ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก 16 ไม่เสียดายชีวิต (รีไรท์)

Now you are reading ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก Chapter 16 ไม่เสียดายชีวิต (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 16 ไม่เสียดายชีวิต (รีไรท์)

ตอนที่ 16 ไม่เสียดายชีวิต (รีไรท์)

หา? ได้รับบาดเจ็บอีกแล้วเหรอ? แล้วก็นะ…กลับมาแล้วก็ไม่คิดจะบอกเธอสักคำ

ซูเถารู้สึกกังวลเล็กน้อย

“ร้ายแรงหรือเปล่า?”

สือจื่อเยว่ถอนหายใจ “จะพูดยังไงดีล่ะ เขาเจ็บจนชินแล้ว ตอนแรกหนูก็กังวลเหมือนกันแต่หลังจากนั้นพอมันบ่อยเข้า หนูเองก็เริ่มชิน ครั้งนี้หนูได้ยินมาว่าเขาถูกแทงทะลุช่องท้อง และถูกส่งกลับมาด้วยอาการโคม่า”

หัวใจของซูเถาเต้นแรงผิดจังหวะ กังวลว่าเขาจะได้รับอันตรายถึงชีวิต

“วันนี้ฉันจะไปหาเขา พี่เถาจื่อยากไปด้วยกันไหมคะ?”

ซูเถาตอบโดยไม่คิด “ไปสิ ฉันจะได้เอาอาหารไปให้เขาด้วย แล้วเฉินเหล่าเอ้อร์กับคนอื่น ๆ ล่ะ?”

สือจื่อเยว่แสดงสีหน้าเศร้าและสูดจมูกฟึดฟัด “พี่จวงหู่…จากไปแล้ว พี่เฉินเอ้อร์และคนอื่น ๆ ไปจัดการงานศพของเขาค่ะ”

ดวงตาของซูเถาแดงก่ำ

ชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์ที่ไม่ชอบพูด…ซูเถารู้สึกเคว้งคว้างราวกับว่าเมื่อวานนี้เธอเพิ่งจัดห้องให้เขาอยู่เลย จัดให้เขาอยู่กับคนช่างพูดอย่างตั่งซิ่งเหยียน

วันรุ่งขึ้นเธอไปกองบัญชาการกองทัพบุกเบิกกับสือจื่อเยว่ ต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและถูกตรวจค้นถึง 2 ครั้ง จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ลงไปที่ชั้นใต้ดินที่สาม ในที่สุดซูเถาก็เห็นสือจื่อจิ้นนอนอยู่ในห้องแคปซูลฟื้นฟูร่างกาย

เมื่อเห็นทั้งสองกำลังเข้ามา สือจื่อจิ้นก็เปิดประตูโปร่งใสแล้วปรับเตียงลุกขึ้นนั่ง เมื่อเห็นความกังวลบนใบหน้าของซูเถา จึงคลี่ยิ้มจาง ๆ “ไม่เป็นไร”

ซูเถานั่งลงข้างเตียง “คราวที่แล้วเสียแขนไปคุณก็บอกว่าไม่เป็นไร”

สือจื่อเยว่ถกแขนเสื้อพี่ชายด้วยความชำนาญ “โชคดีที่แขนเทียมของคุณไม่เป็นอะไร ช่วงนี้ดร.เหวยน่างานยุ่งมาก ไม่มีเวลามาซ่อมแขนเทียมให้คุณ แล้วนี่ยังมีส่วนไหนแตกหักอีกไหม?”

ซูเถาผู้ถามคำถามนี้ตึงเครียดขึ้นพลางมองสำรวจร่างกายสือจื่อจิ้น

สือจื่อจิ้นพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ไม่มี คุณไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก แล้วช่วงนี้คุณสบายดีไหม ที่เถาหยางเป็นยังไงบ้าง?”

เขามองไปที่ซูเถาขณะเอ่ยถามประโยคสุดท้าย ไม่ว่าเขาจะปกปิดดวงตาที่สวยงามอย่างไร ก็ไม่อาจปิดบังความเหนื่อยล้าและโศกเศร้าจากสายตาของซูเถาได้

การสูญเสียเพื่อนร่วมทีมไม่มีใครเสียใจมากไปกว่าเขาในฐานะกัปตันทีม

ตอนเธอยังเด็กได้ยินผู้ใหญ่พูดว่ากองทัพผู้บุกเบิกเสี่ยงชีวิตเพื่อค้นหาที่ดินสำหรับทุกคน เดินทางไปยังบ้านเมืองรกร้างหลายแห่งเพื่อกู้คืนเทคโนโลยีที่สูญหาย และฟื้นฟูอารยธรรมเพื่อปกป้องมวลมนุษย์

เวลาผ่านไป 20 ปี สิ่งที่ควรได้รับก็ได้รับคืนแล้ว และฐานหลักก็พยายามอย่างหนักที่จะพัฒนาต่อไป แต่ทำไมคนอย่างสือจื่อจิ้นต้องออกไปทำงานหนัก?

ชายหนุ่มเห็นท่าทางเซื่องซึมของอีกฝ่ายจึงคิดว่ามีใครบางคนกลั่นแกล้งเธอ ใบหน้าของสือจื่อจิ้นพลันหม่นลง

“มีใครรังแกคุณหรือเปล่า”

ก่อนที่เขาจะจากไป เขาสารภาพว่าคนของเขาแอบดูเถาหยางอย่างลับ ๆ แล้วทำไมถึงไม่มีใครสังเกตและบอกเขาล่ะ

ซูเถาโบกมืออย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณยังต้องออกไปทำภารกิจ อีกทั้ง…ยังเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย? คุณจำเป็นต้องทำด้วยเหรอ”

สือจื่อจิ้นตกตะลึงกับคำถามจากนั้นก็ยิ้มและส่ายหัว

“โลกที่สงบสุขและปลอดภัยที่คุณเห็นเป็นเพียงภาพลวงตา เพื่อไม่ให้อันตรายปรากฏอยู่ตรงหน้าคุณ เราจึงต้องรักษาภาพลวงตานั้นไว้ ด้วยเหตุนี้…จึงไม่คิดเสียดายชีวิต”

ซูเถาหันหน้าหนีด้วยความตกใจกับคำพูดเหล่านี้

ในเวลานี้ประตูห้องพักฟื้นถูกผลักเปิด เฉินเหล่าเอ้อร์และพรรคพวกกลับมาแล้ว เมื่อเห็นซูเถา พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

การเห็นหญิงสาวอยู่ในที่แห่งนี้พวกเขาไม่ได้ถือสาแต่อย่างใด เนื่องจากคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จึงเข้าไปรายงานเรื่องที่ได้รับมากับสื่อจื่อจิ้น

“กัปตัน อดีตผู้นำกองทัพขอให้คุณไปพบหลังจากที่คุณฟื้นขึ้น”

ขณะที่เขาพูดเขาก็หยิบถุงปิดผนึกใสออกมาและส่งให้สือจื่อจิ้น

“นี่คือสิ่งที่พวกเรานำกลับมาในครั้งนี้”

ซูเถามองเข้าไป ในถุงนั้นเหมือนจะเป็น…ขนนก

เธอไม่แน่ใจ เพราะรูปร่างของมันประหลาดเกินไป มันเหมือนกระดูกมนุษย์ที่มีขนสีแดงสดงอกอยู่บนนั้น

เมื่อสือจื่อจิ้นเห็นสิ่งนี้ ร่างกายของเขาก็เกร็งขึ้น คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันมุ่น

มือของเฉินเทียนเจียวสั่นเทาขณะถือมันไว้

เดิมทีภารกิจนี้มีไว้เพื่อค้นหา ‘เคียวโลหิต’ ซึ่งเพิ่งค้นพบในซอมบี้ที่มีวิวัฒนาการ เมื่ออยู่ในสถานะถูกโจมตีกระดูกนิ้วของมันจะเปลี่ยนเป็นเคียวคม รวดเร็วและทรงพลัง

สุดท้ายก็ไม่พบเคียวโลหิต แต่พวกเขาถูกขอให้ช่วยค้นหาเด็กชายผู้รอดชีวิตตัวเล็ก ๆ ในโรงรถร้าง

เด็กชายตัวเล็กอายุประมาณสี่หรือห้าขวบ ร่างกายผอมบาง มีสีหน้าที่ย่ำแย่ รอบ ๆ ตัวเต็มไปด้วยศพหลายสิบศพ ที่ช่องท้องของศพเหล่านี้ถูกฉีกขาดเป็นรู คราบเลือดเจิ่งนอง เป็นการตายที่น่าสังเวช

เฉินเทียนเจียวคิดว่าสถานที่แห่งนั้นถูกโจมตีโดยซอมบี้เมื่อไม่นานมานี้ และโชคดีที่เด็กน้อยคนนั้นซ่อนตัวและเอาชีวิตรอดมาได้

จวงหู่ก็คิดเช่นเดียวกันกับเขา

เมื่อเห็นว่าเป็นเด็ก จวงหู่จึงวางปืนและเดินเข้าไปหาเขาแล้วพูดว่า

“ไม่เป็นไรนะ พวกอามาช่วยหนูแล้ว เดี๋ยวจะพาหนูกลับบ้านนะ”

เด็กน้อยที่เงียบมาตลอดเงยหน้าขึ้นทันใดเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของซีดเซียวไร้สีเลือดจนดูไม่เหมือนคนมีชีวิต และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหงาหงอย

“คุณอา ผมไม่สบาย ผมไม่สบายแล้วอาจะพาผมกลับบ้านไม่ทอดทิ้งผมใช่ไหม”

ฝีเท้าของจวงหู่หยุดชะงัก สีหน้าพลันเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา

“คุณอา คุณเปลี่ยนใจแล้วเหรอ คุณก็เหมือนกับพวกเขา พอผมป่วยก็ทอดทิ้งผมไว้ข้างหลังใช่ไหม?”

ทุกครั้งที่เขาพูด เด็กชายตัวเล็กคนนั้นจะมีปีกกระดูกเพิ่มขึ้นอีก 1 นิ้วบริเวณหลัง และปีกที่รูปร่างเหมือนกระดูกมนุษย์จะยื่นออกไปทางด้านหลังราวกับว่าปกคลุมไปด้วยเลือด

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ตายตามพวกเขาไปก็แล้วกัน”

ปีกกระดูกสีแดงสดยกขึ้นสูง เผยให้เห็นความแหลมคมรุนแรง มันแทงเข้าที่หน้าอกของจวงหู่

“ระวัง!”

“กัปตัน”

“จวงหู่”

เฉินเทียนเจียวส่ายหัวแรง ๆ ลบฉากของวันนั้นออกจากความคิด พลางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า

“กัปตัน แม้ว่าสุดท้ายมันจะทำให้คุณบาดเจ็บสาหัส แต่ปีกกระดูกของมันบินเร็วมาก มันหนีไปได้ เราพบเพียงสิ่งนี้ในที่เกิดเหตุเท่านั้น นี่เป็นเรื่องร้ายแรง คุณควรรายงานกับอดีตผู้นำกองทัพด้วยตัวเอง”

ซอมบี้ทรงพลังที่มีความเฉลียวฉลาดและยังรักษาภาพลักษณ์ของมนุษย์ไว้ได้ มีปีกกระดูกประหลาดคู่หนึ่ง…ซึ่งสิ่งนี้จะล้มล้างการวิจัยและบันทึกเกี่ยวกับซอมบี้ของมนุษย์ที่มีมานานถึง 20 ปี

สือจื่อจิ้นรับมันไว้และตอบรับด้วยเสียงทุ้มต่ำ

หลังจากที่เฉินเทียนเจียวและคนอื่น ๆ จากไปแล้ว สือจื่อเยว่ก็ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

“พี่คะ ในถุงนั้นมันคืออะไรเหรอ”

สือจื่อจิ้นลดสายตาลง “ของอันตราย..มันคือเบื้องหลังของภาพลวงตา”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *