Perfect Superstar 576 วั่นจินผิง

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 576 วั่นจินผิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 576 วั่นจินผิง

‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ เป็นละครแนวความรักของคนเมืองเรื่องที่สามที่ลู่เฉินเตรียมจะถ่ายทำในปีนี้ และเป็นละครรักโรแมนติกเรื่องสุดท้ายของเขาจากทั้งหมดสามเรื่อง หลังจากถ่ายทำเสร็จเขาจะเปลี่ยนไปทำละครแนวกำลังภายใน

พระเอกนางเอกของละครเรื่องนี้ยังคงเป็นเขาและเฉินเฟยเอ๋อร์ที่มารับบท นับว่าเป็นการทำให้สำเร็จลุล่วงสมบูรณ์ไปขั้นตอนหนึ่ง

เป็นเพราะเหตุนี้ ลู่เฉินจึงให้ความสำคัญกับละครเรื่องนี้มากกว่า ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ และ ‘ฟูลเฮ้าส์’ เสียอีก การเตรียมการในทุกด้านเหนือกว่า ‘ฟูลเฮ้าส์’ หลายเท่า หลักๆ คือการเพิ่มสเปเชียลเอฟเฟกต์เข้าไป

‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ มีสีสันของแนวไซไฟอยู่ส่วนหนึ่ง พระเอกเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีความสามารถเหนือมนุษย์และมีอายุยืนยาว ละครรักโรแมนติกอันแสนพิเศษเรื่องนี้ มีความแปลกใหม่มากกว่าละครประเภทเดียวกันเรื่องอื่น

ลู่เฉินหยิบเอาความทรงจำเรื่อง ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ ในโลกแห่งความฝันออกมา ก็เพราะอยากจะสร้างปรากฏการณ์เรตติ้งอีกครั้ง

แต่ต่อให้มีความทรงจำล้ำค่าจากอีกโลกหนึ่ง ลู่เฉินก็ไม่เคยนิ่งนอนใจในการหาเงิน ตอนอยู่ที่ฮ่องกงเขาได้เริ่มเขียนบทละคร ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ และได้แก้ไขรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จากเนื้อหาเดิม โดยเฉพาะบั๊กบางอย่างและเนื้อเรื่องที่จะทำให้ผู้ชมตำหนิติเตียนได้ ทำให้เรื่องราวและตัวละครสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ด้วยวิธีเดียวกันนี้ เขาทำให้ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ประสบความสำเร็จมาแล้ว ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ ก็ไม่ต่างกัน และจะต้องทำได้ดียิ่งกว่าด้วย

ละครเรื่องนี้ลู่เฉินเตรียมจะถ่ายทำสามสิบตอน เพิ่มเนื้อเรื่องใหม่เข้าไป ตัวละครในเรื่องก็จะเพิ่มขึ้นตามด้วย มีความซื่อตรงต่อต้นฉบับและดีกว่าต้นฉบับด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้ งานเขียนบทละครของลู่เฉินจึงเพิ่มขึ้นมาก เขายังชอบควบคุมเนื้อเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง จึงไม่เหมือนกับบทละครเรื่องอื่นที่จ้างทีมงานมาสร้างสรรค์บทให้ตัวเอง

มาถึงก้าวนี้ลู่เฉินไม่มีความคิดอยากได้เงินทองหรือชื่อเสียงอีกแล้ว สิ่งที่เขาไขว่คว้าคือการก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมในอาชีพการงานของเขา ทำแบบนี้ถึงจะพัฒนาก้าวหน้าได้ไม่สิ้นสุด

ดังนั้นบทละครเรื่อง ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ ลู่เฉินถึงใช้เวลาเขียนยาวนานถึงสองเดือน จนตอนนี้ยังไม่มีฉบับสุดท้ายที่สมบูรณ์ ยังมีรายละเอียดมากมายที่ต้องปรับปรุง กลับกลายเป็นคนที่อยากมาร่วมงานด้วยนั้นมีมาไม่ขาดสาย จนธรณีประตูแทบจะพังอยู่แล้ว!

หนึ่งในนั้นคือสถานีโทรทัศน์เจ้อตงและสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งที่กระตือรือร้นเป็นพิเศษ ทั้งสองสถานีได้ลิ้มรสความหวานชื่นจากละครเรื่อง ‘ฟูลเฮ้าส์’ มาแล้ว ทำรายได้จากค่าโฆษณาเป็นกอบเป็นกำ ดังนั้นเรื่อง ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ พวกเขาต้องคว้ามาให้ได้

ทั้งประเทศมีสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมทั้งหมดเกือบสามสิบแห่ง สถานีที่เคยติดต่อเจรจากับสตูดิโอลู่เฉินมีสิบกว่าแห่ง สถานีโทรทัศน์เจ้าอื่นไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจ แต่รู้ตัวดีว่าความสามารถมีจำกัดจึงไม่อาจเข้าร่วมและแก่งแย่งได้

นอกจากสถานีโทรทัศน์เจ้อตงและสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งแล้ว สถานีโทรทัศน์ทุนสูงอีกแห่งที่กระตือรือร้นไม่แพ้กันคือ สถานีโทรทัศน์ฮู่ไห่

ราคาที่สถานีโทรทัศน์ฮู่ไห่เสนอนั้น สูงกว่าของสถานีโทรทัศน์เจ้อตงและสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง จนถึงตอนนี้ลู่เฉินจึงยังไม่ได้ตัดสินใจว่าใครจะเป็นผู้ได้ร่วมงานในละครเรื่อง ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’

แต่นี่ไม่ได้ส่งผลกระทบถึงการสร้างสรรค์บทละคร

ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูเบาๆ ดึงให้ลู่เฉินตื่นออกมาจากห้วงแห่งการสร้างสรรค์ผลงาน

ตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกมืดลงแล้ว โคมไฟในห้องไม่รู้สว่างขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

“ยังเขียนอยู่อีกเหรอ”

คนที่เคาะประตูคือลู่ซี เธอเอ่ยอย่างตกใจว่า “นี่แกนั่งอยู่หน้าจอคอมตั้งสี่ห้าชั่วโมงแล้ว!”

นานขนาดนี้แล้วเหรอ?

ลู่เฉินคลิกจัดเก็บข้อมูล ลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสาย การนั่งนานทำให้แขนขาเมื่อยขบไปหมด

ลู่ซียิ้มบางๆ “หิวแล้วละสิ ไป เราไปหาข้าวกินกัน คืนนี้มีคนจะเลี้ยง”

“หา?”

ลู่เฉินสงสัย “ใครเหรอ”

ลู่ซีขยิบตา “แกเดาสิ”

ลู่เฉินคลึงจมูก ยิ้มแห้งตอบ “ผมเดาออกที่ไหนกัน เฟยเอ๋อร์กลับมาแล้วเหรอ”

ตั้งแต่บริษัทเฉินเฟยมีเดียก่อตั้งขึ้น ‘เถ้าแก่เนี้ย’ อย่างเฉินเฟยเอ๋อร์งานยุ่งกว่าลู่เฉินเสียอีก หลายวันก่อนเธอไปถ่ายโฆษณาที่ฮู่ไห่ คิดดูน่าจะใกล้เวลากลับของเธอแล้ว

ส่วนคนอื่น ลู่เฉินคิดไม่ออกจริงๆ

ไม่ใช่เพราะเขาขี้อวด ในวงการบันเทิงของเมืองหลวง คนที่อยากกินข้าวกับเขามีเป็นพันเป็นหมื่นคน สุ่มเลือกคนมาสักร้อยคนได้โดยไม่มีปัญหา และไม่ได้เป็นคนไม่มีชื่อเสียงด้วย

“แกก็คิดถึงแต่เมียแกคนเดียว!”

ลู่ซีเหลือกตามองบน ก่อนจะเฉลยความลับออกมาเอง “ไม่ต้องเดามั่วแล้ว คนที่จะเลี้ยงข้าวคือวั่นจินผิง”

“วั่นจินผิง?”

ลู่เฉินอดขมวดคิ้วไม่ได้ “ชื่อนี้คุ้นหูมาก!”

ลู่ซีเปิดเผย “เขาเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเอเจนซี่หงเหวิน”

ลู่เฉินค่อยๆ นึกออก รู้แล้วว่าวั่นจินผิงคนนี้เป็นใคร

ในวงการบันเทิงของเมืองหลวง วั่นจินผิงเป็นคนสำคัญตัวจริง!

ชื่อของเขาไม่ค่อยปรากฏบนสื่อ หรือเรียกว่าไม่ดังเลยก็ได้ น้อยมากที่จะพบข่าวซุบซิบนินทาของเขาในวงการบันเทิง ราวกับเป็นบุคคลตัวเล็กๆ ที่ไม่โดดเด่น

แต่คนที่สนิทกับวั่นจินผิงจะไม่มองว่าเขาเป็นคนธรรมดา!

ครั้งแรกที่ลู่เฉินได้ยินชื่อของวั่นจินผิง เป็นตอนที่รับประทานอาหารกับพี่หลีแล้วเธอเอ่ยถึง ตอนนั้นพี่หลีพูดถึงคนคนนี้ว่าฉลาดหลักแหลมมีไหวพริบรอบด้าน เป็นคนที่มีเส้นสายกว้างขวางที่สุดคนหนึ่งในวงการ

แม้วั่นจินผิงจะเปิดบริษัทเอเจนซี่ แต่ความจริงแล้วเขาเป็นนายหน้าระดับอาวุโส งานหลักคือการเชื่อมโยงสายพานระหว่างนักลงทุนกับผู้ผลิตให้ทำงานประสานกันอย่างดีที่สุด

เช่น มหาเศรษฐีเถ้าแก่รายใหญ่คนหนึ่งจู่ๆ อยากถ่ายทำละครหรือภาพยนตร์ อยากให้แฟนสาวของตัวเองได้รับบท แต่ไม่รู้เรื่องในวงการเลยสักนิด เช่นนั้นเขาติดต่อมาหาวั่นจินผิงถือว่าติดต่อถูกคนแล้ว

ขอแค่มีเงิน วั่นจินผิงก็สามารถจัดหาทีมงานที่ดูดีจากในเมืองหลวงได้อย่างรวดเร็ว เชิญผู้กำกับภาพยนตร์ระดับสองหรือสามมากำกับ ใช้เวลาแค่สองสามเดือนก็สร้างละครความยาวสิบกว่าตอนหรือภาพยนตร์เรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ และใช้เส้นสายติดต่อกับสถานีโทรทัศน์หรือเครือข่ายโรงภาพยนตร์ให้ได้ออกอากาศด้วย

ถ้าหากจำเป็น เขายังจ้างกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางอินเทอร์เน็ตหรือนักข่าวจากสื่อต่างๆ มาประโคมข่าว ใช้การสร้างกระแสเป็นการโปรโมต คนดังหน้าใหม่ในวงการบันเทิงจึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด!

เส้นทางของวั่นจินผิงนั้นร้ายกาจ ช่วยคนเชื่อมโยงเส้นสายไม่ได้เฉพาะส่วนบุคคล ยังมีองค์กรของรัฐด้วย เขาล้วนมีส่วนอยู่ในนั้นไม่มากก็น้อย แต่เขาเปิดเผยตัวต่อหน้าสาธารณชนน้อยครั้ง ไม่ใช่คนในวงการจริงๆ จะไม่รู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเขา

คนร้ายกาจแบบนี้จู่ๆ มาชวนไปรับประทานอาหารด้วยกัน ทำให้ลู่เฉินอดรู้สึกระแวงไม่ได้

“รู้ไหมว่าเรื่องอะไร”

ลู่ซีส่ายหน้า “ก็เพราะไม่รู้เลยต้องไปดู เขาบอกทางโทรศัพท์ว่าเป็นเรื่องดี เหอะๆ”

มุมปากพี่สาวหยักยกขึ้นเป็นร้อยยิ้มเยาะ

นกเค้าแมวเข้าบ้าน ต้องเกิดเรื่องแน่ๆ ลู่เฉินไม่กลัววั่นจินผิง แต่ในเมื่อลู่ซีรับปากแล้ว เขาก็อยากรู้ว่าฝ่ายนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่!

“งั้นเราไปกันเถอะ!”

ลู่เฉินหยิบเสื้อคลุมที่วางพาดเก้าอี้ไว้ขึ้นมาสวมพร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า “รู้สึกเหมือนกำลังถูกหลอกไปเชือดยังไงไม่รู้!”

พี่สาวได้แต่หัวเราะเหอะๆ ตอบกลับมา

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด