ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก 309 คุณชนะ

Now you are reading ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก Chapter 309 คุณชนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 309 คุณชนะ

ตอนที่ 309 คุณชนะ

เติ้งจื่อฉิงรู้สึกโชคดีขึ้นมาหน่อยที่ตัวเธอเองไม่ได้แสดงออกว่าขัดแย้งกับซูเถามากเท่าไหร่

สำหรับการช่วยเหลือฉู่หมิงโดยการช่วยเสนอความคิดเห็นและเติมไฟอยู่เบื้องหลังของเธอ ถึงจะมีความเสี่ยง แต่เธอก็ไม่รู้สึกเสียใจ

ถ้าสำเร็จก็ถือว่าเธอสามารถล้างแค้นให้กับการตายของบิดา และยังสามารถรับผลึกนิวเคลียสของผู้ที่มีพลังวิเศษเป็นการตอบแทน แม้ว่าสิ่งนี้จะใช้ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่มันอาจช่วยชีวิตเธอในช่วงเวลาวิกฤตได้ และมันก็คุ้มค่าที่จะยอมเสี่ยง

ไม่ได้การแล้ว! เธอต้องทำให้ตัวเองมือสะอาดพ้นมลทิน

ทันทีที่ซูเถากลับมานั่งที่เดิม หลินฟางจือก็ดันให้เฉียนหรงหรงออกไปเพื่อที่เขาจะได้นั่งข้างเธอ และมองเธอด้วยสายตาเป็นห่วง

ไม่มีใครรับรู้อารมณ์ความรู้สึกไวไปกว่าเขา โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของซูเถา

ซูเถาตบไหล่เขา “ไม่มีอะไรหรอก กินข้าวกันเถอะ” หลังจากพูดจบ เธอก็ขยับตะเกียบราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เธอนั่งรับประทานอาหารอยู่ในห้องอาหารชั้นสามจนเสร็จ จากนั้นจึงค่อยกลับไปที่ทางเดินเมื่อครู่ เธอเห็นชายสองคนที่มีจมูกฟกช้ำและหน้าบวมนั่งอยู่ข้าง ๆ กันข้างกำแพง

เมื่อทั้งสองเห็นเธอ พวกเขาพยักหน้าและหันศีรษะออกไปพร้อมกัน

ซูเถาหยิบทิชชู่เปียกออกมาแล้วยื่นให้พวกเขาคนละแผ่น “ทะเลาะกันเสร็จแล้วเหรอ เช็ดซะสิ”

เหลยสิงรีบคว้าทิชชู่ไว้ในมืออย่างรวดเร็ว และเช็ดบนใบหน้าของเขาอย่างลวก ๆ

สือจื่อจิ้นก็เอื้อมมือไปรับมัน ค่อย ๆ เช็ดเลือดจากมุมปากและกดมันลงบนคางที่มีรอยฟกช้ำ จากนั้นก็เริ่มทบทวนตัวเอง

“ผมผิดเอง”

เหลยสิงจ้องมองไปที่เขาและตอบทันที “ผมก็ผิดเหมือนกัน”

อันที่จริงเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าตนเองผิดตรงไหน แต่มันจะต้องไม่สายเกินไปที่จะยอมรับความผิดพลาดของตนเอง

ซูเถามองไปที่พวกเขาสองคนและถอนหายใจ “เพราะพวกคุณเป็นแบบนี้ ฉันเลยรู้สึกแย่กับตัวเองมาก มันคงเป็นเพราะฉันจัดการความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนนี้ไม่ดีเลยทำให้พวกคุณต้องมาทะเลาะกัน”

ดูจากร่องรอยบาดแผลของการลงไม้ลงมือแล้ว วันนี้ทั้งคู่ไม่ควรไปเจอหน้าใคร

“เป็นเพราะผมตอแยคุณ ไม่ใช่ความผิดของคุณ” เหลยสิงฟังไม่ค่อยถนัด

สือจื่อจิ้นพยักหน้าเบา ๆ โดยไม่ตั้งใจ

เหลยสิงเห็นเขาพยักหน้าจากหางตาของเขา เขาก็เกิดความคับข้องใจขึ้นมาอีกเล็กน้อย

“แต่ผมขอแก้ต่างให้ตัวเองหน่อย ผมคิดว่าผมไม่ผิด! ผมไม่ผิด ผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองตกเป็นเหยื่อ ผมไม่ได้คบหากับคนแซ่ฉู่ และผมก็ไม่เคยให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับเธอ แต่ด้วยความเอาแต่ใจและไร้เหตุผลของเธอ เธอมักจะชอบเข้ามาวุ่นวายในชีวิตผม มันทำให้ผมต้องเสียคะแนนในการตามจีบคุณ และกลายเป็นว่าตามหลังสือจื่อจิ้นอยู่หลายก้าว”

เขาเริ่มสบถและเกาศีรษะตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ

สือจื่อจิ้นคว้ามือของเขา “พอได้แล้ว แค่ผมพยักหน้าก็ทำให้คุณอารมณ์ขึ้นได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”

“การที่คุณพยักหน้ามันกระตุ้นอารมณ์ผม แล้วผมจะขอโอกาสแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้หรือไง”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังโต้เถียงกันอีกครั้ง ซูเถาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า

“พวกคุณห้ามมีเรื่องกันอีก”

ทั้งสองหยุดพูดไปชั่วขณะ

ซูเถาหยิบกล่องของขวัญที่หั่วเสอมอบให้เธอครั้งก่อนจากห้วงมิติของฟางจือ และยัดมันเข้าไปในอ้อมแขนของเหลยสิง

“คุณเอากลับไปเถอะ ฉันรับไว้ไม่ได้”

ลมหายใจของเหลยสิงติดขัดขึ้นมาทันที

ซูเถาพูดอย่างจริงใจ “เหลยสิง คุณต้องได้เจอกับผู้หญิงที่เหมาะสมแน่ แต่คนคนนั้นไม่ใช่ฉัน”

เหลยสิงรู้สึกว่าเลือดที่แขนขาของเขาแข็งตัวเล็กน้อย เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ขอผ้าเปียกให้ผมอีกแผ่น”

ซูเถาหยิบมันออกมาและมอบให้เขา

เหลยสิงรับมันไว้ แล้วโยนใส่หน้าสือจื่อจิ้นทันที “คุณชนะ”

จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและหมุนตัวออกไป

สือจื่อจิ้นหยิบทิชชู่เปียกอย่างใจเย็นและเช็ดใบหน้าของตัวเองอีกครั้ง ความจริงแล้วเขาแอบดีใจอยู่ลึก ๆ

ซูเถากล่าวกับเขาว่า

“คุณก็เหมือนกัน ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงเปลี่ยนไป ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเหมือนกัน และในตอนนี้ฉันยังไม่สามารถยอมรับคุณได้ ลุกขึ้นเถอะ ให้ไคอวี่รักษาอาการบาดเจ็บของคุณ ตอนเย็นยังมีงานเลี้ยง เรื่องของเจียวชิ่งคงปิดได้ไม่นานนัก คนในติ้งหนานจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน ไหนจะต้องระวังในฝั่งของฉู่หมิง ดังนั้นคุณต้องทำงานเป็นผู้คุ้มกันของฉันต่อไป”

เมื่อสือจื่อจิ้นได้ยินคำว่าเธอยังไม่สามารถยอมรับเขาได้ในตอนนี้ หัวใจเขาก็ดิ่งลงอีกครั้ง

แต่ก็ยังดีที่เธอไม่ปฏิเสธเขาโดยตรงแบบเหลยสิง

……

อาหารในงานเลี้ยงตอนเย็นก็ไม่ได้พิเศษไปจากเดิมมากนัก แต่พื้นที่ที่ชั้น 1 ถูกเปลี่ยนเป็นฟลอร์เต้นรำเล็ก ๆ ล้อมรอบด้วยโต๊ะและเก้าอี้

ผู้คนส่วนมากล้วนแต่งกายเข้าร่วมงานด้วยชุดราตรี และแน่นอนว่าซูเถาแต่งตัวต่างจากพวกเขา

เธอเพิ่งเปลี่ยนเป็นชุดสีฟ้าอ่อนที่สวมใส่ทุกวัน มัดผมเอาไว้ด้านหลัง เผยให้เห็นหน้าผากนูนสวยซึ่งเต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์และความสดใส

เติ้งจื่อฉิงเห็นเธอจากระยะไกล และรู้สึกอิจฉาที่เธอยังอายุน้อยและอ่อนเยาว์

แม้ว่าความสามารถของเจียวชิ่งจะมีผลของความเยาว์วัยชั่วนิรันดร์ และใบหน้าของเธอไม่ได้สูงวัยตามอายุ แต่ทว่าอารมณ์ความรู้สึกของเธอย่อมมีความเปลี่ยนแปลงไปตามวัย ดังนั้นมันจึงทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ชอบใจ

เมื่อพูดถึงเจียวชิ่งแล้ว เติ้งจื่อฉิงก็อดไม่ได้ที่จะตัวแข็งทื่อ

เจียวชิ่งไม่ปรากฏตัวตลอดทั้งวัน และไม่มีใครสามารถติดต่อเธอได้ รวมถึงฉู่หมิงก็ไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน

เธอเกรงว่าแผนนี้ไม่เพียงถูกเปิดเผย แต่ยังล้มเหลวอีกด้วย และเจียวชิ่งอาจตกอยู่ในมือของซูเถา

ในขณะนี้ ซูเถาจ้องมองมาที่ตน แม้ว่าซูเถาจะยิ้ม แต่ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง

เติ้งจื่อฉิงเดินผ่านเธอไปอย่างกล้าหาญ พร้อมกับกล่าวทักทายเธอ และแสร้งทำเป็นแปลกใจ

“คุณซูเห็นคุณเจียวเมื่อบ่ายนี้หรือเปล่า ฉันโทรหาเธอ แต่เธอไม่รับสาย สามีของเธอก็ตามหาเธอเช่นกัน”

รอยยิ้มของซูเถายังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เธอพูดทำให้เติ้งจื่อฉิงหวาดกลัวจนขนหัวลุก

“ฉันเจอเธอตอนบ่าย แต่เธอบอกฉันว่าคุณให้เธอพาฉันไปที่ห้องพักรับรองในตอนกลางวัน คุณสั่งให้เธอใช้พลังหลงใหลกับฉัน และจะนำตัวฉันไปมอบให้ชายชราเพื่อเป็นของเล่นของเขา จุดประสงค์คือต้องการแก้แค้นที่ฉันไม่ช่วยพ่อของคุณ”

ผมของเติ้งจื่อฉิงชี้ขึ้น และริมฝีปากของเธอก็สั่นระริกอย่างรุนแรง แต่เธอมีจิตใจที่แข็งแกร่ง หลังจากที่มีปฏิกิริยาแบบนั้น เธอก็พูดอย่างลนลานทันที

“คุณพูดจาไร้สาระ! ตอนแรกฉันเชื่อคำพูดของแม่ฉัน ดังนั้นฉันจึงมีความไม่พอใจในตัวคุณ แต่เมื่อฉันได้รู้ความจริงทั้งหมดในวันนั้นว่าแม่ของฉันเป็นฝ่ายผิดก่อน ฉันก็ไม่เคยคิดจะแก้แค้นคุณด้วยซ้ำ”

“นอกจากนี้ คุณมาจากเถาหยาง ดังนั้นฉันจึงไม่กล้าทำอะไร เอ่อร์เฉิงเตือนให้ฉันสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณ ถ้าฉันพยายามหลอกลวงคุณ เขาจะฆ่าฉันแน่นอน คุณซู ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ในวันสิ้นโลกแบบนี้ หากปราศจากเอ่อร์เฉิง ฉันคงเอาชีวิตไม่รอด ฉันไม่สามารถเอาอนาคตของตัวเองมาแก้แค้นคุณได้”

ทุกคำที่เธอพูดนี้มาจากใจจริง ซึ่งซูเถาก็สงสัยเกี่ยวกับการแสดงออกของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า

หากเป็นการแสดง เติ้งจื่อฉิงถือว่าแสดงดีมาก

ซูเถาระงับความสงสัยในใจและพยักหน้าให้เธอ “คุณพูดถูก แล้วทำไมเจียวชิ่งเผยข้อความที่อธิบายไม่ได้โดยไม่มีเหตุผลกับให้ฉัน แถมยังปักปรำมาที่คุณด้วย”

เติ้งจื่อฉิงไม่แน่ใจว่าซูเถากำลังคิดอะไรอยู่ สิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ว่าเจียวชิ่งหญิงชราคนนั้นต้องการโยนความผิดมาให้เธอ

ความคิดนับไม่ถ้วนแวบเข้ามาในหัวของเธอ และในที่สุดก็พูดออกไปอย่างเศร้าใจว่า “ฉันเองก็ไม่รู้”

หลังจากซูเถาถามอีกครั้ง เธอก็สับสนและบอกว่าไม่รู้ และในแวดวงสังคม เจียวชิ่งถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตา ส่วนเธอเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ไม่ได้เป็นที่รู้จัก

อันที่จริง ซูเถาต้องการจับเธอและพาตัวเธอไปเพื่อบังคับสอบปากคำ ไม่ว่าเธอจะรู้เรื่องหรือไม่ก็ตาม

แต่ในขณะเดียวกัน เจียงจิ่นเวยที่หันมาเห็นพวกเขา เธอก็เดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนสองสามคน และมองไปที่เติ้งจื่อฉิง และถามซูเถา

“เพื่อนเธอเหรอ?”

ก่อนที่ซูเถาจะตอบ เจียงจิ่นเวยก็พูดกับผู้หญิงข้าง ๆ เธอ

“นี่คือซูเถาน้องสาวของฉัน ตอนนี้เธออาศัยอยู่ที่เถาหยาง คุณสนใจเถาหยางไหม ยังไงแล้วคุณก็สอบถามข้อมูลจากเธอได้นะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด