Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ 1047

Now you are reading Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ Chapter 1047 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

GGS:บทที่ 1047 สุดยอดสวนสัตว์ (2)

“ยังมีตะพาบอีกสองตัวที่เหมือนกันด้วย”
“ไม่ใช่แค่สองตัวในโลก….ไม่ใช่สิสามตัวในโลก ยังมีอีกสองตัวนั่นอีก”
“พระเจ้า นี่มันอะไรกันเนี่ย”
ตอนนี้เหล่าผู้คนที่รู้เรื่องนี้ดีก็อดที่จะคลั่งออกมาไม่ได้ ทั้งเฉินฮง เฉินเจียเหยา และจูเจียนหัวเองที่พยายามจะรักษาท่าทีก่อนหน้านี้เมื่อเห็นตะพาบตัวใหญ่นั่นแล้ว
พวกเขาก็อดแสดงความตื่นเต้นออกมาไม่ได้ในทันทีที่เห็นอีกสองตัวที่เล็กกว่า

“นี่น่าจะเป็นตะพาบที่ฉันเคยเห็นที่บ้านซูจิ้งแน่ๆ แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะมีลูกด้วยนี่สิ” เฉินฮงพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ไม่น่าจะใช่ลูกนะ หากว่าเขาจะขยายพันธุ์จริงก็นะจะต้องไปนำตะพาบจากซูโจวกับชางซีมามากกว่า” จูเจียนหัวพูดออกมา
“ถ้าพวกมันขยายพันธุ์ได้ง่ายๆแบบนั้นจริงก็คงไม่เหลือแค่สองสามตัวบนโลกนี้หรอก” เฉินเจียเหยาพุดออกมาด้วยความรู้และความเข้าใจที่มี
แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือตะพาบทั้งสองตัวนี้ไม่ใช่ตะพาบสองตัวที่เหลืออยู่ หรือแม้แต่ลูกหลานของมันแต่อย่างใด เป็นซูจิ้งที่ใช้น้ำจากแม่น้ำซิมู่(แม่น้ำเมืองแม่ม่าย)ในห้วงเวลาฯไซอิ๋วไปนั่นเอง
น้ำจากแม่น้ำซิมู่นี้ทำได้แม้กระทั่งทำให้ผู้ชายก็สามารถตั้งท้องคลอดลูกได้เลย แล้วเช่นนั้นมันจะไม่สามารถใช้ในการขยายพันธุ์สัตว์หายากพวกนี้ได้ยังไง
การใช้น้ำจากแม่น้ำซิมู่ในการนี้ยังดีกว่าไปรักษาภาวะการมีบุตรยากในผู้คนเป็นไหนๆ แถมนี่ยังช่วยป้องกันการสูญพันธ์กับสัตว์หายากได้อีกด้วย

หลังจากเขาใช้กับเจ้าตัวใหญ่จนให้กำเนิดเจ้าตัวเล็กแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ได้ใช้มันอีกครั้งหนึ่งจนกลายเป็นเจ้าสองตัวนี้ขึ้นมา
แต่ด้วยคุณสมบัติของน้ำจากแม่น้ำซิมู่เองทำให้ตัวที่ออกมานี่เป็นตัวเมีย
“เดี๋ยวนะ นายเคยเห็นเจ้าตัวใหญ่?” หลิวหยินถามออกมา
“ใช่แล้วล่ะ ฉันเคยเห็นครั้งหนึ่งตอนไปบ้านอาจิ้งน่ะ เจ้าตะพาบนั่นว่ายน้ำเล่นอยู่ในสระที่บ้านอาจิ้ง ทำให้ฉันที่เห็นแล้วประหลาดใจจนอยากได้มันมาเป็นสัตว์เลี้ยงน่ะ” จูเจียนฮัวยิ้มออกมาอย่างอายๆ
หลิวหยินพึมพำออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้นเพราะเธอเคยโดนว่ามาแล้วตอนที่เอาเต่าไปเลี้ยงไว้ในสระว่ายน้ำ เมื่อได้ยินว่าซูจิ้งเองก็ทำก็อดจะบ่นออกมาไม่ได้เพราะเธอก็อยากจะว่ายน้ำเล่นกับตะพาบแบบนี้บ้าง
“ไม่ดีแล้ว” ชายหนุ่มใส่ตุ้มหูกระซิบออกมา

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า เราแค่รายงานตามความเป็นจริงก็พอ” ชายหนุ่มมาดสุขุมได้พูดออกมาแต่ก็ถอดถอนหายใจไปด้วย
เขานั้นหาโอกาสที่จะชนะซูจิ้งมามากมายหลายครั้งแล้ว แต่ยิ่งรู้ก็ยิ่งทำให้เขาเข้าใจว่าซูจิ้งนั้นน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน และเขาเองก็ไม่แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เป็นคำสั่งของฮัวหยุนชูล่ะก็ เขาเองก็ไม่อยากจะมาเสียเวลาแบบนี้

“ผู้อาวุโสฟาน เรื่องราวเป็นยังไงกันแน่” หลายๆคนเองก้เริ่มหันไปหาฟานเว่ยเฉินด้วยท่าทีตื่นเต้น
“หากว่าจะถามที่มาที่ไปฉันคงจะตอบว่าฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นก็เพราะซูจิ้งเป็นคนนำพวกมันมาที่นี่ ฉันบอกได้เพียงว่าทั้งสามตัวนี่เป็นแม่ลูกกันเท่านั้น”
ทั้งฟานเว่ยเฉินและซิ่วจงหงต่างก็ยิ้มออกมา พวกเขาเข้าใจความรู้สึกของทุกคนในที่นี้ดี นั่นก็เพราะพวกเขาก็เป็นเหมือนกันตอนแรกเห็นตะพาบตัวนี้ ในตอนนั้นพวกเขาขยี้ตาเพราะคิดว่าตาฝาดจนช้ำไปหมดด้วยซ้ำ
“คลิ๊ก คลิ๊ก คลิ๊ก”
คนที่ไม่อยากจะตามตื้อขอข้อมูลก็ได้เปลี่ยนเป็นนำกล้องและสมาร์ทโฟนออกมากระหน่ำถ่ายรูปอีกครั้ง พวกเขานั้นต่างก็ส่งรูปไปอวดในสิ่งที่เห็นด้วยความตื่นเต้นในทันที
หลังจากที่ชาวเน็ตได้เห็นข่าวนี้ก็ตกตะลึงในทันทีพร้อมเริ่มโอดครวญขึ้นมาในทันใด สำหรับคนที่ซื้อบัตรไปแล้ว พวกเขาได้รีบตรงไปยังสวนสัตว์ในทันที
“ผู้อาวุโสเอี้ย ไม่ดีแล้วครับ” นักศึกษาในสาขาบรรพชีวินคนหนึ่งที่ได้เข้ามาฝึกงานได้พูดออกมาด้วยท่าทีเร่งรีบ
“เกิดอะไรขึ้นเสี่ยวหลิน ทำอะไรพลาดมาล่ะ” เอี้ยป๋อได้หยุดมือจากงานที่ทำแล้วถามออกมา
“ที่เมืองจงหยุนครับ… มีสิ่งผิดปกติที่สวนสัตว์เมืองของหยุน ที่นั่นมีตะพาบสามตัว ตะพาบตัวเป็นๆเลยครับ” นักศึกษาฝึกงานได้พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“สาม? ต่อให้เขาได้ตะพาบจากสวนสัตว์เมืองชางซีและซูโจวมาก็สมควรจะมีแค่สองนี่นา แล้วเขาเอาตัวที่สามมาจากไหนกัน” เอี้ยป๋อที่ได้ยินเรื่องตะพาบน้ำก็ได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่เขาได้รู้มา ส่วนเจ้าหน้าที่คนอื่นนั้นก็มีสีหน้าครุ่นคิดไม่ต่างกัน
“ไม่ใช่ครับ มันมีสามตัวและสองตัวนั่นก็ไม่ใช่ตัวจากซางซีและซูโจวที่ว่า มันเป็นตะพาบที่ตัวใหญ่มากหนึ่งตัวและตัวเล็กมากๆอีกสองตัว พวกมันเป็นครอบครัว” เจ้าหน้าที่ฝึกงานได้พูดออกมา
“เป็นไปได้ยังไง” เอี่ยป๋อถามกลับมาด้วยสายตาไม่เชื่อที่ได้ยิน
“จริงๆครับ ถ้าไม่เชื่อผมดูรูปพวกนี้ได้” เจ้าหน้าที่ฝีกงานได้ส่งสมาร์ทโฟนของตัวเองที่เปิดรูปตะพาบให้เอี้ยป๋อดู
“พระเจ้าเถอะ” เอี้ยป๋ออุทานออกมาด้วยสายตาเบิกกว้าง
“เป็นไปได้ยังไง ไม่เพียงแต่จะมีตัวเล็กแต่ว่ายังมีตัวใหญ่ด้วย”
“นี่ก็หมายความว่าตะพาบนั่นจะขยายพันธุ์ได้แล้วเหรอ”
นักวิจัยของสถาบันคนอื่นที่ได้เข้ามาดูภาพนี้ใกล้ๆก็ได้พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
เอี้ยป๋อที่เห็นเจ้าตัวใหญ่นี่เขาก็ได้เอะใจและรู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างบอกไม่ถูก หลังจากใช้ความคิดอยู่สักพักเขาก็นึกออกสักทีว่าเขาเคยเห็นมันที่ไหน
ซูจิ้งเคยส่งภาพตะภาพนี้มาให้เขาดูแล้วหนหนึ่งเพราะต้องการรู้ว่าโลกนี้มีสัตว์แบบนี้ด้วยเหรอ
ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะแปลกใจเล็กน้อยเพราะว่าตะพาบที่เขาเห็นมันค่อนข้างใหญ่กว่าที่เขาเคยเห็นนิดหน่อยแต่ตอนนั้นเขาก็นึกไปเองว่าอาจเป็นเพราะมุมกล้อง

เขาไม่คิดว่าซูจิ้งได้พบตะพาบตัวที่สามนี้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว หลังจากที่ฟังซูจิ้งบอกว่าเป็นรูปถ่ายตะพาบจากสวนสัตว์ซูโจวเขาก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร
เขายังบอกซูจิ้งกลับไปอีกว่าไหนๆก็ไปแล้วหัดอ่านคำอธิบายที่เขาเขียนไว้ซะบ้างไม่ใช่ส่งรูปมาถามเขาแบบนั้นอีก
“อาจิ้งเล่นฉันเข้าแล้วสินะเนี่ย เฮ้อออออ… แต่เอาเถอะ ในเมื่อเขาได้เจอตะพาบตัวที่สามแถมยังมีลูกของมันแบบนี้อีกฉันก็คงจะเคืองเขาไม่ลงล่ะนะ คงต้องไปสวนสัตว์จงหยุนสักหน่อยแล้วสิ”
เอี้ยป๋อพูดออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้นเล็กน้อย ก่อนที่จะวางมือจากงานทุกอย่างที่มือแล้วใส่เสื้อคลุมของเขาแล้วออกไปทันทีทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังพูดว่าไม่สนที่จะไปอยู่เลย
แต่ตอนนี้เขากลับนึกเสียใจนิดๆ และคิดไปว่าหากย้อนเวลากลับไปได้ล่ะก็ เขาจะเป็นคนแรกที่เข้าไปต่อแถวรอเพื่อจะได้เห็นตะพาบน้ำโบราณตัวนี้ ต่อให้ได้แค่ส่องศึกษาพฤติกรรมจากระยะไกลๆก็คุ้มค่า

ทันทีที่ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปในระดับโลก ไม่มีประเทศไหนที่ได้ยินแล้วจะรู้สึกยินดีไปมากกว่าประเทศเวียดนามอีกแล้ว
นั่นก็เพราะพวกเขานั้นถือว่าตะพาบน้ำยักษ์นั้นไม่ใช่แค่สัตว์หายาก สำหรับที่นั่น มันคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว ตอนที่ตะพาบน้ำยักษ์ที่มีชื่อว่ากุยซูตายลงไป ในตอนนั้นทำให้ผู้คนทั้งประเทศต้องหดหู่และทำให้เกิดบรรยากาศอันโศกเศร้าอยู่นาน
พวกเขานั้นรู้ดีอยู่แล้วว่ายังเหลือตะพาบน้ำยักษ์อีกสองตัวอยู่ที่ประเทศจีนซึ่งนั่นก็ถือว่ายังเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเขา และเมื่อรู้ว่ามีตะพาบยักษ์ตัวที่สามและยังมีลูกของมันอีก นี่จะทำให้พวกเขาอยู่นิ่งเฉยได้ยังไง

“เป็นไปไม่ได้ แกล้งกันรึเปล่า”
“ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกันแต่พอได้เห็นรูปและวิดีโอแล้วก็รู้เลยว่ามันเป็นเรื่องจริง”
“ประเทศจีนในตอนนี้มีสภาพสิ่งแวดล้อมที่แย่ ทรัพยากรของพวกเขาก็เสื่อมโทรม พวกเขาคงต้องไปเจออีกสามตัวนั่นในป่าแน่ๆ”
“ไม่ยุติธรรมเลยโว้ยยยย”
“ไปที่นั่นแล้วไปขโมยกลับมาที่นี่สักตัวเถอะ”
“ไอ้บรรทัดนี่น่าจะวอนหาคุกแล้วใช่ไหมนั่น”
“พวกเราขอซื้อมาสักตัวไม่ได้เหรอ”
“สัตว์หายากอย่างนั้นพวกเขาจะขายเหรอ”

สำหรับคนที่ไม่ได้คาดหวังอะไรกับสวนสัตว์ของซูจิ้งและคิดเพียงว่าซูจิ้งแค่จะนำสัตว์เลี้ยงของเขาไปจัดแสดงเท่านั้น แต่ในทันทีที่พวกเขาได้เห็นสวนสัตว์จงหยุนที่ปรับปรุงโดยซูจิ้งแล้วก็ทำได้แต่นิ่งแข็งค้างตกตะลึงไปในทันที บางคนถึงกับตั้งคำถามต่อได้เลยว่าแล้วต่อไปจะมีอะไรโผล่มาอีก

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด