ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก 249 บอสกู้ ไม่ต้องแอบแล้ว
ตอนที่ 249 บอสกู้ ไม่ต้องแอบแล้ว
ตอนที่ 249 บอสกู้ ไม่ต้องแอบแล้ว
เมื่อกู้หมิงฉือนำคนไปที่สู่กวาง เขาก็รู้สึกว่าสถานที่แห่งนี่ต่างกับโลกภายนอกมาก
มันคล้ายกับนิทานที่คุณปู่เคยอ่านให้ฟังตอนเด็ก ๆ มีเจ้าหญิงในหอคอยงาช้างได้รับการปกป้องอย่างดีและไม่รู้ถึงอันตรายภายนอก
เขาไม่ได้เข้าไปข้างใน แต่เขามอบหมายงานให้โหวหลิ่งซื่อ
“พวกเขายังเด็กและชอบสร้างปัญหา นายต้องดูแลพวกเขาอย่างใกล้ชิด อย่าให้เกิดอะไรขึ้น อย่าไปรบกวนเถาหยางข้าง ๆ ถ้ามีปัญหาอะไรมารายงานฉันโดยตรง”
โหวหลิ่งซื่อตอบรับและอดไม่ได้ที่จะถามว่า
“บอส คุณจะไม่มาอยู่ที่สู่กวางกับเราจริง ๆ เหรอ? ยังมีเตียงเหลือนะ หรือไม่ห้องแปดคนสามารถจัดไว้เป็นพิเศษเพื่อให้คุณอยู่คนเดียวได้ ไม่มีที่ไหนปลอดภัยเท่าเถาหยางอีกแล้ว คุณอย่ามัวแต่คิดถึงความปลอดภัยของเด็ก ๆ คุณต้องคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองด้วย”
กู้หมิงฉือตอบกลับด้วยเสียงเข้ม “ฉันไม่ใช่เด็กแบบพวกเขาที่ต้องได้รับการปกป้อง และฉันก็เชื่อว่าพี่น้องที่อยู่กับฉันข้างนอกก็เช่นกัน พวกเราไม่กลัวซอมบี้ที่มีวิวัฒนาการ รวมถึงสัตว์ร้ายตัวใหม่ที่มีหางนั่นด้วย นายไม่ต้องกังวล”
โหวหลิ่งซื่อรู้ว่าบอสของเขากระอักกระอ่วน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากพูดอะไรมาก แต่เขารู้สึกกังวลและรู้สึกผิด บอสกำลังเผชิญอันตรายอยู่ข้างนอก แต่เขาให้เด็ก ๆ มาซ่อนตัวอยู่ในเขตพื้นที่ปลอดภัย
กู้หมิงฉือโบกมือ “เอาล่ะ นายพาเด็ก ๆ เข้าไปได้แล้ว”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เด็ก ๆ วัยหนุ่มสาวที่ลงจากรถทีละคนก็อุทานเสียงดัง ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย ถ้าไม่ใช่เพราะเกรงใจบอสกู้ พวกเขาคงรีบวิ่งเข้าไป
โดยเฉพาะเจียวฮ่าวเผิงที่อายุน้อยที่สุด
ปีนี้เขาเพิ่งอายุ 10 ขวบ ตอนเขาอายุได้ 8 ขวบ เขาเป็นขอทาน เขาได้หุยซู่ผ่านมาเจอและได้รับตัวเขากลับไป ตั้งแต่นั้นมา เขาก็อาศัยอยู่ที่สถานีเก่ากับพี่ชายพี่สาวที่นี่ ได้เรียนรู้ ได้ช่วยทำงานบ้านที่สถานีเก่า แม้บางครั้งจะกินไม่อิ่ม และคุณภาพชีวิตก็ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ชีวิตของเขาก็มีหลักประกัน เขามีชีวิตอย่างสุขสงบจนกระทั่งบอสกู้ตัดขาดกับสถานีเก่า
พวกเขาต้องออกจากที่ที่เคยอยู่ ต้องนั่งรถเตร็ดเตร่ไปเรื่อย ๆ ไปปล้นที่ดินของคนอื่นหลายครั้ง ทั้งแพ้ทั้งชนะ แต่สุดท้ายก็อยู่ได้ไม่นาน
เจียงฮ่าวเผิงมองไปที่ ‘อาคารสู่กวาง’ ที่ใหม่เอี่ยม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาและความหวังอันแรงกล้า
พี่ใหญ่หุยซู่บอกว่าพวกเขาแต่ละคนจะมีเตียงเป็นของตัวเอง ไม่ต้อนอนเบียดเสียดกัน โดยในหนึ่งห้องจะอยู่กัน 8 คน
ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้ โหวหลิ่งซื่อก็ขอให้พวกเขามารวมตัวกันเพื่อฟังบอสกล่าวอะไรบางอย่างด้วยความตั้งใจ
กู้หมิงฉือโบกมือ “ไม่มีกฎอะไรมากมายหรอก เข้าไปเถอะ”
เมื่อเด็กเหล่านี้ได้รับอนุญาต จึงรีบเข้าไปข้างใน
เนื่องจากอายุยังน้อย เจียวฮ่าวเผิงจึงได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากโหวหลิ่งซื่อ ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่รีบเข้าไป เมื่อเขาเห็นตู้ขายของอัตโนมัติต่าง ๆ ทั้งสองด้านของลาน ขายทุกอย่างตั้งแต่อาหารไปจนถึงเครื่องดื่ม ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น
เขาเดินตามกลุ่มคนที่โตกว่าแล้วเดินไปดูกระจกตู้แช่ข้าวกล่อง ข้าวหน้าเนื้อพริกไทยดำ ข้าวไข่เจียว ข้าวผัดไส้กรอก ข้าวหน้าไก่…แค่ดูชื่อ ถึงนึกรสชาติไม่ออก แต่ก็ทำให้น้ำลายไหล
ถัดมาเป็นตู้เครื่องดื่มบริการตนเอง เช่น นม โคล่า สไปรท์ น้ำผลไม้…
เจียวฮ่าวเผิงเคยได้ยินแต่เครื่องดื่มเหล่านี้ ไม่เคยเห็นมาก่อน นับประสาอะไรกับการได้ชิมเครื่องดื่มเหล่านี้ เขาแทบจะเอาหน้ายัดเข้าไปในเครื่องดื่ม
โหวหลิ่งซื่อก็ลิ้นพันกันเมื่อเขาเห็นมัน เขาเคยได้ยินมาก่อนว่าเถาหยางมีตู้ขายของอัตโนมัติทุกชนิด ซึ่งสามารถซื้อของก่อนวันสิ้นโลกจากตู้ขายของอัตโนมัติได้ เมื่อมองดูในวันนี้ มันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ และราคาก็ดีมากเช่นกัน ไม่แพงเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายคนถึงอยากอยู่ในเถาหยาง
“เอาล่ะ ทุกคน ไปที่ห้องพักของตัวเองที่จัดไว้ให้เมื่อวานเพื่อเก็บข้าวของ เสร็จแล้วไปรวมกันที่สนามฝึกซ้อมใต้ดินในอีกครึ่งชั่วโมง”
ทุกคนตอบรับอย่างเสียงดัง และเสียงโหวกเหวกที่ดังและชัดเจนของพวกเขาเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาของวัยรุ่น
ห้องพักของเจียวฮ่าวเผิงอยู่ที่ชั้น 1 และอาศัยอยู่กับเพื่อนร่วมห้องอีก 7 คนที่เขาคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ทุกคนวิ่งไปรอบ ๆ ห้องพักอย่างตื่นเต้นเป็นเวลานานและบางคนก็ถามว่าเครื่องจักรขนาดใหญ่สองเครื่องที่ระเบียงมีไว้ทำอะไร
ทุกคนมุงดูที่ระเบียง
เด็กผู้ชายที่อายุมากที่สุดในหอพักครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“มันคือเครื่องซักผ้า อันข้างบนอาจจะเป็นเครื่องอบผ้า ฉันได้ยินมาว่าผู้คนใช้มันก่อนวันสิ้นโลก”
มีคนถามด้วยความสงสัยว่า “มันแพงมากเหรอ”
สิ่งต่าง ๆ ก่อนวันสิ้นโลกมักเกี่ยวข้องกับคำว่า ‘แพง’ ซึ่งหายากมาก
เจียวฮ่าวเผิงกล่าวว่า “แน่นอนอยู่แล้ว มันดูใหม่มาก หอพักของเรามี หอพักอื่นก็อาจจะมีเหมือนกัน ไม่รู้ว่าต้องใช้เงินไปเท่าไหร่”
หลังจากที่เขาพูดแบบนั้น มันก็เตือนสติทุกคน จากนั้นก็พากันอุทานว่า “เถ้าแก่เถาหยางรวยจริง ๆ”
เด็กที่โตที่สุดกังวลเกี่ยวกับบอสของเขา
“บอสกู้ใช้เงินไปมากเพราะเหตุนี้เหรอ เราไร้ประโยชน์เกินกว่าที่เขาจะช่วยเหลือเราขนาดนี้”
ทุกคนเปลี่ยนจากความตื่นเต้นเป็นความเงียบ และในที่สุดก็มีกำลังใจขึ้นอีกครั้ง “เราต้องฝึกฝนอย่างหนัก และวันหนึ่งเราจะมีประโยชน์!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ โหวหลิ่งซื่อที่อยู่ที่ประตูก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาออกไปอย่างเงียบ ๆ เพื่อพบกู้หมิงฉือและพูดว่า
“พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นเด็กดี ตอนคุณรับเด็กคนแรกมา ผมไม่เห็นด้วย แต่เมื่อคิดถึงตอนนี้ ถือว่าคุณมีวิสัยทัศน์ระยะยาว พวกเขาจะเป็นเสาหลักของเขตตะวันออกของเราในอนาคต”
กู้หมิงฉือพยักหน้า “ตราบใดที่ฉันยังอยู่ ฉันจะไม่ทอดทิ้งพวกเขา”
โหวหลิ่งซื่อรู้สึกตื้นตันใจมาก
กู้หมิงฉือเปลี่ยนเรื่อง
“นายไปดูพวกนั้นเถอะ ฉันจะกลับแล้ว ที่เขตตะวันออกมีเรื่องให้จัดการมากมาย ฉันออกมานานไม่ได้ อีกอย่าง นายหาโอกาสแอบส่งจงเกาอี้กลับไปที่เถาหยางด้วย อย่าปล่อยให้คนของซูเถามาเอาเรื่องเราได้”
เพราะตอนนี้จงเกาอี้ไม่ใช่คนของเขาแล้ว
เขาไม่ได้บอกซูเถาล่วงหน้า เขาเอาคนของเธออกไปกลางดึกซึ่งดูไม่ดีเท่าไหร่
ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหลังทั้งสองคน
“บอสกู้ลำบากจังเลยนะคะ คุณไม่ต้องแอบแล้วแหละ”
Comments