Perfect Superstar 213 ยิ่งมีความสามารถมากยิ่งรับผิดชอบเยอะ

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 213 ยิ่งมีความสามารถมากยิ่งรับผิดชอบเยอะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 213 ยิ่งมีความสามารถมากยิ่งรับผิดชอบเยอะ

ไม่เกินความคาดหมาย วันรุ่งขึ้นข่าวพาดหัวของสื่อใหญ่ต่างลงข่าวการสาดน้ำกรด

พิธีกรสาวแห่งสถานีโทรทัศน์เจ้อตง แฟนคลับผู้บ้าคลั่ง วีรบุรุษฝีมือไม่ธรรมดา…

ดึงดูดสายตาของทุกคน!

ภายในคืนเดียว ลู่เฉินซึ่งเป็นเจ้าของเรื่อง บล็อกของเขามีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเป็นเก้าล้านกว่าคน

ขณะเดียวกันทางตำรวจเมืองหังโจวก็ประกาศผลการสอบสวน ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการก่อเหตุร้ายโดยมีมูลเหตุจูงใจมาจากเหตุผลส่วนตัว คนร้ายจะได้รับโทษทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด

หนังสือพิมพ์ประจำเมืองหังโจว ‘ข่าวด่วนประจำเมือง’ ยังเปิดเผยเนื้อหาอีกขั้นหนึ่ง คนร้ายเป็นคนตกงาน การกระทำเมื่อคืนเขาได้วางแผนอย่างรอบคอบแล้ว ทั้งยังไปสำรวจสถานที่ก่อเหตุล่วงหน้า เตรียมการทุกอย่างอย่างสมบูรณ์แบบ

คนร้ายมีสภาพจิตใจบิดเบี้ยว เขาไม่เพียงแต่ต้องการทำลายเถียนเถียน ยังต้องการสร้างข่าวใหญ่โตอีกด้วย

เถียนเถียนเป็นหนึ่งในพิธีกรของงานในคืนนั้น

เดาได้ว่าหากเกิดเหตุขึ้นกับเธอในที่ที่มีสายตาคนจับจ้องอยู่เต็มไปหมด นั่นจะต้องเป็นเรื่องใหญ่โตแน่นอน!

นอกจากน้ำกรดที่ซื้อมาจากช่องทางพิเศษ คนร้ายยังมีอาวุธมีดติดตัว แต่เพราะถูกลู่เฉินขัดขวาง จึงไม่ได้เกิดข่าวการสูญเสีย

หนังสือพิมพ์ ‘ข่าวด่วนประจำเมือง’ ได้ชื่นชมความกล้าหาญของลู่เฉินไปพร้อมกับการประณามคนร้าย และขนานนามเขาว่า ‘ชายผู้เป็นความภูมิใจของชาวเจ้อตง’ สรรเสริญเยินยออยู่ไม่ขาด

นี่ทำให้ลู่เฉินที่ตื่นเช้ามารับประทานอาหารและอ่านหนังสือพิมพ์ถึงกับเขินจนเหงื่อออก!

เรื่องวุ่นวายคือโรงแรมที่ลู่เฉินพักมีนักข่าวมากมายต้องการมาสัมภาษณ์เขา

ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมสกัดกั้นเอาไว้

ลู่ซีหัวเราะ “นี่ถือว่านายเตะทีเดียวดังเลยหรือเปล่า”

ลู่เฉินพูดไม่ออก

ตอนนั้นเอง ประตูห้องรับแขกมีเสียงเคาะประตูเบาๆ

“เอ๋?”

ลู่ซีตกใจ เพราะเธอสั่งกับทางโรงแรมไว้ว่าไม่อยากถูกรบกวนโดยเฉพาะนักข่าว

ลู่ซีไปเปิดประตูห้อง

เห็นกลุ่มคนยืนอยู่หน้าประตูห้อง เถียนเถียนเป็นหนึ่งในนั้น

พิธีกรสาวของสถานีโทรทัศน์เจ้อตงดูมีสีหน้าเศร้าหมอง ดวงตาบวมปูดเหมือนถั่ววอลนัต ใต้ตาดำคล้ำเหมือนแต่งตาแบบสโมกกี้อาย แต่ไม่อาจบดบังความสวยของเธอไว้ได้ เป็นที่น่าสงสารแก่ผู้พบเห็น

ผู้ที่มากับเธอมีทั้งหญิงและชาย มีทั้งคนสูงอายุและคนวัยกลางคน ยังมีตำรวจหญิงในเครื่องแบบอีกคน

เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนที่ซับซ้อน

เมื่อเห็นว่าลู่ซีเปิดประตู เถียนเถียนตกใจ ถามอย่างระแวดระวังว่า “คุณลู่เฉินอยู่ไหมคะ”

ลู่ซียิ้ม “อยู่ค่ะ เชิญเข้ามาก่อน”

เธอเข้าใจสภาพจิตใจของเถียนเถียนในตอนนี้ หญิงสาวทุกคนหากประสบเหตุการณ์แบบเธอคงไม่ได้ดีไปกว่าเธอสักเท่าไร

คงเป็นเพราะพิธีกรสาวไม่ได้นอนทั้งคืน

“ขอบคุณค่ะ…”

เถียนเถียนกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท เมื่อเข้าไปในห้องจึงถามว่า “คุณคือ?”

ลู่ซีอธิบาย “ฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของลู่เฉิน ชื่อลู่ซี และเป็นพี่สาวของเขาด้วย”

เถียนเถียนรีบพูดว่า “พี่ลู่ซีสวัสดีค่ะ”

ลู่ซียิ้มให้ “สวัสดี ไม่ต้องเกรงใจนะ ลู่เฉิน…”

ลู่เฉินเพิ่งเดินออกมาจากห้องนอน เห็นว่าในห้องรับแขกมีคนมาก็ตกใจ

เถียนเถียนก้าวมาข้างหน้า ก้มตัวโค้งหัวให้เขา “คุณลู่เฉิน ฉันขอขอบคุณคุณ!”

พิธีกรสาวยื่นถุงกระดาษใบหนึ่งให้ “นี่เป็นสูทที่ฉันนำมาชดใช้ให้คุณค่ะ”

บนถุงสีดำมีโลโก้ของอาร์มานีปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด

ลู่เฉินรับมาพร้อมกับพูดว่า “เรียกผมว่าลู่เฉินก็พอแล้ว ขอบคุณครับ ความจริงเรื่องเมื่อวานคุณอย่าเก็บมาใส่ใจเลย คุณเป็นเพื่อนของพี่เฟย ก็เป็นเพื่อนของผมด้วย ระหว่างเพื่อนไม่ต้องเกรงใจแบบนี้”

ใบหน้าซีดเซียวของเถียนเถียนปรากฏรอยยิ้ม “แบบนี้เหมาะสมแล้ว”

เธอพูดต่อว่า “ฉันขอแนะนำหน่อย…”

คนที่มาพบลู่เฉินกับเถียนเถียนด้วย นอกจากผู้ช่วยของเธอ ยังมีหัวหน้าเฉินแห่งสถานีโทรทัศน์เจ้อตง มีคณะกรรมการผู้จัดงานคอนเสิร์ตสองคน และตัวแทนของตำรวจเมืองหังโจว

พวกเขามาพร้อมกับเถียนเถียนแต่เช้า นอกจากมาเพื่อขอบคุณลู่เฉินแล้ว ยังหวังว่าลู่เฉินจะไม่นำข่าวไปสร้างกระแสให้ใหญ่โต เพื่อลดผลกระทบทางลบให้เหลือน้อยที่สุด

นอกจากนี้ ก็เพราะว่าเรื่องแบบนี้ ทางเมืองหังโจวเสียหน้ามาก อย่างน้อยก็เรื่องปัญหาด้านความปลอดภัย

ลู่เฉินรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ

อย่างแรก เพราะเขาเป็นคนเจ้อตง เขาย่อมต้องไว้หน้าบ้านเกิดของตัวเอง อีกอย่างเขาเองก็ไม่ต้องการใช้เรื่องนี้มาสร้างกระแสด้วย

ไม่จำเป็นเลย

ทั้งสองฝ่ายเจรจาตกลงกันเป็นที่พอใจมาก

จากข้อเสนอของหัวหน้าเฉินแห่งสถานีโทรทัศน์เจ้อตง ลู่เฉินกับเถียนเถียนและทางตำรวจขอยืมห้องประชุมของโรงแรม แล้วเชิญนักข่าวที่รออยู่ด้านล่างเข้ามา จัดงานแถลงข่าวเล็กๆ เพื่อให้นักข่าวได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง

ในงานแถลงข่าวที่ไม่ได้เป็นทางการนัก มีนักข่าวถามลู่เฉินว่า “คุณลู่เฉินครับ ตอนนั้นคุณมีแรงจูงใจยังไงถึงออกตัวช่วยคุณเถียนอย่างไม่กลัวอันตราย ขอถามว่าตอนนั้นคุณคิดยังไงครับ”

คำถามนี้ดูแฝงความนัยอยู่ เพราะในโลกโซเชียล หลายคนคิดว่าลู่เฉินอยากเป็นวีรบุรุษช่วยหญิงงามถึงได้พุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเอง ทั้งยังสัพยอกว่าพลังอำนาจของสาวงามช่างยิ่งใหญ่จริงๆ

แฟนคลับผู้บ้าคลั่ง กับวีรบุรุษผู้กล้าหาญ!

ลู่เฉินตอบอย่างใจเย็น “ถ้าถามว่าตอนนั้นผมคิดอะไร ผมขอบอกว่าผมไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่เช่นนั้นคุณคงไม่ได้เห็นผมกับคุณเถียนมานั่งตอบคำถามของคุณอยู่ตรงนี้”

บรรดานักข่าวหัวเราะออกมาเบาๆ

ลู่เฉินพูดไม่ผิด ตอนนั้นเหตุการณ์ฉุกละหุก ถ้าเขาลังเลเพียงเล็กน้อย ผลลัพธ์ก็จะต่างออกไป!

มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณ ถึงได้รวดเร็วขนาดนี้

บอกว่าลู่เฉินอยากเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม นั่นเป็นเรื่องเหลวไหลจริงๆ…เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะคิด

ลู่เฉินเสริมว่า “ตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นคุณเถียนหรือคนอื่น ผมก็ต้องเข้าไปหยุดยั้งคนร้ายอยู่ดี!”

นักข่าวจาก ‘หนังสือพิมพ์ข่าวเช้า’ จี้ถามอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “แล้วอะไรที่ทำให้คุณทำแบบนั้นคะ”

ลู่เฉินยิ้มอ่อน “น่าจะเป็นความรับผิดชอบครับ ยิ่งมีความสามารถมากก็ยิ่งต้องรับผิดชอบมาก ในเมื่อผมสามารถหยุดยั้งเรื่องเลวร้ายไม่ให้เกิดขึ้นได้ อย่างนั้นก็ควรทำตามหน้าที่ครับ!”

นักข่าวดวงตาวาววาบ “ยิ่งมีความสามารถมากก็ยิ่งต้องรับผิดชอบมาก ประโยคนี้ไม่เลว”

ในห้องประชุมเกิดเสียงปรบมือดังขึ้น แม้จะไม่ดังมากแต่ก็พอจะถ่ายทอดความรู้สึกของนักข่าวที่นั่งอยู่ได้

มีนักข่าวคนหนึ่งยืนขึ้นมาพูดว่า “คุณลู่เฉิน ผมเป็นนักข่าวจากเว็บไซต์อี้หว่าง ชาวเน็ตหลายคนสงสัยมากว่าตอนนั้นคุณสลัดเสื้อสูทออกไปได้ยังไง คุณเคยเรียนวิชาต่อสู้เหรอครับ”

ลู่เฉินอธิบายอย่างไม่ปิดบัง “ผมมักฝึกซ้อมวิชาป้องกันตัวอยู่เสมอ ท่าที่สลัดเสื้อสูทออกนั้นเป็นท่าที่มีชื่อว่าฌ้อปาอ๋องถอดเกราะ”

ฌ้อปาอ๋องถอดเกราะ?

เป็นชื่อท่าที่ฟังดูยิ่งใหญ่ มีจุดขาย!

นักข่าวหลายคนก้มลงพิมพ์ชื่อบนแป้นพิมพ์ของตัวเอง บันทึกเนื้อหาที่สัมภาษณ์ได้อย่างรวดเร็ว

ข่าววันนี้มีเรื่องให้ลงแล้ว

หลังจากขุดคุ้ยเบื้องลึกเบื้องหลังของลู่เฉินไม่ได้แล้ว เหล่านักข่าวก็หันไปเพ่งเล็งที่พิธีกรสาวเถียนเถียนทันที

เถียนเถียนยังดูสภาพจิตใจไม่พร้อม แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามมากมายของนักข่าว เธอก็ตอบได้อย่างเหมาะสม บ่งบอกถึงการเป็นพิธีกรมืออาชีพคนหนึ่ง

ถึงอย่างไรเธอก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมสายอาชีพครึ่งหนึ่ง ทั้งยังเป็นผู้ถูกปองร้าย พวกนักข่าวจึงไม่รังแกเธอมากนัก

ต่อมาสถานีโทรทัศน์เจ้อตงและตัวแทนตำรวจได้ตอบคำถามหลายคำถาม

หลังจากงานแถลงข่าวเสร็จสิ้นลง ลู่เฉินกับลู่ซีก็เตรียมตัวออกจากโรงแรมไป

เถียนเถียนยังอยากเลี้ยงข้าวคนทั้งสองเพื่อแสดงความขอบคุณ แต่ถูกลู่เฉินปฏิเสธ

เขากับพี่สาวยังมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ

จึงแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกับเถียนเถียนไว้

จบงานที่หังโจวแล้ว ลู่เฉินไม่ได้กลับปักกิ่งทันที กลับนั่งรถไฟความเร็วสูงไปที่หนิงย่วน

หนิงย่วนเป็นเมืองระดับจังหวัดแห่งหนึ่งของมณฑลเจียงซู ห่างจากเมืองหังโจวแค่สองร้อยกว่ากิโลเมตร

ดังนั้นจึงใช้เวลาเพียงสี่สิบนาทีก็มาถึงจุดหมาย

ออกจากสถานีรถไฟ ลู่เฉินกับลู่ซีเรียกรถแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งที่หนึ่งประจำเมืองหนิงย่วน

ทั้งสองมาเพื่อเยี่ยมแฟนคลับของลู่เฉินคนหนึ่ง ฝ่ายนั้นมีชื่อว่าเมิ่งเมิ่ง

แฟนคลับเป็นล้านคนของลู่เฉินไม่มีใครรู้จักเมิ่งเมิ่ง (孟梦) แต่เธอมีชื่อในโลกออนไลน์ว่า ‘เมิ่งเมิ่ง (梦梦)’ เป็นไอดีที่มีชื่อเสียงในกลุ่มแฟนคลับ

เมิ่งเมิ่งมักเขียนข่าวเล็กๆ น้อยๆ และบทวิจารณ์เพลงลงในบล็อกและเว็บบอร์ด กอปรกับเธอเป็นผู้หญิง จึงมีแฟนคลับชายมากมายติดตาม

ลู่เฉินเองก็เคยอ่านบทวิจารณ์เพลงที่เธอเขียน ตอนนั้นรู้สึกว่าน่าสนใจมาก

ลู่เฉินคิดไม่ถึงว่า สาวน้อยที่ชอบวาดฝันคนนี้ จะป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลัน

เมื่อคืนลู่ซีได้เปิดอีเมลอ่าน เห็นจดหมายฉบับหนึ่งจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเมิ่งเมิ่ง

ในจดหมาย เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเมิ่งเมิ่งได้ระบุว่า อาการของเมิ่งเมิ่งตอนนี้ไม่ดีเลย ต้องใช้เงินจำนวนมากรักษาอาการป่วย และเธอมีผู้ปกครองคนเดียว ฐานะทางบ้านก็ไม่ค่อยดีนัก ไม่อาจแบกรับค่ารักษาที่แพงหูฉี่ได้

เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเมิ่งเมิ่งและทางโรงเรียนได้ร่วมกันบริจาคเงินแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับการปลูกถ่ายไขกระดูก เงินค่ารักษายังขาดอีกมาก นักเรียนคนนี้เองก็จนปัญญา ถึงได้ติดต่อลู่เฉินให้ช่วยเหลือ

เมิ่งเมิ่งไม่รู้เรื่องนี้

ท่อนสุดท้ายของจดหมาย ยังเขียนที่อยู่บ้านพักของเมิ่งเมิ่ง เบอร์โทรศัพท์ และโรงพยาบาลที่รักษาตัวอยู่เอาไว้สำหรับตรวจสอบยืนยัน เพื่อรับรองว่าเธอไม่ได้หลอกลวง

ลู่ซีเห็นจดหมายฉบับนี้แล้วรีบบอกลู่เฉินทันที

ลู่เฉินจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงการเดินทาง มาที่เมืองหนิงย่วนเพื่อเยี่ยมแฟนคลับที่ป่วยหนัก

เขายินดีช่วยอย่างเต็มที่เท่าที่สามารถทำได้!

พบเจอเรื่องแบบนี้เหนือความคาดหมายจริงๆ ลู่เฉินรู้ดีว่าอาศัยกำลังของเขาคนเดียวไม่สามารถช่วยทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือได้ นี่ยังเป็นกรณีแรก ต่อไปจะต้องมีความวุ่นวายอีกมากมายตามมา

เช่นถ้าแฟนคลับทั้งแท้หรือเทียมของเขาต่างมาขอความช่วยเหลือล่ะ

ที่สำคัญคือ หลังจากเขาใช้หนี้ของครอบครัวไปหมด เขาแทบไม่มีเงินเหลืออยู่เลย

แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้ลู่เฉินหลบหนี เขาไม่อาจนั่งมองดูแฟนคลับคนหนึ่ง สาวน้อยที่เป็นเหมือนดอกไม้กำลังเบ่งบานคนหนึ่งถูกโรคภัยทำให้ร่วงโรยไปอย่างนี้ได้ ก็เหมือนที่เขาไม่สามารถปล่อยให้เถียนเถียนถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาตนเอง

ต้องคิดหาวิธีให้ได้

เป็นลูกผู้ชาย มีบางเรื่องที่ไม่ต้องทำ และบางเรื่องที่จำเป็นต้องทำ!

……………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Perfect Superstar 213 ยิ่งมีความสามารถมากยิ่งรับผิดชอบเยอะ

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 213 ยิ่งมีความสามารถมากยิ่งรับผิดชอบเยอะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 213 ยิ่งมีความสามารถมากยิ่งรับผิดชอบเยอะ

ไม่เกินความคาดหมาย วันรุ่งขึ้นข่าวพาดหัวของสื่อใหญ่ต่างลงข่าวการสาดน้ำกรด

พิธีกรสาวแห่งสถานีโทรทัศน์เจ้อตง แฟนคลับผู้บ้าคลั่ง วีรบุรุษฝีมือไม่ธรรมดา…

ดึงดูดสายตาของทุกคน!

ภายในคืนเดียว ลู่เฉินซึ่งเป็นเจ้าของเรื่อง บล็อกของเขามีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเป็นเก้าล้านกว่าคน

ขณะเดียวกันทางตำรวจเมืองหังโจวก็ประกาศผลการสอบสวน ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการก่อเหตุร้ายโดยมีมูลเหตุจูงใจมาจากเหตุผลส่วนตัว คนร้ายจะได้รับโทษทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด

หนังสือพิมพ์ประจำเมืองหังโจว ‘ข่าวด่วนประจำเมือง’ ยังเปิดเผยเนื้อหาอีกขั้นหนึ่ง คนร้ายเป็นคนตกงาน การกระทำเมื่อคืนเขาได้วางแผนอย่างรอบคอบแล้ว ทั้งยังไปสำรวจสถานที่ก่อเหตุล่วงหน้า เตรียมการทุกอย่างอย่างสมบูรณ์แบบ

คนร้ายมีสภาพจิตใจบิดเบี้ยว เขาไม่เพียงแต่ต้องการทำลายเถียนเถียน ยังต้องการสร้างข่าวใหญ่โตอีกด้วย

เถียนเถียนเป็นหนึ่งในพิธีกรของงานในคืนนั้น

เดาได้ว่าหากเกิดเหตุขึ้นกับเธอในที่ที่มีสายตาคนจับจ้องอยู่เต็มไปหมด นั่นจะต้องเป็นเรื่องใหญ่โตแน่นอน!

นอกจากน้ำกรดที่ซื้อมาจากช่องทางพิเศษ คนร้ายยังมีอาวุธมีดติดตัว แต่เพราะถูกลู่เฉินขัดขวาง จึงไม่ได้เกิดข่าวการสูญเสีย

หนังสือพิมพ์ ‘ข่าวด่วนประจำเมือง’ ได้ชื่นชมความกล้าหาญของลู่เฉินไปพร้อมกับการประณามคนร้าย และขนานนามเขาว่า ‘ชายผู้เป็นความภูมิใจของชาวเจ้อตง’ สรรเสริญเยินยออยู่ไม่ขาด

นี่ทำให้ลู่เฉินที่ตื่นเช้ามารับประทานอาหารและอ่านหนังสือพิมพ์ถึงกับเขินจนเหงื่อออก!

เรื่องวุ่นวายคือโรงแรมที่ลู่เฉินพักมีนักข่าวมากมายต้องการมาสัมภาษณ์เขา

ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมสกัดกั้นเอาไว้

ลู่ซีหัวเราะ “นี่ถือว่านายเตะทีเดียวดังเลยหรือเปล่า”

ลู่เฉินพูดไม่ออก

ตอนนั้นเอง ประตูห้องรับแขกมีเสียงเคาะประตูเบาๆ

“เอ๋?”

ลู่ซีตกใจ เพราะเธอสั่งกับทางโรงแรมไว้ว่าไม่อยากถูกรบกวนโดยเฉพาะนักข่าว

ลู่ซีไปเปิดประตูห้อง

เห็นกลุ่มคนยืนอยู่หน้าประตูห้อง เถียนเถียนเป็นหนึ่งในนั้น

พิธีกรสาวของสถานีโทรทัศน์เจ้อตงดูมีสีหน้าเศร้าหมอง ดวงตาบวมปูดเหมือนถั่ววอลนัต ใต้ตาดำคล้ำเหมือนแต่งตาแบบสโมกกี้อาย แต่ไม่อาจบดบังความสวยของเธอไว้ได้ เป็นที่น่าสงสารแก่ผู้พบเห็น

ผู้ที่มากับเธอมีทั้งหญิงและชาย มีทั้งคนสูงอายุและคนวัยกลางคน ยังมีตำรวจหญิงในเครื่องแบบอีกคน

เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนที่ซับซ้อน

เมื่อเห็นว่าลู่ซีเปิดประตู เถียนเถียนตกใจ ถามอย่างระแวดระวังว่า “คุณลู่เฉินอยู่ไหมคะ”

ลู่ซียิ้ม “อยู่ค่ะ เชิญเข้ามาก่อน”

เธอเข้าใจสภาพจิตใจของเถียนเถียนในตอนนี้ หญิงสาวทุกคนหากประสบเหตุการณ์แบบเธอคงไม่ได้ดีไปกว่าเธอสักเท่าไร

คงเป็นเพราะพิธีกรสาวไม่ได้นอนทั้งคืน

“ขอบคุณค่ะ…”

เถียนเถียนกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท เมื่อเข้าไปในห้องจึงถามว่า “คุณคือ?”

ลู่ซีอธิบาย “ฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของลู่เฉิน ชื่อลู่ซี และเป็นพี่สาวของเขาด้วย”

เถียนเถียนรีบพูดว่า “พี่ลู่ซีสวัสดีค่ะ”

ลู่ซียิ้มให้ “สวัสดี ไม่ต้องเกรงใจนะ ลู่เฉิน…”

ลู่เฉินเพิ่งเดินออกมาจากห้องนอน เห็นว่าในห้องรับแขกมีคนมาก็ตกใจ

เถียนเถียนก้าวมาข้างหน้า ก้มตัวโค้งหัวให้เขา “คุณลู่เฉิน ฉันขอขอบคุณคุณ!”

พิธีกรสาวยื่นถุงกระดาษใบหนึ่งให้ “นี่เป็นสูทที่ฉันนำมาชดใช้ให้คุณค่ะ”

บนถุงสีดำมีโลโก้ของอาร์มานีปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด

ลู่เฉินรับมาพร้อมกับพูดว่า “เรียกผมว่าลู่เฉินก็พอแล้ว ขอบคุณครับ ความจริงเรื่องเมื่อวานคุณอย่าเก็บมาใส่ใจเลย คุณเป็นเพื่อนของพี่เฟย ก็เป็นเพื่อนของผมด้วย ระหว่างเพื่อนไม่ต้องเกรงใจแบบนี้”

ใบหน้าซีดเซียวของเถียนเถียนปรากฏรอยยิ้ม “แบบนี้เหมาะสมแล้ว”

เธอพูดต่อว่า “ฉันขอแนะนำหน่อย…”

คนที่มาพบลู่เฉินกับเถียนเถียนด้วย นอกจากผู้ช่วยของเธอ ยังมีหัวหน้าเฉินแห่งสถานีโทรทัศน์เจ้อตง มีคณะกรรมการผู้จัดงานคอนเสิร์ตสองคน และตัวแทนของตำรวจเมืองหังโจว

พวกเขามาพร้อมกับเถียนเถียนแต่เช้า นอกจากมาเพื่อขอบคุณลู่เฉินแล้ว ยังหวังว่าลู่เฉินจะไม่นำข่าวไปสร้างกระแสให้ใหญ่โต เพื่อลดผลกระทบทางลบให้เหลือน้อยที่สุด

นอกจากนี้ ก็เพราะว่าเรื่องแบบนี้ ทางเมืองหังโจวเสียหน้ามาก อย่างน้อยก็เรื่องปัญหาด้านความปลอดภัย

ลู่เฉินรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ

อย่างแรก เพราะเขาเป็นคนเจ้อตง เขาย่อมต้องไว้หน้าบ้านเกิดของตัวเอง อีกอย่างเขาเองก็ไม่ต้องการใช้เรื่องนี้มาสร้างกระแสด้วย

ไม่จำเป็นเลย

ทั้งสองฝ่ายเจรจาตกลงกันเป็นที่พอใจมาก

จากข้อเสนอของหัวหน้าเฉินแห่งสถานีโทรทัศน์เจ้อตง ลู่เฉินกับเถียนเถียนและทางตำรวจขอยืมห้องประชุมของโรงแรม แล้วเชิญนักข่าวที่รออยู่ด้านล่างเข้ามา จัดงานแถลงข่าวเล็กๆ เพื่อให้นักข่าวได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง

ในงานแถลงข่าวที่ไม่ได้เป็นทางการนัก มีนักข่าวถามลู่เฉินว่า “คุณลู่เฉินครับ ตอนนั้นคุณมีแรงจูงใจยังไงถึงออกตัวช่วยคุณเถียนอย่างไม่กลัวอันตราย ขอถามว่าตอนนั้นคุณคิดยังไงครับ”

คำถามนี้ดูแฝงความนัยอยู่ เพราะในโลกโซเชียล หลายคนคิดว่าลู่เฉินอยากเป็นวีรบุรุษช่วยหญิงงามถึงได้พุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเอง ทั้งยังสัพยอกว่าพลังอำนาจของสาวงามช่างยิ่งใหญ่จริงๆ

แฟนคลับผู้บ้าคลั่ง กับวีรบุรุษผู้กล้าหาญ!

ลู่เฉินตอบอย่างใจเย็น “ถ้าถามว่าตอนนั้นผมคิดอะไร ผมขอบอกว่าผมไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่เช่นนั้นคุณคงไม่ได้เห็นผมกับคุณเถียนมานั่งตอบคำถามของคุณอยู่ตรงนี้”

บรรดานักข่าวหัวเราะออกมาเบาๆ

ลู่เฉินพูดไม่ผิด ตอนนั้นเหตุการณ์ฉุกละหุก ถ้าเขาลังเลเพียงเล็กน้อย ผลลัพธ์ก็จะต่างออกไป!

มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณ ถึงได้รวดเร็วขนาดนี้

บอกว่าลู่เฉินอยากเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม นั่นเป็นเรื่องเหลวไหลจริงๆ…เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะคิด

ลู่เฉินเสริมว่า “ตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นคุณเถียนหรือคนอื่น ผมก็ต้องเข้าไปหยุดยั้งคนร้ายอยู่ดี!”

นักข่าวจาก ‘หนังสือพิมพ์ข่าวเช้า’ จี้ถามอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “แล้วอะไรที่ทำให้คุณทำแบบนั้นคะ”

ลู่เฉินยิ้มอ่อน “น่าจะเป็นความรับผิดชอบครับ ยิ่งมีความสามารถมากก็ยิ่งต้องรับผิดชอบมาก ในเมื่อผมสามารถหยุดยั้งเรื่องเลวร้ายไม่ให้เกิดขึ้นได้ อย่างนั้นก็ควรทำตามหน้าที่ครับ!”

นักข่าวดวงตาวาววาบ “ยิ่งมีความสามารถมากก็ยิ่งต้องรับผิดชอบมาก ประโยคนี้ไม่เลว”

ในห้องประชุมเกิดเสียงปรบมือดังขึ้น แม้จะไม่ดังมากแต่ก็พอจะถ่ายทอดความรู้สึกของนักข่าวที่นั่งอยู่ได้

มีนักข่าวคนหนึ่งยืนขึ้นมาพูดว่า “คุณลู่เฉิน ผมเป็นนักข่าวจากเว็บไซต์อี้หว่าง ชาวเน็ตหลายคนสงสัยมากว่าตอนนั้นคุณสลัดเสื้อสูทออกไปได้ยังไง คุณเคยเรียนวิชาต่อสู้เหรอครับ”

ลู่เฉินอธิบายอย่างไม่ปิดบัง “ผมมักฝึกซ้อมวิชาป้องกันตัวอยู่เสมอ ท่าที่สลัดเสื้อสูทออกนั้นเป็นท่าที่มีชื่อว่าฌ้อปาอ๋องถอดเกราะ”

ฌ้อปาอ๋องถอดเกราะ?

เป็นชื่อท่าที่ฟังดูยิ่งใหญ่ มีจุดขาย!

นักข่าวหลายคนก้มลงพิมพ์ชื่อบนแป้นพิมพ์ของตัวเอง บันทึกเนื้อหาที่สัมภาษณ์ได้อย่างรวดเร็ว

ข่าววันนี้มีเรื่องให้ลงแล้ว

หลังจากขุดคุ้ยเบื้องลึกเบื้องหลังของลู่เฉินไม่ได้แล้ว เหล่านักข่าวก็หันไปเพ่งเล็งที่พิธีกรสาวเถียนเถียนทันที

เถียนเถียนยังดูสภาพจิตใจไม่พร้อม แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามมากมายของนักข่าว เธอก็ตอบได้อย่างเหมาะสม บ่งบอกถึงการเป็นพิธีกรมืออาชีพคนหนึ่ง

ถึงอย่างไรเธอก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมสายอาชีพครึ่งหนึ่ง ทั้งยังเป็นผู้ถูกปองร้าย พวกนักข่าวจึงไม่รังแกเธอมากนัก

ต่อมาสถานีโทรทัศน์เจ้อตงและตัวแทนตำรวจได้ตอบคำถามหลายคำถาม

หลังจากงานแถลงข่าวเสร็จสิ้นลง ลู่เฉินกับลู่ซีก็เตรียมตัวออกจากโรงแรมไป

เถียนเถียนยังอยากเลี้ยงข้าวคนทั้งสองเพื่อแสดงความขอบคุณ แต่ถูกลู่เฉินปฏิเสธ

เขากับพี่สาวยังมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ

จึงแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกับเถียนเถียนไว้

จบงานที่หังโจวแล้ว ลู่เฉินไม่ได้กลับปักกิ่งทันที กลับนั่งรถไฟความเร็วสูงไปที่หนิงย่วน

หนิงย่วนเป็นเมืองระดับจังหวัดแห่งหนึ่งของมณฑลเจียงซู ห่างจากเมืองหังโจวแค่สองร้อยกว่ากิโลเมตร

ดังนั้นจึงใช้เวลาเพียงสี่สิบนาทีก็มาถึงจุดหมาย

ออกจากสถานีรถไฟ ลู่เฉินกับลู่ซีเรียกรถแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งที่หนึ่งประจำเมืองหนิงย่วน

ทั้งสองมาเพื่อเยี่ยมแฟนคลับของลู่เฉินคนหนึ่ง ฝ่ายนั้นมีชื่อว่าเมิ่งเมิ่ง

แฟนคลับเป็นล้านคนของลู่เฉินไม่มีใครรู้จักเมิ่งเมิ่ง (孟梦) แต่เธอมีชื่อในโลกออนไลน์ว่า ‘เมิ่งเมิ่ง (梦梦)’ เป็นไอดีที่มีชื่อเสียงในกลุ่มแฟนคลับ

เมิ่งเมิ่งมักเขียนข่าวเล็กๆ น้อยๆ และบทวิจารณ์เพลงลงในบล็อกและเว็บบอร์ด กอปรกับเธอเป็นผู้หญิง จึงมีแฟนคลับชายมากมายติดตาม

ลู่เฉินเองก็เคยอ่านบทวิจารณ์เพลงที่เธอเขียน ตอนนั้นรู้สึกว่าน่าสนใจมาก

ลู่เฉินคิดไม่ถึงว่า สาวน้อยที่ชอบวาดฝันคนนี้ จะป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลัน

เมื่อคืนลู่ซีได้เปิดอีเมลอ่าน เห็นจดหมายฉบับหนึ่งจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเมิ่งเมิ่ง

ในจดหมาย เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเมิ่งเมิ่งได้ระบุว่า อาการของเมิ่งเมิ่งตอนนี้ไม่ดีเลย ต้องใช้เงินจำนวนมากรักษาอาการป่วย และเธอมีผู้ปกครองคนเดียว ฐานะทางบ้านก็ไม่ค่อยดีนัก ไม่อาจแบกรับค่ารักษาที่แพงหูฉี่ได้

เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเมิ่งเมิ่งและทางโรงเรียนได้ร่วมกันบริจาคเงินแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับการปลูกถ่ายไขกระดูก เงินค่ารักษายังขาดอีกมาก นักเรียนคนนี้เองก็จนปัญญา ถึงได้ติดต่อลู่เฉินให้ช่วยเหลือ

เมิ่งเมิ่งไม่รู้เรื่องนี้

ท่อนสุดท้ายของจดหมาย ยังเขียนที่อยู่บ้านพักของเมิ่งเมิ่ง เบอร์โทรศัพท์ และโรงพยาบาลที่รักษาตัวอยู่เอาไว้สำหรับตรวจสอบยืนยัน เพื่อรับรองว่าเธอไม่ได้หลอกลวง

ลู่ซีเห็นจดหมายฉบับนี้แล้วรีบบอกลู่เฉินทันที

ลู่เฉินจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงการเดินทาง มาที่เมืองหนิงย่วนเพื่อเยี่ยมแฟนคลับที่ป่วยหนัก

เขายินดีช่วยอย่างเต็มที่เท่าที่สามารถทำได้!

พบเจอเรื่องแบบนี้เหนือความคาดหมายจริงๆ ลู่เฉินรู้ดีว่าอาศัยกำลังของเขาคนเดียวไม่สามารถช่วยทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือได้ นี่ยังเป็นกรณีแรก ต่อไปจะต้องมีความวุ่นวายอีกมากมายตามมา

เช่นถ้าแฟนคลับทั้งแท้หรือเทียมของเขาต่างมาขอความช่วยเหลือล่ะ

ที่สำคัญคือ หลังจากเขาใช้หนี้ของครอบครัวไปหมด เขาแทบไม่มีเงินเหลืออยู่เลย

แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้ลู่เฉินหลบหนี เขาไม่อาจนั่งมองดูแฟนคลับคนหนึ่ง สาวน้อยที่เป็นเหมือนดอกไม้กำลังเบ่งบานคนหนึ่งถูกโรคภัยทำให้ร่วงโรยไปอย่างนี้ได้ ก็เหมือนที่เขาไม่สามารถปล่อยให้เถียนเถียนถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาตนเอง

ต้องคิดหาวิธีให้ได้

เป็นลูกผู้ชาย มีบางเรื่องที่ไม่ต้องทำ และบางเรื่องที่จำเป็นต้องทำ!

……………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด