ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก 163 ผู้อาวุโสเหม่ยต้องการหาลูกศิษย์

Now you are reading ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก Chapter 163 ผู้อาวุโสเหม่ยต้องการหาลูกศิษย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 163 ผู้อาวุโสเหม่ยต้องการหาลูกศิษย์

ตอนที่ 163 ผู้อาวุโสเหม่ยต้องการหาลูกศิษย์

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ป้าคังก็ลดเสียงลง

“ฉันรู้ว่าห้องที่เถาหยางเป็นที่ต้องการแค่ไหน คุณและผู้จัดการจวงสร้างห้องเช่าราคาถูกให้เป็นพิเศษโดยเห็นความสำคัญกับคนอย่างเรา คุณไม่คิดเอากำไรจากทุกคนจริง ๆ พวกเราขอขอบคุณคุณจริง ๆ…”

ซูเถาถอนหายใจ พลางปลอบโยนเธอ

“ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ เมื่อป้ามาที่เถาหยางก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเถาหยาง การที่ป้าตั้งใจทำงานอย่างหนักก็ถือว่าเป็นรางวัลที่ดีสำหรับเถาหยาง ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ ป้าไปกินข้าวที่โรงอาหารก่อนเถอะค่ะ และใช้ชีวิตที่ดีในเถาหยาง ในอนาคตเราจะให้ความสำคัญกับการพักผ่อนมากขึ้น”

หลังจากส่งป้าคังที่ยืนกรานจะทำความสะอาดให้เธอเสร็จ เธอก็เตรียมตัวกลับไปนอนต่อ แต่แล้วเธอก็ได้รับสายเรียกเข้าจากหม่าต้าเพ่า

“เถ้าแก่ เถ้าแก่ มีผู้หญิงมาที่นี่กลางดึก เธออายุยี่สิบต้น ๆ เธอบอกว่าเธอเป็นลูกสาวของมี๋อู้ เธอบอกว่าให้จับเธอไปแทนพ่อ ไม่งั้นเธอจะไม่ยอมไปไหน เช้านี้ผมตื่นขึ้นมา เห็นเธอมากางเต็นท์ที่หน้าประตูของเราจริง ๆ เราจะเอายังไงดี…”

“กัปตันเหลยบอกว่าให้จับเธอขึ้นรถแล้วโยนเธอออกไปไกล ๆ แล้วปล่อยให้เธอดูแลตัวเอง คุณว่ายังไง”

ซูเถาถามว่า “เธอรบกวนลูกค้าของเราหรือเปล่า”

หม่าต้าเพ่ากล่าวว่า “ไม่รบกวน แต่ก็มีลูกค้าบางคนที่กลัวว่าเธอจะลักเล็กขโมยน้อย…”

ซูเถากล่าวว่า “วันนี้คุณไปพูดกับเธอ ว่าพ่อของเธอเป็นผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่เธอเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีมูลค่าแลกเปลี่ยนใด ๆ แม้ว่าเธอจะนั่งอยู่บนพื้นดินที่ประตู ทางเราก็ไม่ตกลง เธอมาทางไหนก็ให้กลับไปทางนั้น”

หม่าต้าเพ่าพูดซ้ำ ๆ ว่า “ได้ได้ ให้เธอเป็นคนออกไปเองจะเป็นการดีกว่า ไว้ผมจะไปพูดกับเธอ”

หลังจากวางหูโทรศัพท์ ซูเถายังรู้สึกง่วงนอนอยู่ เธอส่งข้อความถึงจวงหว่านเพื่อขอให้เธอพาทุกคนไปที่ชั้นหนึ่งของอาคารสำนักงานที่สร้างขึ้นใหม่ จะได้แจกแจงสถานที่ทำงาน อีกสองชั่วโมงเธอจะไปถึงที่นั่น

สองชั่วโมงต่อมาซูเถารีบไปที่อาคารสำนักงานและบังเอิญพบกับหลิวพ่านพ่านกำลังเข็นผู้อาวุโสเหม่ย

เมื่อมองไปที่อาคารสำนักงานที่ยังสร้างไม่เสร็จอยู่ตรงหน้า ผู้อาวุโสเหม่ยก็อดยิ้มไม่ได้

“มันสวยงามมาก ดูเรียบร้อย บรรยากาศดี”

ซูเถากล่าวว่า “แน่นอนสิคะ ก็คุณเป็นคนออกแบบเองกับมือ ฉันจะช่วยเข็นพาคุณไปเยี่ยมชมนะคะ”

หลิวพ่านพ่านยิ้มและปล่อยรถเข็นให้เธอ ส่วนตัวเองไม่ได้ตามเข้าไปแต่เลือกที่จะรออยู่ข้างนอก

ในขณะที่เข็น ซูเถาก็ถามผู้อาวุโสเหม่ย “ขาของคุณเป็นยังไงบ้างคะ”

ผู้อาวุโสเหม่ยตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ตอนนี้ฉันเดินได้สิบนาที โดยมีของช่วยพยุง ถ้าหมอจงมาครั้งหน้า ฉันน่าจะขึ้นลงบันไดได้เอง”

ซูเถาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกมีความสุขมากและพูดด้วยรอยยิ้ม

“เดือนหน้าฉันจะพาไปเดินที่เขาผานหลิว ภูเขาไม่สูง แต่ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อยก็สามารถขึ้นลิฟต์ได้”

ผู้อาวุโสยิ้ม “เอาตามนั้น พาเสี่ยวพ่านไปด้วย แม้ว่าเธอจะไม่พูดอะไรเลย แต่ฉันรู้ว่าลูกชายของเธออยู่ที่นั่น เธออยากไปที่ภูเขาผานหลิวมาโดยตลอด”

ซูเถาพยักหน้า “ไม่มีปัญหาค่ะ”

“หนูเถา ฉันมีอีกเรื่องหนึ่ง อย่าหาว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ฉันแก่แล้ว ฉันคงอยู่กับเธอและเถาหยางได้อีกไม่นาน”

ซูเถาชะงักอยู่กับที่

“นี่ ไม่ต้องห่วง ฟังฉันนะ ฉันอยากให้เธอช่วยหานักเรียนให้ฉัน ถ้าฉันจากไปแล้ว จะได้มีคนคอยช่วยเธอ”

ซูเถาฝืนยิ้ม “คุณพูดเรื่องนี้เร็วเกินไปหรือเปล่าคะ อย่าเพิ่งคิดถึงวันนั้นเลย คุณสามารถอยู่ที่นี่ด้วยความสบายใจ วาดรูปให้น้อยลง มันจะไม่ดีต่อสายตาของคุณนะคะ”

ผู้อาวุโสเหม่ยถอนหายใจ “ถึงคำพูดจะเป็นลางไม่ดี แต่เธอก็ต้องฟัง หานักเรียนอายุ 16-30 ปีให้ฉันที ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐาน ไม่ต้องกังวลว่าจะทำไม่ได้ ตราบใดที่เชื่อฟังและเต็มใจที่จะอดทนต่อความยากลำบากทางอารมณ์ก็เพียงพอแล้ว หนูเถา ในขณะที่ฉันยังมีแรงอยู่ ฉันต้องหาคนที่ไว้ใจได้ให้มารับช่วงต่อจากฉัน”

ซูเถาไม่ตอบรับ เธอสแกนบัตรเพื่อเข้าสู่พื้นที่สำนักงาน

เมื่อชีอวิ๋นหลัน จวงหว่านและคนอื่น ๆ เห็นพวกเขา ก็รีบเข้ามาทักทาย

ทุกคนพูดคุยกับผู้อาวุโสและชมว่าเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ

ซูเถาชี้ไปที่ห้องทำงานส่วนตัวที่อยู่ด้านใน

“ห้องทำงานของคุณย้ายมาที่นี่ เดี๋ยวฉันจะออกบัตรเข้าออกอิเล็กทรอนิกส์ให้พี่พ่านด้วย ถ้าเธออยากมาที่นี่ จะได้ไม่เป็นปัญหา”

ผู้อาวุโสเหม่ยยิ้มทั่วใบหน้า “เอาล่ะ เพิ่มโต๊ะข้างในสำหรับนักเรียนในอนาคตของฉันหรือยัง”

ซูเถาทำอะไรไม่ถูก “ค่ะ ฉันกำลังเพิ่มตู้หนังสือให้กับนักเรียนในอนาคตของคุณ ตู้เก็บเอกสารหรือต่าง ๆ คุณยังไม่ได้รับนักเรียนเข้ามา แต่เริ่มวางแผนให้เขาแล้วเหรอคะ”

ผู้อาวุโสเหม่ยหัวเราะ “เด็กคนนี้นิ”

ในตอนบ่าย ซูเถายังคงปรับปรุงอาคารต่อไป โดยดำเนินการที่ชั้นสองของอาคารเถาหลี่

ทันทีที่ขึ้นลิฟต์ที่ชั้น 2 จะเป็นพื้นที่สำนักงานสาธารณะ มี 18 โต๊ะซึ่งจัดเป็นรูปกากบาทเหมือนชั้น 1 พร้อมฉากกั้นกระจกฝ้า

หลังจากออกจากลิฟต์แล้วไปทางซ้าย มีห้องทำงานสองห้อง ซูเถาเตรียมไว้สำหรับตัวเธอเองและจวงหว่าน

ในสำนักงานของเธอเองไม่ได้มีเพียงโต๊ะและเก้าอี้เท่านั้น แต่ยังมีโซฟารูปตัว L ที่สามารถนั่งหรือนอนก็ได้ เมื่อเหนื่อยจากการทำงาน สามารถปิดม่านและงีบหลับได้ สะดวกสบายเป็นที่สุด

มีโต๊ะกาแฟเล็ก ๆ อยู่หน้าโซฟา และมีเคาน์เตอร์และตู้เก็บของตั้งชิดผนัง มีเครื่องชงกาแฟอยู่ และมีตู้เย็นทรงเตี้ยอยู่ข้างๆ ซึ่งมีเครื่องดื่มและของว่างที่เธอชอบ

ซูเถาค่อนข้างพอใจกับห้องทำงานของเธอ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการทำงานและการพักผ่อน

นอกจากนี้ยังมีบานประตูทะลุกับห้องทำงานของจวงหว่าน จะได้สื่อสารกันอย่างสะดวก

มีห้องประชุมขนาดเล็กสำหรับสี่คนถัดจากห้องทำงานทั้งสองห้อง

ถัดจากห้องประชุมเป็นห้องน้ำสำหรับสี่คน

ออกจากห้องน้ำแล้วเลี้ยวซ้าย จะเป็นห้องชงชาแบบเดียวกับชั้นหนึ่ง

ทางด้านซ้ายของห้องชงชาเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ซึ่งสามารถรองรับได้ 10-15 คน

ในอนาคต ไม่จำเป็นต้องเบียดเสียดกันภายในห้องอาหารในภูเขาผานหลิวเมื่อจัดการประชุมผู้บริหาร

เมื่อซูเถาสร้างชั้นสองทั้งหมดเสร็จ ฟ้าก็มืดลงแล้ว เธอลงไปข้างล่างเหลือเพียงชีอวิ๋นหลันและจอมอนิเตอร์ 2 เครื่องเท่านั้นที่ทำงานล่วงเวลา

“หัวหน้าชี คุณกินข้าวหรือยังคะ คุณยังทำงานล่วงเวลาอยู่เหรอ”

เมื่อเห็นเธอมา ชีอวิ๋นหลันก็ลุกขึ้นและพูดว่า “เถ้าแก่ ฉันกำลังจะไปหาคุณพอดี เมื่อเช้าหม่าต้าเพ่าบอกคุณเกี่ยวกับเมิ่งเชียนแล้วใช่ไหม เธอเป็นลูกสาวของมี๋อู้ เราไปหาเธอเมื่อบ่ายวันนี้ เราพูดไม่ดีกับเธอขนาดนั้น…แต่เธอก็ยังไม่ยอมไป เธออยากเจอคุณ แต่ว่าฉันไม่ได้รับปาก”

ขณะที่พูด เธอก็พลิกหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ซูเถาดูจอมอนิเตอร์ “ตอนนี้เธอยังตั้งเต็นท์อยู่ข้างนอก”

ซูเถาขมวดคิ้ว “นี่มันก็ดึกมากแล้ว ถ้ามีคนคิดทำมิดีมิร้ายเธอ เธอจะมองเห็นได้ยังไงว่าใครเป็นใคร ทำไมเธอถึงดื้อรั้นแบบนี้นะ”

ชีอวิ๋นหลันถอนหายใจ “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ดูเหมือนเธอจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อของเธอมาก ฉันบอกเธอเกี่ยวกับความเสี่ยงของการอยู่ข้างนอก แต่เธอก็ยังกัดฟัน เราไม่มีความแค้นกับเธอ และเราไม่อยากให้เธอเผชิญกับความอันตราย”

ซูเถาส่ายหัว “พาเมิ่งเสี่ยวป๋อไปหาเธออีกครั้ง และเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้ายว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอต้องรับผิดชอบการเลือกของเธอเองและแบกรับผลที่ตามมาทั้งหมด”

เราไม่ใช่ญาติไม่ใช่คนรู้จัก และภูเขาผานหลิวไม่มีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องเธอ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *