ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก 25 คุณเปลี่ยนไปนะพลตรีสือ

Now you are reading ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก Chapter 25 คุณเปลี่ยนไปนะพลตรีสือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 25 คุณเปลี่ยนไปนะพลตรีสือ (รีไรท์)

ตอนที่ 25 คุณเปลี่ยนไปนะพลตรีสือ (รีไรท์)

สิงซูอวี่เป็นลูกคนเดียว เธอค่อนข้างที่จะเอาแต่ใจตนเอง คิดไม่ถึงว่าในวันหนึ่งจะได้รับคำถามอะไรแบบนี้

แต่หญิงสาวก็ยังปฏิเสธที่จะยอมรับว่าตนเองผิด และพูดเสียงแข็งว่า “ก็ฉันซื้อมาแล้ว พวกคุณจะเอายังไง”

ผู้เช่าหญิงหลายคนพูดถึงเรื่องนี้ “คุณก็ขายพวกมันต่อให้เราสิ ไปขายตรงนั้นและขายในราคาเดิม ไม่งั้นฉันจะบอกเถ้าแก่ซู”

สิงซูอวี่ “…”

ซูเถาออกมาดู และเห็นสิงซูอวี่นั่งยอง ๆ อยู่ที่มุมหนึ่งเพื่อขายผ้าอนามัย

“เปลี่ยนอาชีพเหรอ” ซูเถาเดินเข้ามาถามอย่างขำขัน

สิงซูอวี่รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองง้ำงอ ดังนั้นจึงไม่รับคำเยาะเย้ยของซูเถา และพูดอย่างเคอะเขินหลังจากขายหมด

“ของในเครื่องจำหน่ายผ้าอนามัยมันหมดแล้ว คุณไปเติมสิ”

ซูเถาพอจะเข้าใจเรื่องราว เธอคลี่ยิ้มและไปที่ร้านขายของชำเพื่อเติมสินค้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ

สิงซูอวี่เดินตามเข้าไปข้างใน เมื่อเห็นว่าเครื่องข้างในนั้นว่างเปล่า เธอพยายามคลายความอึดอัดใจและพูดว่า

“คุณไม่ได้บอกว่าจำกัดการซื้อ ฉันเลยซื้อมาทั้งหมดเลย ไม่เป็นไรใช่ไหม”

เธอปิดท้ายด้วยประโยคในใจ ถ้ามีปัญหาก็ไม่เป็นอะไรอย่างมากที่สุดเธอก็แค่นำไปคืน

ซูเถาคิดว่าที่เธอเป็นอย่างนี้มันตลกดี “เชิญตามสบาย แต่ว่าซื้อเยอะขนาดนั้นจะใช้ถึงปีไหน เนี่ย”

สิงซูอวี่กล่าวว่า “คุณไม่รู้ถึงความยากลำบากภายนอกเถาหยางหรอก แม่ของฉันไม่ได้ใช้สิ่งนี้มาหลายปีแล้ว ฉันจะเอามันกลับไปให้เธอ เราสองคนจะแบ่งกันใช้ แล้วก็จะเอาไปให้คนอื่นอีก จากนั้นมันคงจะเหลือไม่เท่าไหร่”

ซูเถาเคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน สิ่งของในเถาหยางเป็นของที่ภายนอกขาดแคลน คงจะไม่มีผู้เช่าคนอื่นมาแย่งซื้อจากที่นี่แล้วเอาออกไปขายต่อใช่ไหม?

หากปล่อยไว้ แล้วพอถึงเวลานั้นหากมีผู้เช่าที่ต้องการใช้มันจริง ๆ แต่ว่าซื้อของไม่ได้ล่ะ ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัว และซูเถาก็ตัดสินใจจำกัดการซื้อทันที

เธอเข้าไปค้นหาในระบบ และพบว่ามีตัวเลือกสำหรับการจัดการเครื่องจำหน่ายของอัตโนมัติ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้เติมสินค้าได้ในคลิกเดียว แต่ยังจำกัดการซื้อได้อีกด้วย

ซูเถาตั้งค่าเรื่องจำหน่ายอัตโนมัติทั้งสี่เครื่องในร้านขายของชำเพื่อให้หนึ่งคนสามารถซื้อสินค้าได้เพียงหนึ่งรายการต่อเดือน

จากนั้นก็แจ้งในกลุ่มผู้เช่า

“เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการซื้อและการใช้งานของผู้เช่า เราจำกัดให้แต่ละคนซื้อของในร้านได้คนละหนึ่งรายการต่อเดือน

คนส่วนใหญ่แสดงความเข้าใจ มีเพียงเหวินเพ่ยเจินหญิงวัยกลางคนที่ปฏิเสธที่จะฟังคำชี้แจง และยืนกรานที่จะออกไปข้างนอก ก่อนออกไปเธอก็พูดอย่างหน้าตาเฉยว่า

“เถ้าแก่ซูกลัวว่าเราจะซื้อแล้วเองไปเก็งกำไรเหรอ”

ซูเถาตอบกลับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “คุณอย่ามีทัศนคติแปลก ๆ กับฉันจะดีกว่า ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายใจที่จะอยู่ที่นี่ เดือนหน้าคุณก็ไม่ต้องต่อค่าเช่าห้อง”

เหวินเพ่ยเจินคนนี้อายุก็ไม่น้อยแล้ว แต่เป็นคนที่มีทัศนคติแปลก ๆ

ครั้งก่อนก็ไม่ฟังคำเตือนและยืนกรานที่จะออกไปข้างนอก โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่น้องสกุลเถา เธอก็เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่หลายวันไม่กล้าออกไปไหน การที่ต้องเห็นคนนิสัยแบบนี้วนเวียนอยู่ในสายตามันทำให้ซูเถารู้สึกอารมณ์เสียไม่น้อย

เหวินเพ่ยเจินไม่กล้าตอบ เอาแต่พึมพำบางอย่างในใจ หญิงสาวตัวเล็ก ๆ เป็นคนใจแคบ เอะอะก็จะไล่เธอออกไป ไร้จิตสำนึกของการเป็นเจ้าของจริง ๆ

ผู้เช่ารายอื่นเดิมที่ก็ไม่ได้มีความประทับใจต่อเหวินเพ่ยเจิน พวกเขารู้สึกว่าเธอมีสายตาไม่เป็นมิตรและพูดจาไม่ค่อยเข้าหู ดังนั้นจึงช่วยซูเถาพูด

เหวินเพ่ยเจินโกรธมาก

จวงหว่านคร้านจะพูดกับเหวินเพ่ยเจิน แต่หันไปพูดประโยคหนึ่งกับซูเถา

“เดือนหน้าไม่ต้องต่อสัญญากับเธอแล้ว เธอน่ารำคาญจริง ๆ ฉันได้ยินอวี้อิงบอกว่าเธอขโมยผงซักฟอกของคนอื่นด้วย เวลาคนอื่นกินอะไรก็ไปขอเขากินเหมือนขอทาน กินของเขาจนเกือบหมด และล่าสุดที่เสี่ยวป๋อคนงี่เง่าซื้ออาหารเช้ามาเตรียมที่จะกิน เขาไปเข้าห้องน้ำครู่เดียวกลับมาเหวินเพ่ยเจินก็กินของเขาจนหมด เธอบอกว่าเธอคิดว่าเสี่ยวป๋อไม่เอาแล้ว เธอทำท่าเหมือนจะจ่ายเงินให้นะแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ให้”

“แล้วยังได้ยินมาอีกว่าเธอถามเฉียนหรงหรงว่าช่วยคุณทำความสะอาด คุณให้เงินหรงหรงไหม ให้เท่าไหร่ เมื่อหรงหรงตอบว่าไม่ เพราะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน เหวินเพ่ยเจินก็บอกว่าทำแบบนี้มีแต่เสียเปรียบ แต่เมื่อแม่เฉียนได้ยินเข้า เธอก็รีบออกไปตำหนิเหวินเพ่ยเจินว่าเป็นหญิงชราใจดำ”

เมื่อได้ยินดังนั้นซูเถาก็หัวหมุน “เดือนหน้าพี่ลองไปคุยกับเธอดู แต่ฉันเดาได้เลยว่าเธอคงไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่เป็นไร งั้นก็ให้เสี่ยวป๋อเป็นคนโยนเธอออกไป”

ช่วงเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าข่าวนี้ถูกส่งต่อออกไปยังไง คนภายนอกต่างก็พูดกันว่าคนที่เถาหยางนั้นมีชีวิตหลังวันสิ้นโลกอย่างสุขสบาย

ไม่เพียงแต่กินดีอยู่ดี แต่ยังมีสิ่งดี ๆ ทุกชนิดก่อนวันสิ้นโลก ถ้านำมันไปขายข้างนอกมันจะกลายเป็นสมบัติล้ำค่า

ทุกวันนี้มีคนมาล้อมรอบประตูเถาหยางตลอดทั้งวัน เมื่อพวกเขาเห็นคนที่ออกมา พวกเขาก็ถามด้วยความอิจฉา บางคนก็ลงไม้ลงมือ

การกระทำของคนพวกนี้ทำให้สือจื่อเยว่โกรธมาก

“เมื่อกี้หนูออกไปเรียน คนพวกนั้นเหมือนซอมบี้ที่เห็นคนมีชีวิต บางคนถึงกับเกลียดหนูและทุบตีหนูอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น! การกระทำของพวกเขาอุกอาจมาก หนูพักที่นี่แล้วมันไปสร้างความเดือดร้อนอะไรให้พวกเขา”

ซูเถาพับแขนเสื้อของเด็กหญิงขึ้นเผยให้เห็นรอยฟกช้ำสองรอยที่ต้นแขน

ซูเถาเดือดดาล

หญิงสาวรั้งจื่อเยว่เข้ามาในอ้อมกอดแล้วปลอบโยน “พวกเขาได้ยินข่าวลือว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนสวรรค์บนดิน และคิดว่าที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้นเหมือนคูน้ำที่เหม็นเน่า พวกเขาเกิดความอิจฉาจึงมาพาลโกรธพวกเรา”

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ กลุ่มคนหัวรุนแรงนั้นเกิดจากความอิจฉาริษยา

เดิมทีมีคำกล่าวว่า เราจะผ่านความยากลำบากในวันสิ้นโลกไปด้วยกัน

แต่ตอนนี้ในขณะที่เธอมีชีวิตที่ดี แล้วทำไมฉันยังต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด มันไม่ยุติธรรม

นอกจากนี้ยังมีบางคนที่โลภมากและต้องการแอบเข้าไปในเถาหยางเพื่อขโมยบางอย่างและนำมันไปขายต่อ

ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงถูกฆ่าตาย

โจรสองคนที่มีมือเท้าสกปรกพยายามปีนข้ามรั้วไฟฟ้าเพื่อเข้าไปข้างในกลางดึก แต่แม่บ้านอัจฉริยะสังเกตเห็นและมองว่าเป็นการจู่โจม พวกเขาจึงถูกไฟฟ้าช็อตจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

เมื่อทราบเหตุและผลแล้ว ซูเถาจึงตื่นขึ้นกลางดึกเพื่อเก็บศพของทั้งสองคนภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิด

ผู้เช่าหลายคนช่วยเอาถุงมาใส่ศพทั้งแล้วโยนออกไปนอกประตู รุ่งสางเมื่อกลุ่มก่อกวนกลุ่มใหม่เห็นสภาพศพสด ๆ ก็พากันวิ่งหนีเตลิดไปด้วยความหวาดกลัว

ซูเถากลายเป็นคนโหดร้าย แต่เธอไม่ได้คิดเช่นนั้น เธอแค่เปิดถุงเก็บศพแล้วปล่อยให้มันแห้งไปตามเวลา คล้ายกับจะแสดงให้เห็นว่าถ้ามาสร้างปัญหาที่นี่ก็จะมีจุดจบเช่นนี้ จากนั้นรอจนศพส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ สภาพช่างน่าสยดสยอง ก่อนจะขอให้คนมาจัดการ

ตอนนี้ผู้ก่อกวนรู้แล้วว่าเขตเถาหยางนี้ไม่ง่ายเลยที่จะบุกรุก

มีข่าวลือว่าเจ้าของเถาหยางเป็นหญิงร้ายกาจและโหดเหี้ยม มีคนถูกเธอทรมานจนตายถึงสองคน เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู

หญิงร้ายกาจ? โหดเหี้ยม?

เมื่อสือจื่อจิ้นได้ยินข่าวลือเหล่านี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก

เฉินเหล่าเอ้อร์สงสัย “เหล่าต้า มีคนตายถึงสี่คนนะ คุณยังยิ้มได้อยู่อีกเหรอ”

ไม่รู้ว่าสัตว์ร้ายตัวเล็ก ๆ นั้นไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน มันฆ่าคนถึงสี่คนติดต่อกัน และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัว พวกเขากังวลจนผมจะหงอกหมดหัวแล้ว

สือจื่อจิ้นกลั้นยิ้ม “ถึงนายจะนั่งหน้าบึ้งทั้งวันก็แก้ปัญหาไม่ได้หรอก”

เฉินเหล่าเอ้อร์เกาหัวแกรก ๆ “ก็จริง เฮ้ คุณเปลี่ยนไปนะ เมื่อก่อนคุณห่วงอนาคตของประชาชนและชาติบ้านเมืองนี่…”

สือจื่อจิ้น “มีอะไรก็ไปทำไป”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด