงคิดไม่ถึงว่าเขาจะแนะนำแบบนี้

ถ้าหากลู่เฉินไม่ใช่ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเธอและยังมีตำแหน่งเป็นแฟนของเพื่อนสนิท เกรงว่าเธอคงจะส่งสายตาดูถูกออกไปโดยตรง

อย่ามาหลอกพี่แบบนี้ได้ไหม!

แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เถียนเถียนก็ยังเผยสายตาที่แปลกประหลาดออกมา “เอ่อ…”

เฉินเฟยเอ๋อร์ทนดูต่อไม่ไหว จึงทำเป็นพูดดุลู่เฉิน “ประกวดร้องเพลง ตอนนี้ยังทำได้อีกเหรอ”

เธอไม่ได้แค่เคยร่วมรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เท่านั้น ก่อนหน้านั้นก็เคยรับหน้าที่กรรมการของรายการประกวดประเภทนี้มาเยอะมาก จึงเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบันของรายการวาไรตี้ประเภทรายการประกวดในประเทศอย่างลึกซึ้ง

โดยเฉพาะการประกวดร้องเพลงที่พบเห็นได้บ่อยมาก ระหว่างสถานีโทรทัศน์ด้วยกันก็เข่นฆ่าโรมรันกันอย่างดุเดือด หากเถียนเถียนเปิดบริษัทสื่อเป็นของตัวเองและเข้าไปร่วมศึกนี้ด้วย เกรงว่าถึงตอนนั้นคงจะหาไม่เจอแม้แต่กระดูก

ดูสิว่านายออกความคิดบ้าบออะไร!

เถียนเถียนลังเลเล็กน้อย แล้วเอ่ยว่า “ความจริงถ้าอยากทำ ก็ลองได้นะ”

อันที่จริงเธอไม่ได้พูดออกมาจากใจจริง ทั้งหมดเพราะอยากรักษาหน้าตาของลู่เฉิน

แน่นอนว่าลู่เฉินรู้ความคิดของทั้งสองคนอย่างชัดเจน จึงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “คนเราทุกคนก็เหมือนกับการเล่นกล มีวิธีที่ชาญฉลาดแตกต่างกันไป การประกวดร้องเพลงได้รับความนิยมจากผู้ชมมากที่สุด แต่รูปแบบของรายการ ยังมีศักยภาพแฝงที่สามารถขุดได้!”

“หืม”

เถียนเถียนที่ผิดหวังพลันเกิดความสนใจขึ้นมา ลู่เฉินมั่นใจขนาดนี้ จะต้องมีความคิดที่ดีแน่นอน

เฉินเฟยเอ๋อร์ถลึงตาใส่เขาหนึ่งที “รีบพูด นายจะอุบเอาไว้ทำไม!”

ลู่เฉินหัวเราะเหอะๆ เขาครุ่นคิดตรึกตรองอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยว่า “รายการประกวดร้องเพลงที่ผมกำลังจินตนาการถึงอยู่นี้ การผลิตเนื้อหารายการแบ่งเป็นสี่รอบ”

“รอบแรกให้อาจารย์เลือกแบบมองไม่เห็นก่อน!”

เถียนเถียนตกตะลึง “อาจารย์เลือกแบบมองไม่เห็น มองไม่เห็นเหมือนคำว่าตาบอดใช่ไหม”

“ถูกแล้ว!”

ลู่เฉินตอบว่า “นี่คือรอบคัดเลือกนักเรียนผู้เข้าประกวด อาจารย์ที่เป็นดาราเลือกแค่เสียงเท่านั้น โดยไม่มีปัจจัยอื่นมารบกวน พวกเราสามารถออกแบบเก้าอี้ตัวสูงใหญ่สี่ตัว แล้วอาจารย์ก็นั่งหันหลังให้เวทีฟังผู้เข้าแข่งขันร้องเพลง ชอบก็กดปุ่มแล้วเก้าอี้ก็จะหมุน ไม่ชอบก็นั่งเฉยๆ จนกระทั่งนักร้องร้องจนจบเพลงแล้วเก้าอี้ก็จะหมุนกลับมาโดยอัตโนมัติ”

เฉินเฟยเอ๋อร์ตาเป็นประกาย “ฟังดูแล้วน่าสนุกมาก แบบนี้ก็ประหยัดเวลาแนะนำตัวของผู้เข้าแข่งขัน ไม่จำเป็นต้องพยายามแต่งเรื่องออกมา อาศัยความสามารถล้วนๆ เป็นความคิดที่ดีมาก!”

ปัจจุบันรายการประกวดมากมายแทบจะกลายเป็นการเล่าเรื่องนิทานแล้ว ไม่มีเรื่องราวที่ดียากที่จะอยู่รอด นอกจากนี้ยังมีลูกล่อลูกชนมากมายเพื่อซื้อใจผู้ชมก่อนที่จะแสดงโชว์ ทำให้ผู้ชมที่ดูอยู่รู้สึกอึดอัด

เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ค่อยชอบการเสแสร้งที่คล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจแบบนี้ ความคิดของลู่เฉินสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้การประกวดมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น เป็นเส้นทางใหม่อย่างแน่นอน

และเก้าอี้หมุนก็สนุกกว่าการกดปุ่มเฉยๆ!

ลู่เฉินพูดต่อ “รอบนี้นอกจากทดสอบพลังในการร้องเพลงของนักเรียนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการวัดพลังในการตัดสินใจของดาราหลายคนที่เป็นอาจารย์อีกด้วย แน่นอนว่า ถึงแม้จะไม่ถูกอาจารย์เลือกในรอบนี้ก็ไม่ต้องร้อนใจไป เพราะนักเรียนสามารถรับการฝึกฝนต่อในค่ายฝึก เพื่อรอโอกาสในครั้งหน้า”

“อาจารย์หนึ่งคนมากสุดสามารถเลือกนักเรียนได้สิบสี่คน รวมทั้งหมดห้าสิบหกคน!”

เถียนเถียนฟังแล้ว จึงอดถามไม่ได้ “แล้วต่อจากนั้นล่ะ”

ลู่เฉินเอ่ยพูดเหมือนคิดมาเรียบร้อยแล้ว “ต่อจากนั้นก็คือรอบที่สอง อาจารย์คัดเลือก!”

“อาจารย์ที่เป็นดาราทั้งสี่คนหลังจากเลือกลูกศิษย์มาอยู่ในสำนักของตัวเองแล้ว ก็จะดำเนินการฝึกอบรมโดยเฉพาะ สุดท้ายพวกลูกศิษย์ก็จะมาแข่งขันกันบนเวที ใครจะได้เป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยม ก็ต้องมาดูกันในวันที่เรียนรู้จากอาจารย์ผู้สอนว่าศักยภาพแฝงของใครจะสามารถขุดค้นออกมาได้มากพอ”

“รอบนี้จะแข่งขันเป็นคู่และเลือกผู้แข่งขันที่แข็งแกร่งออกมาสิบหกคน!”

แนวความคิดของลู่เฉินยิ่งชัดเจนมากขึ้น ความทรงจำที่เกี่ยวข้องผุดขึ้นมาในหัวของเขาไม่ขาดสาย

“รอบที่สามคืออาจารย์แบทเทิล นี่คือการทดสอบ ‘ความสามารถในการสอน’ ของอาจารย์ที่เป็นดาราอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านการฝึกอบรมในช่วงเวลาที่เหมือนกัน นักเรียนของใครจะโชว์ลีลาได้ดีกว่ากัน และจะได้รู้ก็ตอนที่อยู่บนเวที”

“รอบนี้ผู้เข้าแข่งขันในสังกัดของอาจารย์ทั้งสี่คนจะร่วมแข่งขันครั้งใหญ่ สุดท้ายจะเหลือผู้แข็งแกร่งเพียงสี่คน!”

ลู่เฉินพูดรวดเดียวจบ โดยไม่สะดุดเลยสักนิด “รอบสุดท้ายคืองานเทศกาลประจำปี อาจารย์ทุกคนและนักเรียนจะขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีใหญ่อีกหนึ่งครั้ง ในงานพิธีใหญ่แบบนี้ พวกนักเรียนจะได้เผชิญกับบททดสอบการแสดงบนเวทีใหญ่เป็นครั้งแรก และความสามารถทางด้านดนตรีของพวกเขา ก็จะได้รับการทดสอบจากผู้ชมไปพร้อมกัน”

“ใครจะได้เป็นแชมป์ ก็ต้องดูที่งานเทศกาลประจำปี!”

แปะๆๆ!

เพิ่งจะสิ้นเสียงของลู่เฉิน เสียงปรบมือดังกังวานก็พลันดังขึ้น

สาวสวยพราวเสน่ห์ทั้งสองคนนัยน์ตาเป็นประกาย ปรบมือให้เขาพร้อมกัน ปรบมือให้แก่ความคิดสร้างสรรค์ของเขา!

ก็เหมือนกับที่ลู่เฉินพูดไปเมื่อครู่ คนเราทุกคนก็เหมือนกับการเล่นกล มีวิธีที่ชาญฉลาดแตกต่างกันไป ละครโทรทัศน์เรื่องหนึ่งอาจจะมีธีมเรื่องไม่ต่างจากผลงานประเภทเดียวกันมากนัก แต่รายละเอียดและโครงเรื่องสามารถทำให้เกิดความแตกต่างได้

รายการประกวดร้องเพลงมีมากมายนับไม่ถ้วน เกิดปรากฏการณ์ที่คล้ายกันอย่างรุนแรง และด้วยเพราะเหตุนี้ ในธีมเดียวกันหากสามารถสร้างเนื้อหาที่มีรูปแบบไม่เหมือนกัน ทำให้ผู้ชมได้เปิดหูเปิดตา เช่นนั้นความสำเร็จก็รออยู่ข้างหน้าแล้ว!

ลู่เฉินพูดต่อ “รายการประกวดแบบนี้ ผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศเข้าสู่รอบแรกไม่จำเป็นต้องเยอะมาก แต่ต้องรับประกันระดับความสามารถ เพราะเราเน้นเดินในสายคุณภาพ”

เถียนเถียนอดพูดไม่ได้ “แล้วก็ยังมีอาจารย์อีก ถึงตอนนั้นพวกเธอสองคนต้องมารับหน้าที่อาจารย์นะ!”

ความคิดของลู่เฉินทำให้เถียนเถียนมองเห็นความสำเร็จ และถ้าหากสามารถดึงสองคนที่อยู่ตรงหน้าเข้ามาได้เช่นนั้นจะล้มเหลวก็คงยาก ดังนั้นเธอจำเป็นต้องจับให้มั่น

“ฉันจะกลับไปจดทะเบียนบริษัทที่หังโจว พวกเธอสองคนจะต้องเข้าถือหุ้นด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ทำ!”

ความคิดของเถียนเถียนนั้นง่ายมาก ลู่เฉินเป็นคนออกความคิดนี้ เช่นนั้นจะให้เขาเสียแรงเปล่าไม่ได้ แต่ถ้าให้ถือหุ้นเล็กๆ ก็ไม่สนุก เพราะถ้าจะเล่นก็ต้องเล่นใหญ่ไปเลย

ในวงการบันเทิง ศิลปินดาราที่ร่วมหุ้นกับบริษัทสื่อ บริษัทภาพยนตร์โทรทัศน์ หรือบริษัทเอเจนซี่บันเทิงเป็นเรื่องที่ปกติมาก และส่วนใหญ่แล้วก็เป็นการร่วมงานกับแบบชนะทั้งสองฝ่าย

เข้าถือหุ้นบริษัทสื่อของเถียนเถียน?

ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์มองตากัน คนหลังพยักหน้า จากนั้นก็ดึงเถียนเถียนเข้ามากอดแล้วเอ่ยว่า “ได้ค่ะ ท่านประธานเถียน!”

เถียนเถียนกลอกตาใส่เธออย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นจึงยื่นมือไปจับตำแหน่งที่ไวต่อความรู้สึกของเฉินเฟยเอ๋อร์ “งั้นเธอก็มาเป็นเลาขาน้อยของประธาน คืนนี้ต้องนอนเป็นเพื่อนฉัน!”

เฉินเฟยเอ๋อร์โต้กลับ “ได้สิ ใครกลัวใครล่ะ!”

ทั้งสองคนหัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันที เผยแขนและขาที่ขาวนวลเหมือนดั่งหยกออกมา โดยไม่สนใจลู่เฉินที่อยู่ข้างๆ เลยสักนิด

ลู่เฉินกระอักกระอ่วน จึงได้แต่กระแอมสองที

เถียนเถียนได้สติกลับมา หน้าแดงพลางจัดกระโปรงเล็กน้อย แล้วรีบถามลู่เฉินเรื่องอื่น “ว่าแต่รายการประกวดร้องเพลงนี้ชื่อว่าอะไรดีล่ะ”

ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อย พลางเอ่ยว่า “ชื่อว่าเดอะวอยซ์ไชน่า!”

เดอะวอยซ์ไชน่า?

เฉินเฟยเอ๋อร์กับเถียนเถียนได้ฟังแล้วตาสว่างเป็นประกาย…เป็นชื่อที่ดีมากๆ!

…………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด