Perfect Superstar 488 ไม่ก้มหัวเด็ดขาด!

Now you are reading Perfect Superstar Chapter 488 ไม่ก้มหัวเด็ดขาด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 488 ไม่ก้มหัวเด็ดขาด!

หม่าหรงเจินถึงแม้ตอนนี้จะตกอับ แต่เขาก็เดบิวต์มาหลายปี ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในวงการมานานจนเรียกได้ว่ามีประสบการณ์มาก เพราะฉะนั้นพอได้ยินคำพูดของลู่เฉินเขาก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ครับ!” เขาตอบอย่างเด็ดขาด “ถึงจะมี ผมก็ไม่ออกจากกองเด็ดขาดครับ เว้นเสียแต่ว่าคุณลู่เอ่ยปากให้ผมออกครับ!”

ลู่เฉินกับเฉินเหวินเฉียงมองกันและกัน มองเห็นความดีใจที่อยู่ดวงตาของอีกฝ่าย

ถ้าหากหม่าหรงเจินก็หนีไปด้วย แบบนั้นคงยุ่งยากมากจริงๆ!

ลู่เฉินโล่งใจ ยิ้มเอ่ยว่า “อย่างนั้นก็ดีครับ คุณวางใจได้ ผมไม่ให้คุณออกแน่นอน พวกเราต้องร่วมมือกัน ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาให้ดีครับ”

นิสัยของนักแสดงอาวุโสประสบการณ์สูงคนนี้ มีความน่าเชื่อถืออย่างไม่ต้องสงสัย

หม่าหรงเจินถามอย่างเป็นห่วงว่า “คุณลู่ หรือว่าหลิวเจ้าฮุยไม่อยากถ่ายแล้วครับ”

ลู่เฉินกับเฉินเหวินเฉียงตะลึงพร้อมกัน คนหลังถามอย่างประหลาดใจว่า “พี่หรงเจิน พี่รู้ได้ยังไงครับ”

“ก็คนคนนี้…”

หม่าหรงเจินเผยนัยน์ตาดูถูกแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ไม่เพียงแต่เจ้าเล่ห์ แต่ยังรักตัวกลัวตายมากที่สุด คนอื่นขู่นิดเดียว เขาก็หงอแล้ว ไม่มีอะไรน่าแปลกใจครับ”

มองออกว่าหม่าหรงเจินดูถูกหลิวเจ้าฮุยเป็นอย่างมาก ทั้งสองคนน่าจะเคยมีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อน

ลู่เฉินไม่สนใจเรื่องนินทาของพวกเขา แต่สนใจตัวของหม่าหรงเจินมากกว่า “ลุงหม่า คุณไม่กลัวเหรอครับ เบื้องหลังหงหวาที่ก่อกวนเรื่องนี้คือเซิ่งอี้ถังเชียวนะครับ”

หม่าหรงเจินหัวเราะฮิๆ “ผมจะกลัวอะไร”

“ตอนนี้ผมมีชีวิตที่แย่มาก ถ้าหากเซิ่งอี้ถังมาหาเรื่องผม งั้นผมก็จะสู้กับพวกเขาเต็มที่ ฮ่องกงในตอนนี้ไม่เหมือนฮ่องกงเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว ตระกูลเจี่ยงไม่สามารถปิดฟ้าของฮ่องกงได้!”

หม่าหงเจินกล่าวอย่างสบายใจมาก “เมื่อก่อนตอนที่มีเงิน ถ้าหากเซิ่งอี้ถังมาหาเรื่องผม ไม่แน่ผมคงกลัวหัวหดเหมือนหลิวเจ้าฮุยก็เป็นได้ แต่ตอนนี้ผมไม่กลัวอะไรจริงๆ ภรรยากับลูกก็หนีไปนานแล้ว ที่บ้านเหลือแม่ชราอยู่คนเดียวหากพวกเขาไม่กลัวว่าจะปลุกเร้าความโกรธของสังคม งั้นก็เข้ามาได้เลย”

“ถ้าเจี่ยงเฉิงหวาตัดหนทางทำมาหากินของผม ผมก็จะพาแม่ไปนอนขวางหน้าประตูบ้านของเขา ดูว่าใครจะขายหน้ากัน!”

ลู่เฉินพูดไม่ออกเล็กน้อย แต่ถือว่าวางใจเรื่องหม่าหรงเจินได้แล้ว

“อย่างนั้นคุณก็ต้องระวังตัวหน่อยนะครับ ระวังพวกเขาใช้วิธีสกปรก”

หม่าหรงเจินหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “คุณลู่ คาดว่าพวกเขาคงไม่อยากไล่ผมออกไปหรอกครับ เพราะชื่อเสียงในวงการของผมไม่ดีเท่าไร”

ยาพิษตั๋วหนัง!

ลู่เฉินพลันนึกถึงฉายาของหม่าหรงเจินได้พอดี จึงหัวเราะ

หม่าหรงเจินถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ความจริงเจอเรื่องแบบนี้ วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือหาพี่ใหญ่ไปเจรจาประนีประนอมกัน เสียดายตอนนี้ผมไม่มีหน้ามีตาแล้ว ขอโทษจริงๆ ที่ผมช่วยคุณไม่ได้”

“พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกครับ…”

ลู่เฉินส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ลุงหม่า คุณยืนหยัดที่จะอยู่ในกองต่อไปก็ถือว่าช่วยผมแล้วครับ”

ถึงแม้กองถ่ายจะเผชิญหน้ากับความยุ่งยากไม่หยุด แต่งานถ่ายทำก็ไม่หยุดชะงักเพราะเหตุดังกล่าว ไม่อย่างนั้นจะเสียหายใหญ่หลวงมาก

คนที่เลือกออกจากกองถ่าย ลู่เฉินไม่รั้งไว้สักคน ใครที่อยากไปก็ไปได้ เพราะแตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน

ส่วนหลิวเจ้าฮุย เขาถูกจ้างมาจากเจียหยางพิคเจอร์ส ดังนั้นก็ให้เจียหยางพิคเจอร์สมาอธิบาย

เย็นวันเดียวกันนั้น โจวอี้เถ้าแก่ของเจียหยางพิคเจอร์สโทรศัพท์มาหาลู่เฉินอีกครั้ง

ทางหงหวาออกข้อเสนอ ‘ประนีประนอม’ ผ่านทางคนกลาง

“การเข้าถือหุ้นเป็นสิ่งจำเป็น…”

โจวอี้พูดอยู่ในสาย เสียงของเขายิ่งฟังยิ่งดูเหนื่อยมาก ไม่ค่อยมีแรงพูดมากนัก “จะเข้าถือหุ้นเท่าไร ทุกคนต้องมานั่งคุยกันอีกที คนกลางเสนอขั้นต่ำสุดว่าต้องไม่น้อยกว่าสามสิบห้าเปอร์เซ็นต์”

“ทางหงหวาจะอาศัยโอกาสนี้ก่อตั้งบริษัทภาพยนตร์โทรทัศน์แห่งใหม่ขึ้นมา และจะอยู่ในฐานะผู้ถือหุ้นหลักที่ร่วมการถ่ายทำและจัดจำหน่าย”

พอเอ่ยปากก็อยากถือหุ้นภาพยนตร์ไม่น้อยกว่าสามสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ความคิดที่ว่าโชคดีที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดในใจของลู่เฉินพลันมลายหายไป

สมาคมเหล่านี้มีความโลภมากขนาดนี้เชียว แม้ว่าจะให้พวกเขาหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ไม่น่าเชื่อถือ

แต่เขายังคงฟังโจวอี้พูดต่ออย่างอดทน “นอกจากนี้ หงหวาบอกว่าพวกเขาจะเป็นคนเลือกผู้กำกับและโปรดิวเซอร์เอง พระเอกกับนางเอกไม่เปลี่ยนก็ได้”

โอเค ลู่เฉินทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว!

สมาชิกที่สำคัญที่สุดของกองถ่ายภาพยนตร์กองหนึ่ง ขาดไม่ได้เลยก็คือผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ บางครั้งทั้งสองคนนี้จะเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาจะคอยควบคุมโชคชะตาของการถ่ายทำภาพยนตร์ด้วยกัน

ทางหงหวาไม่เพียงแต่อยากเข้าถือหุ้น ยังอยากได้ตำแหน่งผู้กำกับและโปรดิวเซอร์อีก เท่ากับว่าอยากจะควบคุม ‘โปเยโปโลเย’ ไว้ในกำมือของตน

ลู่เฉินจะตกลงได้อย่างไร

“เถ้าแก่โจว คุณไม่ต้องพูดแล้วครับ ข้อเสนอของพวกเขา ผมไม่ตกลงสักข้อเดียว!”

“ถ้าหากพวกเขายืนกรานที่จะก่อเรื่อง ผมก็จะสู้ให้ถึงที่สุด!”

ลู่เฉินตอบอย่างเฉียบขาด พร้อมกับตัดสินใจอย่างแน่วแน่และมั่นใจอย่างยิ่ง

นั่นก็คือไม่ยอมก้มหัวให้เด็ดขาด!

โจวอี้ไม่รู้สึกแปลกใจใดๆ หากเปลี่ยนเป็นตัวเขา เกรงว่าคงยอมที่จะแยกย้าย แต่จะไม่ยอมรับปากข้อเสนอที่ชั่วร้ายแบบนี้เหมือนกัน…นั่นเท่ากับคุกเข่าลงบนพื้นชัดๆ

เมื่อครุ่นคิดสักพักหนึ่ง เขาจึงลองพูดการคาดเดาที่อยู่ในใจออกมา “คุณลู่ ผมคิดว่าเป้าหมายสุดท้ายของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่ถือหุ้นกี่เปอร์เซ็นต์ แต่อยากไล่คุณออกจากฮ่องกงมากกว่าครับ”

โจวอี้ลองสมมติว่าตัวเองเป็นฝ่ายหงหวา ถ้าหากเขาชอบภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ เรื่องนี้อยากจะข่มแย่งคว้าชิงมา เช่นนั้นโอกาสเหมาะที่จะก่อเรื่องก็ไม่ใช่ตอนนี้ แต่รอให้ถ่ายทำเกินครึ่งไปแล้วถึงจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุด

ถึงตอนนั้นลู่เฉินทุ่มเงินลงทุนก้อนใหญ่เข้าไปแล้ว ถ้าหากถอยออกมาจะเสียหายหนักมาก ไม่แน่คงต้องยอมจำนน

ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มต้นก็อยากจะเข้าถือหุ้น อีกทั้งยังอยากจะเลือกผู้กำกับและโปรดิวเซอร์เสียเอง คิดว่าคนอื่นโง่หรือไง

ดังนั้นโจวอี้จึงสงสัยว่าเป้าหมายของหงหวาก็คืออยากไล่ลู่เฉินออกจากฮ่องกง!

ลู่เฉินรู้สึกว่าการคาดเดาของโจวอี้มีเหตุผลมาก แต่เขารู้สึกงงจริงๆ “หากผมไปแล้ว มีข้อดีอะไรต่อหงหวา”

ลู่เฉินมาถ่ายภาพยนตร์ที่ฮ่องกง กับหงหวาที่ทำธุรกิจร้านอาหารตามหลักแล้วไม่มีการปะทะใดๆ ต่อกัน และก่อนหน้านั้นก็ยังสั่งข้าวกล่องจากร้านอาหารของฝ่ายหลังอีกด้วย

โจวอี้กล่าวว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ผมรู้ว่าเจี่ยงเฉิงหวาเป็นคนฉลาดมาก เขาจะไม่ทำธุรกิจที่ขาดทุน และจะไม่เสียเวลาและกำลังกับเรื่องที่ไม่มีผลประโยชน์ต่อตัวเอง”

“ดังนั้นความจริงเป็นยังไง ผมจึงได้แต่พยายาหาวิธีสืบ ส่วนคุณก็ระวังตัวหน่อยนะครับ”

สิ้นสุดการสนทนากับโจวอี้แล้ว ลู่เฉินจึงครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วโทรศัพท์หาวั่นหย่ง

เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ ถึงแม้ทางกองถ่ายจะแจ้งความและร้องเรียนกับผู้ดูแลโรงถ่ายหนังแล้ว แต่ความปลอดภัยของกองถ่ายก็ต้องอาศัยการป้องกันด้วยตนเองเช่นกัน ดังนั้นคืนนี้เขาจึงสั่งให้วั่นหย่งไปคอยเฝ้าสถานที่ถ่ายทำด้วยตัวเอง

หลังจากสั่งงานวั่นหย่งสองสามประโยคแล้ว ลู่เฉินถึงนอนหลับพักผ่อน

เช้าตรู่วันที่สอง เขาถูกเสียงโทรศัพท์ปลุกให้ตื่นขึ้นมาจากความฝัน

พอลืมตา ลู่เฉินก็พลิกตัวคว้าโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่ตรงหัวเตียงทันที แล้วนำโทรศัพท์มาแนบหู

“ฮัลโหล”

เสียงตื่นเต้นดีใจของวั่นหย่งดังมาตามสาย “คุณลู่ พวกเราจับตัวคนก่อเรื่องได้สองคนครับ!”

อะไรนะ

ลู่เฉินตื่นทันที

…………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด