ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก 313 รังแกเธอตั้งแต่เด็ก

Now you are reading ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก Chapter 313 รังแกเธอตั้งแต่เด็ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 313 รังแกเธอตั้งแต่เด็ก

ตอนที่ 313 รังแกเธอตั้งแต่เด็ก

“เถ้าแก่ซู เถ้าแก่ซู” ผู้อำนวยการกัวโทรหาเธอทางโทรศัพท์

ซูเถาฟื้นคืนสติและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ว่ายังไงคะ ฉันฟังอยู่ค่ะ”

เขาอายุแค่สี่ขวบ ซ้ำยังเป็นเด็กกำพร้า เขายังไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าครอบครัวของเขาเป็นใคร แต่เขาก็ด่วนจากไปเสียแล้ว เขาต้องถูกทรมานและถูกฆ่าในฐานะเหยื่อ

ผู้อำนวยการกัวร้องไห้จนปวดตา

“ฉันขอโทษ เรื่องนี้มันเป็นความรับผิดชอบของฉัน ตอนที่เด็กหายไปฉันไม่ทันได้สังเกตเห็น ฉันขอโทษนะ เถ้าแก่ซู”

ซูเถาสูดลมหายใจเข้าลึก “คุณจัดการเรื่องงานศพของหยางหยางก่อนเถอะค่ะ ส่วนเรื่องอื่น ๆ พวกคุณไม่ต้องกังวลนะ”

สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือการตายของหยางหยางทำให้เกิดความวุ่นวายในตงหยาง

ที่ตงหยาง ครอบครัวที่มีเด็กเล็กต่างก็หวาดกลัวโดยคิดว่าสถานที่ใดก็ตามที่ไม่มีโดมป้องกัน นั่นเป็นสถานที่ที่ฆาตรกรจะลงมือได้ง่าย

ผู้ปกครองของเด็กที่อยู่ในศูนย์แม่และเด็ก บอกเด็ก ๆ เพียงว่าอย่ากลับบ้าน และให้อยู่แต่ในโรงเรียน

ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้เข้าอยู่ที่ศูนย์แม่และเด็ก เหล่าพ่อแม่ผู้ปกครองแทบจะระเบิดหมายเลขโทรศัพท์ของศูนย์

มีพ่อแม่บางคนหัวใสบอกว่าพบเด็กกำพร้า และจะส่งไปที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่พอเจ้าหน้าที่ตรวจดูก็พบว่าเป็นลูกของพวกเขาเอง

ผู้อำนวยการกัวไม่มีเวลาตำหนิตัวเอง เธอเริ่มทำการรักษาความสงบเรียบร้อย และรับเด็กที่เหมาะสมเข้าเรียนอย่างรวดเร็ว

หลี่หรงเหลียนกำลังเดินวนอยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับถังโต้วที่อยู่ในอ้อมแขน และในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับซูเจี้ยนหมิงว่า

“ฉันสมัครให้โต้วโต้วเข้าศูนย์แม่และเด็กหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ หากครั้งนี้ไม่ได้ผล ถังโต้วจะเป็นยังไง ตอนนี้ข้างนอกอันตรายมาก…”

ซูเจี้ยนหมิงที่ปล่อยหนวดเครารกรุงรัง กำลังดื่มเหล้าที่เจียงจิ่นเวยนำกลับมาให้ ก่อนจะพูดออกมาอย่างเฉยเมย

“ถ้าทางนั้นไม่รับก็อยู่ที่บ้านนี่แหละ ไม่ต้องออกไปข้างนอก เด็กที่หนีออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ต้องตายก็สมควรแล้ว”

เขาลูบริมฝีปากของตัวเองแล้วเอ่ย “ไว้คุณติดต่อหาจิ๋นจิ่นหน่อย บอกเธอว่าครั้งหน้าที่กลับมาให้เอาเหล้าแบบนี้กลับมาอีก มันรสชาติดีมาก”

หลี่หรงเหลียนคว้าขวดเหล้าของสามีเอาไว้

“คุณไม่เคยสนใจลูกสาวของจิ๋นจิ่นด้วยซ้ำ แต่ต้องการให้เธอซื้อเหล้ากลับมาให้คุณน่ะเหรอ? คุณไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของเธอ แล้วยังมาอยากได้นู่นอยากได้นี่”

หากเป็นเมื่อก่อน เธอจะไม่กล้าพูดเรื่องแบบนี้กับซูเจี้ยนหมิง

เพราะท้ายที่สุดแล้วบ้านหลังนี้เป็นของซูเจี้ยนหมิงไม่ใช่ของเธอ ถึงผู้ชายคนนี้จะไม่ได้มีดีอย่างที่เธอคาดหวัง แต่เธอก็จะอดทน

ทว่าตอนนี้มันต่างออกไป ซูเจี้ยนหมิงไม่มีอะไรนอกจากบ้านที่ทรุดโทรม!

แต่เธอไม่ใช่ ตอนนี้เธอมีลูกสาวที่ร่ำรวยและมีแนวโน้มสูงว่าในอนาคตจะมีลูกเขยเป็นรองหัวหน้าฐานซินตู ซึ่งดีกว่าซูเจี้ยนหมิงที่เป็นคนไร้ประโยชน์มาก

นอกจากนี้ ลูกชายคนเดียวของซูเจี้ยนหมิงก็ต้องพึ่งพาลูกสาวคนโตของเธอเพื่อจะประสบความสำเร็จ

จิ๋นจิ่นพูดถูก ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องกล้ำกลืนฝืนทนอีกต่อไปแล้ว!

ซูเจี้ยนหมิงตกตะลึง แต่หลังจากคิดถึงคำพูดของหลี่หรงเหลียน เขาก็พบว่ามันสมเหตุสมผล ดังนั้นชายชราจึงมีท่าทีที่อ่อนลง

“แล้วเราจะทำอะไรได้ ผมไม่รู้จักใครในศูนย์แม่และเด็กเลย”

หลี่หรงเหลียนถาม “คุณขาดการติดต่อกับอดีตเพื่อนร่วมงานหมดแล้วเหรอ? ทำไมไม่ลองถาม ๆ ดูล่ะ เผื่อมีใครอาศัยอยู่ในเถาหยาง คนที่อยู่ในเถาหยางสามารถทำการแนะนำได้ไม่ใช่เหรอ? ส่วนซูเถาเราพึ่งพาอะไรเธอไม่ได้หรอก เราต้องไปทางอื่น ถ้าสามารถเข้าพักในเถาหยางได้ ก็จะได้รับการพิจารณาให้เข้าเรียนที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อน”

ในใจของซูเจี้ยนหมิงแอบปฏิเสธ

ในบรรดาเพื่อนร่วมงานของเขา เขาน่าจะเป็นคนที่แย่ที่สุด คงไม่มีใครอยากจะติดต่อกับเขา

หลี่หรงเหลียนมองเขาอย่างกดดัน

ซูเจี้ยนหมิงรู้สึกละอายเล็กน้อย “เอาล่ะ ไว้ผมจะถามให้”

ผู้หญิงนี่ถนัดในการพูดจาแดกดันจริง ๆ

เมื่อลูกชายของเขาก้าวหน้าในซินตู เขาจะต้องได้ดีกว่าเจียงจิ่นเวยผู้ที่เอาแต่พึ่งพาผู้ชายอย่างแน่นอน

แต่เจียงจิ่นเวยที่เอาแต่พึ่งพาผู้ชาย ขณะนี้เธอทำตัวไม่น่ารักและผู้ชายก็ไม่ได้สนใจในตัวเธออีกต่อไป

เดิมทีวันนี้เธอต้องการไปงานแสดงสินค้า และอีกอย่างเธอตั้งใจจะพาซูเจิ้งหลันไปพบเจอกับคนใหม่ ๆ ด้วย

ทว่าพวกเขาทั้งหมดถูกปฏิเสธโดยจั๋วเอ่อร์เฉิง

“อากาศร้อน คุณควรพักผ่อนอยู่ที่ห้องนั่นแหละ”

เจียงจิ่นเวยพยายามหาข้ออ้างต่าง ๆ “แต่ฉันได้นัดหมายกับน้องสาวของฉันแล้ว ว่าจะไปงานแสดงสินค้าด้วยกัน…”

จั๋วเอ่อร์เฉิงยิ้มเป็นรอยยิ้มบาง ๆ

“ผมได้ยินมาว่าเมื่อคืนคุณเจอน้องสาวที่งานเลี้ยงตอนเย็น แต่เธอประกาศกร้าวว่าไม่รู้จักคุณ”

เจียงจิ่นเวยรู้สึกเย็นตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงโคนผม

“ฉัน…ฉัน…เอ่อร์เฉิง คุณรู้แล้วเหรอ”

“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”

เจียงจิ่นเวยพูดอย่างเสียใจ “ซูเถาก็เป็นแบบนี้แหละ เธอเป็นแบบนี้ตั้งแต่เธอยังเด็ก ไม่ว่าฉันจะดีกับเธอแค่ไหน เธอก็ไม่เคยเห็นค่ามันเลย…”

จั๋วเอ่อร์เฉิงถาม “พวกคุณไม่ถูกกันตั้งแต่เด็กสินะ?”

“ใช่ เธอเป็นเด็กไม่น่ารักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พ่อแม่ของฉันก็ไม่ชอบเธอ”

“แล้วทำไมไม่บอกผมแต่แรก”

เจียงจิ่นเวยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำเสียงของเขา เธอจึงพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักบราวนี่ออนไลน์

“ฉัน…ฉันเคยบอกไปแล้ว ว่าพวกเรามีเรื่องขัดแย้งกันนิดหน่อย”

จั๋วเอ่อร์เฉิงหัวเราะอย่างโกรธเคือง “คุณเกลียดเธอตั้งแต่ยังเด็ก บวกกับสิ่งที่คุณพูดก่อนหน้านี้ว่า ไม่ว่าคุณจะดีกับเธอแค่ไหนเธอก็ไม่เห็นคุณค่า คุณรู้ไหมว่าเมื่อคุณพูดถึงซูเถา น้ำเสียงของคุณเปลี่ยนไป มันน่าขยะแขยงและน่ารำคาญมาก เป็นคุณเองหรือเปล่าที่ปฏิบัติต่อเธอไม่ดี”

“คุณเกลียดเธอมากขนาดนี้ คุณน่าจะรังแกเธอตั้งแต่ยังเด็กล่ะสิ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ฉีกหน้าคุณในที่สาธารณะและทำให้คุณอับอาย! นี่เรียกว่าเป็นความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหรอ?”

หลังจากพูดจบ จั๋วเอ่อร์เฉิงก็ชิงวางสายไปก่อนด้วยความไม่พอใจ การพูดกับผู้หญิงคนนี้ต่อไปมีแต่จะทำให้ชีวิตของเขาสั้นลง

งี่เง่าสิ้นดี!

เมื่อเขาตำหนิเจียงจิ่นเวย เขาก็ต้องตำหนิตัวเองเช่นกัน

ตอนแรกเขาคิดว่ามันจะไม่เป็นปัญหาใหญ่หากพี่น้องมีความขัดแย้งกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่ติดต่อกันมากขึ้นมันก็จะดีขึ้นเอง

เมื่อคิดถึงตอนนี้ บางทีซูเถาอาจเกลียดการติดต่อแบบนี้เอามาก ๆ!

ไม่เหมือนคนนอกอย่างเติ้งจื่อฉิง อย่างน้อยเธอก็สามารถเชิญคนจากเถาหยางมาทานอาหารได้

ในขณะที่จั๋วเอ่อร์เฉิงกำลังโกรธจนหน้าท้องเกร็ง อีกด้านหนึ่งหลิงเทียนจี้ก็มาถามว่าเขาได้ข่าวเรื่องเจียวชิ่งหรือยัง

จั๋วเอ่อร์เฉิงปวดหัวกับเรื่องนี้

“เจียวชิ่งหายตัวไป มีคนสองคนที่อาจรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน คนหนึ่งคือฉู่หมิง บุตรสาวตระกูลฉู่ แต่เราไม่สามารถติดต่อได้ แน่นอนว่าเราไม่สามารถไปถามตระกูลฉู่ได้อีกเหมือนกัน ส่วนอีกคนคือซูเถา เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จากเถาหยาง ซึ่งผมก็ได้แค่สงสัย ทว่าไม่มีหลักฐาน เลยไม่รู้จะถามยังไง”

“หรือไม่เราอาจต้องเริ่มจากผู้อาวุโสข่งก่อน”

หลิงเทียนจี้ชั่งน้ำหนักในใจของเขา

ตระกูลฉู่มีทีมทหารรับจ้างที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือและภาคใต้ ดังนั้นเราไม่สามารถทำให้พวกเขาขุ่นเคืองได้

และปัจจุบันเถาหยางก็ถือว่าเป็นพันธมิตรที่ดี เราไม่สามารถทำให้เถาหยางขุ่นเคืองได้เช่นกัน

แน่นอนว่าเขาต้องง้างปากของผู้อาวุโสข่งให้ได้

แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือพวกเขาไม่ได้ไปหาผู้อาวุโสข่ง แต่ผู้อาวุโสข่งเป็นฝ่ายมาที่นี่คนเดียว ก่อนจะรีบไปที่ร้านขายสินค้าของติ้งหนานเพื่อสาปแช่ง

“เจียวชิ่งอยู่ไหน! เธอตกลงกับฉันอย่างชัดเจนว่าจะให้เด็กหญิงตัวน้อยกับฉัน ฉันเองก็ตกลงไป แต่สุดท้ายเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้มา ฉัน…ฉัน”

เขาไม่มีสติจนกระทั่งรุ่งเช้าถึงได้รู้เรื่องทั้งหมด!

บางคนหัวเราะเยาะเขาเพราะผิวที่หย่อนคล้อย ดังนั้นข่งเผิงจู่จึงต้องการมาเอาเรื่องเจียวชิ่ง

สิ่งที่ข่งเผิงจู่ทนไม่ได้ที่สุดคือข่าวลือประเภทนี้ การที่เขาต้องได้รับความอับอายขายหน้าแบบนี้ เขาต้องได้รับคำชี้แจง!

ขณะนี้ สถานที่ซื้อขายแออัดไปด้วยผู้คน เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสข่งพูด ทุกคนก็เริ่มซุบซิบกัน

มีคนถามว่าเป็นหญิงสาวจากไหน

“หญิงสาวที่สามารถมาเข้าร่วมการประชุมได้ ต้องเป็นผู้หญิงที่มาจากครอบครัวที่ดี เป็นภรรยาของผู้มีอำนาจ หรือเป็นคนที่มีชื่อเสียงทางสังคม คุณนายเจียวกำลังส่งเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ไปให้ผู้อาวุโสข่งในสถานที่ประชุม แบบนี้เห็นได้ชัดว่าเธอมีเจตนาไม่ดี”

“ใช่ สมาชิกในครอบครัวใครโชคร้ายจัง แต่โชคดีที่พวกเธอรอดตัวไปได้”

“เป็นเพราะคุณนายเจียวแก่ตัวและมีจิตใจไม่ปกติ เธอก็เลยอิจฉาเด็กสาวที่อายุยังน้อยหรือเปล่า”

ใบหน้าของคนจากฐานติ้งหนานเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “พวกคุณกำลังพูดถึงอะไร!”

กลุ่มคนเริ่มโต้เถียงกันและมีเสียงเอะอะโวยวาย

หลิงเทียนจี้ซึ่งกำลังนำหัวหน้าสวี่ตรวจตรางานแสดงสินค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมื่อเห็นแบบนี้ ก็รู้สึกราวกับว่าใบหน้าของตนแตกเป็นผงละเอียด

เพราะก่อนหน้านี้เขาได้กล่าวไว้ว่า งานแสดงสินค้าในซินตูนั้นเป็นระเบียบเรียบร้อยเสมอมา…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด