Perfect Superstar 249 เหมาะสมกันมาก!

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 249 เหมาะสมกันมาก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 249 เหมาะสมกันมาก!

“เจ้าผีเสื้อจงบินไป เหมือนกับเด็กวิ่งท่ามกลางสายลม สัมผัสสายรุ้งแห่งความเยาว์วัย ไกลยิ่งกว่าท้องทะเลสูงยิ่งกว่าท้องฟ้า”

“เจ้าผีเสื้อจงบินไป บินไปสู่ปราสาทแห่งอนาคต เปิดหน้าต่างแห่งความฝัน ปล่อยให้เติบโตรวดเร็วและสวยงามยิ่งขึ้น!”

“เจ้าผีเสื้อจงบินไป~”

ลู่เฉินกรีดนิ้วเล่นโน้ตดนตรีตัวสุดท้าย จากนั้นก็ถามผู้ชมทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้า “เพลงนี้เป็นยังไงบ้างครับ”

พี่หลี เฉินเฟยเอ๋อร์ และจางจวิ้นจื้อปรบมืออย่างพร้อมเพรียงกัน!

ลู่เฉินหัวเราะ ยกมือขวาขึ้นมาทาบหน้าอก โน้มตัวและกล่าวว่า “ขอบคุณครับ!”

พี่หลีอดถามไม่ได้ “ลู่เฉิน เพลงนี้ของนายมีชื่อว่าอะไร”

เฉินเฟยเอ๋อร์พูดว่า “น่าจะเรียกว่าเจ้าผีเสื้อจงบินไปละมั้ง!”

ลู่เฉินชูนิ้วโป้งให้เธอ “ฉลาดมาก!”

เฉินเฟยเอ๋อร์กลอกตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์…ฉลาดไม่ฉลาดอะไรเล่า แค่วิเคราะห์ไปตามปกติเท่านั้น

สิ่งที่ทำให้เธอตกใจ อย่างแรกเลยคือสไตล์ของเพลงนี้แตกต่างจากผลงานเพลงที่ลู่เฉินเคยแต่งก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก มันไม่ใช่เพลงบัลลาดหรือเพลงรัก แต่ใกล้เคียงกับเพลงกล่อมเด็กมากกว่า

ผลงานเพลงประเภทนี้แต่ก่อนก็มีไม่น้อย แต่จะถูกจัดอยู่ในประเภทเพลงธีม ส่วนใหญ่จะเป็นทรัพย์สินของสถาบันการศึกษาของประเทศ ปัจจุบันหลังจากปรับเปลี่ยนมาทำการตลาดแบบภาคเอกชนเต็มรูปแบบแล้ว ผลงานเพลงใหม่ๆ ก็มีน้อยมาก

เฉินเฟยเอ๋อร์เคยร้องผลงานเพลงธีมมาก่อน จึงมีความรู้ส่วนนี้ค่อนข้างลึกซึ้ง

บริษัทแผ่นเสียงที่เป็นกิจการของเอกชนหรือบริษัทสื่อบันเทิงต่างจ้องมองกลุ่มตลาดที่มีอายุสูงขึ้น เด็กอายุสิบกว่าขวบไม่มีเงินทุนซื้อแม้กระทั่งบัตรคอนเสิร์ต แล้วจะดึงดูดความสนใจของบริษัทเหล่านี้ให้ตอบสนองความต้องการของคนพวกนี้โดยเฉพาะได้อย่างไร

อีกทั้งเพลงเด็กทั้งในประเทศและต่างประเทศก็มีอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องสร้างสรรค์ผลงานใหม่ก็มีบุญเก่าให้เก็บกิน

ดังนั้นตลาดของกลุ่มอายุนี้จึงถูกคนมองข้ามทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ ความจริงในอดีตที่ผ่านมาก็เคยมีสองสามบริษัทเคยทดลองตลาดนี้ ผลสรุปคือขาดทุน แล้วก็ไม่มีผลงานอะไรดีๆ ออกมาอีก

เพลง ‘เจ้าผีเสื้อจงบินไป[1]’ ของลู่เฉิน คือการเปิดหูเปิดตาผู้คนอย่างไม่ต้องสงสัย!

เพลงนี้มีทำนองเพลงที่มีชีวิตชีวา เนื้อเพลงกระตือรือร้นทะเยอะทะยาน ขณะเดียวกันก็รักษาสไตล์ของเพลงป็อปเอาไว้ เหมาะสมกับเด็กวัยรุ่นทั้งชายและหญิงช่วงอายุสิบกว่าปีมาก เข้ากับชื่อวง ‘เสียวหู่ถวน’ ที่เสนอโดยลู่เฉินเป็นอย่างมาก

อายุแบบนี้ก็ควรฟังเพลงและร้องเพลงแบบนี้!

ด้วยเหตุนี้ เพลง ‘เจ้าผีเสื้อจงบินไป’ ไม่น่าจะเป็นเพลงสำรองของลู่เฉิน แต่ถ้าหากเขาคิดออกมากะทันหันจะมีความสมบูรณ์ขนาดนี้ได้อย่างไร

ถ้าหากไม่ใช่เพราะพี่หลีกับจางจวิ้นจื้อ เฉินเฟยเอ๋อร์อยากจะเปิดกะโหลกของลู่เฉินออกมาดูจริงๆ ว่าใส่ความคิดอัศจรรย์ไว้ข้างในเท่าไร ถึงได้ทำให้คนรู้สึกตกตะลึงและนับถือ!

ลู่เฉินพูดกับพี่หลีว่า “โน้ตเพลงนี้ผมจะให้พี่วันพรุ่งนี้นะครับ ถือว่าเป็นผลงานเพลงเพลงหนึ่งในอัลบั้มของเสียวหู่ถวน พี่หลีคิดว่ายังไงครับ”

พี่หลียิ้มแล้วกล่าวว่า “ฉันพอใจมาก เพลงนี้สามารถทำเป็นเพลงหลักของอัลบั้มได้เลย ต่อไปนายคงต้องลำบากเขียนเพลงให้พวกเขาอีกสักสองเพลง แบบนี้ถึงจะรับประกันยอดขายของอัลบั้มได้!”

คืนนี้เธอพาลูกชายมาด้วย เดิมทีตั้งใจอยากจะให้จางจวิ้นจื้อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลู่เฉิน หวังว่าคนหลังจะช่วยแนะนำจางจวิ้นจื้อทางด้านดนตรีสักเล็กน้อย เพื่อให้เขาเดินบนเส้นทางในอนาคตได้อย่างราบรื่นและเร็วขึ้น

การทำงานหนักในวงการมาหลายปี ทำให้พี่หลีเข้าใจความสำคัญของสายสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง

แท้จริงแล้วพี่หลีไม่อยากให้จางจวิ้นจื้อทำงานด้านการแสดง แต่ในเมื่อลูกชายชอบ งั้นเธอก็จะช่วยสร้างโอกาสให้จางจวิ้นจื้ออย่างเต็มที่ อย่างเช่นก่อนหน้านี้ที่เธอติดต่อผ่านเฉินเฟยเอ๋อร์ให้เขาได้รับบทในละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ก็เพื่อปูทางให้กับจางจวิ้นจื้อนี่แหละ

เหมือนอย่างที่จางอ้ายหลิง[2]เคยกล่าวไว้ มีชื่อเสียงให้เร็วที่สุด เริ่มต้นตอนอายุสิบห้าปีไม่ถือว่าสายไป

แต่สิ่งที่ทำให้พี่หลีคาดไม่ถึงคือ เธออยากจะได้น้ำสักแก้ว แต่ลู่เฉินกลับให้เธอมาทั้งมหาสมุทร

ไอเดียของวงเสียวหู่ถวนสุดยอดจริงๆ ถ้าหากคนอื่นอยากจะทำวงบอยแบนด์แบบนี้ กว่าแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ต้องผิดหวัง แต่มีลู่เฉินสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง สถานการณ์จึงไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

ความสำเร็จของวงเอ็มเอสเอ็นก็คือตัวอย่างที่ดีที่สุด!

และพอสร้างวงบอยแบนด์ จางจวิ้นจื้อก็มีเพื่อนแล้ว เขาจะไม่เหงาอีกต่อไป

พี่หลีรู้สึกซาบซึ้งในตัวลู่เฉินมาก เกินที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้!

ลู่เฉินพยักหน้า แล้วเอ่ยว่า “เรื่องของอัลบั้มยังไม่ต้องรีบร้อนนะครับ อย่างแรกสร้างวงให้ได้ก่อน และจำเป็นต้องฝึกอบรมการเต้น การร้อง และพัฒนารูปลักษณ์ รอให้ผมถ่ายละครเรื่องนี้จบก่อน กลับไปค่อยพิจารณาเรื่องอัลบั้มอีกทีครับ”

การสร้างวงบอยแบนด์และวงเกิร์ลกรุ๊ป ใช่ว่าจะหาใครก็ได้มาสองสามคนแล้วก็เดบิวต์ทันที โดยทั่วไปแล้วจำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนและเรียนรู้เป็นระยะเวลาที่นานมาก หลังจากบรรลุระดับที่ต้องการแล้วถึงจะปรากฏตัวอย่างเป็นทางการได้

วงที่เหมือนกับวงเกิร์ลกรุ๊ปอย่างเอ็มเอสเอ็นมีให้เห็นน้อยมาก พวกเธอเดบิวต์ได้เร็วเพราะมีทักษะพื้นฐานที่ไม่เลวและพยายามอย่างยากลำบาก บวกกับเงินลงทุนก้อนโตและทรัพยากรของเฟยสือเรคคอร์ด ถึงสามารถโดดเด่นไม่เหมือนใครได้ในระยะเวลาอันสั้น

ตัวอย่างแบบนี้ยากที่จะลอกเลียนแบบได้

จางจวิ้นจื้อเพิ่งอายุสิบห้าปีเต็ม ไม่จำเป็นต้องสู้สุดชีวิตขนาดนั้น เขายังต้องสนใจเรื่องการเรียนในชีวิตประจำวัน

พี่หลีเข้าใจเหตุผลเป็นอย่างดี “อืม งั้นพวกเราจะอยู่ที่ปักกิ่งรอนายกับเฟยเอ๋อร์กลับมานะ”

เธอยื่นมือตบลูกชายของตัวเองเบาๆ “ยังไม่รีบขอบคุณพี่ลู่เฉินของลูกอีก!”

จางจวิ้นจื้อหัวเราะคิกคักดีใจแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่ลู่เฉินครับ ต่อไปผมฝากตัวกับพี่และพี่เฟยเอ๋อร์ด้วยนะครับ!”

ลู่เฉินกลั้นหัวเราะไม่อยู่

พี่หลีขึงตาใส่หนึ่งที “กะล่อน!”

เธอลุกขึ้นแล้วพูดว่า “งั้นฉันไม่รบกวนพวกเธอสองคนแล้ว ขอตัวกลับกับเสี่ยวจื้อก่อน”

ใบหน้าเรียวเล็กของเฉินเฟยเอ๋อร์เขินอายขึ้นมาทันที รีบลุกตามและเอ่ยว่า “ฉันก็ต้องกลับแล้ว พี่หลีเดี๋ยวฉันลงไปส่งพี่ข้างล่างค่ะ พวกเราจะได้คุยกันอีก”

พี่หลีหัวเราะเหอะๆๆ “แบบนั้นเกรงใจแย่เลย ต้องโทษฉันคนเดียว ไม่เลือกเวลามาให้ดี”

รอยยิ้มของเธอมีความกำกวมมาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะลูกชายของตัวเองอยู่ด้วยละก็ เธอคงจะพูดหยอกล้อสองคนนี้สักสองสามประโยค

ลู่เฉินรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จึงส่งพี่หลี เฉินเฟยเอ๋อร์ และจางจวิ้นจื้อออกจากห้อง

โอกาสในคืนนี้ช่างหายากนัก กว่าจะข้ามเขตแดนมาได้ก็ไม่ง่าย กำลังคิดว่าจะใช้เวลาค่ำคืนอันอบอุ่นโรแมนติกกับเฉินเฟยเอ๋อร์อย่างไรอยู่แท้ๆ แต่กลับถูกพี่หลีที่ไม่รู้เรื่องเข้ามาทำลายเสียนี่

ถึงแม้เฉินเฟยเอ๋อร์จะเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ในด้านนี้ก็ยังรักนวลสงวนตัวและมีความเป็นกุลสตรีมาก ไม่ยอมให้ลู่เฉินข้ามแดนมาง่ายๆ เมื่อรอดครั้งนี้ไปได้ เธอจึงไม่ยอมกลับไปที่ห้องของลู่เฉินอีก

ยามราตรีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เช้าวันถัดมาลู่เฉินตื่นแต่เช้าตรู่ แล้วเรียกหลี่เฟยอวี่ไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าด้วยกัน

พี่เสี่ยวเฟยเป็นผู้ชายติดบ้านตามแบบฉบับ นอกจากทำงานประจำวันแล้ว เขาจะนั่งโดยไม่ลุก หากได้นอนก็จะไม่นั่ง ใช้เวลาที่เหลืออยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ คุณสมบัติทางร่างกายจึงไม่ดีนัก

แต่ถ้าอยากจะเป็นผู้ช่วยที่มีคุณสมบัติผ่าน หากไม่มีร่างกายที่ดีนั้นไม่ได้

เขาทำงานเป็นผู้ช่วยมาช่วงหนึ่ง จึงเข้าใจเหตุผลนี้ดี ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายเข้าไปขอออกกำลังกายกับลู่เฉิน

ผลสรุปว่าวิ่งไม่ถึงพันเมตร หมอนี่ก็หายใจหอบแฮ่กๆ เหมือนวัว แลบลิ้นเดินอย่างยากลำบาก

ลู่เฉินหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ร่างกายของนายแย่เกินไป มิน่าล่ะตอนนี้ก็ยังตามจีบพี่เสี่ยวเหม่ยไม่ได้สักที ต้องตั้งใจฝึกหน่อยนะ”

เรื่องที่หลี่เฟยอวี่ตามจีบพี่เสี่ยวเหม่ยสามารถนำมาเขียนเป็นบทละครได้เลย ถึงแม้พี่เสี่ยวเหม่ยจะมาทำงานอยู่ฝ่ายต้อนรับที่สตูดิโอลู่เฉินนานแล้ว แต่หลี่เฟยอวี่ที่เป็นเหมือนเก๋งใกล้น้ำก็ยังไม่ได้พระจันทร์สักที

จากคำพูดของเขา ตอนนี้อยู่ในช่วงสำรวจ ห่างจากฐานแรกอีกนิดหน่อย

หลี่เฟยอวี่พูดหน้าเจื่อนๆ “ช้าๆ ช้าๆ นะ…”

ลู่เฉินส่ายหน้า “งั้นนายก็ช้าๆ ไปเถอะ ฉันขอไปก่อน”

เขาเร่งความเร็ว วิ่งไปตามริมฝั่งน้ำ ไม่ช้าก็ทิ้งหลี่เฟยอวี่ไว้ข้างหลัง

จินหลิงเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้วสวยงามมาก เมืองโบราณที่มีอายุนับพันปีแห่งนี้มีเสน่ห์ที่ต่างไปจากเมืองปักกิ่ง เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์สำคัญเหมือนกัน แต่ทิวทัศน์และบุคคลกลับต่างกัน

วิ่งบนถนนเส้นยาว ผ่านการขวางกั้นของหมอกบางๆ ลู่เฉินสามารถสัมผัสถึงความงดงามของเมืองแห่งนี้ได้ดียิ่งขึ้น!

ลู่เฉินออกกำลังกายตอนเช้าข้างนอกสองชั่วโมง รับประทานอาหารเช้าแล้วจึงกลับไปที่โรงแรม

เขากับเฉินเฟยเอ๋อร์นั่งรถของคนหลังเร่งรุดไปถึงสถานที่ถ่ายทำของโรงถ่ายพร้อมกัน เพื่อรวมตัวกับกองถ่ายอีกครั้ง

ละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ถ่ายทำสองตอนแรกเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังถ่ายทำตอนที่สามอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ถ้าหากราบรื่นทั้งหมด วันมะรืนนี้นักแสดงนำตัวจริงอย่างลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ก็จะได้ปรากฏตัว

ที่มาในวันนี้ นอกจากตรวจสอบความคืบหน้าของการถ่ายทำแล้ว ทั้งสองคนยังต้องถ่ายภาพฟิตติ้งด้วย

สิ่งที่เรียกว่าภาพฟิตติ้ง หรือเรียกอีกอย่างว่าภาพถ่ายสไตล์ คือภาพถ่ายที่นักแสดงถ่ายไว้หลังจากแต่งหน้าทำผมตามบทบาทของตัวละครตัวหนึ่ง ยึดตามจุดประสงค์ของการบรรยายภาพลักษณ์บุคคลในบทละครและผู้กำกับ โดยมีตากล้อง ฝ่ายศิลป์ ทีมแต่งหน้า ฝ่ายคอสตูม ฝ่ายจัดแสง เป็นต้น ดำเนินการสรุปผลการวิเคราะห์และศึกษาวิจัยรูปแบบของตัวละคร

ภาพฟิตติ้งสามารถถ่ายทำสำเร็จได้ในครั้งเดียวหรืออาจจะทำซ้ำกันหลายครั้งก็ได้ ภาพที่ถูกเลือกเป็นอันสุดท้ายก็คือภาพที่ให้ทีมงานใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับแต่งตัวแต่งหน้าให้นักแสดงระหว่างการถ่ายทำ

ในฐานะพระเอกและนางเอกของละครโทรทัศน์เรื่องนี้ ภาพถ่ายฟิตติ้งของทั้งสองคนย่อมมีความสำคัญเป็นพิเศษ นอกจากความจำเป็นในการถ่ายทำแล้ว ก็ยังต้องใช้ในการโปรโมตละครโทรทัศน์อีกด้วย

โดยปกติทั่วไป ละครสุดสัปดาห์ถ่ายทำได้หกถึงแปดตอนก็เริ่มออกอากาศได้แล้ว

ถึงแม้การออกอากาศครั้งแรกของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จะยังไม่ได้กำหนดเลย แต่การสร้างกระแสโปรโมตจะช้าไม่ได้ เพราะเกี่ยวข้องกับเรตติ้งผู้ชมซึ่งมีความสำคัญที่สุด

เรตติ้งผู้ชมคือมาตรฐานที่สำคัญที่สุดในการวัดว่าละครเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่!

ช่างแต่งหน้าและฝ่ายคอสตูมวิ่งวุ่นรอบตัวของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์นานหนึ่งชั่วโมง ถึงแต่งออกมาตามความต้องการในละครได้สำเร็จ

การแต่งกายของลู่เฉินง่ายมาก เขามีความหล่อเหลามากพอ มีผิวดีเป็นทุนเดิม เพราะฉะนั้นการแต่งหน้าคือการตกแต่งไม่ใช่การปกปิด ขับดุนให้โครงหน้าชัดเจนก็พอแล้ว

ชุดสูทสีน้ำเงินเข้มที่สั่งตัดโดยเฉพาะ แมตช์กับเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวทรงตรง เข้ากันกับร่างกายที่เขาฝึกฝนมาตลอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีมาดของไอดอลเป็นอย่างมาก

ส่วนเฉินเฟยเอ๋อร์แต่งหน้าบางๆ สวมชุดกระโปรงสีขาวเรียบง่ายราคาถูก ปล่อยผมยาวถึงช่วงไหล่สัมผัสได้ถึงความน่าประทับใจอย่างบอกไม่ถูก สวยงามและแฝงไปด้วยความบริสุทธิ์สดใส ไม่มีใครรู้สึกว่าเธออายุใกล้จะสามสิบปีแล้ว

ตอนที่ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน หันมายิ้มให้กันและกันนั้น ทีมงานของกองถ่ายที่อยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นตากล้อง ช่างแต่งหน้า เป็นต้น ต่างก็อุทานอยู่ในใจ

เหมาะสมกันมากจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นส่วนสูง รูปลักษณ์ภายนอก บุคลิก หรือความรู้ใจกันของทั้งสองคน ในวงการบันเทิง ยากมากที่จะหาคู่ที่เหมาะสมกันได้ขนาดนี้!

…………………………………………………………………………

[1]《蝴蝶飞呀》เพลง เจ้าผีเสื้อจงบินไป แต่งเนื้อร้องและทำนองโดย หลีจื่อเหิง (李子恒)

[2] จางอ้ายหลิง (ไอลีน จาง) คือนักเขียนนวนิยายและบทภาพยนตร์ชื่อดัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Perfect Superstar 249 เหมาะสมกันมาก!

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 249 เหมาะสมกันมาก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 249 เหมาะสมกันมาก!

“เจ้าผีเสื้อจงบินไป เหมือนกับเด็กวิ่งท่ามกลางสายลม สัมผัสสายรุ้งแห่งความเยาว์วัย ไกลยิ่งกว่าท้องทะเลสูงยิ่งกว่าท้องฟ้า”

“เจ้าผีเสื้อจงบินไป บินไปสู่ปราสาทแห่งอนาคต เปิดหน้าต่างแห่งความฝัน ปล่อยให้เติบโตรวดเร็วและสวยงามยิ่งขึ้น!”

“เจ้าผีเสื้อจงบินไป~”

ลู่เฉินกรีดนิ้วเล่นโน้ตดนตรีตัวสุดท้าย จากนั้นก็ถามผู้ชมทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้า “เพลงนี้เป็นยังไงบ้างครับ”

พี่หลี เฉินเฟยเอ๋อร์ และจางจวิ้นจื้อปรบมืออย่างพร้อมเพรียงกัน!

ลู่เฉินหัวเราะ ยกมือขวาขึ้นมาทาบหน้าอก โน้มตัวและกล่าวว่า “ขอบคุณครับ!”

พี่หลีอดถามไม่ได้ “ลู่เฉิน เพลงนี้ของนายมีชื่อว่าอะไร”

เฉินเฟยเอ๋อร์พูดว่า “น่าจะเรียกว่าเจ้าผีเสื้อจงบินไปละมั้ง!”

ลู่เฉินชูนิ้วโป้งให้เธอ “ฉลาดมาก!”

เฉินเฟยเอ๋อร์กลอกตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์…ฉลาดไม่ฉลาดอะไรเล่า แค่วิเคราะห์ไปตามปกติเท่านั้น

สิ่งที่ทำให้เธอตกใจ อย่างแรกเลยคือสไตล์ของเพลงนี้แตกต่างจากผลงานเพลงที่ลู่เฉินเคยแต่งก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก มันไม่ใช่เพลงบัลลาดหรือเพลงรัก แต่ใกล้เคียงกับเพลงกล่อมเด็กมากกว่า

ผลงานเพลงประเภทนี้แต่ก่อนก็มีไม่น้อย แต่จะถูกจัดอยู่ในประเภทเพลงธีม ส่วนใหญ่จะเป็นทรัพย์สินของสถาบันการศึกษาของประเทศ ปัจจุบันหลังจากปรับเปลี่ยนมาทำการตลาดแบบภาคเอกชนเต็มรูปแบบแล้ว ผลงานเพลงใหม่ๆ ก็มีน้อยมาก

เฉินเฟยเอ๋อร์เคยร้องผลงานเพลงธีมมาก่อน จึงมีความรู้ส่วนนี้ค่อนข้างลึกซึ้ง

บริษัทแผ่นเสียงที่เป็นกิจการของเอกชนหรือบริษัทสื่อบันเทิงต่างจ้องมองกลุ่มตลาดที่มีอายุสูงขึ้น เด็กอายุสิบกว่าขวบไม่มีเงินทุนซื้อแม้กระทั่งบัตรคอนเสิร์ต แล้วจะดึงดูดความสนใจของบริษัทเหล่านี้ให้ตอบสนองความต้องการของคนพวกนี้โดยเฉพาะได้อย่างไร

อีกทั้งเพลงเด็กทั้งในประเทศและต่างประเทศก็มีอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องสร้างสรรค์ผลงานใหม่ก็มีบุญเก่าให้เก็บกิน

ดังนั้นตลาดของกลุ่มอายุนี้จึงถูกคนมองข้ามทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ ความจริงในอดีตที่ผ่านมาก็เคยมีสองสามบริษัทเคยทดลองตลาดนี้ ผลสรุปคือขาดทุน แล้วก็ไม่มีผลงานอะไรดีๆ ออกมาอีก

เพลง ‘เจ้าผีเสื้อจงบินไป[1]’ ของลู่เฉิน คือการเปิดหูเปิดตาผู้คนอย่างไม่ต้องสงสัย!

เพลงนี้มีทำนองเพลงที่มีชีวิตชีวา เนื้อเพลงกระตือรือร้นทะเยอะทะยาน ขณะเดียวกันก็รักษาสไตล์ของเพลงป็อปเอาไว้ เหมาะสมกับเด็กวัยรุ่นทั้งชายและหญิงช่วงอายุสิบกว่าปีมาก เข้ากับชื่อวง ‘เสียวหู่ถวน’ ที่เสนอโดยลู่เฉินเป็นอย่างมาก

อายุแบบนี้ก็ควรฟังเพลงและร้องเพลงแบบนี้!

ด้วยเหตุนี้ เพลง ‘เจ้าผีเสื้อจงบินไป’ ไม่น่าจะเป็นเพลงสำรองของลู่เฉิน แต่ถ้าหากเขาคิดออกมากะทันหันจะมีความสมบูรณ์ขนาดนี้ได้อย่างไร

ถ้าหากไม่ใช่เพราะพี่หลีกับจางจวิ้นจื้อ เฉินเฟยเอ๋อร์อยากจะเปิดกะโหลกของลู่เฉินออกมาดูจริงๆ ว่าใส่ความคิดอัศจรรย์ไว้ข้างในเท่าไร ถึงได้ทำให้คนรู้สึกตกตะลึงและนับถือ!

ลู่เฉินพูดกับพี่หลีว่า “โน้ตเพลงนี้ผมจะให้พี่วันพรุ่งนี้นะครับ ถือว่าเป็นผลงานเพลงเพลงหนึ่งในอัลบั้มของเสียวหู่ถวน พี่หลีคิดว่ายังไงครับ”

พี่หลียิ้มแล้วกล่าวว่า “ฉันพอใจมาก เพลงนี้สามารถทำเป็นเพลงหลักของอัลบั้มได้เลย ต่อไปนายคงต้องลำบากเขียนเพลงให้พวกเขาอีกสักสองเพลง แบบนี้ถึงจะรับประกันยอดขายของอัลบั้มได้!”

คืนนี้เธอพาลูกชายมาด้วย เดิมทีตั้งใจอยากจะให้จางจวิ้นจื้อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลู่เฉิน หวังว่าคนหลังจะช่วยแนะนำจางจวิ้นจื้อทางด้านดนตรีสักเล็กน้อย เพื่อให้เขาเดินบนเส้นทางในอนาคตได้อย่างราบรื่นและเร็วขึ้น

การทำงานหนักในวงการมาหลายปี ทำให้พี่หลีเข้าใจความสำคัญของสายสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง

แท้จริงแล้วพี่หลีไม่อยากให้จางจวิ้นจื้อทำงานด้านการแสดง แต่ในเมื่อลูกชายชอบ งั้นเธอก็จะช่วยสร้างโอกาสให้จางจวิ้นจื้ออย่างเต็มที่ อย่างเช่นก่อนหน้านี้ที่เธอติดต่อผ่านเฉินเฟยเอ๋อร์ให้เขาได้รับบทในละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ก็เพื่อปูทางให้กับจางจวิ้นจื้อนี่แหละ

เหมือนอย่างที่จางอ้ายหลิง[2]เคยกล่าวไว้ มีชื่อเสียงให้เร็วที่สุด เริ่มต้นตอนอายุสิบห้าปีไม่ถือว่าสายไป

แต่สิ่งที่ทำให้พี่หลีคาดไม่ถึงคือ เธออยากจะได้น้ำสักแก้ว แต่ลู่เฉินกลับให้เธอมาทั้งมหาสมุทร

ไอเดียของวงเสียวหู่ถวนสุดยอดจริงๆ ถ้าหากคนอื่นอยากจะทำวงบอยแบนด์แบบนี้ กว่าแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ต้องผิดหวัง แต่มีลู่เฉินสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง สถานการณ์จึงไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

ความสำเร็จของวงเอ็มเอสเอ็นก็คือตัวอย่างที่ดีที่สุด!

และพอสร้างวงบอยแบนด์ จางจวิ้นจื้อก็มีเพื่อนแล้ว เขาจะไม่เหงาอีกต่อไป

พี่หลีรู้สึกซาบซึ้งในตัวลู่เฉินมาก เกินที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้!

ลู่เฉินพยักหน้า แล้วเอ่ยว่า “เรื่องของอัลบั้มยังไม่ต้องรีบร้อนนะครับ อย่างแรกสร้างวงให้ได้ก่อน และจำเป็นต้องฝึกอบรมการเต้น การร้อง และพัฒนารูปลักษณ์ รอให้ผมถ่ายละครเรื่องนี้จบก่อน กลับไปค่อยพิจารณาเรื่องอัลบั้มอีกทีครับ”

การสร้างวงบอยแบนด์และวงเกิร์ลกรุ๊ป ใช่ว่าจะหาใครก็ได้มาสองสามคนแล้วก็เดบิวต์ทันที โดยทั่วไปแล้วจำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนและเรียนรู้เป็นระยะเวลาที่นานมาก หลังจากบรรลุระดับที่ต้องการแล้วถึงจะปรากฏตัวอย่างเป็นทางการได้

วงที่เหมือนกับวงเกิร์ลกรุ๊ปอย่างเอ็มเอสเอ็นมีให้เห็นน้อยมาก พวกเธอเดบิวต์ได้เร็วเพราะมีทักษะพื้นฐานที่ไม่เลวและพยายามอย่างยากลำบาก บวกกับเงินลงทุนก้อนโตและทรัพยากรของเฟยสือเรคคอร์ด ถึงสามารถโดดเด่นไม่เหมือนใครได้ในระยะเวลาอันสั้น

ตัวอย่างแบบนี้ยากที่จะลอกเลียนแบบได้

จางจวิ้นจื้อเพิ่งอายุสิบห้าปีเต็ม ไม่จำเป็นต้องสู้สุดชีวิตขนาดนั้น เขายังต้องสนใจเรื่องการเรียนในชีวิตประจำวัน

พี่หลีเข้าใจเหตุผลเป็นอย่างดี “อืม งั้นพวกเราจะอยู่ที่ปักกิ่งรอนายกับเฟยเอ๋อร์กลับมานะ”

เธอยื่นมือตบลูกชายของตัวเองเบาๆ “ยังไม่รีบขอบคุณพี่ลู่เฉินของลูกอีก!”

จางจวิ้นจื้อหัวเราะคิกคักดีใจแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่ลู่เฉินครับ ต่อไปผมฝากตัวกับพี่และพี่เฟยเอ๋อร์ด้วยนะครับ!”

ลู่เฉินกลั้นหัวเราะไม่อยู่

พี่หลีขึงตาใส่หนึ่งที “กะล่อน!”

เธอลุกขึ้นแล้วพูดว่า “งั้นฉันไม่รบกวนพวกเธอสองคนแล้ว ขอตัวกลับกับเสี่ยวจื้อก่อน”

ใบหน้าเรียวเล็กของเฉินเฟยเอ๋อร์เขินอายขึ้นมาทันที รีบลุกตามและเอ่ยว่า “ฉันก็ต้องกลับแล้ว พี่หลีเดี๋ยวฉันลงไปส่งพี่ข้างล่างค่ะ พวกเราจะได้คุยกันอีก”

พี่หลีหัวเราะเหอะๆๆ “แบบนั้นเกรงใจแย่เลย ต้องโทษฉันคนเดียว ไม่เลือกเวลามาให้ดี”

รอยยิ้มของเธอมีความกำกวมมาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะลูกชายของตัวเองอยู่ด้วยละก็ เธอคงจะพูดหยอกล้อสองคนนี้สักสองสามประโยค

ลู่เฉินรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จึงส่งพี่หลี เฉินเฟยเอ๋อร์ และจางจวิ้นจื้อออกจากห้อง

โอกาสในคืนนี้ช่างหายากนัก กว่าจะข้ามเขตแดนมาได้ก็ไม่ง่าย กำลังคิดว่าจะใช้เวลาค่ำคืนอันอบอุ่นโรแมนติกกับเฉินเฟยเอ๋อร์อย่างไรอยู่แท้ๆ แต่กลับถูกพี่หลีที่ไม่รู้เรื่องเข้ามาทำลายเสียนี่

ถึงแม้เฉินเฟยเอ๋อร์จะเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ในด้านนี้ก็ยังรักนวลสงวนตัวและมีความเป็นกุลสตรีมาก ไม่ยอมให้ลู่เฉินข้ามแดนมาง่ายๆ เมื่อรอดครั้งนี้ไปได้ เธอจึงไม่ยอมกลับไปที่ห้องของลู่เฉินอีก

ยามราตรีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เช้าวันถัดมาลู่เฉินตื่นแต่เช้าตรู่ แล้วเรียกหลี่เฟยอวี่ไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าด้วยกัน

พี่เสี่ยวเฟยเป็นผู้ชายติดบ้านตามแบบฉบับ นอกจากทำงานประจำวันแล้ว เขาจะนั่งโดยไม่ลุก หากได้นอนก็จะไม่นั่ง ใช้เวลาที่เหลืออยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ คุณสมบัติทางร่างกายจึงไม่ดีนัก

แต่ถ้าอยากจะเป็นผู้ช่วยที่มีคุณสมบัติผ่าน หากไม่มีร่างกายที่ดีนั้นไม่ได้

เขาทำงานเป็นผู้ช่วยมาช่วงหนึ่ง จึงเข้าใจเหตุผลนี้ดี ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายเข้าไปขอออกกำลังกายกับลู่เฉิน

ผลสรุปว่าวิ่งไม่ถึงพันเมตร หมอนี่ก็หายใจหอบแฮ่กๆ เหมือนวัว แลบลิ้นเดินอย่างยากลำบาก

ลู่เฉินหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ร่างกายของนายแย่เกินไป มิน่าล่ะตอนนี้ก็ยังตามจีบพี่เสี่ยวเหม่ยไม่ได้สักที ต้องตั้งใจฝึกหน่อยนะ”

เรื่องที่หลี่เฟยอวี่ตามจีบพี่เสี่ยวเหม่ยสามารถนำมาเขียนเป็นบทละครได้เลย ถึงแม้พี่เสี่ยวเหม่ยจะมาทำงานอยู่ฝ่ายต้อนรับที่สตูดิโอลู่เฉินนานแล้ว แต่หลี่เฟยอวี่ที่เป็นเหมือนเก๋งใกล้น้ำก็ยังไม่ได้พระจันทร์สักที

จากคำพูดของเขา ตอนนี้อยู่ในช่วงสำรวจ ห่างจากฐานแรกอีกนิดหน่อย

หลี่เฟยอวี่พูดหน้าเจื่อนๆ “ช้าๆ ช้าๆ นะ…”

ลู่เฉินส่ายหน้า “งั้นนายก็ช้าๆ ไปเถอะ ฉันขอไปก่อน”

เขาเร่งความเร็ว วิ่งไปตามริมฝั่งน้ำ ไม่ช้าก็ทิ้งหลี่เฟยอวี่ไว้ข้างหลัง

จินหลิงเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้วสวยงามมาก เมืองโบราณที่มีอายุนับพันปีแห่งนี้มีเสน่ห์ที่ต่างไปจากเมืองปักกิ่ง เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์สำคัญเหมือนกัน แต่ทิวทัศน์และบุคคลกลับต่างกัน

วิ่งบนถนนเส้นยาว ผ่านการขวางกั้นของหมอกบางๆ ลู่เฉินสามารถสัมผัสถึงความงดงามของเมืองแห่งนี้ได้ดียิ่งขึ้น!

ลู่เฉินออกกำลังกายตอนเช้าข้างนอกสองชั่วโมง รับประทานอาหารเช้าแล้วจึงกลับไปที่โรงแรม

เขากับเฉินเฟยเอ๋อร์นั่งรถของคนหลังเร่งรุดไปถึงสถานที่ถ่ายทำของโรงถ่ายพร้อมกัน เพื่อรวมตัวกับกองถ่ายอีกครั้ง

ละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ถ่ายทำสองตอนแรกเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังถ่ายทำตอนที่สามอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ถ้าหากราบรื่นทั้งหมด วันมะรืนนี้นักแสดงนำตัวจริงอย่างลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ก็จะได้ปรากฏตัว

ที่มาในวันนี้ นอกจากตรวจสอบความคืบหน้าของการถ่ายทำแล้ว ทั้งสองคนยังต้องถ่ายภาพฟิตติ้งด้วย

สิ่งที่เรียกว่าภาพฟิตติ้ง หรือเรียกอีกอย่างว่าภาพถ่ายสไตล์ คือภาพถ่ายที่นักแสดงถ่ายไว้หลังจากแต่งหน้าทำผมตามบทบาทของตัวละครตัวหนึ่ง ยึดตามจุดประสงค์ของการบรรยายภาพลักษณ์บุคคลในบทละครและผู้กำกับ โดยมีตากล้อง ฝ่ายศิลป์ ทีมแต่งหน้า ฝ่ายคอสตูม ฝ่ายจัดแสง เป็นต้น ดำเนินการสรุปผลการวิเคราะห์และศึกษาวิจัยรูปแบบของตัวละคร

ภาพฟิตติ้งสามารถถ่ายทำสำเร็จได้ในครั้งเดียวหรืออาจจะทำซ้ำกันหลายครั้งก็ได้ ภาพที่ถูกเลือกเป็นอันสุดท้ายก็คือภาพที่ให้ทีมงานใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับแต่งตัวแต่งหน้าให้นักแสดงระหว่างการถ่ายทำ

ในฐานะพระเอกและนางเอกของละครโทรทัศน์เรื่องนี้ ภาพถ่ายฟิตติ้งของทั้งสองคนย่อมมีความสำคัญเป็นพิเศษ นอกจากความจำเป็นในการถ่ายทำแล้ว ก็ยังต้องใช้ในการโปรโมตละครโทรทัศน์อีกด้วย

โดยปกติทั่วไป ละครสุดสัปดาห์ถ่ายทำได้หกถึงแปดตอนก็เริ่มออกอากาศได้แล้ว

ถึงแม้การออกอากาศครั้งแรกของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จะยังไม่ได้กำหนดเลย แต่การสร้างกระแสโปรโมตจะช้าไม่ได้ เพราะเกี่ยวข้องกับเรตติ้งผู้ชมซึ่งมีความสำคัญที่สุด

เรตติ้งผู้ชมคือมาตรฐานที่สำคัญที่สุดในการวัดว่าละครเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่!

ช่างแต่งหน้าและฝ่ายคอสตูมวิ่งวุ่นรอบตัวของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์นานหนึ่งชั่วโมง ถึงแต่งออกมาตามความต้องการในละครได้สำเร็จ

การแต่งกายของลู่เฉินง่ายมาก เขามีความหล่อเหลามากพอ มีผิวดีเป็นทุนเดิม เพราะฉะนั้นการแต่งหน้าคือการตกแต่งไม่ใช่การปกปิด ขับดุนให้โครงหน้าชัดเจนก็พอแล้ว

ชุดสูทสีน้ำเงินเข้มที่สั่งตัดโดยเฉพาะ แมตช์กับเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวทรงตรง เข้ากันกับร่างกายที่เขาฝึกฝนมาตลอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีมาดของไอดอลเป็นอย่างมาก

ส่วนเฉินเฟยเอ๋อร์แต่งหน้าบางๆ สวมชุดกระโปรงสีขาวเรียบง่ายราคาถูก ปล่อยผมยาวถึงช่วงไหล่สัมผัสได้ถึงความน่าประทับใจอย่างบอกไม่ถูก สวยงามและแฝงไปด้วยความบริสุทธิ์สดใส ไม่มีใครรู้สึกว่าเธออายุใกล้จะสามสิบปีแล้ว

ตอนที่ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน หันมายิ้มให้กันและกันนั้น ทีมงานของกองถ่ายที่อยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นตากล้อง ช่างแต่งหน้า เป็นต้น ต่างก็อุทานอยู่ในใจ

เหมาะสมกันมากจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นส่วนสูง รูปลักษณ์ภายนอก บุคลิก หรือความรู้ใจกันของทั้งสองคน ในวงการบันเทิง ยากมากที่จะหาคู่ที่เหมาะสมกันได้ขนาดนี้!

…………………………………………………………………………

[1]《蝴蝶飞呀》เพลง เจ้าผีเสื้อจงบินไป แต่งเนื้อร้องและทำนองโดย หลีจื่อเหิง (李子恒)

[2] จางอ้ายหลิง (ไอลีน จาง) คือนักเขียนนวนิยายและบทภาพยนตร์ชื่อดัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด