ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก 219 ละเมอเรียกชื่อ ‘จื่อจิ้น’

Now you are reading ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก Chapter 219 ละเมอเรียกชื่อ ‘จื่อจิ้น’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 219 ละเมอเรียกชื่อ ‘จื่อจิ้น’

ตอนที่ 219 ละเมอเรียกชื่อ ‘จื่อจิ้น’

“คุณ…”

เมื่อซูเถาเปิดประตูห้อง ใบหน้าของคนตรงหน้าเต็มไปด้วยเลือด เลือดไหลซึมจากบริเวณหน้าอก แขนเทียมหัก ขณะที่สือจื่อจิ้นกำลังจะล้มลง แสงวาบก็พุ่งออกมาจากแผงระบบ

มีเลือดอุ่น ๆ ไหลออกมาใต้เท้าของเขา และภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้หยาดน้ำตาของเธอไหลรินลงมาอย่างควบคุมไม่ได้

เธออยากจะพูดบางอย่าง แต่ดูเหมือนลำคอเธอถูกบีบรัดเอาไว้ และไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้ อยากจะเอื้อมมือไปพยุงเขา แต่แขนของเธอก็หนักอึ้งจนยกไม่ไหว ไม่ว่าเธอจะพยายามฝืนแค่ไหนก็ตาม

เขาอยู่ใกล้เธอมาก เขาอยู่ตรงหน้าเธอ แต่เธอเอื้อมไปไม่ถึง

เธอพยายามอ่านริมฝีปากของเขา น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน “เถา เถา…”

ซูเถาสะดุ้งเฮือกและผุดลุกขึ้นนั่ง เธอมองห้องนอนที่คุ้นตา และหอบหายใจอย่างหนักโดยมีน้ำตาคลอที่หางตา

เสวี่ยเตากระโดดขึ้นไปบนเตียง และเลียน้ำตาบนใบหน้าของเจ้านายด้วยลิ้นขนาดใหญ่ของมัน

เมื่อหลินฟางจือได้ยินการเคลื่อนไหว เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะใส่รองเท้าแตะ เขารีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนด้วยเท้าเปล่าเพื่อไปหาซูเถา ดวงตาของกวางน้อยเต็มไปด้วยความสับสนและกังวล เขาเบิกตากว้างเล็กน้อย ราวกับถามว่าเธอเป็นอะไร

ซูเถาคว้าไป๋จือหม่าที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับเช็ดน้ำตาและน้ำลายของเสวี่ยเตาด้วยท้องปุกปุยของมัน และพูดกับหลินฟางจือด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง

“ไม่เป็นไร มันเป็นแค่ฝันร้าย นายกลับไปนอนเถอะ”

หลินฟางจือเป็นกังวลและชี้ไปที่ประตูโดยบอกว่าคืนนี้เขาจะนอนที่นี่

ซูเถาเงยหน้าขึ้น “ไม่ได้”

หลังจากไล่เขาไปถึงสามครั้ง หลินฟางจือก็ลงไปชั้นล่างอย่างไม่เต็มใจ

ซูเถานอนลงอีกครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่เจียงอวี่ออกมาจากเงามืดและพูดเบา ๆ

“ถ้าเป็นห่วงก็บอกเขาไปเถอะ”

ซูเถามองไปที่ร่างของเขาที่ริมหน้าต่าง แล้วถามด้วยเสียงอู้อี้

“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันฝันถึงอะไร”

เจียงอวี่พูดไม่ออก “คุณเรียก ‘จื่อจิ้น’ หลายครั้งแล้ว”

ซูเถา “…เสียงดังไหม?”

เจียงอวี่มองไปที่ไป๋จือหม่าที่กำลังงัวเงีย “จนมันตื่น”

ไป๋จือหม่ามีชื่อเสียงในด้านการกินและการนอนหลับ เสียงระดับปกติไม่สามารถปลุกมันได้ หลังจากพูดจบ เขาก็เพิ่มอีกประโยค “ผมอยู่ห้องข้าง ๆ ก็ได้ยิน”

ซูเถาเต็มไปด้วยความมึนงง แต่เธอก็อายเพียงไม่กี่วินาที และความกังวลก็เข้ามาครอบงำจิตใจของเธออีกครั้ง

เธอไม่แน่ใจว่าความฝันของเธอเป็นการบอกกล่าวล่วงหน้าหรือเป็นเพียงความฝันทั่วไป

“ฉันไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้ และเขาก็ยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเองมาก” เธอถอนหายใจ

เจียงอวี่ไม่พูดอะไรอีก และหายตัวไปในเงามืด แต่ซูเถาหยุดเขาไว้เสียก่อน

“ใช่แล้ว ฉันได้ขอให้กัปตันซ่งและพวกช่วยตามหาน้องสาวของคุณแล้ว ขบวนรถของพวกเขาเดินทางขึ้นเหนือลงใต้มาหลายปีแล้ว และพวกเขารู้จักผู้คนมากมาย น่าจะพอได้เบาะแสบางอย่าง อีกอย่างตอนนี้หลังจากที่เว็บไซต์ของเราเปิดตัว ฉันจะขอให้กานหงอวี้ทำการประกาศตามหาคนลงในนั้นด้วย”

เจียงอวี่ตกตะลึง หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น

เขาคิดว่าตัวจะต้องรอนานกว่านี้ แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะให้ความสำคัญกับมันมาก และได้มอบหมายให้ใครสักคนทำมันแต่เนิ่น ๆ

เจียงอวี่กล่าวขอบคุณซูเถาอย่างเคร่งขรึมและพูดเบา ๆ ว่า “คุณรีบเข้านอนเถอะ ถ้าต้องการอะไรก็เรียกผม”

ซูเถาลูบหัวคิ้ว “โอเค งั้นคุณก็ไปนอนได้แล้ว”

คืนนั้นซูเถานอนไม่หลับทั้งคืน และในตอนเช้าเธอโทรหาสือจื่อจิ้น เธอไม่ได้ถามอะไร ไม่ได้เกลี้ยกล่อมเขา เพียงแค่ให้คำแนะนำบางอย่าง

ส่วนสือจื่อจิ้นนั้นรับฟังอย่างเงียบ ๆ

หลังจากได้ยินเช่นนี้ และเห็นว่าเธอไม่มีอะไรจะพูดแต่ยังไม่วางสาย จึงยิ้มและพูดว่า “ทำไมคุณไม่บอกผมต่อหน้าล่ะ”

ซูเถาผงะ “คุณกลับมาแล้วเหรอ?”

สือจื่อจิ้นยิ้ม “อื้ม เพิ่งมาถึง แต่เดี๋ยวผมเข้าไปพบอดีตผู้นำกองทัพก่อน คุณรอผมเดี๋ยวเดียว”

ก่อนเวลานัด ซูเถาอดไม่ได้ที่จะลงไปรอที่ประตูเขตเถาหยาง

มีผู้คนมากมายรอบ ๆ เถาหยาง ส่วนใหญ่เป็นผู้รอดชีวิตและไม่มีที่อยู่อาศัย และมีอีกหลายคนที่มาที่นี่แต่ไม่ได้ทำการลงทะเบียนเข้าพัก

พวกเขากางเต็นท์จำนวนมากไว้รอบ ๆ และมีของกระจุกกระจิกกองอยู่มากมาย สภาพแวดล้อมด้านสุขอนามัยก็แย่เช่นกัน มีอาหารเครื่องดื่มกระจายไปทั่ว และอากาศก็ร้อน… ดูเหมือนว่าในเถาหยางและโลกภายนอกต่างกันฟ้ากับเหว…

ซูเถาสงสัย “เมื่อสองวันก่อนฉันออกมารับกู้หมิงฉือไม่เห็นคนจะมากมายขนาดนี้ ทำไมวันนี้มีคนเยอะจัง”

จวงหว่านที่ออกมาพร้อมกับเธอก็ถอนหายใจ

“ก่อนวันนั้น พี่หลันขอให้เสี่ยวป๋อและคนอื่น ๆ ไล่พวกเขาออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล หลังจากนั้นไม่กี่วัน พวกเขาก็ย้ายมาที่นี่อีกครั้ง ดูเหมือนว่ายิ่งใกล้เถาหยางมากเท่าไหร่ก็จะมีโอกาสรอดชีวิต”

ซูเถามองไปรอบ ๆ อีกครั้ง และเห็นคนแก่ คนป่วย หญิงมีครรภ์ เด็กเล็ก..

คนมอมแมมเหล่านี้หดตัวและซ่อนตัวเมื่อเห็นเธอมองไปที่พวกเขา

ซูเถารู้สึกอึดอัดมากและพูดกับจวงหว่านว่า

“หาเวลาให้พวกป้าคังมาพูดคุยกับพวกเขาให้รักษาความสะอาด คนที่ไม่ก่อปัญหาก็จะได้อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบ หากมีซอมบี้บุกเมือง เถาหยางจะปกป้องพวกเขาเอง”

“พวกที่มีนิสัยเรื่องสุขอนามัยไม่ดี และไม่ยอมเปลี่ยนแปลงหลังจากถูกตักเตือนไปสองหรือสามครั้ง เกิดการต่อต้าน และรังแกผู้อ่อนแอ ก็ให้เสี่ยวป๋อและมี๋อู้ขับไล่พวกเขาไป”

จวงหว่านรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ดีมาก ดังนั้นเธอจึงรีบตอบตกลง

คิดไม่ถึงว่าทันทีที่เธอพูดจบ ชายสามหรือสี่คนที่มีแขนใหญ่และเอวหนาก็พุ่งออกจากมุมหนึ่งทันที

เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนมาก พวกเขาพุ่งตัวมาข้างหน้าและสายตาจับจ้องไปที่ซูเถา

เจียงอวี่เลยถือโอกาสนี้จัดการ ทันทีที่เขาปรากฏตัว เขาก็เตะชายตรงหน้าเขา

แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถสู้กับคนสี่คนได้โดยลำพัง เขาทำได้เพียงปกป้องซูเถาในอ้อมแขนของเขาและถอยห่างออกไป

และจวงหว่านที่ไม่ทันจะมีเวลาตะโกนขอความช่วยเหลือก็ถูกชายฉกรรจ์อีกสองคนจับตัวไว้ และลากเข้าไปในรถตู้ที่เพิ่งขับไปจอดข้างถนน

ซูเถาตกใจและเล็งปืนไปที่ยางรถตู้ทันที ก่อนจะยิงกระสุนออกไป ทำให้รถตู้ที่กำลังจะหลบหนีดับลงทันที

ผู้รอดชีวิตโดยรอบต่างหวาดกลัวและหนีไปทุกทิศทุกทาง

“บัดซบ!” คนขับรถหัวโล้นหันศีรษะมาชำเลืองมองและสบถอย่างโกรธเกรี้ยว

เจียงอวี่กำลังจะรีบเข้าไป แต่แล้วรถตู้ทั้งคันก็หายไป!!

มันหายไปไม่เหลือแม้แต่รอยล้อ ราวกับว่าทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา!

ซูเถาตกใจและโกรธมาก เธอวิ่งไปดูรอบ ๆ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง หัวใจของเธอว้าวุ่นไปหมด

คนเหล่านี้อาจมาตามหาเธอ แต่จวงหว่านดันโชคไม่ดีถูกพวกมันจับตัวไปแทน ชีอวิ๋นหลันและกลุ่มเป้าถูที่ได้ยินการเคลื่อนไหวก็รีบเข้ามา

หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด เหลยสิงก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“พวกมันมีพลังวิเศษ พวกมันคงไม่ได้หายไปไหน รีบตามหาโดยเร็วที่สุด!”

เฉินหยางชักปืนออกมา ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขาวิ่งไปรอบ ๆ ด้วยความโกรธ และเกือบจะปะทะกับผู้คนโดยรอบ และในที่สุดก็ถูกเหลยสิงตะโกนกลับมา

ใบหน้าของเฉินซีซีดเซียว เธออยากจะร้องไห้แต่ไม่กล้าร้องออกมา จงเกาอี้พยายามสงบสติอารมณ์ จับไหล่ของเธอเพื่อปลอบโยนเธอสักพัก จากนั้นเดินไปหาเหลยสิงและซูเถาเพื่อปรึกษาเรื่องการตามหาจวงหว่าน

ในขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกย้ายกันออกไป ก็มีรถจี๊ปของทหารมาหยุดที่หน้าประตู

สือจื่อจิ้นซึ่งสวมชุดเครื่องแบบทหารก็ลงจากรถ และบนไหล่ของเขามีแมวดำสวมปลอกคอหนังยืนอยู่ ซึ่งดูสง่างามมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด