ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก 17 แม่บอกว่าพี่เป็นคนดี (รีไรท์)

Now you are reading ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก Chapter 17 แม่บอกว่าพี่เป็นคนดี (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 17 แม่บอกว่าพี่เป็นคนดี (รีไรท์)

ตอนที่ 17 แม่บอกว่าพี่เป็นคนดี (รีไรท์)

ในกองบัญชาการกองทัพบุกเบิก อารมณ์ของซูเถาไม่คงที่ตลอดทาง พลางเอ่ยถามสือจื่อเย่ว

“พี่ชายของเธอเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่เมื่อไหร่”

“อายุสิบหกปีค่ะ พี่เถาจื่อ หนูรู้ว่าพี่คิดอะไรอยู่ พี่เป็นคนดี ไม่เคยมีใครกังวลเกี่ยวกับชีวิตและความตายของพี่ชายหนูเหมือนพี่ คิดว่าสิ่งที่เขาทำมาตลอดนั้นคุ้มค่ากับชีวิตของเขาหรือเปล่า แต่พี่รู้หรือไหมคะ พ่อของหนูจากไปตอนเขาอายุเพียงสิบสี่ปี เขาคุกเข่าสาบานต่อหน้าศพของพ่อว่า ตราบใดที่วันสิ้นโลกยังไม่สิ้นสุด เขาจะต่อสู้เพื่อพวกเรา ในสายตาของเขา ชีวิตของเขาสำคัญน้อยกว่าการปกป้องคนธรรมดาอย่างพวกเรา”

ซูเถารู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ เธอไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนว่าการเป็นวีรบุรุษนั้นไม่ดี

เธอต้องการให้สือจื่อจิ้นมีชีวิตที่ดี และไม่อยากให้เขาจากไปอย่างกะทันหันเหมือนจวงหู่ที่จากเธอไปตลอดกาล

“พี่เถาจื่อ หนูคยเกลี้ยกล่อมเขาแล้ว แต่เขาเป็นคนดื้อรั้นและเขาจะไม่มีวันหันหลังให้กับสิ่งที่เขาเชื่อ”

……

สือจื่อจิ้นพักผ่อนจนถึงช่วงบ่าย เมื่อรู้สึกว่าไม่มีอะไรร้ายแรงเขาจึงนั่งรถไปหาอดีตผู้นำกองทัพ

แต่เมื่อไปถึงก็ได้พบกับสิงซูอวี่

“พลตรีสือ คุณ…คุณบาดเจ็บอีกแล้วเหรอ? ทำไมช่วงนี้คุณบาดเจ็บบ่อยจัง? เห็นว่าครั้งที่แล้วแขนคุณก็ขาด”

สือจื่อจิ้นตอบรับในลำคอเบา ๆ โดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม แล้วเดินตามเธอไปเงียบ ๆ ประจวบเหมาะกับสิงหงเหวินที่กำลังกินข้าวกล่องจากเถาหยางที่หลานสาวของเขานำมาให้ เมื่อเขาเห็นท่าทางของสือจื่อจิ้นเขาก็ขมวดคิ้ว

“คราวนี้คงเจ็บหนักน่าดู”

สือจื่อจิ้นส่ายหัว “เมื่อเทียบกับการเสียชีวิตของเพื่อนร่วมทีม ผมยังถือว่าโชคดีมาก ”

สิงหงเหวินขมวดคิ้วมุ่น “มันไม่ควรเป็นแบบนั้น นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

สือจื่อจิ้นจึงอธิบายเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ

“ซอมบี้ที่มีรูปร่างเหมือนเด็กอายุสี่ห้าขวบ? เป็นไปได้ยังไงกัน?” สิงซูอวี่ตกตะลึงเมื่อฟังจบ

สือจื่อจิ้นเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “เป็นไปได้หรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเกิดขึ้นแล้ว”

หัวใจของสิงซูอวี่ยังไม่อยากจะเชื่อ แย่แล้ว รูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์…ทั้งยังเป็นเด็กเลยลอบเข้าฐานเพื่อสังหารได้ นี่มันแปลกมาก มันไม่ใช่สายพันธ์ุเหมือนซอมบี้ทั่วไป

สิงหงเหวินขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น “นายจัดการมันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มันก็ยังหนีไปได้งั้นเหรอ?”

เขารู้ความสามารถของสือจื่อจิ้น เขามีความสามารถรอบด้าน เหยื่อทุกรายแทบจะไม่รอดมือเขา

“ใช่ครับ ปีกกระดูกของมันดูเหมือนจะมีพิษ สามารถทำให้คนเป็นหมดสติและเป็นอัมพาตได้ หลังจากถูกแทง ผมก็หมดสติไป เพื่อนร่วมทีมของผมจึงไม่กล้าเข้าใกล้มัน เพราะแบบนี้มันเลยหนีไปได้”

ช่างเป็นสัตว์ประหลาดที่เจ้าเล่ห์อะไรอย่างนี้…

สิงหิงเหวินนวดขมับด้วยความเคร่งเครียด

“เข้าใจแล้ว จื่อจิ้นช่วงนี้นายพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะส่งทีมอื่นไปค้นหาอีกครั้ง นี่เป็นอันตรายที่ซ่อนอยู่ เราจำเป็นต้องค้นหาความสามารถและความเร็วในการเติบโตของมันตั้งแต่เนิ่น ๆ”

สือจื่อจิ้นพยักหน้าส่งสัญญาณบอกว่ารับรู้

สิงหงเหวินถามสิงซูอวี่อีกครั้ง “ซูอวี่ช่วงนี้หลานกับเถ้าแก่ซูเป็นยังไงบ้าง”

สือจื่อจิ้นกางหูผึ่ง…

สิงซูอวี่เกาหัว “ได้อยู่ค่ะ เธอเป็นคนดีและตรงไปตรงมามาก หนูไม่ได้ปิดบังตัวตนของหนูกับเธอ เพื่อที่เธอจะได้ยอมรับและไม่ไล่หนูออก”

สิงหงเหวินพยักหน้า “เธอเป็นเด็กช่างพูดและค่อนข้างเรียบง่าย ซูอวี่วันนี้ปู่เรียกหลานมาที่นี่เพราะต้องการให้หลานคุยเรื่องธุรกิจกับซูเถา”

“อะไรนะ?”

“รั้วไฟฟ้ารอบ ๆ เถาหยางไม่เพียงแต่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงเพื่อไล่ซอมบี้ออกไปได้ กำแพงโลหะนั้นก็แข็งแรงมาก มันถูกสร้างมาอย่างดี พวกเขาต้องมีโรงงานสำหรับการผลิตแบบครบวงจร ไปคุยกับซูเถาและบอกว่าหลานต้องการรั้วไฟฟ้า มีเท่าไหร่เอาเท่านั้น”

สิงซูอวี่ตกตะลึง “จะเอามาใช้ในตงหยางเหรอคะ ปู่คะ…ปู่กลัวว่าซอมบี้จะมาโจมตีหลังจากที่พวกมันวิวัฒนาการเป็นจำนวนมากขึ้นเหรอคะ”

สิงหงเหวินพยักหน้าอย่างหนัก “ใช่…วิวัฒนาการขนาดใหญ่นี้จำเป็นต้องได้รับเนื้อเยื่อของเคียวโลหิตเพื่อนำไปศึกษา แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ยิ่งสร้างกำแพงเมืองเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น”

สิงซูอวี่ลังเล “แน่ใจแล้วเหรอคะว่ามีเท่าไหร่เอาเท่านั้น ถ้าซื้อมากเกินไปจะทำยังไง”

จู่ ๆ สือจื่อจิ้นก็พูดขึ้นว่า “ไม่มากหรอก แม้ว่าจะมีมาก แต่สิ่งนี้ก็จำเป็นในฐานอื่น ๆ คำถามก็คือว่าเถาหยางมีมากขนาดนั้นไหม?”

ซูเถาไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น

……

เมื่อได้ยินว่าสิงซูอวี่ต้องการซื้อสิ่งนี้ อารมณ์ของซูเถาก็ขุ่นมัว เนื่องจากกำแพงรั้วลวดหนามไฟฟ้าถูกซ่อนอยู่ในร้าน นอกจากที่มีอยู่รอบ ๆ เถาหยาง เธอก็เอาออกมาไม่ได้สักอัน

มีเงินก็ไม่สามารถซื้อมันได้

หญิงสาวถูมืออย่างเคอะเขิน “ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ถ้าฉันมีฉันคงขายไปนานแล้ว ตอนนี้ฉันกำลังร้อนเงินน่ะ”

และเธอก็ไม่รู้ว่าจะเรียกภารกิจที่ซ่อนอยู่ได้ยังไง (′o`*)

สิงซูอวี่รู้สึกผิดหวังมาก “ถ้าในอนาคตมีล่ะก็ กรุณาติดต่อฉันโดยเร็วที่สุดนะคะ อ้อใช่แล้ว คนที่ชื่อเจียงเจ๋อเคยพักอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”

ซูเถาขมวดคิ้ว “ใช่…เป็นคนที่ใช้พลังวิเศษในห้องและเผาห้องหรือเปล่า ทัศนคติของเขาแย่มาก ฉันไล่เขาออกไปในบ่ายวันนั้น เขาทำไมเหรอ?”

สิงซูอวี่เงยหน้าขึ้น “ไม่น่าล่ะ ที่ฉันได้กลิ่นไหม้ตอนเดินผ่านห้องหนึ่งเมื่อคืนก่อน ที่แท้ก็มีใครบางคนกำลังเล่นไฟอยู่ในห้องจริง ๆ เขาเป็นคนประเภทไหนกันนะ ได้ยินว่าเขาไปร้องที่สำนักจัดการที่ดินว่าเถาหยางโกงค่าเช่าและไล่เขาออกหลังจากอยู่ไม่ถึงสองวัน ทั้งยังไม่คืนค่าเช่าและกระเป๋าให้เขา ช่างน่ารำคาญจริง ๆ!”

หลังจากพูดจบเธอก็กลับไปทำงาน

ซูเถาพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่มีใครเอาชนะเขาได้จริง ๆ

แต่เธอก็คิดได้เช่นกัน ความต้องการห้องพักที่นี่มีมากกว่าจำนวนที่มีอยู่ ถ้ามีคนมาที่เถาหยางน้อยลง ภาระงานของเธอก็จะน้อยตาม

ห้องที่เพิ่งเปิดใหม่มีสิบห้อง และมีคนมากมายมาสมัครทันทีที่เปิดตัว แต่ซูเถายังคงกังวล ดังนั้นจึงต้องจัดเรียงข้อมูลและเลือกผู้เช่าที่เหมาะสมอยู่หลายคืน

ซูเถาเข้าใจเรื่องนี้ได้ แต่สิงซูอวี่ทำไม่ได้ ตอนนี้เธอรู้สึกว่าไม่มีที่ไหนเหมาะสมมากไปกว่าเถาหยางที่ยิ่งอยู่ยิ่งสะดวกสบาย เธอไม่อนุญาตให้ใครมาใส่ร้ายป้ายสีในทางที่ผิด

เมื่อเห็นเธอพุ่งออกไปเหมือนระเบิด ซูเถาก็รั้งเธอเอาไว้ไม่ทัน หญิงสาวถอนหายใจและตัดสินใจจะทำความสะอาด แล้วค่อยคัดกรองข้อมูลผู้เช่าในภายหลัง

เมื่อมีผู้อยู่อาศัยจำนวนมากขึ้น พื้นที่ส่วนกลางก็สกปรกง่าย

เมื่อมีผู้เช่ารายใหญ่เข้ามาอีก 15 ราย เรื่องความสะอาดก็ยิ่งจำเป็นมากขึ้นหรือจริง ๆ ต้องจ้างแม่บ้านหรืออะไรสักอย่าง

พูดไม่ทันขาดคำ ในขณะที่เธอกำลังจะถูพื้น ก็มีร่างเล็ก ๆ ที่ช่วยเธอถูพื้นจนเสร็จแล้วและกำลังจะไปทิ้งขยะในห้องนั่งเล่น

ซูเถารู้จักเธอ เฉียนหรงหรงลูกสาวของแม่เลี้ยงเดี่ยวในห้องคู่หมายเลข 004 อายุ 16 ปี เธอไม่ได้เรียนต่อ ปกติเธอมักจะอยู่ในไร่เพื่อเพาะเมล็ดพันธุ์

หลังจากยุควันสิ้นโลก ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการศึกษาภาคบังคับเก้าปี คนที่มีสภาพชีวิตที่ดีกว่าเช่นสือจื่อเยว่ก็จะไปโรงเรียนเอกชน นอกจากศึกษาวัฒนธรรมแล้วพวกเขายังต้องเรียนรู้กฎของการเอาชีวิตรอดในวาระสุดท้าย การช่วยตัวเอง การช่วยชีวิต การพันผ้าและทักษะอื่น ๆ อีกมากมาย

เฉียนหรงหรงเห็นซูเถาก็พูดอย่างเขินอาย “วันนี้ฉันเลิกงานเร็ว เลยมาช่วยทำความสะอาด ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”

ซูเถายิ้มและพูดว่า “แน่นอนสิ ฉันต้องขอบคุณเธอมากกว่านะ”

เฉียนหรงหรงส่ายหัวอย่างแรง “แม่ของฉันบอกว่าพี่เป็นคนดีและขอให้ฉันช่วยพี่มากกว่านี้ ถ้าฉันเลิกงานเร็วฉันจะมาช่วยนะ”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร อ๊ะ…” สาวน้อยวิ่งหนีไปแล้ว

หัวใจของซูเถาอุ่นวาบ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ไว้ค่อยหาโอกาสคุยกับแม่ของเด็กสาวอีกที เธอจะปล่อยให้อีกฝ่ายทำงานโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้

ตอนกลางคืน ดวงตาของซูเถาเหนื่อยล้าจากการดูเอกสารข้อมูลจำนวนมาก

ครอบครัวซูยังคงไม่ยอมแพ้ ไม่เพียงแต่ข้อมูลของซูเจิ้งชิงที่ปรากฏในใบสมัครเท่านั้นแต่ยังรวมถึงของเจียงจิ่นเวยด้วย

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *