ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก 33 ต้องหยาบคายสักหน่อย
ตอนที่ 33 ต้องหยาบคายสักหน่อย
ตอนที่ 33 ต้องหยาบคายสักหน่อย
จวงหว่านหมดคำจะพูด เธอหยิบกระดาษขึ้นมาเขย่าต่อหน้าซูเถา
“กล้ามากนะที่ส่งขยะพวกนี้มา คุณดูนี่สิ เหมือนภาพวาดของเด็กชัด ๆ ฝีมืออย่างกับไก่เขี่ย”
ซูเถาพลิกกระดาษพวกนั้นดูด้วยความตกตะลึง มีคนวาดแค่ช่องสี่เหลี่ยมธรรมดามาส่งด้วย
“เหนื่อยหน่อยนะคะ นี่มันเหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทรจริง ๆ แต่ว่าเราก็จำเป็นต้องหามืออาชีพมาทำงานนี้ ไม่งั้นพอจำนวนห้องมันเยอะขึ้นเราจะจัดการได้ยาก”
จวงหว่านพยักหน้า “ก็จริง ครั้งที่แล้วที่ฉันไปหาซูอวี่ พอขากลับจากห้องเธอฉันนี่เวียนหัวเลย ประตูทุกบานมันเหมือนกันไปหมด”
พวกเธอใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายเพื่อคัดกรองคนที่จะเข้ามาทำงานนี้ หลังจากอ่านเอกสารหลายพันชุดถึงจะเจอผู้สมัครสี่หรือห้าคนที่พอจะเข้าตา
จวงหว่านลูบไปที่ลำคอแห้งผากแล้วพูดว่า “ฉันจะนัดสัมภาษณ์ แล้วให้พวกเขาร่างแบบมาก่อนกลางเดือนเมษายน ฉันอยากจะให้เถาหยางของเรามีลานกิจกรรมและสวนดอกไม้เล็ก ๆ หลังจากที่กินข้าวเสร็จฉันจะได้ออกมาเดินเล่นหรือไม่เวลาว่าง ๆ ก็จะได้มานั่งอ่านหนังสือ”
ในอดีต อาคารบ้านเรือนที่ตงหยางถูกสร้างขึ้นมาติด ๆ กัน ถนนก็แคบเบียดเสียดกันเกินไป ที่ดินเกือบทุกตารางนิ้วถูกใช้จนถึงขีดจำกัด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีพื้นที่ขนาดใหญ่มาทำเป็นลานกิจกรรมหรือสวนดอกไม้
ซูเถาเองก็ตั้งตารอเช่นกัน เธอยังต้องการสร้างอาคารสำนักงานให้ตัวเธอเองและจวงหว่านรวมถึงพนักงานที่จะเข้าร่วมในการก่อสร้างเถาหยางที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่เธอแค่ไม่รู้ว่าจะสร้างที่ไหนมันถึงจะเหมาะสมและสวยงาม
เธอหวังว่าจะได้พบกับสถาปนิกที่เชื่อถือได้ที่มาพร้อมกับประสบการณ์และฝีมือที่ยอดเยี่ยม แต่เรื่องนี้มันไม่ราบรื่นอย่างที่ซูเถาคิดไว้ หลังจากที่เธอได้คัดกรองประวัติและเรียกคนมาสัมภาษณ์แล้วสองสามคน ซูเถาก็พบว่าตนเองยังไม่ค่อยพอใจเท่าไร
อาจจะเป็นเพราะว่าอายุยังน้อยหรือไม่ก็เกิดหลังวันสิ้นโลก แบบร่างที่ส่งมานั้นดูแออัดเป็นอย่างมาก มันดูเหมือนกับว่าเป็นตงหยางอีกแห่งหนึ่ง
ดูเหมือนว่าการใช้ประโยชน์ที่ดินขั้นสูงสุดจะฝังอยู่ในกระดูกของพวกเขา พวกเขาพร้อมที่จะเติมเต็มพื้นที่อันจำกัดนี้ให้เต็มไปด้วยอาคาร
ความรีบเร่ง ความแออัด และความไม่มีชีวิตชีวาคือธีมหลักของยุคนี้
ซูเถายิ่งมองยิ่งขมวดคิ้วแน่น
จวงหว่านตั้งใจที่จะโน้มน้าวเธอ “แบบนี้ไม่ดีเหรอ ในอนาคตถ้ามีผู้อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น มีเงินแล้วเราค่อยขยายกันก็ได้”
ซูเถาเข้าใจว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นถูกต้อง แต่ความปรารถนาลึก ๆ ในใจของเธอ คืออยากจะมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ดังนั้นจึงไม่สามารถพยักหน้ายอมรับสิ่งที่จวงหว่านโน้มน้าวได้
หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ คู่รักที่อาศัยอยู่ในห้องชุด 002 ก็มาเคาะประตูห้องของซูเถา
ซูเถารู้สึกประหลาดใจมาก เพราะคู่แต่งงานคู่นี้เป็นทหารที่ไม่ค่อยปรากฏตัวและพวกเขาก็ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เช่ารายอื่นนัก การที่พวกเขามาหาเธออย่างกะทันหันแปลว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ฝ่ายภรรยาชื่อถังชิงซูพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
“เถ้าแก่ซู ฉันได้ยินมาว่าคุณกำลังมองหาสถาปนิกเพื่อออกแบบวางแผนเถาหยางใช่ไหม ฉันมีคนที่เหมาะสมกับงานนี้จะแนะนำให้คุณรู้จัก แล้วนี่ก็คือผลงานของอาจารย์ท่านนั้นค่ะ”
ในขณะที่เธอพูดเธอก็ยื่นแฟ้มเอกสารหนาเป็นปึก ซึ่งดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยผลงานแห่งการพยายามอุตสาหะของอาจารย์ท่านนี้
ซูเถารับมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ดวงตาของเธอเปล่งประกายสว่างวาบ และถามขึ้นอย่างมีความหวัง
“เขาน่าจะมีอายุหน่อยใช่ไหม เพราะฉันคิดว่าการออกแบบของเขามันเหมือนกับสภาพแวดล้อมของก่อนถึงวันสิ้นโลก ซึ่งดูสบายตาและได้บรรยากาศมาก”
ถังชิงซูถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ปีนี้เขาอายุ 78 ปีแล้ว ก่อนวันสิ้นโลกเขาเคยเป็นนักวางผังเมืองและได้รับรางวัลมากมาย เขาเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูง แต่หลังจากวันสิ้นโลกเขาก็ไม่ได้มีผลงานอะไรเนื่องจากไม่มีที่ดินให้ออกแบบ”
ซูเถากล่าวว่า “เขาอาศัยอยู่ที่ไหนเหรอคะ? ฉันจะได้หาเวลาเพื่อไปพบกับเขา”
ถังชิงซูมองหน้ากับสามีของเธอก่อนที่จะพูด
“ผู้อาวุโสเหม่ยเขาไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เขาอาศัยอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้ในบ้านพักสวัสดิการราคาย่อมเยาที่ฐานหลัก”
ถังชิงซูเปิดเครื่องมือสื่อสารแล้วหาที่อยู่อาศัยของผู้อาวุโสเหม่ยให้ซูเถา
หลังจากที่ซูเถาขอบคุณอีกฝ่าย เธอก็ตรงไปหาจวงหว่านและกวานจือหนิงเพื่อชวนให้ออกไปข้างนอกด้วยกัน
ถังชิงซูรีบจับมือกับสามีของเธอแล้วพูดว่า
“หวังว่าผู้อาวุโสเหม่ยจะทำสำเร็จนะ เขาอายุปูนนี้แล้วแต่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองเลย ลูกชายกับลูกสะใภ้ก็อกตัญญู เฮ้อ ฉันไม่สบายใจทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ ในอดีตเขาเป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน”
สามีของเธอปลอบใจว่า “เถ้าแก่ซูเป็นคนมีเหตุผล คุณดูสิเธอเลือกคนที่จะมาทำงานนี้ตั้งนานแต่ก็ยังไม่พอใจ นั่นแสดงว่าเธอให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้เช่ามากกว่าการใช้ประโยชน์ของที่ดินเพื่อเก็บค่าเช่าและทำเงินให้เธอ เธอกับผู้อาวุโสเหม่ยน่าจะเป็นคนแบบเดียวกัน ยังไงผมก็ว่าไม่มีปัญหา”
ถังชิงซูพยักหน้า “เถ้าแก่ซูเป็นคนดี แต่เธอก็ยังเด็กใช่ไหม? เธออายุถึงยี่สิบปีหรือยัง? เธอมีคนรักหรือยังนะ ฉันมีหลานชายอยู่คนหนึ่ง…”
ชายหนุ่มจับมือของเธอแล้วเดินไป “ผู้ชายธรรมดาไม่คู่ควรกับเธอหรอก คุณเลิกคิดที่จะเป็นแม่สื่อให้เธอได้แล้ว”
“ที่คุณพูดก็มีเหตุผล”
……
กวานจือหนิงจอดรถบนถนนแล้วพูดว่า “พวกคุณสองคนลงจากรถก่อน ที่อยู่ที่คุณให้มา รถไม่สามารถเข้าไปได้”
ทันทีที่ซูเถาลงจากรถเธอก็เดินเข้าไปในถนนลูกรัง ทุกครัวเรือนทิ้งน้ำที่บริโภคแล้วออกนอกตัวบ้าน ถนนนี้จึงเต็มไปด้วยดินโคลนที่เฉอะแฉะ
กว่าทั้งสองจะเข้าไปข้างในได้ ผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้นต่างก็อยากรู้อยากเห็นแล้วมองไปที่พวกเธอจากทางหน้าต่างบ้าน
นี่คืออาคารบ้านพักที่ใกล้กับเขตตะวันออก ผู้คนที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้มีความหลากหลาย และสภาพแวดล้อมก็เลวร้ายมากเช่นกัน ไม่ง่ายเลยที่จะพบเห็นคนสวมใส่เสื้อผ้าดี ๆ แบบคนที่เดินเข้ามาอย่างซูเถาและจวงหว่าน
เมื่อซูเถามองไปที่สภาพแวดล้อมรอบ ๆ พลางคิดว่าชีวิตของผู้อาวุโสท่านนั้นคงไม่ง่ายนัก ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
เมื่อใกล้จะถึงที่หมายจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนด่าว่า
“แก่จะตายอยู่แล้ว! วาดวาดวาดอยู่นั่นแหละ! อยู่ในห้องขีดเขียนอะไรทั้งวันอยู่ได้ จะวาดอะไรนัก ช่วยอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง ดูสภาพครอบครัวของฉันสิ โอ๊ย อนาถจริง ๆ ทำไมชีวิตของฉันต้องมาเจอพ่อสามีอย่างนี้ด้วยเนี่ย ชาติที่แล้วฉันทำบุญทำกรรมอะไรไว้!”
ซูเถายืนนิ่งและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูหน้าบ้านแล้วสบถอย่างเกรี้ยวกราด
เพื่อนบ้านก็ดูเหมือนจะเคยชินกับมันแล้ว บางคนก็ยังคงซักผ้าและทำอาหารบนถนนที่คับแคบต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาเลยสักนิด
จวงหว่านมองไปที่บานประตูแล้วพูดว่า “บ้านหลังนี้แหละ แต่ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาผิดเวลาไปหน่อย”
ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะสังเกตเห็นพวกเธอ เธอมองมาที่พวกซูเถาหัวจรดเท้าแล้วถามว่า “พวกเธอเป็นใคร?”
ผู้ช่วยที่ดีอย่างจวงหว่านรีบอธิบายว่า “พวกเรามาที่นี่เพื่อมาตามหาผู้อาวุโสเหม่ย รบกวนคุณพาพวกเราไปพบเขาหน่อยได้ไหม?”
ถานฟางชุนกลอกตาแล้วพูดว่า
“มาเยี่ยมเหรอ? พวกเธอคงมาจากเขตตะวันตกล่ะสิ? มาหาเขามีเรื่องอะไร? ถ้าไม่บอกฉันว่าเรื่องอะไรฉันไม่พาพวกคุณเข้าไปหรอกนะ”
จากนั้นเธอก็ทำเรื่องที่ไร้มารยาทโดยการยืนขวางประตูเอาไว้
จวงหว่านกับซูเถามองหน้ากันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ยังคิดอยู่ว่าหรือว่าต้องให้เงินเธอสักหน่อย ถึงจะยอมให้พวกเธอได้เข้าไปข้างใน
ซูเถารู้สึกว่าเธอมีมารยาทเกินไป เธอควรจะหยาบคายเพื่อรับมือกับคนประเภทนี้ ดังนั้นเธอจึงพูดกับถานฟางชุนว่า
“เขาเป็นหนี้เรา คุณอย่ามาขวางทางพวกเราจะดีกว่า ไม่งั้นความซวยจะตกอยู่ที่คุณ”
จวงหว่านตกตะลึง
ถานฟางชุนตกใจและรีบหลบอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าขวางทางพวกเธออีก
ซูเถาพาจวงหว่านเข้าไปในบ้านอย่างราบรื่น ในห้องที่มืดและแออัด เธอเห็นชายชรานั่งวาดภาพอยู่ริมหน้าต่าง
Comments
ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก 33 ต้องหยาบคายสักหน่อย
ตอนที่ 33 ต้องหยาบคายสักหน่อย
ตอนที่ 33 ต้องหยาบคายสักหน่อย
จวงหว่านหมดคำจะพูด เธอหยิบกระดาษขึ้นมาเขย่าต่อหน้าซูเถา
“กล้ามากนะที่ส่งขยะพวกนี้มา คุณดูนี่สิ เหมือนภาพวาดของเด็กชัด ๆ ฝีมืออย่างกับไก่เขี่ย”
ซูเถาพลิกกระดาษพวกนั้นดูด้วยความตกตะลึง มีคนวาดแค่ช่องสี่เหลี่ยมธรรมดามาส่งด้วย
“เหนื่อยหน่อยนะคะ นี่มันเหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทรจริง ๆ แต่ว่าเราก็จำเป็นต้องหามืออาชีพมาทำงานนี้ ไม่งั้นพอจำนวนห้องมันเยอะขึ้นเราจะจัดการได้ยาก”
จวงหว่านพยักหน้า “ก็จริง ครั้งที่แล้วที่ฉันไปหาซูอวี่ พอขากลับจากห้องเธอฉันนี่เวียนหัวเลย ประตูทุกบานมันเหมือนกันไปหมด”
พวกเธอใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายเพื่อคัดกรองคนที่จะเข้ามาทำงานนี้ หลังจากอ่านเอกสารหลายพันชุดถึงจะเจอผู้สมัครสี่หรือห้าคนที่พอจะเข้าตา
จวงหว่านลูบไปที่ลำคอแห้งผากแล้วพูดว่า “ฉันจะนัดสัมภาษณ์ แล้วให้พวกเขาร่างแบบมาก่อนกลางเดือนเมษายน ฉันอยากจะให้เถาหยางของเรามีลานกิจกรรมและสวนดอกไม้เล็ก ๆ หลังจากที่กินข้าวเสร็จฉันจะได้ออกมาเดินเล่นหรือไม่เวลาว่าง ๆ ก็จะได้มานั่งอ่านหนังสือ”
ในอดีต อาคารบ้านเรือนที่ตงหยางถูกสร้างขึ้นมาติด ๆ กัน ถนนก็แคบเบียดเสียดกันเกินไป ที่ดินเกือบทุกตารางนิ้วถูกใช้จนถึงขีดจำกัด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีพื้นที่ขนาดใหญ่มาทำเป็นลานกิจกรรมหรือสวนดอกไม้
ซูเถาเองก็ตั้งตารอเช่นกัน เธอยังต้องการสร้างอาคารสำนักงานให้ตัวเธอเองและจวงหว่านรวมถึงพนักงานที่จะเข้าร่วมในการก่อสร้างเถาหยางที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่เธอแค่ไม่รู้ว่าจะสร้างที่ไหนมันถึงจะเหมาะสมและสวยงาม
เธอหวังว่าจะได้พบกับสถาปนิกที่เชื่อถือได้ที่มาพร้อมกับประสบการณ์และฝีมือที่ยอดเยี่ยม แต่เรื่องนี้มันไม่ราบรื่นอย่างที่ซูเถาคิดไว้ หลังจากที่เธอได้คัดกรองประวัติและเรียกคนมาสัมภาษณ์แล้วสองสามคน ซูเถาก็พบว่าตนเองยังไม่ค่อยพอใจเท่าไร
อาจจะเป็นเพราะว่าอายุยังน้อยหรือไม่ก็เกิดหลังวันสิ้นโลก แบบร่างที่ส่งมานั้นดูแออัดเป็นอย่างมาก มันดูเหมือนกับว่าเป็นตงหยางอีกแห่งหนึ่ง
ดูเหมือนว่าการใช้ประโยชน์ที่ดินขั้นสูงสุดจะฝังอยู่ในกระดูกของพวกเขา พวกเขาพร้อมที่จะเติมเต็มพื้นที่อันจำกัดนี้ให้เต็มไปด้วยอาคาร
ความรีบเร่ง ความแออัด และความไม่มีชีวิตชีวาคือธีมหลักของยุคนี้
ซูเถายิ่งมองยิ่งขมวดคิ้วแน่น
จวงหว่านตั้งใจที่จะโน้มน้าวเธอ “แบบนี้ไม่ดีเหรอ ในอนาคตถ้ามีผู้อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น มีเงินแล้วเราค่อยขยายกันก็ได้”
ซูเถาเข้าใจว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นถูกต้อง แต่ความปรารถนาลึก ๆ ในใจของเธอ คืออยากจะมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ดังนั้นจึงไม่สามารถพยักหน้ายอมรับสิ่งที่จวงหว่านโน้มน้าวได้
หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ คู่รักที่อาศัยอยู่ในห้องชุด 002 ก็มาเคาะประตูห้องของซูเถา
ซูเถารู้สึกประหลาดใจมาก เพราะคู่แต่งงานคู่นี้เป็นทหารที่ไม่ค่อยปรากฏตัวและพวกเขาก็ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เช่ารายอื่นนัก การที่พวกเขามาหาเธออย่างกะทันหันแปลว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ฝ่ายภรรยาชื่อถังชิงซูพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
“เถ้าแก่ซู ฉันได้ยินมาว่าคุณกำลังมองหาสถาปนิกเพื่อออกแบบวางแผนเถาหยางใช่ไหม ฉันมีคนที่เหมาะสมกับงานนี้จะแนะนำให้คุณรู้จัก แล้วนี่ก็คือผลงานของอาจารย์ท่านนั้นค่ะ”
ในขณะที่เธอพูดเธอก็ยื่นแฟ้มเอกสารหนาเป็นปึก ซึ่งดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยผลงานแห่งการพยายามอุตสาหะของอาจารย์ท่านนี้
ซูเถารับมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ดวงตาของเธอเปล่งประกายสว่างวาบ และถามขึ้นอย่างมีความหวัง
“เขาน่าจะมีอายุหน่อยใช่ไหม เพราะฉันคิดว่าการออกแบบของเขามันเหมือนกับสภาพแวดล้อมของก่อนถึงวันสิ้นโลก ซึ่งดูสบายตาและได้บรรยากาศมาก”
ถังชิงซูถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ปีนี้เขาอายุ 78 ปีแล้ว ก่อนวันสิ้นโลกเขาเคยเป็นนักวางผังเมืองและได้รับรางวัลมากมาย เขาเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูง แต่หลังจากวันสิ้นโลกเขาก็ไม่ได้มีผลงานอะไรเนื่องจากไม่มีที่ดินให้ออกแบบ”
ซูเถากล่าวว่า “เขาอาศัยอยู่ที่ไหนเหรอคะ? ฉันจะได้หาเวลาเพื่อไปพบกับเขา”
ถังชิงซูมองหน้ากับสามีของเธอก่อนที่จะพูด
“ผู้อาวุโสเหม่ยเขาไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เขาอาศัยอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้ในบ้านพักสวัสดิการราคาย่อมเยาที่ฐานหลัก”
ถังชิงซูเปิดเครื่องมือสื่อสารแล้วหาที่อยู่อาศัยของผู้อาวุโสเหม่ยให้ซูเถา
หลังจากที่ซูเถาขอบคุณอีกฝ่าย เธอก็ตรงไปหาจวงหว่านและกวานจือหนิงเพื่อชวนให้ออกไปข้างนอกด้วยกัน
ถังชิงซูรีบจับมือกับสามีของเธอแล้วพูดว่า
“หวังว่าผู้อาวุโสเหม่ยจะทำสำเร็จนะ เขาอายุปูนนี้แล้วแต่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองเลย ลูกชายกับลูกสะใภ้ก็อกตัญญู เฮ้อ ฉันไม่สบายใจทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ ในอดีตเขาเป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน”
สามีของเธอปลอบใจว่า “เถ้าแก่ซูเป็นคนมีเหตุผล คุณดูสิเธอเลือกคนที่จะมาทำงานนี้ตั้งนานแต่ก็ยังไม่พอใจ นั่นแสดงว่าเธอให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้เช่ามากกว่าการใช้ประโยชน์ของที่ดินเพื่อเก็บค่าเช่าและทำเงินให้เธอ เธอกับผู้อาวุโสเหม่ยน่าจะเป็นคนแบบเดียวกัน ยังไงผมก็ว่าไม่มีปัญหา”
ถังชิงซูพยักหน้า “เถ้าแก่ซูเป็นคนดี แต่เธอก็ยังเด็กใช่ไหม? เธออายุถึงยี่สิบปีหรือยัง? เธอมีคนรักหรือยังนะ ฉันมีหลานชายอยู่คนหนึ่ง…”
ชายหนุ่มจับมือของเธอแล้วเดินไป “ผู้ชายธรรมดาไม่คู่ควรกับเธอหรอก คุณเลิกคิดที่จะเป็นแม่สื่อให้เธอได้แล้ว”
“ที่คุณพูดก็มีเหตุผล”
……
กวานจือหนิงจอดรถบนถนนแล้วพูดว่า “พวกคุณสองคนลงจากรถก่อน ที่อยู่ที่คุณให้มา รถไม่สามารถเข้าไปได้”
ทันทีที่ซูเถาลงจากรถเธอก็เดินเข้าไปในถนนลูกรัง ทุกครัวเรือนทิ้งน้ำที่บริโภคแล้วออกนอกตัวบ้าน ถนนนี้จึงเต็มไปด้วยดินโคลนที่เฉอะแฉะ
กว่าทั้งสองจะเข้าไปข้างในได้ ผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้นต่างก็อยากรู้อยากเห็นแล้วมองไปที่พวกเธอจากทางหน้าต่างบ้าน
นี่คืออาคารบ้านพักที่ใกล้กับเขตตะวันออก ผู้คนที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้มีความหลากหลาย และสภาพแวดล้อมก็เลวร้ายมากเช่นกัน ไม่ง่ายเลยที่จะพบเห็นคนสวมใส่เสื้อผ้าดี ๆ แบบคนที่เดินเข้ามาอย่างซูเถาและจวงหว่าน
เมื่อซูเถามองไปที่สภาพแวดล้อมรอบ ๆ พลางคิดว่าชีวิตของผู้อาวุโสท่านนั้นคงไม่ง่ายนัก ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
เมื่อใกล้จะถึงที่หมายจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนด่าว่า
“แก่จะตายอยู่แล้ว! วาดวาดวาดอยู่นั่นแหละ! อยู่ในห้องขีดเขียนอะไรทั้งวันอยู่ได้ จะวาดอะไรนัก ช่วยอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง ดูสภาพครอบครัวของฉันสิ โอ๊ย อนาถจริง ๆ ทำไมชีวิตของฉันต้องมาเจอพ่อสามีอย่างนี้ด้วยเนี่ย ชาติที่แล้วฉันทำบุญทำกรรมอะไรไว้!”
ซูเถายืนนิ่งและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูหน้าบ้านแล้วสบถอย่างเกรี้ยวกราด
เพื่อนบ้านก็ดูเหมือนจะเคยชินกับมันแล้ว บางคนก็ยังคงซักผ้าและทำอาหารบนถนนที่คับแคบต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาเลยสักนิด
จวงหว่านมองไปที่บานประตูแล้วพูดว่า “บ้านหลังนี้แหละ แต่ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาผิดเวลาไปหน่อย”
ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะสังเกตเห็นพวกเธอ เธอมองมาที่พวกซูเถาหัวจรดเท้าแล้วถามว่า “พวกเธอเป็นใคร?”
ผู้ช่วยที่ดีอย่างจวงหว่านรีบอธิบายว่า “พวกเรามาที่นี่เพื่อมาตามหาผู้อาวุโสเหม่ย รบกวนคุณพาพวกเราไปพบเขาหน่อยได้ไหม?”
ถานฟางชุนกลอกตาแล้วพูดว่า
“มาเยี่ยมเหรอ? พวกเธอคงมาจากเขตตะวันตกล่ะสิ? มาหาเขามีเรื่องอะไร? ถ้าไม่บอกฉันว่าเรื่องอะไรฉันไม่พาพวกคุณเข้าไปหรอกนะ”
จากนั้นเธอก็ทำเรื่องที่ไร้มารยาทโดยการยืนขวางประตูเอาไว้
จวงหว่านกับซูเถามองหน้ากันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ยังคิดอยู่ว่าหรือว่าต้องให้เงินเธอสักหน่อย ถึงจะยอมให้พวกเธอได้เข้าไปข้างใน
ซูเถารู้สึกว่าเธอมีมารยาทเกินไป เธอควรจะหยาบคายเพื่อรับมือกับคนประเภทนี้ ดังนั้นเธอจึงพูดกับถานฟางชุนว่า
“เขาเป็นหนี้เรา คุณอย่ามาขวางทางพวกเราจะดีกว่า ไม่งั้นความซวยจะตกอยู่ที่คุณ”
จวงหว่านตกตะลึง
ถานฟางชุนตกใจและรีบหลบอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าขวางทางพวกเธออีก
ซูเถาพาจวงหว่านเข้าไปในบ้านอย่างราบรื่น ในห้องที่มืดและแออัด เธอเห็นชายชรานั่งวาดภาพอยู่ริมหน้าต่าง
Comments